แม่ครัวยอดเซียนตอนที่287 ของดี

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter ตอนที่287 ของดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“น้องหญิง ไม่สบายตรงไหน?” หนานกงเวิ่นเทียนมองหลิวหลีอย่างเครียดๆ ไม่สบายตรงไหนหรือไม่

“ไม่เป็นไร ก็ที่บอกว่าไม่มีพลังต่อสู้แล้วนั้นเป็นเรื่องจริง ท่านพี่ เพลิงเซียนคลั่งหายไปแล้ว จะต้องมีคนมาที่นี่แน่นอน ข้าไม่มีแรงเหลือแล้วไม่สู้หลบซ่อนตัวดีกว่า” เจตนาของหลิวหลีคือไม่อยากให้สามีที่รักของตนต้องลงมือ

“น้องหญิง ข้าต้องขอบคุณเจ้าใช่ไหม” หนานกงเวิ่นเทียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ฮูหยินของเขาเป็นห่วงเป็นใยเขาจริงๆ

“นายท่าน ข้าให้ผู้ชายของท่านหยิบของดีมาด้วย มันมีประโยชน์สำหรับเขา” เสียงของเพลิงเซียนลมสลาตันดังลอยมา

“จริงสิ เจ้าให้สามีข้าหยิบอะไรออกมา?” หลิวหลีเพิ่งจะนึกออก ดูเหมือนเพลิงเซียนลมสลาตันจะให้สามีของนางหยิบของบางอย่างออกมา

“ของดี นายท่าน แม้ว่าเพลิงเซียนคลั่งนี้จะคลุ้มคลั่งอย่างมาก แต่ใจกลางมันกลับฟูมฟักของดีอยู่ ถึงจะไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร แต่มีพลังวารีที่บริสุทธิ์อย่างมาก ถึงจะขัดกับเพลิงเซียนคลั่งนั่นแต่กลับเข้ากันได้เป็นอย่างดี” เพลิงเซียนลมสลาตันเอ่ยอย่างพอใจ นั่นย่อมเป็นสิ่งของที่เตรียมไว้ให้นายท่านมอบให้สามีนาง

หนานกงเวิ่นเทียนถึงได้หยิบของออกมา น้ำสีขาวขุ่น พลังวารีด้านในบริสุทธิ์มากจนเขาตกใจ แทบไม่ด้อยไปกว่าเพลิงเซียนลมสลาตัน เป็นของดีจริงๆด้วย โชคดีที่เพลิงเซียนลมสลาตันประสาทว่องไว

“ของสิ่งนี้เหมาะกับท่านพี่มาก” หลิวหลีประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน เข้ากับคุณสมบัติร่างกายสามีนางมากทีเดียว

“เหมาะกับข้ามากจริงๆ” หนานกงเวิ่นเทียนพยักหน้า

“เช่นนั้นท่านพี่ก็ดูดซับมันให้หมด ข้าต้องจัดการกับผลข้างเคียงจากเพลิงเซียนลมสลาตันพอดี” หลิวหลีบอก จะได้เข้าฌานด้วยกันพอดี

“ได้” หนานกงเวิ่นเทียนก็ไม่ดื้อดึงอะไร

“สามีภรรยาคู่นี้ไม่ยอมทิ้งห่างกันแม้แต่น้อยเลยจริงๆ” จักรพรรดิมารมองเขตต้องห้ามที่จู่ๆก็เงียบสงบ ก็ไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไหร่นัก มากไปกว่านั้นคือรู้สึกเสียดายที่สมบัติล้ำค่าโดนคนแย่งชิงไป เฮ้อ

“จักรพรรดิมาร จะให้พวกข้าไปล้อมจับไหมพะยะค่ะ?”

“ช่างเถอะ พวกเจ้าทั้งหมดร่วมมือกันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาสองคน อย่าประเมินพลังตนเองสูงนักเลย คาดว่าพวกเขาคงไม่รู้เลยว่าในเพลิงเซียนคลั่งจะมีของดีอย่างนั้นอยู่ เสียดายพลังวารี” จักรพรรดิมารเสียดายเล็กน้อย แต่เขามั่นใจได้ว่าพวกหลิวหลีไม่ได้รู้เลยว่าภายในเพลิงเซียนคลั่งที่รุนแรงนั้นมีสิ่งใดอยู่ คาดว่าหลังจากพิชิตเพลิงเซียนได้แล้ว คงจะหยิบของติดไม้ติดมือไปด้วยเพราะความสงสัย ภายในระยะเวลาสั้นๆนี้พวกเขาสองคนคงจะไม่ปรากฏตัว อย่างไรเสียก็ต้องดูดซึมและย่อยพลัง

“จักรพรรดิมาร พวกเขาสองคนไม่อวดดีเกินไปหน่อยหรือ” ข้ารับใช้ของจักรพรรดิมารไม่ยินยอม เขาก็บรรลุขั้นมารเซียนนภานพเก้าเหมือนกัน เหตุใดจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้

“ฮ่าๆ ไม่ใช่ว่าข้าดูถูกเจ้า เจ้าบำเพ็ญเพียรมาตั้งกี่หมื่นปี แต่พวกเขาสองคนใช้เวลาไม่ถึงหมื่นปีก็กลายเป็นจักรพรรดิเซียนแล้ว ไม่แน่ว่ายามหลุดพ้นก็อายุยังไม่ถึงหมื่นปีด้วยซ้ำไป อย่ามองแต่อายุที่เยาว์วัยของพวกเขา แต่ยามต่อสูประมือก็เด็ดขาดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจักรพรรดิเซียนหลิวหลี ยามเป็นก็สามารถสังหารมารเซียนนภานพเก้าอย่างเจ้าเป็นร้อยคนก็ได้สบายๆ” จักรพรรดิมารนึกถึงหญิงสาวที่โดดเด่นผู้นั้น เฮ้อ เสียดายที่นางมีคนในดวงใจ มิเช่นนั้นเขาก็อยากจะลองสู้ดูสักตั้ง

เซียนนภานพเก้า

มารเซียนนภานพเก้าผู้นั้นดูเหมือนจะยังไม่เชื่อนัก แต่ไม่ได้มีท่าทีจะต่อปากต่อคำแต่อย่างใด

“พอแล้ว ไม่มีอะไรหรอก แยกย้ายเถอะ” จักรพรรดิมารโบกมือ แล้วกลับวังมาร

“จักรพรรดินภาเพลิง ท่านช่วยชดเชยความเสียหายในโลกมารของข้า เขตต้องห้ามของข้าถูกผู้อาวุโสสูงสุดหลิวหลีของวังนภาเพลิงพิชิตไปแล้ว” เมื่อกลับไปแล้ว จักรพรรดิมารก็ใช้กระจกวารีกรรโชกทรัพย์จากจักรพรรดินภาเพลิง

“ช่างเถอะ เจ้าพูดเองว่าเป็นเขตต้องห้าม เจ้ายังเข้าไปไม่ได้ การที่นังหนูหลิวหลีได้มาครอบครอง ก็ถือเป็นโชคชะตาของนาง” จักรพรรดินภาเพลิงไม่ใส่ใจ แต่ทว่าทำไมนังหนูถึงโร่ไปที่โลกมารได้อีก ไม่ใช่ว่า นางจะไปดินแดนอสูรเทพหรอกหรือ ช่างขยันจริงๆ นอกจากการคัดเลือกขุนนางเซียนในตำหนักตนเองแล้ว งานอื่นๆทั้งหมดก็ยกให้ขุนนางเซียนจัดการ สะบัดตูดหนีไปอย่างสบายใจ เขาที่มองเห็นก็คันไม้คันมืออยากจะทำเช่นนี้บ้าง

“ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นพื้นที่ของโลกมารของข้า นางกินเนื้อไปแล้วก็น่าจะเหลือน้ำซุปให้ผู้บำเพ็ญมารในโลกมารบ้าง” จักรพรรดิมารเบะปาก คิดไม่ถึงว่าจะไม่หลงเหลืออะไร หมดคำพูดจริงๆ

“เรื่องนี้น่ะ หากข้าเจอนางก็จะตำหนินางให้ แต่นังหนูไม่ได้กลับมาดินแดนนภาเพลิงเลย” จักรพรรดินภาเพลิงออกตัวว่าถ้านางกลับมาก็จะคุยให้ แต่ถ้าไม่กลับมา ข้าก็ทำอะไรไม่ได้

“ช่างเถอะ แค่มาบอกท่านไว้ จักรพรรดินภาเพลิง ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?” อยู่ๆจักรพรรดิมารก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตึงเครียด

“ดูแล้วเจ้าคงจะสัมผัสได้ เหมือนว่าจะมีหายนะเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าหายนะนี้มาจากไหน” จักรพรรดินภาเพลิงหุบยิ้มแล้วพูด

“ใช่ รออีกสักพักแล้วพวกเรามารวมตัวกัน รวมพลังของเหล่าจักพรรดิแล้วให้เซียนหยั่งรู้ดวงชะตาคำนวณดูเสียหน่อย” จักรพรรดิมารพูด ถึงแม้เขาจะเป็นมาร แต่ก็ไม่ได้เป็นคนชั่วร้ายอะไร เพียงแต่หายนะนี้จะเกิดที่ไหนเท่านั้น

“ดีเหมือนกัน” ให้เซียนหยั่งรู้ดวงชะตาคำนวณเสียหน่อยก็ได้ พวกเขาสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิย่อมมีปฏิกิริยาตอบสนองมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหลังจากที่เผ่ามารรัตติกาลโดนล้างบางแล้วก็ยิ่งมีประสาทสัมผัสที่ว่องไวขึ้น ไม่เคยเคลื่อนไหวมานานแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีปฏิกริยาตอบสนอง เฮ้อ หายนะสร้างวีรบุรุษ

หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนย่อมไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้ ทั้งสองต่างคนต่างฝึกบำเพ็ญเพียร เพียงแต่คนนึงอยู่ชั้นบน อีกคนอยู่ในห้องปรุงยา เพราะหลิวหลีเปลี่ยนห้องฝึกให้กลายเป็นห้องอาบน้ำ

หลิวหลีเอากลิ่นอายคลั่งในเพลิงเซียนลมสลาตันที่ยังจัดการไม่เสร็จออกมาแล้วจัดการให้เรียบร้อย เกิดหวาดกลัวหากตนเองถูกควบคุมจนสติแตกแล้วจะกลายเป็นมาร นางมองเว้นสมปราณทั้งเจ็ดในร่าง ยังเหลืออีกสองสีที่ยังไม่ส่องสว่าง เฮ้อ หนทางยังอีกยาวไกล ไม่รู้ว่าเส้นลมปราณที่เหลือนี้จะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ โชคดีที่มีเพลิงเซียนหยินหยาง ที่ช่วยปรับสมดุลของพลังในร่างนาง ไม่เช่นนั้นคงวุ่นวายมากทีเดียว

“นายท่าน เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะกลายเป็นกำลังหนุนให้ท่าน” เพลิงเซียนลมสลาตันที่เงียบอยู่นาน กลายเป็นพวกปากมากไปแล้วจริงๆ

“เช่นนั้นคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว” หลิวหลีก็ไม่เกรงใจเช่นกัน เดิมทีก็ถือเป็นเพลิงเซียนที่บ้าคลั่งรุนแรง ครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงความเร็วแต่ยังมีพลังด้วย เป็นอาวุธสังหารอย่างแท้จริง ส่วนอาวุธต่อสู้หรืออาวุธเซียนอะไร นางรู้สึกว่าไม่ได้มีความจำเป็นอะไร มีเพลิงเซียนอยู่ในมือ นางจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น

“นายท่าน ข้าพบว่าพอเจ้าขึ้นมาบนโลกเซียนแล้ว เจ้าก็มีมารยาทขึ้น” เพลิงเซียนลมสลาตันรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อยจึงพูดออกมา นังหนูที่เหลวไหลเกเรในตอนนั้นหายไปไหนแล้ว

“เจ้าเรื่องมากจริงๆ แถมยังไม่รู้จักต่ำสูงอีก จะคุยกันให้สนุกหน่อยไม่ได้หรือ” หลิวหลีกลอกตา คิดอยู่แล้วเชียวว่าคุยกับเจ้าเพลิงเน่านี่ได้ไม่เท่าไหร่ก็คงจะจบลง

หนานกงเวิ่นเทียนไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองดูดซึมมาคืออะไร แต่ก็รู้สึกได้ถึงพลังที่น่ากลัวซึ่งแฝงอยู่ในของสิ่งนี้ อีกทั้งยังสามารถชะล้างพลังได้อีก หนานกงเวิ่นเทียนดีใจอย่างยิ่ง ดีมากจริงๆ เคล็ดวิชาที่ตนใช้ฝึกฝนร่างกายไม่ทรงพลังมากนัก ของสิ่งนี้สามารถเสริมในส่วนที่ขาดไปของตนเอง ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดทั้งร่าง แต่หนานกงเวิ่นเทียนก็ยังกัดฟันค่อยๆดูดซึมทีละน้อย เขาหวังว่าตนเองจะแข็งแกร่งขึ้น และยังมีความลับเล็กๆของตนเองด้วย

พวกเขาสองคนฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไปหลายร้อยปี หนานกงเวิ่นเทียนลอกคราบไปหลายสิบครั้ง จนในที่สุดก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือของคุณสมบัติร่างกายตนเอง แม้ว่าจะขาวนวลเนียน แต่ก็เต็มไปด้วยพลัง หลิวหลีเองก็เป็นเช่นกัน ร่างกายได้รับการชะล้าง ร่างกายก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเอง หนานกงเวิ่นเทียนพึงพอใจอย่างมาก สังเกตพบว่าหลิวหลีเพิ่งออกจากฌานพอดี จึงลากหลิวหลีมาฝึกบำเพ็ญเพียรคู่ อืม คราวนี้คงจะสามารถล้มน้องหญิงได้แล้วกระมัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียนตอนที่287 ของดี

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter ตอนที่287 ของดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“น้องหญิง ไม่สบายตรงไหน?” หนานกงเวิ่นเทียนมองหลิวหลีอย่างเครียดๆ ไม่สบายตรงไหนหรือไม่

“ไม่เป็นไร ก็ที่บอกว่าไม่มีพลังต่อสู้แล้วนั้นเป็นเรื่องจริง ท่านพี่ เพลิงเซียนคลั่งหายไปแล้ว จะต้องมีคนมาที่นี่แน่นอน ข้าไม่มีแรงเหลือแล้วไม่สู้หลบซ่อนตัวดีกว่า” เจตนาของหลิวหลีคือไม่อยากให้สามีที่รักของตนต้องลงมือ

“น้องหญิง ข้าต้องขอบคุณเจ้าใช่ไหม” หนานกงเวิ่นเทียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ฮูหยินของเขาเป็นห่วงเป็นใยเขาจริงๆ

“นายท่าน ข้าให้ผู้ชายของท่านหยิบของดีมาด้วย มันมีประโยชน์สำหรับเขา” เสียงของเพลิงเซียนลมสลาตันดังลอยมา

“จริงสิ เจ้าให้สามีข้าหยิบอะไรออกมา?” หลิวหลีเพิ่งจะนึกออก ดูเหมือนเพลิงเซียนลมสลาตันจะให้สามีของนางหยิบของบางอย่างออกมา

“ของดี นายท่าน แม้ว่าเพลิงเซียนคลั่งนี้จะคลุ้มคลั่งอย่างมาก แต่ใจกลางมันกลับฟูมฟักของดีอยู่ ถึงจะไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร แต่มีพลังวารีที่บริสุทธิ์อย่างมาก ถึงจะขัดกับเพลิงเซียนคลั่งนั่นแต่กลับเข้ากันได้เป็นอย่างดี” เพลิงเซียนลมสลาตันเอ่ยอย่างพอใจ นั่นย่อมเป็นสิ่งของที่เตรียมไว้ให้นายท่านมอบให้สามีนาง

หนานกงเวิ่นเทียนถึงได้หยิบของออกมา น้ำสีขาวขุ่น พลังวารีด้านในบริสุทธิ์มากจนเขาตกใจ แทบไม่ด้อยไปกว่าเพลิงเซียนลมสลาตัน เป็นของดีจริงๆด้วย โชคดีที่เพลิงเซียนลมสลาตันประสาทว่องไว

“ของสิ่งนี้เหมาะกับท่านพี่มาก” หลิวหลีประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน เข้ากับคุณสมบัติร่างกายสามีนางมากทีเดียว

“เหมาะกับข้ามากจริงๆ” หนานกงเวิ่นเทียนพยักหน้า

“เช่นนั้นท่านพี่ก็ดูดซับมันให้หมด ข้าต้องจัดการกับผลข้างเคียงจากเพลิงเซียนลมสลาตันพอดี” หลิวหลีบอก จะได้เข้าฌานด้วยกันพอดี

“ได้” หนานกงเวิ่นเทียนก็ไม่ดื้อดึงอะไร

“สามีภรรยาคู่นี้ไม่ยอมทิ้งห่างกันแม้แต่น้อยเลยจริงๆ” จักรพรรดิมารมองเขตต้องห้ามที่จู่ๆก็เงียบสงบ ก็ไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไหร่นัก มากไปกว่านั้นคือรู้สึกเสียดายที่สมบัติล้ำค่าโดนคนแย่งชิงไป เฮ้อ

“จักรพรรดิมาร จะให้พวกข้าไปล้อมจับไหมพะยะค่ะ?”

“ช่างเถอะ พวกเจ้าทั้งหมดร่วมมือกันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาสองคน อย่าประเมินพลังตนเองสูงนักเลย คาดว่าพวกเขาคงไม่รู้เลยว่าในเพลิงเซียนคลั่งจะมีของดีอย่างนั้นอยู่ เสียดายพลังวารี” จักรพรรดิมารเสียดายเล็กน้อย แต่เขามั่นใจได้ว่าพวกหลิวหลีไม่ได้รู้เลยว่าภายในเพลิงเซียนคลั่งที่รุนแรงนั้นมีสิ่งใดอยู่ คาดว่าหลังจากพิชิตเพลิงเซียนได้แล้ว คงจะหยิบของติดไม้ติดมือไปด้วยเพราะความสงสัย ภายในระยะเวลาสั้นๆนี้พวกเขาสองคนคงจะไม่ปรากฏตัว อย่างไรเสียก็ต้องดูดซึมและย่อยพลัง

“จักรพรรดิมาร พวกเขาสองคนไม่อวดดีเกินไปหน่อยหรือ” ข้ารับใช้ของจักรพรรดิมารไม่ยินยอม เขาก็บรรลุขั้นมารเซียนนภานพเก้าเหมือนกัน เหตุใดจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้

“ฮ่าๆ ไม่ใช่ว่าข้าดูถูกเจ้า เจ้าบำเพ็ญเพียรมาตั้งกี่หมื่นปี แต่พวกเขาสองคนใช้เวลาไม่ถึงหมื่นปีก็กลายเป็นจักรพรรดิเซียนแล้ว ไม่แน่ว่ายามหลุดพ้นก็อายุยังไม่ถึงหมื่นปีด้วยซ้ำไป อย่ามองแต่อายุที่เยาว์วัยของพวกเขา แต่ยามต่อสูประมือก็เด็ดขาดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจักรพรรดิเซียนหลิวหลี ยามเป็นก็สามารถสังหารมารเซียนนภานพเก้าอย่างเจ้าเป็นร้อยคนก็ได้สบายๆ” จักรพรรดิมารนึกถึงหญิงสาวที่โดดเด่นผู้นั้น เฮ้อ เสียดายที่นางมีคนในดวงใจ มิเช่นนั้นเขาก็อยากจะลองสู้ดูสักตั้ง

เซียนนภานพเก้า

มารเซียนนภานพเก้าผู้นั้นดูเหมือนจะยังไม่เชื่อนัก แต่ไม่ได้มีท่าทีจะต่อปากต่อคำแต่อย่างใด

“พอแล้ว ไม่มีอะไรหรอก แยกย้ายเถอะ” จักรพรรดิมารโบกมือ แล้วกลับวังมาร

“จักรพรรดินภาเพลิง ท่านช่วยชดเชยความเสียหายในโลกมารของข้า เขตต้องห้ามของข้าถูกผู้อาวุโสสูงสุดหลิวหลีของวังนภาเพลิงพิชิตไปแล้ว” เมื่อกลับไปแล้ว จักรพรรดิมารก็ใช้กระจกวารีกรรโชกทรัพย์จากจักรพรรดินภาเพลิง

“ช่างเถอะ เจ้าพูดเองว่าเป็นเขตต้องห้าม เจ้ายังเข้าไปไม่ได้ การที่นังหนูหลิวหลีได้มาครอบครอง ก็ถือเป็นโชคชะตาของนาง” จักรพรรดินภาเพลิงไม่ใส่ใจ แต่ทว่าทำไมนังหนูถึงโร่ไปที่โลกมารได้อีก ไม่ใช่ว่า นางจะไปดินแดนอสูรเทพหรอกหรือ ช่างขยันจริงๆ นอกจากการคัดเลือกขุนนางเซียนในตำหนักตนเองแล้ว งานอื่นๆทั้งหมดก็ยกให้ขุนนางเซียนจัดการ สะบัดตูดหนีไปอย่างสบายใจ เขาที่มองเห็นก็คันไม้คันมืออยากจะทำเช่นนี้บ้าง

“ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นพื้นที่ของโลกมารของข้า นางกินเนื้อไปแล้วก็น่าจะเหลือน้ำซุปให้ผู้บำเพ็ญมารในโลกมารบ้าง” จักรพรรดิมารเบะปาก คิดไม่ถึงว่าจะไม่หลงเหลืออะไร หมดคำพูดจริงๆ

“เรื่องนี้น่ะ หากข้าเจอนางก็จะตำหนินางให้ แต่นังหนูไม่ได้กลับมาดินแดนนภาเพลิงเลย” จักรพรรดินภาเพลิงออกตัวว่าถ้านางกลับมาก็จะคุยให้ แต่ถ้าไม่กลับมา ข้าก็ทำอะไรไม่ได้

“ช่างเถอะ แค่มาบอกท่านไว้ จักรพรรดินภาเพลิง ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?” อยู่ๆจักรพรรดิมารก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตึงเครียด

“ดูแล้วเจ้าคงจะสัมผัสได้ เหมือนว่าจะมีหายนะเกิดขึ้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าหายนะนี้มาจากไหน” จักรพรรดินภาเพลิงหุบยิ้มแล้วพูด

“ใช่ รออีกสักพักแล้วพวกเรามารวมตัวกัน รวมพลังของเหล่าจักพรรดิแล้วให้เซียนหยั่งรู้ดวงชะตาคำนวณดูเสียหน่อย” จักรพรรดิมารพูด ถึงแม้เขาจะเป็นมาร แต่ก็ไม่ได้เป็นคนชั่วร้ายอะไร เพียงแต่หายนะนี้จะเกิดที่ไหนเท่านั้น

“ดีเหมือนกัน” ให้เซียนหยั่งรู้ดวงชะตาคำนวณเสียหน่อยก็ได้ พวกเขาสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิย่อมมีปฏิกิริยาตอบสนองมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหลังจากที่เผ่ามารรัตติกาลโดนล้างบางแล้วก็ยิ่งมีประสาทสัมผัสที่ว่องไวขึ้น ไม่เคยเคลื่อนไหวมานานแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีปฏิกริยาตอบสนอง เฮ้อ หายนะสร้างวีรบุรุษ

หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนย่อมไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้ ทั้งสองต่างคนต่างฝึกบำเพ็ญเพียร เพียงแต่คนนึงอยู่ชั้นบน อีกคนอยู่ในห้องปรุงยา เพราะหลิวหลีเปลี่ยนห้องฝึกให้กลายเป็นห้องอาบน้ำ

หลิวหลีเอากลิ่นอายคลั่งในเพลิงเซียนลมสลาตันที่ยังจัดการไม่เสร็จออกมาแล้วจัดการให้เรียบร้อย เกิดหวาดกลัวหากตนเองถูกควบคุมจนสติแตกแล้วจะกลายเป็นมาร นางมองเว้นสมปราณทั้งเจ็ดในร่าง ยังเหลืออีกสองสีที่ยังไม่ส่องสว่าง เฮ้อ หนทางยังอีกยาวไกล ไม่รู้ว่าเส้นลมปราณที่เหลือนี้จะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ โชคดีที่มีเพลิงเซียนหยินหยาง ที่ช่วยปรับสมดุลของพลังในร่างนาง ไม่เช่นนั้นคงวุ่นวายมากทีเดียว

“นายท่าน เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะกลายเป็นกำลังหนุนให้ท่าน” เพลิงเซียนลมสลาตันที่เงียบอยู่นาน กลายเป็นพวกปากมากไปแล้วจริงๆ

“เช่นนั้นคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว” หลิวหลีก็ไม่เกรงใจเช่นกัน เดิมทีก็ถือเป็นเพลิงเซียนที่บ้าคลั่งรุนแรง ครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงความเร็วแต่ยังมีพลังด้วย เป็นอาวุธสังหารอย่างแท้จริง ส่วนอาวุธต่อสู้หรืออาวุธเซียนอะไร นางรู้สึกว่าไม่ได้มีความจำเป็นอะไร มีเพลิงเซียนอยู่ในมือ นางจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น

“นายท่าน ข้าพบว่าพอเจ้าขึ้นมาบนโลกเซียนแล้ว เจ้าก็มีมารยาทขึ้น” เพลิงเซียนลมสลาตันรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อยจึงพูดออกมา นังหนูที่เหลวไหลเกเรในตอนนั้นหายไปไหนแล้ว

“เจ้าเรื่องมากจริงๆ แถมยังไม่รู้จักต่ำสูงอีก จะคุยกันให้สนุกหน่อยไม่ได้หรือ” หลิวหลีกลอกตา คิดอยู่แล้วเชียวว่าคุยกับเจ้าเพลิงเน่านี่ได้ไม่เท่าไหร่ก็คงจะจบลง

หนานกงเวิ่นเทียนไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองดูดซึมมาคืออะไร แต่ก็รู้สึกได้ถึงพลังที่น่ากลัวซึ่งแฝงอยู่ในของสิ่งนี้ อีกทั้งยังสามารถชะล้างพลังได้อีก หนานกงเวิ่นเทียนดีใจอย่างยิ่ง ดีมากจริงๆ เคล็ดวิชาที่ตนใช้ฝึกฝนร่างกายไม่ทรงพลังมากนัก ของสิ่งนี้สามารถเสริมในส่วนที่ขาดไปของตนเอง ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดทั้งร่าง แต่หนานกงเวิ่นเทียนก็ยังกัดฟันค่อยๆดูดซึมทีละน้อย เขาหวังว่าตนเองจะแข็งแกร่งขึ้น และยังมีความลับเล็กๆของตนเองด้วย

พวกเขาสองคนฝึกฝนบำเพ็ญเพียรอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไปหลายร้อยปี หนานกงเวิ่นเทียนลอกคราบไปหลายสิบครั้ง จนในที่สุดก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือของคุณสมบัติร่างกายตนเอง แม้ว่าจะขาวนวลเนียน แต่ก็เต็มไปด้วยพลัง หลิวหลีเองก็เป็นเช่นกัน ร่างกายได้รับการชะล้าง ร่างกายก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตนเอง หนานกงเวิ่นเทียนพึงพอใจอย่างมาก สังเกตพบว่าหลิวหลีเพิ่งออกจากฌานพอดี จึงลากหลิวหลีมาฝึกบำเพ็ญเพียรคู่ อืม คราวนี้คงจะสามารถล้มน้องหญิงได้แล้วกระมัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+