แม่ครัวยอดเซียน 322 ยังไม่ถึงเวลา

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 322 ยังไม่ถึงเวลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ทุกท่านอย่าเพิ่งตื่นเต้น ฟังข้าพูดก่อน” เสียงเทพหยั่งรู้ดวงชะตาดังลอยเข้ามา

“เทพหยั่งรู้ดวงชะตามีอะไรหรือ? เผ่ามารรัตติกาลในดินแดนอื่นๆถูกกวาดล้างไปจนหมด ทำไมยังไม่ถึงเวลาที่จะบุกโจมตีอีก” จักรพรรดินภาสุวรรณพูดด้วยความตื่นเต้นน้อยๆ ทั้งๆที่ถึงเวลาที่จะบุกโจมตี แต่ทำไมจักรพรรดิเทพเซียนจึงบอกว่ายังไม่ถึงเวลา

“ฟังข้าพูดให้จบก่อน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดในการจัดการกับเยี่ยชิงขวง คำพยากรณ์ที่ข้าทำนายได้ในตอนนั้นต้องไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ว่ายังขาดของอยู่บางอย่าง” เทพหยั่งรู้ดวงชะตากล่าว

“เทพหยั่งรู้ดวงชะตาช่วยบอกให้ชัดเจนหน่อยได้หรือไม่ว่ายังขาดอะไร? พวกข้าจะได้ไปเตรียมให้พร้อม” จักรพรรดินีนภาธารากล่าว

“ใช่แล้ว เทพหยั่งรู้ดวงชะตาบอกมาตรงๆเลยได้หรือไม่” จักรพรรดินภาเพลิงทรงกล่าวต่อ

“ข้าจะไม่อ้อมค้อมแล้ว อยู่ที่ตัวหลิวหลี หากต้องการจะทำลายเผามารรัตติกาลให้สิ้นซาก มีแต่เพลิงเซียนของนางเท่านั้นที่ทำได้”เทพหยั่งรู้ดวงชะตากล่าว

“หลิวหลี ? หลิวหลีมีเพลิงเซียนไม่ใช่หรือ?” จักรพรรดินภาสุวรรณกล่าว หากเขาจำไม่ผิด หลิวหลีมีเพลิงเซียนหลายชนิด ดังนั้นที่บอกว่าเพลิงเซียนของหลิวหลีหมายถึงอะไร

“ใช่แล้ว หากข้าจำไม่ผิด จักรพรรดิเทพเซียนหลิวหลีมีเพลิงเซียนอย่างน้อย 6 ชนิด” จักรพรรดินภาพสุธาพูดต่อ ทุกคนต่างรู้จักเคล็ดวิชาที่พิเศษของหลิวหลีเป็นอย่างดี และต่างก็นับถือในความอดทนต่อความยากลำบากของหลิวหลี เคยมีผู้บำเพ็ญแกนวิญญาณอัคคีลองฝึกฝน ฝึกไปได้แค่ 1 ใน 3 ก็ทนไม่ได้แล้ว ในเมื่อหลิวหลีมีเพลิงเซียนที่มากอิทธิฤทธิ์ขนาดนั้น ที่บอกว่าเพลิงเซียนของหลิวหลีหมายถึงอะไรกันแน่

“หลิวหลี เจ้ารู้หรือไม่ว่าหมายถึงอะไร?” จักรพรรดินีนภาพฤกษากล่าว

“เอ่อ ที่จริงแล้ว ข้ายังขาดเพลิงเซียนอีกชนิดหนึ่ง เส้นชีพจรธาตุไฟของข้ายังไม่ถูกเปิด” หลิวหลีไม่รู้จะพูดอะไร จนถึงตอนนี้นางยังไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เกี่ยวกับเพลิงเซียนที่ได้ชื่อว่าเป็นอันดับ 1 ของโลกเซียนเลยแม้แต่น้อย จักรพรรดินภาสุวรรณคงจะโกรธนางมาก แต่นางก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดเข้าใจไหม

“ยังขาดเพลิงเซียนอีกชนิดนึงหรือ?” จักรพรรดิมารทวน นี่มันปีศาจชัดๆ เดิมก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ความพิเศษของเคล็ดวิชาทำให้ร่างกายของนางมีเพลิงเซียนหลายชนิด อีกทั้งยังมีธาตุที่แตกต่างกัน โจมตี ป้องกัน รักษา ปรุงยาต่างก็ใช้ได้หมด แต่ก็ยังขาดอีกหนึ่งชนิด นี่ก็อยู่ในขั้นจักรพรรดิเทพเซียนแล้ว หากว่าฝึกฝนเคล็ดวิชาได้สำเร็จ จะไม่บรรลุไปเลยหรือ

“ใช่ ข้าเดาว่าสิ่งที่เทพหยั่งรู้ดวงชะตาพูดถึง ก็คือเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายที่ข้าต้องการใช่หรือไม่” ประโยคนี้หลิวหลีพูดกับเทพหยั่งรู้ดวงชะตา

“ใช่แล้ว สิ่งที่จำเป็นก็คือเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายที่ต้องลรรลุขั้นของหลิวหลี ไม่เช่นนั้นเผ่ามารรัตติกาลก็จะเหมือนพวกวัชพืช ที่ฆ่าไม่หมด ผุดขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ หากต้องการกำจัดเผ่ามารรัตติกาลให้สิ้นซาก ต้องรอหลิวหลีหาและพิชิตเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายให้ได้” เทพหยั่งรู้ดวงชะตายืนยัน

“เพลิงเซียนนั้นไร้ร่องรอย ทำได้แค่เพียงรออย่างเดียวหรือ?” จักรพรรดินภาสุวรรณจนปัญญา เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ ขาดแค่เพียงเวลาเท่านั้น

“ใช่แล้ว เพลิงเซียนชนิดสุดท้ายของหลิวหลีขึ้นอยู่กับชะตาและโอกาส ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าลองคำนวณดูแล้ว หลิวหลีจะต้องหาเพลิงเซียนเจอภายใน 100 ปีแน่ เพราะฉะนั้นจักรพรรดินภาสุวรรณ เจ้าอดทดสักอีก 100 ปี” เทพหยั่งรู้ดวงชะตากล่าว

“ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะอดทนฟังคำพูดไร้สาระของเยี่ยชิงขวงไปอีก 100 ปี เพราะอย่างไรเขาก็ไม่รู้ว่าเผ่ามารรัตติกาลในดินแดนอื่นๆถูกกำจัดไปหมดแล้ว” จักรพรรดินภาสุวรรณทำได้เพียงกัดฟันทนเท่านั้น

“เรื่องนั้น รู้สึกว่าจักรพรรดิท่านอื่นจะอยู่เฉยๆไม่ได้ หากไม่มีอะไรก็สร้างเรื่องวุ่นวายปลอมๆขึ้น ข้ารู้แผนการของเยี่ยชิงขวงโดยผ่านเลือดบริสุทธิ์ของเขาดังนั้นจะเล่นละครก็จะต้องเล่นให้สมจริงสักหน่อย” หลิวหลีพูดแทรก

“ใช่แล้ว ช่วงร้อยปีนี้พวกเราจะอยู่เฉยไม่ได้ การสร้างความสับสนให้ศัตรูก็ถือเป็นภารกิจสำคัญ แล้วส่งคนออกไปสืบหาเบาะแสของเพลิงเซียน” จักรพรรดินภาพสุธากล่าว

“แล้วก็สร้างสถานการณ์คับขัน จักรพรรดิเทพเซียนที่ซ่อนอยู่ สามารถปล่อยข่าวออกมาแล้วรอดูปฏิกิริยาของเยี่ยชิงขวง อย่างไรเสียมีความกดดันก็จะยิ่งมีแรงผลักดัน การทะลุขีดจำกัดของตนเองในยามขับขันถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล” เทพหยั่งรู้ดวงชะตากล่าว

“ก็ดี เอาเป็นบรรพชนเอ๋าเฟิงแห่งดินแดนอสูรเทพกับจักรพรรดินภาพสุธาก็แล้วกัน พวกเขามีคุณสมบัติร่างกายที่แก่ที่สุด เก็บสะสมมายาวนานที่สุด การบรรลุขั้นจักรพรรดิเทพเซียนก็ไม่มีอะไรแปลก” หลิวหลีกล่าว ทำเรื่องปลอมให้เป็นจริง ทำเรื่องจริงให้ปลอม ตำราพิชัยสงครามได้กล่าวไว้

“ใช่แล้ว หลิวหลีพูดถูกมากทีเดียว เรื่องเท็จทำให้เป็นจริง เรื่องจริงทำให้เป็นเรื่องเท็จ” จักรพรรดินภาเพลิงเห็นด้วยในทันที สิทธิ์ในการควบคุมจะต้องอยู่ในมือพวกเขา สุดท้ายก็จะเหมือนจับเต่าในไห จัดการให้สิ้นซาก

หลังจากได้ข้อสรุป ผ่านไปเพียงครู่เดียว ดินแดนนภาพสุธาก็กระจายข่าวไปทั่ว จักรพรรดินภาพสุธาเริ่มติดขัด นางกำลังจะบรรลุขั้นจักรพรรดิเทพเซียนในอีกไม่กี่วัน ส่วนดินแดนอสูรเทพก็มีข่าวแพร่ออกมาด้วยเช่นกัน บรรพชนเอ๋าเฟิงมีการสั่งสมพลังมาอย่างยาวนาน รู้สึกโมโหกับการกระทำของเผ่ามารรัตติกาล ในระหว่างที่โมโหอยู่นั้นก็สัมผัสได้ถึงขอบของขั้นจักรพรรดิเทพเซียน

“คิดไม่ถึงว่าจะมีคนสัมผัสได้พลังบำเพ็ญเพียรในขั้นจักรพรรดิเทพเซียนถึง 2 คน พูดเช่นนี้แล้ว ควรจะขอบคุณแรงกดดันจากเผ่ามารรัตติกาล” เยี่ยชิงขวงฟังรายงานจากบ่าวรับใช้ ก็รู้สึกสนุกขึ้นมา นานแล้วที่ไม่ได้มีจักรพรรดิเทพเซียน พอมีก็มีทีเดียวถึง 2 คน แรงกดดันทำให้มีแรงผลักดันจริงๆด้วย เช่นนี้คงไม่ดีนัก

“นายท่านมากความสามารถ สร้างแรงกดดันให้กับพวกเซียนที่นึกว่าตัวเองสูงส่งพวกนั้น ถึงแม้จะมีจักรพรรดิเทพเซียนเกิดขึ้นคนสองคน แต่เผ่ามารรัตติกาลของข้าก็ไม่กลัว” ขุนนางเซียนกล่าว

“ไม่กลัวอยู่แล้ว ตอนนี้ดินแดนต่างๆ ถูกกลยุทธ์สงครามของเราทำให้ปลีกตัวได้ลำบาก ดินแดนนภาสุวรรณก็เหมือนลูกไก่ในกำมือของเผ่ามารรัตติกาลของเรา” ขุนนางเซียนอีกคนหนึ่งกล่าวขึ้น

“ข้าไม่เข้าใจ ทั้งที่นายท่านบุกโจมตีได้ในทันที แต่ทำไมยังต้องพูดเจรจากับจักรพรรดินภาสุวรรณครั้งแล้วครั้งเล่า?”

“พลังบำเพ็ญเพียรของจักรพรรดินภาสุวรรณแค่อยู่ในขั้นราชาเทพเซียน น่ากลัวตรงไหน?”

“พวกเจ้าไม่เข้าใจ การที่จักรพรรดิขึ้นครองบัลลังก์จะมีของอยู่สิ่งหนึ่ง ของสิ่งนั้นมีพลังอำนาจมาก เป็นสิ่งที่ทำให้จักรพรรดิในดินแดนต่างๆไม่สามารถถูกโค่นล้มลงได้ พวกเราสามารถบุกเข้าไปได้จริงๆ แต่ก็จะบาดเจ็บล้มตายกันจำนวนมาก ไม่คุ้มค่า” เยี่ยชิงขวงส่ายหัวแล้วพูดขึ้น

“นายท่าน จะให้เราเข้าไปสร้างความวุ่นวายหรือไม่ ให้พวกเขาไม่สามารถบรรลุขั้นจักรพรรดิเทพเซียนได้?” ขุนนางเซียนคนหนึ่งพูดขึ้น

“ไม่จำเป็น ข้าไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย ว่าแต่เรื่องมังกรกับหงส์ พวกเจ้าได้ข่าวคราวอะไรบ้างหรือไม่?” เยี่ยชิงขวงกล่าวถาม

“ไม่มีเบาะแสอะไรเลย แต่มีคนที่น่าสงสัยอยู่ เอ๋าเลี่ยกับอิงเสวี่ย แล้วก็ลูกๆของพวกเขา ต่างก็เป็นคนที่น่าสงสัย โดยเฉพาะไข่ใบนั้นที่มีเด็กออกมา 2 คน น่าสงสัยมากที่สุด ถึงขนาดออกมาจากไข่ใบเดียวกัน ที่สำคัญเลยก็คือเด็ก 2 คนนี้มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดด ทำให้คนอดที่จะสงสัยไม่ได้” ขุนนางเซียนบอกผู้ต้องสงสัยในสายตาตนเอง

“ไข่ 1 ใบออกมา 2 คน หลิวอิ๋งฟื้นขึ้นมาแล้วหรือยัง” เยี่ยชิงขวงนึกถึงนักทำนายคนนั้น

“ยังขอรับ ดูเหมือนจะสูญเสียพลังไปไม่น้อย อีกทั้งข้าพบว่านังหนูคนนั้นอาการบาดเจ็บสาหัส หากทำนายอีกครั้งหนึ่ง จะถูกกลืนกิน ไม่ตายดี” ขุนนางเซียนกล่าว ผู้ที่แอบดูความลับของสวรรค์ ไม่ลงเอยด้วยดีแน่ หญิงโง่นางนี้ยังมีประโยชน์ต่อเผ่ามารรัตติกาลของพวกเขา คิดไม่ถึงว่าจะใสซื่อจนนึกว่านายท่านมีใจให้นาง ใสซื่อจริงๆ

“รอให้นางฟื้นขึ้นมา ก็ให้นางทำนายทันที ได้อุทิศตนให้กับภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของเผ่ามารรัตติกาลของข้า ก็ถือว่าเป็นวาสนาของนาง” เยี่ยชิงขวงไม่สนใจความเป็นความตายของหลิวอิ๋งเลยด้วยซ้ำ การจะมีคุณค่าจะต้องทำให้ถึงที่สุด ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีความหมายอะไร

“ขอรับ” ขุนนางเซียนพยักหน้า ไม่ใช่คนของเผ่ามารรัตติกาล ตายไปก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา

เผ่ามารรัตติกาลมีเย็นชา พูดได้ว่านอกจากคนในเผ่าแล้ว คนอื่นถือเป็นคนนอก ทั้งๆที่เดินในหนทางที่ไร้ซึ่งคุณธรรม แต่กลับทำราวเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในใต้หล้า ใครกล้าไม่เชื่อฟังอะไรแบบนั้น

เยี่ยชิงขวงมีความรู้สึกว่า มังกรกับหงส์นั้นไม่ได้หมายถึงมังกรกับหงส์ในดินแดนอสูรเทพ แต่ที่จริงหมายถึงอะไร เขาก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 322 ยังไม่ถึงเวลา

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 322 ยังไม่ถึงเวลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ทุกท่านอย่าเพิ่งตื่นเต้น ฟังข้าพูดก่อน” เสียงเทพหยั่งรู้ดวงชะตาดังลอยเข้ามา

“เทพหยั่งรู้ดวงชะตามีอะไรหรือ? เผ่ามารรัตติกาลในดินแดนอื่นๆถูกกวาดล้างไปจนหมด ทำไมยังไม่ถึงเวลาที่จะบุกโจมตีอีก” จักรพรรดินภาสุวรรณพูดด้วยความตื่นเต้นน้อยๆ ทั้งๆที่ถึงเวลาที่จะบุกโจมตี แต่ทำไมจักรพรรดิเทพเซียนจึงบอกว่ายังไม่ถึงเวลา

“ฟังข้าพูดให้จบก่อน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดในการจัดการกับเยี่ยชิงขวง คำพยากรณ์ที่ข้าทำนายได้ในตอนนั้นต้องไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ว่ายังขาดของอยู่บางอย่าง” เทพหยั่งรู้ดวงชะตากล่าว

“เทพหยั่งรู้ดวงชะตาช่วยบอกให้ชัดเจนหน่อยได้หรือไม่ว่ายังขาดอะไร? พวกข้าจะได้ไปเตรียมให้พร้อม” จักรพรรดินีนภาธารากล่าว

“ใช่แล้ว เทพหยั่งรู้ดวงชะตาบอกมาตรงๆเลยได้หรือไม่” จักรพรรดินภาเพลิงทรงกล่าวต่อ

“ข้าจะไม่อ้อมค้อมแล้ว อยู่ที่ตัวหลิวหลี หากต้องการจะทำลายเผามารรัตติกาลให้สิ้นซาก มีแต่เพลิงเซียนของนางเท่านั้นที่ทำได้”เทพหยั่งรู้ดวงชะตากล่าว

“หลิวหลี ? หลิวหลีมีเพลิงเซียนไม่ใช่หรือ?” จักรพรรดินภาสุวรรณกล่าว หากเขาจำไม่ผิด หลิวหลีมีเพลิงเซียนหลายชนิด ดังนั้นที่บอกว่าเพลิงเซียนของหลิวหลีหมายถึงอะไร

“ใช่แล้ว หากข้าจำไม่ผิด จักรพรรดิเทพเซียนหลิวหลีมีเพลิงเซียนอย่างน้อย 6 ชนิด” จักรพรรดินภาพสุธาพูดต่อ ทุกคนต่างรู้จักเคล็ดวิชาที่พิเศษของหลิวหลีเป็นอย่างดี และต่างก็นับถือในความอดทนต่อความยากลำบากของหลิวหลี เคยมีผู้บำเพ็ญแกนวิญญาณอัคคีลองฝึกฝน ฝึกไปได้แค่ 1 ใน 3 ก็ทนไม่ได้แล้ว ในเมื่อหลิวหลีมีเพลิงเซียนที่มากอิทธิฤทธิ์ขนาดนั้น ที่บอกว่าเพลิงเซียนของหลิวหลีหมายถึงอะไรกันแน่

“หลิวหลี เจ้ารู้หรือไม่ว่าหมายถึงอะไร?” จักรพรรดินีนภาพฤกษากล่าว

“เอ่อ ที่จริงแล้ว ข้ายังขาดเพลิงเซียนอีกชนิดหนึ่ง เส้นชีพจรธาตุไฟของข้ายังไม่ถูกเปิด” หลิวหลีไม่รู้จะพูดอะไร จนถึงตอนนี้นางยังไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เกี่ยวกับเพลิงเซียนที่ได้ชื่อว่าเป็นอันดับ 1 ของโลกเซียนเลยแม้แต่น้อย จักรพรรดินภาสุวรรณคงจะโกรธนางมาก แต่นางก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดเข้าใจไหม

“ยังขาดเพลิงเซียนอีกชนิดนึงหรือ?” จักรพรรดิมารทวน นี่มันปีศาจชัดๆ เดิมก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ความพิเศษของเคล็ดวิชาทำให้ร่างกายของนางมีเพลิงเซียนหลายชนิด อีกทั้งยังมีธาตุที่แตกต่างกัน โจมตี ป้องกัน รักษา ปรุงยาต่างก็ใช้ได้หมด แต่ก็ยังขาดอีกหนึ่งชนิด นี่ก็อยู่ในขั้นจักรพรรดิเทพเซียนแล้ว หากว่าฝึกฝนเคล็ดวิชาได้สำเร็จ จะไม่บรรลุไปเลยหรือ

“ใช่ ข้าเดาว่าสิ่งที่เทพหยั่งรู้ดวงชะตาพูดถึง ก็คือเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายที่ข้าต้องการใช่หรือไม่” ประโยคนี้หลิวหลีพูดกับเทพหยั่งรู้ดวงชะตา

“ใช่แล้ว สิ่งที่จำเป็นก็คือเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายที่ต้องลรรลุขั้นของหลิวหลี ไม่เช่นนั้นเผ่ามารรัตติกาลก็จะเหมือนพวกวัชพืช ที่ฆ่าไม่หมด ผุดขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ หากต้องการกำจัดเผ่ามารรัตติกาลให้สิ้นซาก ต้องรอหลิวหลีหาและพิชิตเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายให้ได้” เทพหยั่งรู้ดวงชะตายืนยัน

“เพลิงเซียนนั้นไร้ร่องรอย ทำได้แค่เพียงรออย่างเดียวหรือ?” จักรพรรดินภาสุวรรณจนปัญญา เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ ขาดแค่เพียงเวลาเท่านั้น

“ใช่แล้ว เพลิงเซียนชนิดสุดท้ายของหลิวหลีขึ้นอยู่กับชะตาและโอกาส ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าลองคำนวณดูแล้ว หลิวหลีจะต้องหาเพลิงเซียนเจอภายใน 100 ปีแน่ เพราะฉะนั้นจักรพรรดินภาสุวรรณ เจ้าอดทดสักอีก 100 ปี” เทพหยั่งรู้ดวงชะตากล่าว

“ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะอดทนฟังคำพูดไร้สาระของเยี่ยชิงขวงไปอีก 100 ปี เพราะอย่างไรเขาก็ไม่รู้ว่าเผ่ามารรัตติกาลในดินแดนอื่นๆถูกกำจัดไปหมดแล้ว” จักรพรรดินภาสุวรรณทำได้เพียงกัดฟันทนเท่านั้น

“เรื่องนั้น รู้สึกว่าจักรพรรดิท่านอื่นจะอยู่เฉยๆไม่ได้ หากไม่มีอะไรก็สร้างเรื่องวุ่นวายปลอมๆขึ้น ข้ารู้แผนการของเยี่ยชิงขวงโดยผ่านเลือดบริสุทธิ์ของเขาดังนั้นจะเล่นละครก็จะต้องเล่นให้สมจริงสักหน่อย” หลิวหลีพูดแทรก

“ใช่แล้ว ช่วงร้อยปีนี้พวกเราจะอยู่เฉยไม่ได้ การสร้างความสับสนให้ศัตรูก็ถือเป็นภารกิจสำคัญ แล้วส่งคนออกไปสืบหาเบาะแสของเพลิงเซียน” จักรพรรดินภาพสุธากล่าว

“แล้วก็สร้างสถานการณ์คับขัน จักรพรรดิเทพเซียนที่ซ่อนอยู่ สามารถปล่อยข่าวออกมาแล้วรอดูปฏิกิริยาของเยี่ยชิงขวง อย่างไรเสียมีความกดดันก็จะยิ่งมีแรงผลักดัน การทะลุขีดจำกัดของตนเองในยามขับขันถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล” เทพหยั่งรู้ดวงชะตากล่าว

“ก็ดี เอาเป็นบรรพชนเอ๋าเฟิงแห่งดินแดนอสูรเทพกับจักรพรรดินภาพสุธาก็แล้วกัน พวกเขามีคุณสมบัติร่างกายที่แก่ที่สุด เก็บสะสมมายาวนานที่สุด การบรรลุขั้นจักรพรรดิเทพเซียนก็ไม่มีอะไรแปลก” หลิวหลีกล่าว ทำเรื่องปลอมให้เป็นจริง ทำเรื่องจริงให้ปลอม ตำราพิชัยสงครามได้กล่าวไว้

“ใช่แล้ว หลิวหลีพูดถูกมากทีเดียว เรื่องเท็จทำให้เป็นจริง เรื่องจริงทำให้เป็นเรื่องเท็จ” จักรพรรดินภาเพลิงเห็นด้วยในทันที สิทธิ์ในการควบคุมจะต้องอยู่ในมือพวกเขา สุดท้ายก็จะเหมือนจับเต่าในไห จัดการให้สิ้นซาก

หลังจากได้ข้อสรุป ผ่านไปเพียงครู่เดียว ดินแดนนภาพสุธาก็กระจายข่าวไปทั่ว จักรพรรดินภาพสุธาเริ่มติดขัด นางกำลังจะบรรลุขั้นจักรพรรดิเทพเซียนในอีกไม่กี่วัน ส่วนดินแดนอสูรเทพก็มีข่าวแพร่ออกมาด้วยเช่นกัน บรรพชนเอ๋าเฟิงมีการสั่งสมพลังมาอย่างยาวนาน รู้สึกโมโหกับการกระทำของเผ่ามารรัตติกาล ในระหว่างที่โมโหอยู่นั้นก็สัมผัสได้ถึงขอบของขั้นจักรพรรดิเทพเซียน

“คิดไม่ถึงว่าจะมีคนสัมผัสได้พลังบำเพ็ญเพียรในขั้นจักรพรรดิเทพเซียนถึง 2 คน พูดเช่นนี้แล้ว ควรจะขอบคุณแรงกดดันจากเผ่ามารรัตติกาล” เยี่ยชิงขวงฟังรายงานจากบ่าวรับใช้ ก็รู้สึกสนุกขึ้นมา นานแล้วที่ไม่ได้มีจักรพรรดิเทพเซียน พอมีก็มีทีเดียวถึง 2 คน แรงกดดันทำให้มีแรงผลักดันจริงๆด้วย เช่นนี้คงไม่ดีนัก

“นายท่านมากความสามารถ สร้างแรงกดดันให้กับพวกเซียนที่นึกว่าตัวเองสูงส่งพวกนั้น ถึงแม้จะมีจักรพรรดิเทพเซียนเกิดขึ้นคนสองคน แต่เผ่ามารรัตติกาลของข้าก็ไม่กลัว” ขุนนางเซียนกล่าว

“ไม่กลัวอยู่แล้ว ตอนนี้ดินแดนต่างๆ ถูกกลยุทธ์สงครามของเราทำให้ปลีกตัวได้ลำบาก ดินแดนนภาสุวรรณก็เหมือนลูกไก่ในกำมือของเผ่ามารรัตติกาลของเรา” ขุนนางเซียนอีกคนหนึ่งกล่าวขึ้น

“ข้าไม่เข้าใจ ทั้งที่นายท่านบุกโจมตีได้ในทันที แต่ทำไมยังต้องพูดเจรจากับจักรพรรดินภาสุวรรณครั้งแล้วครั้งเล่า?”

“พลังบำเพ็ญเพียรของจักรพรรดินภาสุวรรณแค่อยู่ในขั้นราชาเทพเซียน น่ากลัวตรงไหน?”

“พวกเจ้าไม่เข้าใจ การที่จักรพรรดิขึ้นครองบัลลังก์จะมีของอยู่สิ่งหนึ่ง ของสิ่งนั้นมีพลังอำนาจมาก เป็นสิ่งที่ทำให้จักรพรรดิในดินแดนต่างๆไม่สามารถถูกโค่นล้มลงได้ พวกเราสามารถบุกเข้าไปได้จริงๆ แต่ก็จะบาดเจ็บล้มตายกันจำนวนมาก ไม่คุ้มค่า” เยี่ยชิงขวงส่ายหัวแล้วพูดขึ้น

“นายท่าน จะให้เราเข้าไปสร้างความวุ่นวายหรือไม่ ให้พวกเขาไม่สามารถบรรลุขั้นจักรพรรดิเทพเซียนได้?” ขุนนางเซียนคนหนึ่งพูดขึ้น

“ไม่จำเป็น ข้าไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย ว่าแต่เรื่องมังกรกับหงส์ พวกเจ้าได้ข่าวคราวอะไรบ้างหรือไม่?” เยี่ยชิงขวงกล่าวถาม

“ไม่มีเบาะแสอะไรเลย แต่มีคนที่น่าสงสัยอยู่ เอ๋าเลี่ยกับอิงเสวี่ย แล้วก็ลูกๆของพวกเขา ต่างก็เป็นคนที่น่าสงสัย โดยเฉพาะไข่ใบนั้นที่มีเด็กออกมา 2 คน น่าสงสัยมากที่สุด ถึงขนาดออกมาจากไข่ใบเดียวกัน ที่สำคัญเลยก็คือเด็ก 2 คนนี้มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดด ทำให้คนอดที่จะสงสัยไม่ได้” ขุนนางเซียนบอกผู้ต้องสงสัยในสายตาตนเอง

“ไข่ 1 ใบออกมา 2 คน หลิวอิ๋งฟื้นขึ้นมาแล้วหรือยัง” เยี่ยชิงขวงนึกถึงนักทำนายคนนั้น

“ยังขอรับ ดูเหมือนจะสูญเสียพลังไปไม่น้อย อีกทั้งข้าพบว่านังหนูคนนั้นอาการบาดเจ็บสาหัส หากทำนายอีกครั้งหนึ่ง จะถูกกลืนกิน ไม่ตายดี” ขุนนางเซียนกล่าว ผู้ที่แอบดูความลับของสวรรค์ ไม่ลงเอยด้วยดีแน่ หญิงโง่นางนี้ยังมีประโยชน์ต่อเผ่ามารรัตติกาลของพวกเขา คิดไม่ถึงว่าจะใสซื่อจนนึกว่านายท่านมีใจให้นาง ใสซื่อจริงๆ

“รอให้นางฟื้นขึ้นมา ก็ให้นางทำนายทันที ได้อุทิศตนให้กับภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของเผ่ามารรัตติกาลของข้า ก็ถือว่าเป็นวาสนาของนาง” เยี่ยชิงขวงไม่สนใจความเป็นความตายของหลิวอิ๋งเลยด้วยซ้ำ การจะมีคุณค่าจะต้องทำให้ถึงที่สุด ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีความหมายอะไร

“ขอรับ” ขุนนางเซียนพยักหน้า ไม่ใช่คนของเผ่ามารรัตติกาล ตายไปก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา

เผ่ามารรัตติกาลมีเย็นชา พูดได้ว่านอกจากคนในเผ่าแล้ว คนอื่นถือเป็นคนนอก ทั้งๆที่เดินในหนทางที่ไร้ซึ่งคุณธรรม แต่กลับทำราวเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในใต้หล้า ใครกล้าไม่เชื่อฟังอะไรแบบนั้น

เยี่ยชิงขวงมีความรู้สึกว่า มังกรกับหงส์นั้นไม่ได้หมายถึงมังกรกับหงส์ในดินแดนอสูรเทพ แต่ที่จริงหมายถึงอะไร เขาก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 322 ยังไม่ถึงเวลา

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 322 ยังไม่ถึงเวลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ทุกท่านอย่าเพิ่งตื่นเต้น ฟังข้าพูดก่อน” เสียงเทพหยั่งรู้ดวงชะตาดังลอยเข้ามา

“เทพหยั่งรู้ดวงชะตามีอะไรหรือ? เผ่ามารรัตติกาลในดินแดนอื่นๆถูกกวาดล้างไปจนหมด ทำไมยังไม่ถึงเวลาที่จะบุกโจมตีอีก” จักรพรรดินภาสุวรรณพูดด้วยความตื่นเต้นน้อยๆ ทั้งๆที่ถึงเวลาที่จะบุกโจมตี แต่ทำไมจักรพรรดิเทพเซียนจึงบอกว่ายังไม่ถึงเวลา

“ฟังข้าพูดให้จบก่อน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดในการจัดการกับเยี่ยชิงขวง คำพยากรณ์ที่ข้าทำนายได้ในตอนนั้นต้องไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ว่ายังขาดของอยู่บางอย่าง” เทพหยั่งรู้ดวงชะตากล่าว

“เทพหยั่งรู้ดวงชะตาช่วยบอกให้ชัดเจนหน่อยได้หรือไม่ว่ายังขาดอะไร? พวกข้าจะได้ไปเตรียมให้พร้อม” จักรพรรดินีนภาธารากล่าว

“ใช่แล้ว เทพหยั่งรู้ดวงชะตาบอกมาตรงๆเลยได้หรือไม่” จักรพรรดินภาเพลิงทรงกล่าวต่อ

“ข้าจะไม่อ้อมค้อมแล้ว อยู่ที่ตัวหลิวหลี หากต้องการจะทำลายเผามารรัตติกาลให้สิ้นซาก มีแต่เพลิงเซียนของนางเท่านั้นที่ทำได้”เทพหยั่งรู้ดวงชะตากล่าว

“หลิวหลี ? หลิวหลีมีเพลิงเซียนไม่ใช่หรือ?” จักรพรรดินภาสุวรรณกล่าว หากเขาจำไม่ผิด หลิวหลีมีเพลิงเซียนหลายชนิด ดังนั้นที่บอกว่าเพลิงเซียนของหลิวหลีหมายถึงอะไร

“ใช่แล้ว หากข้าจำไม่ผิด จักรพรรดิเทพเซียนหลิวหลีมีเพลิงเซียนอย่างน้อย 6 ชนิด” จักรพรรดินภาพสุธาพูดต่อ ทุกคนต่างรู้จักเคล็ดวิชาที่พิเศษของหลิวหลีเป็นอย่างดี และต่างก็นับถือในความอดทนต่อความยากลำบากของหลิวหลี เคยมีผู้บำเพ็ญแกนวิญญาณอัคคีลองฝึกฝน ฝึกไปได้แค่ 1 ใน 3 ก็ทนไม่ได้แล้ว ในเมื่อหลิวหลีมีเพลิงเซียนที่มากอิทธิฤทธิ์ขนาดนั้น ที่บอกว่าเพลิงเซียนของหลิวหลีหมายถึงอะไรกันแน่

“หลิวหลี เจ้ารู้หรือไม่ว่าหมายถึงอะไร?” จักรพรรดินีนภาพฤกษากล่าว

“เอ่อ ที่จริงแล้ว ข้ายังขาดเพลิงเซียนอีกชนิดหนึ่ง เส้นชีพจรธาตุไฟของข้ายังไม่ถูกเปิด” หลิวหลีไม่รู้จะพูดอะไร จนถึงตอนนี้นางยังไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เกี่ยวกับเพลิงเซียนที่ได้ชื่อว่าเป็นอันดับ 1 ของโลกเซียนเลยแม้แต่น้อย จักรพรรดินภาสุวรรณคงจะโกรธนางมาก แต่นางก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดเข้าใจไหม

“ยังขาดเพลิงเซียนอีกชนิดนึงหรือ?” จักรพรรดิมารทวน นี่มันปีศาจชัดๆ เดิมก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ความพิเศษของเคล็ดวิชาทำให้ร่างกายของนางมีเพลิงเซียนหลายชนิด อีกทั้งยังมีธาตุที่แตกต่างกัน โจมตี ป้องกัน รักษา ปรุงยาต่างก็ใช้ได้หมด แต่ก็ยังขาดอีกหนึ่งชนิด นี่ก็อยู่ในขั้นจักรพรรดิเทพเซียนแล้ว หากว่าฝึกฝนเคล็ดวิชาได้สำเร็จ จะไม่บรรลุไปเลยหรือ

“ใช่ ข้าเดาว่าสิ่งที่เทพหยั่งรู้ดวงชะตาพูดถึง ก็คือเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายที่ข้าต้องการใช่หรือไม่” ประโยคนี้หลิวหลีพูดกับเทพหยั่งรู้ดวงชะตา

“ใช่แล้ว สิ่งที่จำเป็นก็คือเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายที่ต้องลรรลุขั้นของหลิวหลี ไม่เช่นนั้นเผ่ามารรัตติกาลก็จะเหมือนพวกวัชพืช ที่ฆ่าไม่หมด ผุดขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ หากต้องการกำจัดเผ่ามารรัตติกาลให้สิ้นซาก ต้องรอหลิวหลีหาและพิชิตเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายให้ได้” เทพหยั่งรู้ดวงชะตายืนยัน

“เพลิงเซียนนั้นไร้ร่องรอย ทำได้แค่เพียงรออย่างเดียวหรือ?” จักรพรรดินภาสุวรรณจนปัญญา เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ ขาดแค่เพียงเวลาเท่านั้น

“ใช่แล้ว เพลิงเซียนชนิดสุดท้ายของหลิวหลีขึ้นอยู่กับชะตาและโอกาส ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าลองคำนวณดูแล้ว หลิวหลีจะต้องหาเพลิงเซียนเจอภายใน 100 ปีแน่ เพราะฉะนั้นจักรพรรดินภาสุวรรณ เจ้าอดทดสักอีก 100 ปี” เทพหยั่งรู้ดวงชะตากล่าว

“ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะอดทนฟังคำพูดไร้สาระของเยี่ยชิงขวงไปอีก 100 ปี เพราะอย่างไรเขาก็ไม่รู้ว่าเผ่ามารรัตติกาลในดินแดนอื่นๆถูกกำจัดไปหมดแล้ว” จักรพรรดินภาสุวรรณทำได้เพียงกัดฟันทนเท่านั้น

“เรื่องนั้น รู้สึกว่าจักรพรรดิท่านอื่นจะอยู่เฉยๆไม่ได้ หากไม่มีอะไรก็สร้างเรื่องวุ่นวายปลอมๆขึ้น ข้ารู้แผนการของเยี่ยชิงขวงโดยผ่านเลือดบริสุทธิ์ของเขาดังนั้นจะเล่นละครก็จะต้องเล่นให้สมจริงสักหน่อย” หลิวหลีพูดแทรก

“ใช่แล้ว ช่วงร้อยปีนี้พวกเราจะอยู่เฉยไม่ได้ การสร้างความสับสนให้ศัตรูก็ถือเป็นภารกิจสำคัญ แล้วส่งคนออกไปสืบหาเบาะแสของเพลิงเซียน” จักรพรรดินภาพสุธากล่าว

“แล้วก็สร้างสถานการณ์คับขัน จักรพรรดิเทพเซียนที่ซ่อนอยู่ สามารถปล่อยข่าวออกมาแล้วรอดูปฏิกิริยาของเยี่ยชิงขวง อย่างไรเสียมีความกดดันก็จะยิ่งมีแรงผลักดัน การทะลุขีดจำกัดของตนเองในยามขับขันถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล” เทพหยั่งรู้ดวงชะตากล่าว

“ก็ดี เอาเป็นบรรพชนเอ๋าเฟิงแห่งดินแดนอสูรเทพกับจักรพรรดินภาพสุธาก็แล้วกัน พวกเขามีคุณสมบัติร่างกายที่แก่ที่สุด เก็บสะสมมายาวนานที่สุด การบรรลุขั้นจักรพรรดิเทพเซียนก็ไม่มีอะไรแปลก” หลิวหลีกล่าว ทำเรื่องปลอมให้เป็นจริง ทำเรื่องจริงให้ปลอม ตำราพิชัยสงครามได้กล่าวไว้

“ใช่แล้ว หลิวหลีพูดถูกมากทีเดียว เรื่องเท็จทำให้เป็นจริง เรื่องจริงทำให้เป็นเรื่องเท็จ” จักรพรรดินภาเพลิงเห็นด้วยในทันที สิทธิ์ในการควบคุมจะต้องอยู่ในมือพวกเขา สุดท้ายก็จะเหมือนจับเต่าในไห จัดการให้สิ้นซาก

หลังจากได้ข้อสรุป ผ่านไปเพียงครู่เดียว ดินแดนนภาพสุธาก็กระจายข่าวไปทั่ว จักรพรรดินภาพสุธาเริ่มติดขัด นางกำลังจะบรรลุขั้นจักรพรรดิเทพเซียนในอีกไม่กี่วัน ส่วนดินแดนอสูรเทพก็มีข่าวแพร่ออกมาด้วยเช่นกัน บรรพชนเอ๋าเฟิงมีการสั่งสมพลังมาอย่างยาวนาน รู้สึกโมโหกับการกระทำของเผ่ามารรัตติกาล ในระหว่างที่โมโหอยู่นั้นก็สัมผัสได้ถึงขอบของขั้นจักรพรรดิเทพเซียน

“คิดไม่ถึงว่าจะมีคนสัมผัสได้พลังบำเพ็ญเพียรในขั้นจักรพรรดิเทพเซียนถึง 2 คน พูดเช่นนี้แล้ว ควรจะขอบคุณแรงกดดันจากเผ่ามารรัตติกาล” เยี่ยชิงขวงฟังรายงานจากบ่าวรับใช้ ก็รู้สึกสนุกขึ้นมา นานแล้วที่ไม่ได้มีจักรพรรดิเทพเซียน พอมีก็มีทีเดียวถึง 2 คน แรงกดดันทำให้มีแรงผลักดันจริงๆด้วย เช่นนี้คงไม่ดีนัก

“นายท่านมากความสามารถ สร้างแรงกดดันให้กับพวกเซียนที่นึกว่าตัวเองสูงส่งพวกนั้น ถึงแม้จะมีจักรพรรดิเทพเซียนเกิดขึ้นคนสองคน แต่เผ่ามารรัตติกาลของข้าก็ไม่กลัว” ขุนนางเซียนกล่าว

“ไม่กลัวอยู่แล้ว ตอนนี้ดินแดนต่างๆ ถูกกลยุทธ์สงครามของเราทำให้ปลีกตัวได้ลำบาก ดินแดนนภาสุวรรณก็เหมือนลูกไก่ในกำมือของเผ่ามารรัตติกาลของเรา” ขุนนางเซียนอีกคนหนึ่งกล่าวขึ้น

“ข้าไม่เข้าใจ ทั้งที่นายท่านบุกโจมตีได้ในทันที แต่ทำไมยังต้องพูดเจรจากับจักรพรรดินภาสุวรรณครั้งแล้วครั้งเล่า?”

“พลังบำเพ็ญเพียรของจักรพรรดินภาสุวรรณแค่อยู่ในขั้นราชาเทพเซียน น่ากลัวตรงไหน?”

“พวกเจ้าไม่เข้าใจ การที่จักรพรรดิขึ้นครองบัลลังก์จะมีของอยู่สิ่งหนึ่ง ของสิ่งนั้นมีพลังอำนาจมาก เป็นสิ่งที่ทำให้จักรพรรดิในดินแดนต่างๆไม่สามารถถูกโค่นล้มลงได้ พวกเราสามารถบุกเข้าไปได้จริงๆ แต่ก็จะบาดเจ็บล้มตายกันจำนวนมาก ไม่คุ้มค่า” เยี่ยชิงขวงส่ายหัวแล้วพูดขึ้น

“นายท่าน จะให้เราเข้าไปสร้างความวุ่นวายหรือไม่ ให้พวกเขาไม่สามารถบรรลุขั้นจักรพรรดิเทพเซียนได้?” ขุนนางเซียนคนหนึ่งพูดขึ้น

“ไม่จำเป็น ข้าไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย ว่าแต่เรื่องมังกรกับหงส์ พวกเจ้าได้ข่าวคราวอะไรบ้างหรือไม่?” เยี่ยชิงขวงกล่าวถาม

“ไม่มีเบาะแสอะไรเลย แต่มีคนที่น่าสงสัยอยู่ เอ๋าเลี่ยกับอิงเสวี่ย แล้วก็ลูกๆของพวกเขา ต่างก็เป็นคนที่น่าสงสัย โดยเฉพาะไข่ใบนั้นที่มีเด็กออกมา 2 คน น่าสงสัยมากที่สุด ถึงขนาดออกมาจากไข่ใบเดียวกัน ที่สำคัญเลยก็คือเด็ก 2 คนนี้มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดด ทำให้คนอดที่จะสงสัยไม่ได้” ขุนนางเซียนบอกผู้ต้องสงสัยในสายตาตนเอง

“ไข่ 1 ใบออกมา 2 คน หลิวอิ๋งฟื้นขึ้นมาแล้วหรือยัง” เยี่ยชิงขวงนึกถึงนักทำนายคนนั้น

“ยังขอรับ ดูเหมือนจะสูญเสียพลังไปไม่น้อย อีกทั้งข้าพบว่านังหนูคนนั้นอาการบาดเจ็บสาหัส หากทำนายอีกครั้งหนึ่ง จะถูกกลืนกิน ไม่ตายดี” ขุนนางเซียนกล่าว ผู้ที่แอบดูความลับของสวรรค์ ไม่ลงเอยด้วยดีแน่ หญิงโง่นางนี้ยังมีประโยชน์ต่อเผ่ามารรัตติกาลของพวกเขา คิดไม่ถึงว่าจะใสซื่อจนนึกว่านายท่านมีใจให้นาง ใสซื่อจริงๆ

“รอให้นางฟื้นขึ้นมา ก็ให้นางทำนายทันที ได้อุทิศตนให้กับภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของเผ่ามารรัตติกาลของข้า ก็ถือว่าเป็นวาสนาของนาง” เยี่ยชิงขวงไม่สนใจความเป็นความตายของหลิวอิ๋งเลยด้วยซ้ำ การจะมีคุณค่าจะต้องทำให้ถึงที่สุด ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีความหมายอะไร

“ขอรับ” ขุนนางเซียนพยักหน้า ไม่ใช่คนของเผ่ามารรัตติกาล ตายไปก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา

เผ่ามารรัตติกาลมีเย็นชา พูดได้ว่านอกจากคนในเผ่าแล้ว คนอื่นถือเป็นคนนอก ทั้งๆที่เดินในหนทางที่ไร้ซึ่งคุณธรรม แต่กลับทำราวเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในใต้หล้า ใครกล้าไม่เชื่อฟังอะไรแบบนั้น

เยี่ยชิงขวงมีความรู้สึกว่า มังกรกับหงส์นั้นไม่ได้หมายถึงมังกรกับหงส์ในดินแดนอสูรเทพ แต่ที่จริงหมายถึงอะไร เขาก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+