แม่ครัวยอดเซียน 349 เชื่อใจหลิวหลีอย่างประหลาด

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 349 เชื่อใจหลิวหลีอย่างประหลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แต่ว่า ท่านผู้อาวุโส ท่านควรอธิบายกับข้าด้วยหรือไม่ ว่าเหตุใดถึงได้เรียกข้าว่าแขกผู้ทรงเกียรติ?” หลิวหลีเปลี่ยนเรื่อง

“ข้ามองสถานะของท่านไม่ออก ในอนาคตจะต้องเป็นผู้สูงส่งเป็นแน่ ข้ามองเห็นเมฆมงคล ต่อไปท่านจะได้เป็นเทพอย่างแน่นอน ผู้ที่กลายเป็นเทพได้ล้วนมีความสามารถในการทำนาย ข้าผู้เป็นเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) โดดเด่นเรื่องการทำนาย ได้ทำนายเอาไว้ว่าจะมีมหาเทพสูงสุดถือกำเนิดขึ้น แต่กลับไม่เป็นที่ยอมรับจากกลุ่มคนในภูเขาเทวา ทำลายพลังบางส่วนของข้าและขับข้าออกจากภูเขาเทวา ตอนนี้ข้ามีพลังบำเพ็ญเพียรแค่ในขอบเขตราชาเทพ ไม่สามารถทำนายได้มากมายเหมือนที่ผ่านมาวันนี้รู้ว่าท่านจะมา ข้าจึงอยากจะลองดู พวกข้าเป็นพวกไม่มีเมล็ดพันธุ์แห่งเทพ อย่างที่ดีที่สุดคือมีพลังบำเพ็ญเพียรในขอบเขตขุนนางเทพ วันนี้ท่านได้ยืนยันว่าข้ากับหมิงเยี่ยจะได้เป็นขุนนางเทพอย่างแน่นอน นั่นนับเป็นปลายทางที่ดีที่สุดสำหรับพวกข้าสองคนแล้ว” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) อธิบาย

“จากที่เจ้าว่าข้าจะได้เป็นเทพแน่หรือ?” หลิวหลีฟังแล้วรู้สึกสนใจขึ้นมา นางไม่ได้คิดว่าเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) เป็นคนประจบสอพลอ แต่แค่สงสัยว่าเขาจะพูดอย่างไร? เป็นเพราะทำนายว่าจะมีมหาเทพสูงสุดปรากฎตัวขึ้นจึงถูกทำลายพลังและโดนขับไล่ลงมา ดูแล้วทักษะการทำนายของคนผู้นี้จะเก่งกาจพอสมควร

“ถูกต้อง ดูจากโหงวเฮ้งของท่านแล้วจะเป็นเช่นนั้น อีกทั้งข้ายังมั่นใจได้ว่าท่านคงไม่ได้กำลังเย้าคนแก่อย่างพวกข้าสองคนเล่นแน่” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) พูดอย่างมั่นใจ

“ฮ่าๆ ข้ารู้สึกว่าไม่ว่าข้าจะอยู่โลกไหนก็มักจะได้เจอคนเช่นนี้อยู่เสมอ” หลิวหลีเอ่ยยิ้มๆ ดูเหมือนว่านางจะรับบทผู้กอบกู้อยู่ตลอด ถึงขนาดที่นางมีพลังทำนายอย่างประหลาด นางถึงขนาดสามารถมองเห็นอนาคตของผู้ที่มีพลังน้อยกว่านางได้ หรือว่าจะเป็นเพราะนางจะต้องกลายเป็นเทพ? หลิวหลีคิดอย่างไม่เข้าใจ

“ฮ่าๆ ถึงแม้คนที่ล่วงรู้ลิขิตสวรรค์อย่างพวกข้าจะมีน้อย แต่ก็พอจะมีอยู่บ้าง บางคนเชื่อ บางคนไม่เชื่อ ตอนนี้ท่านควรเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียรเข้าภูเขาเทวาเพื่อแย่งชิงตำแหน่งของตนเองได้แล้ว” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) แนะนำ

“เจ้าบอกว่าข้าจะได้เป็นเทพอย่างแน่นอน ตำแหน่งของข้ายังมีคนสามารถแย่งไปได้อีกหรือ?” หลิวหลีเอ่ยอย่างโอ้อวด

“ท่านมั่นใจแบบที่ข้าคิดเอาไว้ พวกข้ารู้สึกละอายใจนัก” คำพูดของหลิวหลีทำให้เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) ช็อคไป นั่นสิ ของๆตนจะถูกผู้อื่นแย่งไปได้อย่างไรล่ะ เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) นึกถึงนาทีที่ตนถูกไล่ลงจากเขาตอนนั้น เหอะ หลิวหลีพูดถูก ตำแหน่งนั้นจริงๆแล้วเป็นของเขา ต่อให้โดนแย่งไปได้ก็เป็นเพียงตัวแทนชั่วคราวเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องกลับไปอยู่ในมือตนอยู่ดี เมื่อคิดเช่นนี้ เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) ก็มั่นใจตัวเองขึ้นมากอย่างประหลาด

“คนเราหากยังไม่เชื่อใจในตนเอง เจ้าจะมีสิทธิ์อะไรไปคาดหวังให้ผู้อื่นเชื่อมั่นในตัวเจ้า” หลิวหลีพูดอย่างจริงจัง

“ขอบคุณท่านพี่หมิงเยี่ยมาก” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) เอ่ยขอบคุณซ้ำอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะคนผู้นี้ช่วยเหลือเขาไว้ในยามที่ท้อแท้ ทั้งยังได้รู้ว่าหลิวหลีเป็นนักปรุงยาเทพ ให้เขาเชิญมาเพื่อรักษาตนเอง ไม่อย่างนั้นตนจะสามารถทำนายอนาคตของตัวเองได้อย่างไรล่ะ เพราะฉะนั้นสหายที่ช่วยเหลืออย่างจริงใจในเวลาที่ตนเองท้อแท้ใจมากที่สุดนั้นถึงจะเป็นสหายที่แท้จริง

“เราพี่น้องไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก อย่างไรเสียเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) เจ้าช่วยเหลือข้ามามากกว่านี้เสียอีก” หมิงเยี่ยส่ายหน้า

“ผู้อาวุโสเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) มลทินในร่างกายท่านถูกกำจัดออกไปแล้ว คาดว่าไม่นานพลังที่ถูกสะกดไว้จะกลับเข้ามาในร่างท่านใหม่ ใช้เวลาไม่นาน ท่านน่าจะกลับภูเขาเทวาได้ แต่จำไว้! หลังจากกลับไปแล้ว จงอย่าได้ไปคบหากับคนที่ท่านเคยสนิทสนมด้วยที่สุดอีก เขาไม่ใช่สหายที่แท้จริงของท่าน แค่คิดจะแย่งชิงพรสวรรค์ของท่านเท่านั้น หากพรสวรรค์ของท่านถูกแย่งชิงไปอีกครั้ง เช่นนั้นคนที่เกี่ยวข้องกับท่านก็จะไร้วาสนากับตำแหน่งเทพเช่นกัน” หลิวหลีกล่าวอย่างจริงจัง บางครั้งนางก็ไม่เข้าใจ เหตุใดตนถึงสามารถทำนายเรื่องพวกนี้ออกมาได้ แล้วยังไม่โดนสวรรค์ลงโทษเหมือนที่ตำนานว่ากัน หรือตนจะเป็นคนโปรดของโลกใบนี้จริงๆ? หลิวหลีหัวเราะด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

“ขอบคุณมากที่บอกให้ข้ารู้” หากตนได้กลับไปที่ภูเขาเทวาอีกครั้งจริง เขาตั้งใจว่าจะไม่รับใครเข้ามาอีกแล้ว โดยเฉพาะคนที่ทำร้ายเขาอย่างหนักและคิดจะแย่งตำแหน่งของตน

“อีกอย่าง เรื่องที่ข้าสามารถมองเห็นอนาคตของผู้อื่นได้ต้องเก็บเป็นความลับไว้ก่อน ผู้อาวุโสทั้งสองท่านต้องสาบานต่อฟ้าดิน ผู้อาวุโสทั้งสองท่านกล้าหรือไม่?” หลิวหลีพูดพลางมองเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) กับหมิงเยี่ย

“ข้าเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) ขอสาบานต่อฟ้าดินว่าข้าจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่หลงหลิวหลีล่วงรู้อนาคตนี้ออกไปแม้แต่น้อย หากผิดคำสาบานขอให้หายไปจากโลกและเกิดใหม่ไม่ได้” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) เอ่ยคำสาบานต่อฟ้าดินออกมา ทันใดนั้นฟ้าดินก็แปรปรวนเมื่อรับรู้คำสาบาน

“ข้าหมิงเยี่ยขอสาบานต่อฟ้าดินว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องที่หลงหลิวหลีสามารถมองเห็นอนาคตของผู้อื่นได้ หากผิดคำสาบาน ขอให้ข้าถูกฟ้าผ่า ไม่สามารถกลับมาเกิดได้อีก” คำสาบานต่อฟ้าดินของหมิงเยี่ยก็ถูกตราเอาไว้แล้ว พวกเขาเข้าใจความกังวลของหลิวหลีดี แม้ว่าเขามั่นใจว่าจะได้เป็นเทพ แต่ก็เป็นไปได้ที่จะโดนฟ้าลงโทษ การสาบานเช่นนี้ทุกคนจะได้วางใจ

“ขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสองท่านมากที่ยินดีให้ความร่วมมือ ข้าจะตรวจดูอนาคตคนหนึ่งให้ผู้อาวุโสแต่ละท่าน” หลิวหลีรู้ดีว่าควรจะพอที่ตรงไหน แถมยังเสนอเงื่อนไขอย่างใจกว้าง ทำให้ทั้งสองคนดีใจอย่างมาก

“แต่ทางที่ดีควรเป็นคนที่ข้าเคยเจอ คนที่ไม่เคยเห็นหน้า ข้าไม่สามารถทำนายอนาคตของเขาได้” หลิวหลีพูด นี่ก็เป็นข้อเสียของความสามารถพิเศษนี้ที่นางค้นพบ

“ขอบคุณท่านมาก เช่นนั้นรบกวนตรวจดูอนาคตของจวินหาวให้ข้าที” ยิ่งเจ้าพูดเช่นนี้ในใจก็ยิ่งตึงเครียด เขาไม่รู้เลยว่าอนาคตของหลานชายตนจะเป็นอย่างไร แม้ว่าหลานชายของเขาจะเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพมาร แต่ก็เป็นเพียงผู้ท้าชิงเท่านั้น อนาคตเขาจะเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ ตอนนี้มีโอกาสเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปล่อยไปแน่

“จวินหาวหรือ?” หลิวหลีนึกถึงตอนที่ตนน่าจะเพิ่งเปิดเผยตัวว่าเป็นศิษย์ระดับพิเศษแล้วทะเลาะกับจวินหาวเข้า คนผู้นี้ไม่ได้มีจิตใจเลวร้าย ก็แค่ทำตัวใจร้ายแต่ภายในใจนั้นเป็นคนดี

“อนาคตยาวไกล ยังมีหวัง” หลิวหลีคิดแล้วกล่าว แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องใช้ความพยายามของตนเองด้วย หากเอาแต่ฟังคำทำนายแล้วไม่พยายาม อนาคตก็เปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน

หมิงเยี่ยเข้าใจความหมายในคำพูดของหลิวหลีทันที เขาเข้าใจดีว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องให้หลานชายพยายามด้วยตัวเอง

“รบกวนท่านช่วยดูอนาคตของปั๋วเล่อลูกศิษย์ข้าให้ทีว่าจะเป็นอย่างไร” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) คิดแล้ว นอกจากสหายของตน ก็มีลูกศิษย์คนนี้ที่เขาสนิทสนมด้วย

“สายลับ” หลิวหลีพูดสองคำนี้ออกมา สำหรับเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) แล้วไม่ต่างอะไรกับสายฟ้าฟาด สายลับคืออะไรทำไมเขาจะไม่รู้? หรือว่าตลอดหลายปีที่สนิทสนมชิดเชื้อเป็นอาจารย์และศิษย์กันล้วนเป็นสิ่งที่เขาแสร้งทำ? คนผู้นี้ช่างน่ากลัวนัก! หรือจะเป็นเขา? ตนเองถูกเขาทำร้ายจนเกือบหมดอนาคต คิดไม่ถึงว่าจะยังเชื่อใจอีกฝ่าย! แถมยังจะทำร้ายจิตใจเขาจนชอกช้ำอีก คนผู้นั้นจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้เลยหรือ

“จะเป็นไปได้อย่างไร” หมิงเยี่ยไม่เชื่อเช่นกันว่าปั๋วเล่อผู้นี้จะเป็นสายลับ เห็นๆกันอยู่ว่าเด็กคนนั้นเป็นเด็กร่าเริง เขาลองตรวจดูเองด้วยเหมือนกัน เด็กคนนั้นไม่มีปัญหาอะไร ทำไมหลิวหลีถึงบอกว่าเป็นสายลับ? นี่เป็นไปไม่ได้

“คงจะถูกคนอื่นสั่งมา พวกเจ้าอยู่ด้านนอกล้วนอยู่มีตำแหน่งสูงๆ คิดว่าในภูเขาเทวาคงจะมีคนมากมายที่มีพลังบำเพ็ญเพียรสูงกว่าพวกเจ้ามาก เล่นลูกเล่นนิดหน่อยพวกเจ้าไม่มีทางรู้ โดยเฉพาะความสามารถในการทำนายของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) ถูกทำลายส่วนหนึ่ง พลังบำเพ็ญเพียรไม่มี ความสามารถก็ไม่มี แน่นอนว่าย่อมไม่เจออะไร พลังบำเพ็ญเพียรของปั๋วเล่อเกรงว่าจะไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอก พวกเจ้าทำตัวเหมือนเดิมต่อไปก็พอ ไม่นับว่าเป็นปัญหาใหญ่อะไรมากนัก” เมื่อหลิวหลีพูดเช่นนี้ออกมา ทั้งสองก็เข้าใจทันที ปั๋วเล่อเป็นเพียงปลาตัวเล็ก ย่อมต้องมีปลาตัวใหญ่อยู่เบื้องหลัง

“ทั้งสองท่านเชื่อข้าขนาดนี้เลยหรือ” อยู่ๆหลิวหลีก็ถามขึ้นมา ทั้งสองคนยังไม่ทันได้หายตกใจจากเรื่องที่ปั๋วเล่อเป็นสายลับ พอได้ยินหลิวหลีจึงได้สติ

“แน่นอน พวกข้าเป็นสหายที่ผ่านเรื่องลำบากด้วยกันมามาก หากเขาเชื่อ แน่นอนว่าข้าต้องเชื่อด้วย” หมิงเยี่ยกล่าว

“มีสหายคนสนิทสักคนในชีวิตนับเป็นเรื่องโชคดีนัก” หลิวหลีถอนหายใจ นางก็เช่นกัน สหายของนางล้วนเชื่อใจนางกันหมด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 349 เชื่อใจหลิวหลีอย่างประหลาด

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 349 เชื่อใจหลิวหลีอย่างประหลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แต่ว่า ท่านผู้อาวุโส ท่านควรอธิบายกับข้าด้วยหรือไม่ ว่าเหตุใดถึงได้เรียกข้าว่าแขกผู้ทรงเกียรติ?” หลิวหลีเปลี่ยนเรื่อง

“ข้ามองสถานะของท่านไม่ออก ในอนาคตจะต้องเป็นผู้สูงส่งเป็นแน่ ข้ามองเห็นเมฆมงคล ต่อไปท่านจะได้เป็นเทพอย่างแน่นอน ผู้ที่กลายเป็นเทพได้ล้วนมีความสามารถในการทำนาย ข้าผู้เป็นเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) โดดเด่นเรื่องการทำนาย ได้ทำนายเอาไว้ว่าจะมีมหาเทพสูงสุดถือกำเนิดขึ้น แต่กลับไม่เป็นที่ยอมรับจากกลุ่มคนในภูเขาเทวา ทำลายพลังบางส่วนของข้าและขับข้าออกจากภูเขาเทวา ตอนนี้ข้ามีพลังบำเพ็ญเพียรแค่ในขอบเขตราชาเทพ ไม่สามารถทำนายได้มากมายเหมือนที่ผ่านมาวันนี้รู้ว่าท่านจะมา ข้าจึงอยากจะลองดู พวกข้าเป็นพวกไม่มีเมล็ดพันธุ์แห่งเทพ อย่างที่ดีที่สุดคือมีพลังบำเพ็ญเพียรในขอบเขตขุนนางเทพ วันนี้ท่านได้ยืนยันว่าข้ากับหมิงเยี่ยจะได้เป็นขุนนางเทพอย่างแน่นอน นั่นนับเป็นปลายทางที่ดีที่สุดสำหรับพวกข้าสองคนแล้ว” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) อธิบาย

“จากที่เจ้าว่าข้าจะได้เป็นเทพแน่หรือ?” หลิวหลีฟังแล้วรู้สึกสนใจขึ้นมา นางไม่ได้คิดว่าเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) เป็นคนประจบสอพลอ แต่แค่สงสัยว่าเขาจะพูดอย่างไร? เป็นเพราะทำนายว่าจะมีมหาเทพสูงสุดปรากฎตัวขึ้นจึงถูกทำลายพลังและโดนขับไล่ลงมา ดูแล้วทักษะการทำนายของคนผู้นี้จะเก่งกาจพอสมควร

“ถูกต้อง ดูจากโหงวเฮ้งของท่านแล้วจะเป็นเช่นนั้น อีกทั้งข้ายังมั่นใจได้ว่าท่านคงไม่ได้กำลังเย้าคนแก่อย่างพวกข้าสองคนเล่นแน่” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) พูดอย่างมั่นใจ

“ฮ่าๆ ข้ารู้สึกว่าไม่ว่าข้าจะอยู่โลกไหนก็มักจะได้เจอคนเช่นนี้อยู่เสมอ” หลิวหลีเอ่ยยิ้มๆ ดูเหมือนว่านางจะรับบทผู้กอบกู้อยู่ตลอด ถึงขนาดที่นางมีพลังทำนายอย่างประหลาด นางถึงขนาดสามารถมองเห็นอนาคตของผู้ที่มีพลังน้อยกว่านางได้ หรือว่าจะเป็นเพราะนางจะต้องกลายเป็นเทพ? หลิวหลีคิดอย่างไม่เข้าใจ

“ฮ่าๆ ถึงแม้คนที่ล่วงรู้ลิขิตสวรรค์อย่างพวกข้าจะมีน้อย แต่ก็พอจะมีอยู่บ้าง บางคนเชื่อ บางคนไม่เชื่อ ตอนนี้ท่านควรเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียรเข้าภูเขาเทวาเพื่อแย่งชิงตำแหน่งของตนเองได้แล้ว” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) แนะนำ

“เจ้าบอกว่าข้าจะได้เป็นเทพอย่างแน่นอน ตำแหน่งของข้ายังมีคนสามารถแย่งไปได้อีกหรือ?” หลิวหลีเอ่ยอย่างโอ้อวด

“ท่านมั่นใจแบบที่ข้าคิดเอาไว้ พวกข้ารู้สึกละอายใจนัก” คำพูดของหลิวหลีทำให้เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) ช็อคไป นั่นสิ ของๆตนจะถูกผู้อื่นแย่งไปได้อย่างไรล่ะ เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) นึกถึงนาทีที่ตนถูกไล่ลงจากเขาตอนนั้น เหอะ หลิวหลีพูดถูก ตำแหน่งนั้นจริงๆแล้วเป็นของเขา ต่อให้โดนแย่งไปได้ก็เป็นเพียงตัวแทนชั่วคราวเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องกลับไปอยู่ในมือตนอยู่ดี เมื่อคิดเช่นนี้ เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) ก็มั่นใจตัวเองขึ้นมากอย่างประหลาด

“คนเราหากยังไม่เชื่อใจในตนเอง เจ้าจะมีสิทธิ์อะไรไปคาดหวังให้ผู้อื่นเชื่อมั่นในตัวเจ้า” หลิวหลีพูดอย่างจริงจัง

“ขอบคุณท่านพี่หมิงเยี่ยมาก” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) เอ่ยขอบคุณซ้ำอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะคนผู้นี้ช่วยเหลือเขาไว้ในยามที่ท้อแท้ ทั้งยังได้รู้ว่าหลิวหลีเป็นนักปรุงยาเทพ ให้เขาเชิญมาเพื่อรักษาตนเอง ไม่อย่างนั้นตนจะสามารถทำนายอนาคตของตัวเองได้อย่างไรล่ะ เพราะฉะนั้นสหายที่ช่วยเหลืออย่างจริงใจในเวลาที่ตนเองท้อแท้ใจมากที่สุดนั้นถึงจะเป็นสหายที่แท้จริง

“เราพี่น้องไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก อย่างไรเสียเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) เจ้าช่วยเหลือข้ามามากกว่านี้เสียอีก” หมิงเยี่ยส่ายหน้า

“ผู้อาวุโสเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) มลทินในร่างกายท่านถูกกำจัดออกไปแล้ว คาดว่าไม่นานพลังที่ถูกสะกดไว้จะกลับเข้ามาในร่างท่านใหม่ ใช้เวลาไม่นาน ท่านน่าจะกลับภูเขาเทวาได้ แต่จำไว้! หลังจากกลับไปแล้ว จงอย่าได้ไปคบหากับคนที่ท่านเคยสนิทสนมด้วยที่สุดอีก เขาไม่ใช่สหายที่แท้จริงของท่าน แค่คิดจะแย่งชิงพรสวรรค์ของท่านเท่านั้น หากพรสวรรค์ของท่านถูกแย่งชิงไปอีกครั้ง เช่นนั้นคนที่เกี่ยวข้องกับท่านก็จะไร้วาสนากับตำแหน่งเทพเช่นกัน” หลิวหลีกล่าวอย่างจริงจัง บางครั้งนางก็ไม่เข้าใจ เหตุใดตนถึงสามารถทำนายเรื่องพวกนี้ออกมาได้ แล้วยังไม่โดนสวรรค์ลงโทษเหมือนที่ตำนานว่ากัน หรือตนจะเป็นคนโปรดของโลกใบนี้จริงๆ? หลิวหลีหัวเราะด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

“ขอบคุณมากที่บอกให้ข้ารู้” หากตนได้กลับไปที่ภูเขาเทวาอีกครั้งจริง เขาตั้งใจว่าจะไม่รับใครเข้ามาอีกแล้ว โดยเฉพาะคนที่ทำร้ายเขาอย่างหนักและคิดจะแย่งตำแหน่งของตน

“อีกอย่าง เรื่องที่ข้าสามารถมองเห็นอนาคตของผู้อื่นได้ต้องเก็บเป็นความลับไว้ก่อน ผู้อาวุโสทั้งสองท่านต้องสาบานต่อฟ้าดิน ผู้อาวุโสทั้งสองท่านกล้าหรือไม่?” หลิวหลีพูดพลางมองเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) กับหมิงเยี่ย

“ข้าเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) ขอสาบานต่อฟ้าดินว่าข้าจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่หลงหลิวหลีล่วงรู้อนาคตนี้ออกไปแม้แต่น้อย หากผิดคำสาบานขอให้หายไปจากโลกและเกิดใหม่ไม่ได้” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) เอ่ยคำสาบานต่อฟ้าดินออกมา ทันใดนั้นฟ้าดินก็แปรปรวนเมื่อรับรู้คำสาบาน

“ข้าหมิงเยี่ยขอสาบานต่อฟ้าดินว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องที่หลงหลิวหลีสามารถมองเห็นอนาคตของผู้อื่นได้ หากผิดคำสาบาน ขอให้ข้าถูกฟ้าผ่า ไม่สามารถกลับมาเกิดได้อีก” คำสาบานต่อฟ้าดินของหมิงเยี่ยก็ถูกตราเอาไว้แล้ว พวกเขาเข้าใจความกังวลของหลิวหลีดี แม้ว่าเขามั่นใจว่าจะได้เป็นเทพ แต่ก็เป็นไปได้ที่จะโดนฟ้าลงโทษ การสาบานเช่นนี้ทุกคนจะได้วางใจ

“ขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสองท่านมากที่ยินดีให้ความร่วมมือ ข้าจะตรวจดูอนาคตคนหนึ่งให้ผู้อาวุโสแต่ละท่าน” หลิวหลีรู้ดีว่าควรจะพอที่ตรงไหน แถมยังเสนอเงื่อนไขอย่างใจกว้าง ทำให้ทั้งสองคนดีใจอย่างมาก

“แต่ทางที่ดีควรเป็นคนที่ข้าเคยเจอ คนที่ไม่เคยเห็นหน้า ข้าไม่สามารถทำนายอนาคตของเขาได้” หลิวหลีพูด นี่ก็เป็นข้อเสียของความสามารถพิเศษนี้ที่นางค้นพบ

“ขอบคุณท่านมาก เช่นนั้นรบกวนตรวจดูอนาคตของจวินหาวให้ข้าที” ยิ่งเจ้าพูดเช่นนี้ในใจก็ยิ่งตึงเครียด เขาไม่รู้เลยว่าอนาคตของหลานชายตนจะเป็นอย่างไร แม้ว่าหลานชายของเขาจะเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพมาร แต่ก็เป็นเพียงผู้ท้าชิงเท่านั้น อนาคตเขาจะเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ ตอนนี้มีโอกาสเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปล่อยไปแน่

“จวินหาวหรือ?” หลิวหลีนึกถึงตอนที่ตนน่าจะเพิ่งเปิดเผยตัวว่าเป็นศิษย์ระดับพิเศษแล้วทะเลาะกับจวินหาวเข้า คนผู้นี้ไม่ได้มีจิตใจเลวร้าย ก็แค่ทำตัวใจร้ายแต่ภายในใจนั้นเป็นคนดี

“อนาคตยาวไกล ยังมีหวัง” หลิวหลีคิดแล้วกล่าว แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องใช้ความพยายามของตนเองด้วย หากเอาแต่ฟังคำทำนายแล้วไม่พยายาม อนาคตก็เปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน

หมิงเยี่ยเข้าใจความหมายในคำพูดของหลิวหลีทันที เขาเข้าใจดีว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องให้หลานชายพยายามด้วยตัวเอง

“รบกวนท่านช่วยดูอนาคตของปั๋วเล่อลูกศิษย์ข้าให้ทีว่าจะเป็นอย่างไร” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) คิดแล้ว นอกจากสหายของตน ก็มีลูกศิษย์คนนี้ที่เขาสนิทสนมด้วย

“สายลับ” หลิวหลีพูดสองคำนี้ออกมา สำหรับเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) แล้วไม่ต่างอะไรกับสายฟ้าฟาด สายลับคืออะไรทำไมเขาจะไม่รู้? หรือว่าตลอดหลายปีที่สนิทสนมชิดเชื้อเป็นอาจารย์และศิษย์กันล้วนเป็นสิ่งที่เขาแสร้งทำ? คนผู้นี้ช่างน่ากลัวนัก! หรือจะเป็นเขา? ตนเองถูกเขาทำร้ายจนเกือบหมดอนาคต คิดไม่ถึงว่าจะยังเชื่อใจอีกฝ่าย! แถมยังจะทำร้ายจิตใจเขาจนชอกช้ำอีก คนผู้นั้นจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้เลยหรือ

“จะเป็นไปได้อย่างไร” หมิงเยี่ยไม่เชื่อเช่นกันว่าปั๋วเล่อผู้นี้จะเป็นสายลับ เห็นๆกันอยู่ว่าเด็กคนนั้นเป็นเด็กร่าเริง เขาลองตรวจดูเองด้วยเหมือนกัน เด็กคนนั้นไม่มีปัญหาอะไร ทำไมหลิวหลีถึงบอกว่าเป็นสายลับ? นี่เป็นไปไม่ได้

“คงจะถูกคนอื่นสั่งมา พวกเจ้าอยู่ด้านนอกล้วนอยู่มีตำแหน่งสูงๆ คิดว่าในภูเขาเทวาคงจะมีคนมากมายที่มีพลังบำเพ็ญเพียรสูงกว่าพวกเจ้ามาก เล่นลูกเล่นนิดหน่อยพวกเจ้าไม่มีทางรู้ โดยเฉพาะความสามารถในการทำนายของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) ถูกทำลายส่วนหนึ่ง พลังบำเพ็ญเพียรไม่มี ความสามารถก็ไม่มี แน่นอนว่าย่อมไม่เจออะไร พลังบำเพ็ญเพียรของปั๋วเล่อเกรงว่าจะไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอก พวกเจ้าทำตัวเหมือนเดิมต่อไปก็พอ ไม่นับว่าเป็นปัญหาใหญ่อะไรมากนัก” เมื่อหลิวหลีพูดเช่นนี้ออกมา ทั้งสองก็เข้าใจทันที ปั๋วเล่อเป็นเพียงปลาตัวเล็ก ย่อมต้องมีปลาตัวใหญ่อยู่เบื้องหลัง

“ทั้งสองท่านเชื่อข้าขนาดนี้เลยหรือ” อยู่ๆหลิวหลีก็ถามขึ้นมา ทั้งสองคนยังไม่ทันได้หายตกใจจากเรื่องที่ปั๋วเล่อเป็นสายลับ พอได้ยินหลิวหลีจึงได้สติ

“แน่นอน พวกข้าเป็นสหายที่ผ่านเรื่องลำบากด้วยกันมามาก หากเขาเชื่อ แน่นอนว่าข้าต้องเชื่อด้วย” หมิงเยี่ยกล่าว

“มีสหายคนสนิทสักคนในชีวิตนับเป็นเรื่องโชคดีนัก” หลิวหลีถอนหายใจ นางก็เช่นกัน สหายของนางล้วนเชื่อใจนางกันหมด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+