แม่ครัวยอดเซียน 305 มู่มู่ท้องแล้ว

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 305 มู่มู่ท้องแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 305 มู่มู่ท้องแล้ว

ณ ดินแดนอสูรเทพ หลิวหลีเป็นคู่ฝึกให้เด็กสองอยู่หลายวันก็ตัดสินใจไปพบจ้านปู้หุ่ยกับหนานกงเวิ่นเทียน ตอนแรกผู้อาวุโสท่านนี้เคยบอกว่าหากพวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังบำเพ็ญเพียรขั้นจักรพรรดิเซียนให้ไปหาเขา และตอนนี้พ่อแม่ของเด็กสองคนก็ออกจากฌานแล้ว ได้เวลาไปหาผู้อาวุโสปู้หุ่ยแล้ว เพียงแต่เส้นลมปราณธาตุไฟอันเป็นที่อยู่ของเพลิงนพเก้ากลืนนภาซึ่งเป็นเพลิงอัคคีหลักของนาง เฮ้อ ไม่รู้ว่าเพลิงเซียนที่สูงค่าที่สุดในโลกเซียนอยู่ที่ไหน

“น้องหญิงกำลังคิดว่าเพลิงเซียนลูกสุดท้ายอยู่ที่ไหนหรือ?” หนานกงเวิ่นเทียนย่อมรับรู้ได้ว่าหลิวหลีกำลังคิดอะไร ตอนนี้ ‘คัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณ’ ฉบับโลกเซียนของนางขาดเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายแล้ว แน่นอนว่าน้องหญิงของเขาต้องอยากรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน

“ใช่ ไม่มีข้อมูลกับเบาะแสอะไรเลยสักนิด เฮ้อ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วกัน พวกเราไปหาผู้อาวุโสปู้หุ่ยกันก่อนเถอะ” สิ่งของของเผ่ามารรัตติกาลจะไม่ใช่ก็น่าเสียดาย จะยกประโยชน์ให้พวกมารที่เหลือของเผ่ามารรัตติกาลคงไม่ดีแน่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นมารจากเผ่ามารรัตติกาลที่แสนจะหลงตัวเองเสียด้วย

“ก็ดีเหมือนกัน” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นด้วย

จื่อฉีมาแจ้งข่าวให้กับหลิวหลีอย่างมีความสุข แต่กลับได้รู้ว่าหลิวหลีจากไปแล้ว จึงไม่แน่ใจว่าไปไหน

“ท่านพี่ รอพวกข้าหน่อยไม่ได้เลยหรือ” จื่อฉีรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ

“ช่างเถอะ เจ้าพูดมาสิว่ามีเรื่องอะไร ต่อให้ไม่ได้บอกหลิวหลี พวกเราก็ควรจะรู้กระมัง” เอ๋าเลี่ยมองสีหน้าหดหู่ของจื่อฉีก็พูดออกมาอย่างอดไม่ได้

“ก็ได้ มู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว ข้าอยากบอกท่านพี่เป็นคนแรก” จื่อฉียังคงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย

“เจ้าเด็กน้อย เร็วใช้ได้เลยนี่ แต่เจ้าก็รู้ดี แม้ว่าพี่สาวของเจ้าจะอวยพรให้เจ้า แต่ก็อย่าได้ไปกระตุ้นสามีภรรยาคู่นั้นเลย” เอ๋าเลี่ยสามารถคาดเดาสีหน้าของหลิวหลีออกเลย ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนแต่งงานกันเร็วที่สุด สรุปคือคู่ที่มีลูกก่อนใครคือคู่อสูรเทพที่อายุเยอะที่สุดอย่างพวกเขา กว่าจ๋ายจ่ายกับเจี๋ยนเจี่ยนจะเติบโตขึ้นมาได้ จื่อฉีกับมู่มู่ก็มีเรื่องน่ายินดีมาอีก มันจะไม่แทงใจสามีภรรยาคู่นั้นไปหน่อยหรือ เขากลัวว่านังหนูจะคิดมาก

“เหอะๆ” จื่อฉีหัวเราะแหยๆ ดูเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าหากท่านพี่รู้เข้า จะต้องนัดเขามาประลองฝีมือกันแน่นอน

“มู่มู่สบายดีหรือไม่ ไม่มีอาการแปลกๆใช่ไหม” อิงเสวี่ยเป็นห่วงมู่มู่ขึ้นมา ตอนนั้นนางทรมานอย่างมาก

“มู่มู่สบายดี พอรู้ว่าตั้งครรภ์ก็ชอบกินมากขึ้น เพียงแต่มู่มู่บอกว่านางชอบปลาต้มผักกาดดองในงานแต่งมาก ข้าเลยมาแจ้งข่าวดีกับท่านพี่ ถือโอกาสเอาปลาต้มผักกาดดองกลับไปด้วย มู่มู่ตั้งครรภ์ เสด็จแม่ก็ทราบแล้วเช่นกัน ตื่นเต้นกว่ามู่มู่เสียอีก ไม่ยอมให้นางขยับตัวไปมา ประคบประหงมมู่มู่มาก นางอยากกินอะไร พอพูดจบก็มีคนยกมาให้” เมื่อนึกถึงฮูหยินที่ได้รับการประคบประหงมราวเป็นสมบัติล้ำค่าของวังนภาพฤกษา จื่อฉีก็นึกถึงคำโอดครวญของนาง ที่บอกว่าไร้ซึ่งอิสรภาพ

“มู่มู่เป็นคนโชคดี พูดถึงปลาต้มผักกาดดองแล้ว ข้านึกถึงตอนที่ข้ากับมู่มู่จัดการข้าวของของเราสองคนแล้วเจอสูตรอาหารที่หลิวหลีทิ้งไว้ให้ น่าจะมีอยู่ ข้าไปหาก่อน” อิงเสวี่ยพูด นางไม่รู้เลยว่าหลิวหลีให้สูตรอาหารเป็นของขวัญแต่งงานแก่พวกเขา

“รบกวนพี่อิงเสวี่ยแล้ว” จื่อฉีเกรงใจเล็กน้อย

“นี่เป็นเรื่องดี จื่อฉีมีอะไรไม่เข้าใจ ถึงพี่สาวของเจ้าจะไม่อยู่ เจ้าก็สามารถถามพี่อิงเสวี่ยของเจ้าได้ อย่างไรเสียนางก็เคยมีลูกมาก่อน” เอ๋าเลี่ยพูด

“เรื่องนี้น่ะ ข้าคิดว่าถามท่านพี่จะดีกว่า อย่างไรเสียท่านพี่ก็มีประสบการณ์มาก” ถึงนางจะไม่เคยมีลูก แต่ก็เป็นคนเลี้ยงเขาจนโต และก็เลี้ยงลูกชายฝาแฝดของพี่อาเลี่ยอีกด้วย สำคัญก็คือจ๋ายจ่ายกับเจี๋ยนเจี่ยนคลอดออกมาได้อย่างไรนั้นไม่มีใครรู้ เขาเองก็ไม่รู้ ดังนั้นการที่บอกว่าจะให้พี่อิงเสวี่ยช่วยนั้น นางไม่มีประสบการณ์เลยสักนิด

“จริงด้วย” จู่ๆเอ๋าเลี่ยก็นึกขึ้นได้ว่าถามอิงเสวี่ยไปก็ไม่มีประโยชน์ ลูกชายทั้งสองคนของเขาหลิวหลีเป็นคนทำคลอด และเป็นคนเลี้ยง อยู่ๆก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างมาก

“หาเจอแล้ว ไม่รู้นังหนูไปไหน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เจ้าให้วังนภาพฤกษาทำตามสูตรอาหารให้มู่มู่ไปก่อน รสชาติคงไม่ต่างกันมาก” อิงเสวี่ยว่า

“ต่างมากแน่ คนของวังนภาพฤกษาจะใช้เพลิงเซียนทำอาหารให้มู่มู่ได้หรือ” นอกจากท่านพี่แล้ว ใครจะทำใจยอมใช้เพลิงเซียนทำอาหารกัน รสชาติจะไปเหมือนกันได้อย่างไร เฮ้อ ท่านพี่ไปไหนกันนะ

“ก็จริง ไม่ใช่ทุกคนจะเก่งกาจจนมีเพลิงเซียนหลากหลายชนิดอย่างพี่สาวเจ้า เอามาปรุงยา ทำอาหาร ต่อสู้ แล้วยังมีเหลือใช้อีก” เอ๋าเลี่ยแขวะ ก็ไม่ใช่ทุกคนจะกล้าหาญดูดซับเพลิงเซียนมากมายขนาดนั้นแล้วยังไม่เป็นอะไรแบบนังหนู

“ไม่พูดแล้ว อย่างไรเสียท่านพี่ก็ไม่ได้อยู่ดินแดนอสูรเทพ ข้ากลับไปอยู่เป็นเพื่อนมู่มู่ดีกว่า” ในเมื่อไม่รู้ว่าท่านพี่ไปไหน เช่นนั้นกลับไปหาฮูหยินดีกว่า นางต้องการเขาให้อยู่เป็นเพื่อน

“ก็ดี หญิงตั้งครรภ์มักคิดเหลวไหล เจ้าอยู่เป็นเพื่อนมู่มู่เสียหน่อยก็ดี” เอ๋าเลี่ยมีประสบการณ์เต็มที่ เข้าใจความสำคัญของการอยู่เป็นเพื่อนของสามี

“ข้าขอตัวก่อน” จื่อฉีถือสูตรอาหารแล้วจากไป ทันใดนั้นก็คิดอะไรออก ใช่ ตนมีทายาทถือเป็นเรื่องดี ควรจะไปบอกผู้อาวุโสสักหน่อยถึงจะถูก เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็เปลี่ยนเส้นทางตรงไปยังดินแดนอสูรเทพ

อีกฝั่งหนึ่งทั้งสองเดินทางมาถึงหน้าปากถ้ำที่ปู้หุ่ยอาศัยอยู่

“ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายเล็กน้อยของมารรัตติกาลในถ้ำ และผู้อาวุโสปู้หุ่ยก็ดูอ่อนแรง อ่อนแอลงเรื่อยๆ” หลิวหลีพูด

“ตอนนี้ผู้อาวุโสปู้หุ่ยเหมือนเป็นไม้ใกล้ฝั่ง” ในใจหนานกงเวิ่นเทียนไร้ซึ่งความไม่พอใจ ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับผู้เฒ่าคนหนึ่ง

“เฮ้อ ผู้อาวุโสปู้หุ่ยกักขังคนเผ่ามารรัตติกาลไว้ในดวงตาเป็นเวลานานจนแยกกันไม่ออกแล้ว” หลิวหลีพูด ผู้อาวุโสปู้หุ่ยให้พวกเขาที่เริ่มสัมผัสได้ถึงพลังในขั้นจักรพรรดิเซียนมาเพื่อดูดซับพลังของมารรัตติกาล คาดว่าคงรวมถึงตัวเขาด้วย

“ใช่ ข้าคิดว่าเป้าหมายเดียวของผู้อาวุโสปู้หุ่ยคือไม่ปลดปล่อยมารตนนี้ บวกกับการตายของสุ่ยจวิน ผู้อาวุโสยิ่งไม่มีเหตุผลให้ต้องมีชีวิตต่ออีกแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นด้วยเช่นกัน

“พวกเจ้าสองคนพึมพำอะไรกันอยู่ข้างนอก ยังไม่รีบเข้ามาอีก” เสียงของปู้หุ่ยดังออกมาจากในถ้ำ

“ไปกันเถอะ”

“ผู้อาวุโส” ทั้งสองพูดอย่างเคารพ

“คิดไม่ถึงจริงๆว่าพวกเจ้าสองคนจะเก่งกาจเพียงนี้ รู้สึกได้ถึงขอบเขตพลังขั้นจักรพรรดิเซียนได้เร็วขนาดนี้เลย” เรียกว่าเป็นคนโปรดของเทพเจ้าก็คงไม่เกินไป

“ผู้อาวุโสปู้หุ่ย เหตุใดท่านต้องลำบากถึงเพียงนี้” หลิวหลีพูดนอกเรื่อง

“การคงอยู่ของข้าก็เพื่อรอวันนี้ ข้าต้องขอบคุณพวกเจ้า มิเช่นนั้นข้าคงไม่รู้ว่าข้าจะสามารถทนต่อไปได้ไหม” ปู้หุ่ยส่ายหน้าขณะมองดูพวกเขาสองคนด้วยแววตาสงบนิ่งเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นพอถึงตอนนั้นมารรัตติกาลก็จะหลุดออกมาก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้น

“ทั้งที่ตอนแรกผู้อาวุโสยังมีความคิดอื่นอีก เหตุใดต้องทรมานลงโทษตนเองเช่นนี้” หลิวหลีไม่เข้าใจวิธีที่ทำร้ายตนเองเช่นนี้ มันเพื่ออะไรกันแน่

“มีเหตุย่อมมีผล เหตุเกิดเพราะข้า ข้าก็ควรจะจบผลของมัน” จ้านปู้หุ่ยพูดพลางส่ายหน้า

“พวกเจ้าลงมือเถอะ ดีที่พวกเจ้ามาได้จังหวะพอดี” จ้านปู้หุ่ยพูด

“ผู้อาวุโส ก่อนจะลงมือ ข้าต้องการทำสิ่งหนึ่ง” หลิวหลีพูดจบก็ปล่อยดวงตาและความคิดให้ว่างเปล่า ขณะมองจ้านปู้หุ่ย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 305 มู่มู่ท้องแล้ว

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 305 มู่มู่ท้องแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 305 มู่มู่ท้องแล้ว

ณ ดินแดนอสูรเทพ หลิวหลีเป็นคู่ฝึกให้เด็กสองอยู่หลายวันก็ตัดสินใจไปพบจ้านปู้หุ่ยกับหนานกงเวิ่นเทียน ตอนแรกผู้อาวุโสท่านนี้เคยบอกว่าหากพวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังบำเพ็ญเพียรขั้นจักรพรรดิเซียนให้ไปหาเขา และตอนนี้พ่อแม่ของเด็กสองคนก็ออกจากฌานแล้ว ได้เวลาไปหาผู้อาวุโสปู้หุ่ยแล้ว เพียงแต่เส้นลมปราณธาตุไฟอันเป็นที่อยู่ของเพลิงนพเก้ากลืนนภาซึ่งเป็นเพลิงอัคคีหลักของนาง เฮ้อ ไม่รู้ว่าเพลิงเซียนที่สูงค่าที่สุดในโลกเซียนอยู่ที่ไหน

“น้องหญิงกำลังคิดว่าเพลิงเซียนลูกสุดท้ายอยู่ที่ไหนหรือ?” หนานกงเวิ่นเทียนย่อมรับรู้ได้ว่าหลิวหลีกำลังคิดอะไร ตอนนี้ ‘คัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณ’ ฉบับโลกเซียนของนางขาดเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายแล้ว แน่นอนว่าน้องหญิงของเขาต้องอยากรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน

“ใช่ ไม่มีข้อมูลกับเบาะแสอะไรเลยสักนิด เฮ้อ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วกัน พวกเราไปหาผู้อาวุโสปู้หุ่ยกันก่อนเถอะ” สิ่งของของเผ่ามารรัตติกาลจะไม่ใช่ก็น่าเสียดาย จะยกประโยชน์ให้พวกมารที่เหลือของเผ่ามารรัตติกาลคงไม่ดีแน่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นมารจากเผ่ามารรัตติกาลที่แสนจะหลงตัวเองเสียด้วย

“ก็ดีเหมือนกัน” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นด้วย

จื่อฉีมาแจ้งข่าวให้กับหลิวหลีอย่างมีความสุข แต่กลับได้รู้ว่าหลิวหลีจากไปแล้ว จึงไม่แน่ใจว่าไปไหน

“ท่านพี่ รอพวกข้าหน่อยไม่ได้เลยหรือ” จื่อฉีรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ

“ช่างเถอะ เจ้าพูดมาสิว่ามีเรื่องอะไร ต่อให้ไม่ได้บอกหลิวหลี พวกเราก็ควรจะรู้กระมัง” เอ๋าเลี่ยมองสีหน้าหดหู่ของจื่อฉีก็พูดออกมาอย่างอดไม่ได้

“ก็ได้ มู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว ข้าอยากบอกท่านพี่เป็นคนแรก” จื่อฉียังคงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย

“เจ้าเด็กน้อย เร็วใช้ได้เลยนี่ แต่เจ้าก็รู้ดี แม้ว่าพี่สาวของเจ้าจะอวยพรให้เจ้า แต่ก็อย่าได้ไปกระตุ้นสามีภรรยาคู่นั้นเลย” เอ๋าเลี่ยสามารถคาดเดาสีหน้าของหลิวหลีออกเลย ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนแต่งงานกันเร็วที่สุด สรุปคือคู่ที่มีลูกก่อนใครคือคู่อสูรเทพที่อายุเยอะที่สุดอย่างพวกเขา กว่าจ๋ายจ่ายกับเจี๋ยนเจี่ยนจะเติบโตขึ้นมาได้ จื่อฉีกับมู่มู่ก็มีเรื่องน่ายินดีมาอีก มันจะไม่แทงใจสามีภรรยาคู่นั้นไปหน่อยหรือ เขากลัวว่านังหนูจะคิดมาก

“เหอะๆ” จื่อฉีหัวเราะแหยๆ ดูเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าหากท่านพี่รู้เข้า จะต้องนัดเขามาประลองฝีมือกันแน่นอน

“มู่มู่สบายดีหรือไม่ ไม่มีอาการแปลกๆใช่ไหม” อิงเสวี่ยเป็นห่วงมู่มู่ขึ้นมา ตอนนั้นนางทรมานอย่างมาก

“มู่มู่สบายดี พอรู้ว่าตั้งครรภ์ก็ชอบกินมากขึ้น เพียงแต่มู่มู่บอกว่านางชอบปลาต้มผักกาดดองในงานแต่งมาก ข้าเลยมาแจ้งข่าวดีกับท่านพี่ ถือโอกาสเอาปลาต้มผักกาดดองกลับไปด้วย มู่มู่ตั้งครรภ์ เสด็จแม่ก็ทราบแล้วเช่นกัน ตื่นเต้นกว่ามู่มู่เสียอีก ไม่ยอมให้นางขยับตัวไปมา ประคบประหงมมู่มู่มาก นางอยากกินอะไร พอพูดจบก็มีคนยกมาให้” เมื่อนึกถึงฮูหยินที่ได้รับการประคบประหงมราวเป็นสมบัติล้ำค่าของวังนภาพฤกษา จื่อฉีก็นึกถึงคำโอดครวญของนาง ที่บอกว่าไร้ซึ่งอิสรภาพ

“มู่มู่เป็นคนโชคดี พูดถึงปลาต้มผักกาดดองแล้ว ข้านึกถึงตอนที่ข้ากับมู่มู่จัดการข้าวของของเราสองคนแล้วเจอสูตรอาหารที่หลิวหลีทิ้งไว้ให้ น่าจะมีอยู่ ข้าไปหาก่อน” อิงเสวี่ยพูด นางไม่รู้เลยว่าหลิวหลีให้สูตรอาหารเป็นของขวัญแต่งงานแก่พวกเขา

“รบกวนพี่อิงเสวี่ยแล้ว” จื่อฉีเกรงใจเล็กน้อย

“นี่เป็นเรื่องดี จื่อฉีมีอะไรไม่เข้าใจ ถึงพี่สาวของเจ้าจะไม่อยู่ เจ้าก็สามารถถามพี่อิงเสวี่ยของเจ้าได้ อย่างไรเสียนางก็เคยมีลูกมาก่อน” เอ๋าเลี่ยพูด

“เรื่องนี้น่ะ ข้าคิดว่าถามท่านพี่จะดีกว่า อย่างไรเสียท่านพี่ก็มีประสบการณ์มาก” ถึงนางจะไม่เคยมีลูก แต่ก็เป็นคนเลี้ยงเขาจนโต และก็เลี้ยงลูกชายฝาแฝดของพี่อาเลี่ยอีกด้วย สำคัญก็คือจ๋ายจ่ายกับเจี๋ยนเจี่ยนคลอดออกมาได้อย่างไรนั้นไม่มีใครรู้ เขาเองก็ไม่รู้ ดังนั้นการที่บอกว่าจะให้พี่อิงเสวี่ยช่วยนั้น นางไม่มีประสบการณ์เลยสักนิด

“จริงด้วย” จู่ๆเอ๋าเลี่ยก็นึกขึ้นได้ว่าถามอิงเสวี่ยไปก็ไม่มีประโยชน์ ลูกชายทั้งสองคนของเขาหลิวหลีเป็นคนทำคลอด และเป็นคนเลี้ยง อยู่ๆก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างมาก

“หาเจอแล้ว ไม่รู้นังหนูไปไหน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เจ้าให้วังนภาพฤกษาทำตามสูตรอาหารให้มู่มู่ไปก่อน รสชาติคงไม่ต่างกันมาก” อิงเสวี่ยว่า

“ต่างมากแน่ คนของวังนภาพฤกษาจะใช้เพลิงเซียนทำอาหารให้มู่มู่ได้หรือ” นอกจากท่านพี่แล้ว ใครจะทำใจยอมใช้เพลิงเซียนทำอาหารกัน รสชาติจะไปเหมือนกันได้อย่างไร เฮ้อ ท่านพี่ไปไหนกันนะ

“ก็จริง ไม่ใช่ทุกคนจะเก่งกาจจนมีเพลิงเซียนหลากหลายชนิดอย่างพี่สาวเจ้า เอามาปรุงยา ทำอาหาร ต่อสู้ แล้วยังมีเหลือใช้อีก” เอ๋าเลี่ยแขวะ ก็ไม่ใช่ทุกคนจะกล้าหาญดูดซับเพลิงเซียนมากมายขนาดนั้นแล้วยังไม่เป็นอะไรแบบนังหนู

“ไม่พูดแล้ว อย่างไรเสียท่านพี่ก็ไม่ได้อยู่ดินแดนอสูรเทพ ข้ากลับไปอยู่เป็นเพื่อนมู่มู่ดีกว่า” ในเมื่อไม่รู้ว่าท่านพี่ไปไหน เช่นนั้นกลับไปหาฮูหยินดีกว่า นางต้องการเขาให้อยู่เป็นเพื่อน

“ก็ดี หญิงตั้งครรภ์มักคิดเหลวไหล เจ้าอยู่เป็นเพื่อนมู่มู่เสียหน่อยก็ดี” เอ๋าเลี่ยมีประสบการณ์เต็มที่ เข้าใจความสำคัญของการอยู่เป็นเพื่อนของสามี

“ข้าขอตัวก่อน” จื่อฉีถือสูตรอาหารแล้วจากไป ทันใดนั้นก็คิดอะไรออก ใช่ ตนมีทายาทถือเป็นเรื่องดี ควรจะไปบอกผู้อาวุโสสักหน่อยถึงจะถูก เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็เปลี่ยนเส้นทางตรงไปยังดินแดนอสูรเทพ

อีกฝั่งหนึ่งทั้งสองเดินทางมาถึงหน้าปากถ้ำที่ปู้หุ่ยอาศัยอยู่

“ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายเล็กน้อยของมารรัตติกาลในถ้ำ และผู้อาวุโสปู้หุ่ยก็ดูอ่อนแรง อ่อนแอลงเรื่อยๆ” หลิวหลีพูด

“ตอนนี้ผู้อาวุโสปู้หุ่ยเหมือนเป็นไม้ใกล้ฝั่ง” ในใจหนานกงเวิ่นเทียนไร้ซึ่งความไม่พอใจ ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับผู้เฒ่าคนหนึ่ง

“เฮ้อ ผู้อาวุโสปู้หุ่ยกักขังคนเผ่ามารรัตติกาลไว้ในดวงตาเป็นเวลานานจนแยกกันไม่ออกแล้ว” หลิวหลีพูด ผู้อาวุโสปู้หุ่ยให้พวกเขาที่เริ่มสัมผัสได้ถึงพลังในขั้นจักรพรรดิเซียนมาเพื่อดูดซับพลังของมารรัตติกาล คาดว่าคงรวมถึงตัวเขาด้วย

“ใช่ ข้าคิดว่าเป้าหมายเดียวของผู้อาวุโสปู้หุ่ยคือไม่ปลดปล่อยมารตนนี้ บวกกับการตายของสุ่ยจวิน ผู้อาวุโสยิ่งไม่มีเหตุผลให้ต้องมีชีวิตต่ออีกแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นด้วยเช่นกัน

“พวกเจ้าสองคนพึมพำอะไรกันอยู่ข้างนอก ยังไม่รีบเข้ามาอีก” เสียงของปู้หุ่ยดังออกมาจากในถ้ำ

“ไปกันเถอะ”

“ผู้อาวุโส” ทั้งสองพูดอย่างเคารพ

“คิดไม่ถึงจริงๆว่าพวกเจ้าสองคนจะเก่งกาจเพียงนี้ รู้สึกได้ถึงขอบเขตพลังขั้นจักรพรรดิเซียนได้เร็วขนาดนี้เลย” เรียกว่าเป็นคนโปรดของเทพเจ้าก็คงไม่เกินไป

“ผู้อาวุโสปู้หุ่ย เหตุใดท่านต้องลำบากถึงเพียงนี้” หลิวหลีพูดนอกเรื่อง

“การคงอยู่ของข้าก็เพื่อรอวันนี้ ข้าต้องขอบคุณพวกเจ้า มิเช่นนั้นข้าคงไม่รู้ว่าข้าจะสามารถทนต่อไปได้ไหม” ปู้หุ่ยส่ายหน้าขณะมองดูพวกเขาสองคนด้วยแววตาสงบนิ่งเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นพอถึงตอนนั้นมารรัตติกาลก็จะหลุดออกมาก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้น

“ทั้งที่ตอนแรกผู้อาวุโสยังมีความคิดอื่นอีก เหตุใดต้องทรมานลงโทษตนเองเช่นนี้” หลิวหลีไม่เข้าใจวิธีที่ทำร้ายตนเองเช่นนี้ มันเพื่ออะไรกันแน่

“มีเหตุย่อมมีผล เหตุเกิดเพราะข้า ข้าก็ควรจะจบผลของมัน” จ้านปู้หุ่ยพูดพลางส่ายหน้า

“พวกเจ้าลงมือเถอะ ดีที่พวกเจ้ามาได้จังหวะพอดี” จ้านปู้หุ่ยพูด

“ผู้อาวุโส ก่อนจะลงมือ ข้าต้องการทำสิ่งหนึ่ง” หลิวหลีพูดจบก็ปล่อยดวงตาและความคิดให้ว่างเปล่า ขณะมองจ้านปู้หุ่ย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 305 มู่มู่ท้องแล้ว

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 305 มู่มู่ท้องแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 305 มู่มู่ท้องแล้ว

ณ ดินแดนอสูรเทพ หลิวหลีเป็นคู่ฝึกให้เด็กสองอยู่หลายวันก็ตัดสินใจไปพบจ้านปู้หุ่ยกับหนานกงเวิ่นเทียน ตอนแรกผู้อาวุโสท่านนี้เคยบอกว่าหากพวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังบำเพ็ญเพียรขั้นจักรพรรดิเซียนให้ไปหาเขา และตอนนี้พ่อแม่ของเด็กสองคนก็ออกจากฌานแล้ว ได้เวลาไปหาผู้อาวุโสปู้หุ่ยแล้ว เพียงแต่เส้นลมปราณธาตุไฟอันเป็นที่อยู่ของเพลิงนพเก้ากลืนนภาซึ่งเป็นเพลิงอัคคีหลักของนาง เฮ้อ ไม่รู้ว่าเพลิงเซียนที่สูงค่าที่สุดในโลกเซียนอยู่ที่ไหน

“น้องหญิงกำลังคิดว่าเพลิงเซียนลูกสุดท้ายอยู่ที่ไหนหรือ?” หนานกงเวิ่นเทียนย่อมรับรู้ได้ว่าหลิวหลีกำลังคิดอะไร ตอนนี้ ‘คัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณ’ ฉบับโลกเซียนของนางขาดเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายแล้ว แน่นอนว่าน้องหญิงของเขาต้องอยากรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน

“ใช่ ไม่มีข้อมูลกับเบาะแสอะไรเลยสักนิด เฮ้อ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วกัน พวกเราไปหาผู้อาวุโสปู้หุ่ยกันก่อนเถอะ” สิ่งของของเผ่ามารรัตติกาลจะไม่ใช่ก็น่าเสียดาย จะยกประโยชน์ให้พวกมารที่เหลือของเผ่ามารรัตติกาลคงไม่ดีแน่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นมารจากเผ่ามารรัตติกาลที่แสนจะหลงตัวเองเสียด้วย

“ก็ดีเหมือนกัน” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นด้วย

จื่อฉีมาแจ้งข่าวให้กับหลิวหลีอย่างมีความสุข แต่กลับได้รู้ว่าหลิวหลีจากไปแล้ว จึงไม่แน่ใจว่าไปไหน

“ท่านพี่ รอพวกข้าหน่อยไม่ได้เลยหรือ” จื่อฉีรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ

“ช่างเถอะ เจ้าพูดมาสิว่ามีเรื่องอะไร ต่อให้ไม่ได้บอกหลิวหลี พวกเราก็ควรจะรู้กระมัง” เอ๋าเลี่ยมองสีหน้าหดหู่ของจื่อฉีก็พูดออกมาอย่างอดไม่ได้

“ก็ได้ มู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว ข้าอยากบอกท่านพี่เป็นคนแรก” จื่อฉียังคงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย

“เจ้าเด็กน้อย เร็วใช้ได้เลยนี่ แต่เจ้าก็รู้ดี แม้ว่าพี่สาวของเจ้าจะอวยพรให้เจ้า แต่ก็อย่าได้ไปกระตุ้นสามีภรรยาคู่นั้นเลย” เอ๋าเลี่ยสามารถคาดเดาสีหน้าของหลิวหลีออกเลย ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนแต่งงานกันเร็วที่สุด สรุปคือคู่ที่มีลูกก่อนใครคือคู่อสูรเทพที่อายุเยอะที่สุดอย่างพวกเขา กว่าจ๋ายจ่ายกับเจี๋ยนเจี่ยนจะเติบโตขึ้นมาได้ จื่อฉีกับมู่มู่ก็มีเรื่องน่ายินดีมาอีก มันจะไม่แทงใจสามีภรรยาคู่นั้นไปหน่อยหรือ เขากลัวว่านังหนูจะคิดมาก

“เหอะๆ” จื่อฉีหัวเราะแหยๆ ดูเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าหากท่านพี่รู้เข้า จะต้องนัดเขามาประลองฝีมือกันแน่นอน

“มู่มู่สบายดีหรือไม่ ไม่มีอาการแปลกๆใช่ไหม” อิงเสวี่ยเป็นห่วงมู่มู่ขึ้นมา ตอนนั้นนางทรมานอย่างมาก

“มู่มู่สบายดี พอรู้ว่าตั้งครรภ์ก็ชอบกินมากขึ้น เพียงแต่มู่มู่บอกว่านางชอบปลาต้มผักกาดดองในงานแต่งมาก ข้าเลยมาแจ้งข่าวดีกับท่านพี่ ถือโอกาสเอาปลาต้มผักกาดดองกลับไปด้วย มู่มู่ตั้งครรภ์ เสด็จแม่ก็ทราบแล้วเช่นกัน ตื่นเต้นกว่ามู่มู่เสียอีก ไม่ยอมให้นางขยับตัวไปมา ประคบประหงมมู่มู่มาก นางอยากกินอะไร พอพูดจบก็มีคนยกมาให้” เมื่อนึกถึงฮูหยินที่ได้รับการประคบประหงมราวเป็นสมบัติล้ำค่าของวังนภาพฤกษา จื่อฉีก็นึกถึงคำโอดครวญของนาง ที่บอกว่าไร้ซึ่งอิสรภาพ

“มู่มู่เป็นคนโชคดี พูดถึงปลาต้มผักกาดดองแล้ว ข้านึกถึงตอนที่ข้ากับมู่มู่จัดการข้าวของของเราสองคนแล้วเจอสูตรอาหารที่หลิวหลีทิ้งไว้ให้ น่าจะมีอยู่ ข้าไปหาก่อน” อิงเสวี่ยพูด นางไม่รู้เลยว่าหลิวหลีให้สูตรอาหารเป็นของขวัญแต่งงานแก่พวกเขา

“รบกวนพี่อิงเสวี่ยแล้ว” จื่อฉีเกรงใจเล็กน้อย

“นี่เป็นเรื่องดี จื่อฉีมีอะไรไม่เข้าใจ ถึงพี่สาวของเจ้าจะไม่อยู่ เจ้าก็สามารถถามพี่อิงเสวี่ยของเจ้าได้ อย่างไรเสียนางก็เคยมีลูกมาก่อน” เอ๋าเลี่ยพูด

“เรื่องนี้น่ะ ข้าคิดว่าถามท่านพี่จะดีกว่า อย่างไรเสียท่านพี่ก็มีประสบการณ์มาก” ถึงนางจะไม่เคยมีลูก แต่ก็เป็นคนเลี้ยงเขาจนโต และก็เลี้ยงลูกชายฝาแฝดของพี่อาเลี่ยอีกด้วย สำคัญก็คือจ๋ายจ่ายกับเจี๋ยนเจี่ยนคลอดออกมาได้อย่างไรนั้นไม่มีใครรู้ เขาเองก็ไม่รู้ ดังนั้นการที่บอกว่าจะให้พี่อิงเสวี่ยช่วยนั้น นางไม่มีประสบการณ์เลยสักนิด

“จริงด้วย” จู่ๆเอ๋าเลี่ยก็นึกขึ้นได้ว่าถามอิงเสวี่ยไปก็ไม่มีประโยชน์ ลูกชายทั้งสองคนของเขาหลิวหลีเป็นคนทำคลอด และเป็นคนเลี้ยง อยู่ๆก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างมาก

“หาเจอแล้ว ไม่รู้นังหนูไปไหน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เจ้าให้วังนภาพฤกษาทำตามสูตรอาหารให้มู่มู่ไปก่อน รสชาติคงไม่ต่างกันมาก” อิงเสวี่ยว่า

“ต่างมากแน่ คนของวังนภาพฤกษาจะใช้เพลิงเซียนทำอาหารให้มู่มู่ได้หรือ” นอกจากท่านพี่แล้ว ใครจะทำใจยอมใช้เพลิงเซียนทำอาหารกัน รสชาติจะไปเหมือนกันได้อย่างไร เฮ้อ ท่านพี่ไปไหนกันนะ

“ก็จริง ไม่ใช่ทุกคนจะเก่งกาจจนมีเพลิงเซียนหลากหลายชนิดอย่างพี่สาวเจ้า เอามาปรุงยา ทำอาหาร ต่อสู้ แล้วยังมีเหลือใช้อีก” เอ๋าเลี่ยแขวะ ก็ไม่ใช่ทุกคนจะกล้าหาญดูดซับเพลิงเซียนมากมายขนาดนั้นแล้วยังไม่เป็นอะไรแบบนังหนู

“ไม่พูดแล้ว อย่างไรเสียท่านพี่ก็ไม่ได้อยู่ดินแดนอสูรเทพ ข้ากลับไปอยู่เป็นเพื่อนมู่มู่ดีกว่า” ในเมื่อไม่รู้ว่าท่านพี่ไปไหน เช่นนั้นกลับไปหาฮูหยินดีกว่า นางต้องการเขาให้อยู่เป็นเพื่อน

“ก็ดี หญิงตั้งครรภ์มักคิดเหลวไหล เจ้าอยู่เป็นเพื่อนมู่มู่เสียหน่อยก็ดี” เอ๋าเลี่ยมีประสบการณ์เต็มที่ เข้าใจความสำคัญของการอยู่เป็นเพื่อนของสามี

“ข้าขอตัวก่อน” จื่อฉีถือสูตรอาหารแล้วจากไป ทันใดนั้นก็คิดอะไรออก ใช่ ตนมีทายาทถือเป็นเรื่องดี ควรจะไปบอกผู้อาวุโสสักหน่อยถึงจะถูก เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็เปลี่ยนเส้นทางตรงไปยังดินแดนอสูรเทพ

อีกฝั่งหนึ่งทั้งสองเดินทางมาถึงหน้าปากถ้ำที่ปู้หุ่ยอาศัยอยู่

“ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายเล็กน้อยของมารรัตติกาลในถ้ำ และผู้อาวุโสปู้หุ่ยก็ดูอ่อนแรง อ่อนแอลงเรื่อยๆ” หลิวหลีพูด

“ตอนนี้ผู้อาวุโสปู้หุ่ยเหมือนเป็นไม้ใกล้ฝั่ง” ในใจหนานกงเวิ่นเทียนไร้ซึ่งความไม่พอใจ ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับผู้เฒ่าคนหนึ่ง

“เฮ้อ ผู้อาวุโสปู้หุ่ยกักขังคนเผ่ามารรัตติกาลไว้ในดวงตาเป็นเวลานานจนแยกกันไม่ออกแล้ว” หลิวหลีพูด ผู้อาวุโสปู้หุ่ยให้พวกเขาที่เริ่มสัมผัสได้ถึงพลังในขั้นจักรพรรดิเซียนมาเพื่อดูดซับพลังของมารรัตติกาล คาดว่าคงรวมถึงตัวเขาด้วย

“ใช่ ข้าคิดว่าเป้าหมายเดียวของผู้อาวุโสปู้หุ่ยคือไม่ปลดปล่อยมารตนนี้ บวกกับการตายของสุ่ยจวิน ผู้อาวุโสยิ่งไม่มีเหตุผลให้ต้องมีชีวิตต่ออีกแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นด้วยเช่นกัน

“พวกเจ้าสองคนพึมพำอะไรกันอยู่ข้างนอก ยังไม่รีบเข้ามาอีก” เสียงของปู้หุ่ยดังออกมาจากในถ้ำ

“ไปกันเถอะ”

“ผู้อาวุโส” ทั้งสองพูดอย่างเคารพ

“คิดไม่ถึงจริงๆว่าพวกเจ้าสองคนจะเก่งกาจเพียงนี้ รู้สึกได้ถึงขอบเขตพลังขั้นจักรพรรดิเซียนได้เร็วขนาดนี้เลย” เรียกว่าเป็นคนโปรดของเทพเจ้าก็คงไม่เกินไป

“ผู้อาวุโสปู้หุ่ย เหตุใดท่านต้องลำบากถึงเพียงนี้” หลิวหลีพูดนอกเรื่อง

“การคงอยู่ของข้าก็เพื่อรอวันนี้ ข้าต้องขอบคุณพวกเจ้า มิเช่นนั้นข้าคงไม่รู้ว่าข้าจะสามารถทนต่อไปได้ไหม” ปู้หุ่ยส่ายหน้าขณะมองดูพวกเขาสองคนด้วยแววตาสงบนิ่งเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นพอถึงตอนนั้นมารรัตติกาลก็จะหลุดออกมาก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้น

“ทั้งที่ตอนแรกผู้อาวุโสยังมีความคิดอื่นอีก เหตุใดต้องทรมานลงโทษตนเองเช่นนี้” หลิวหลีไม่เข้าใจวิธีที่ทำร้ายตนเองเช่นนี้ มันเพื่ออะไรกันแน่

“มีเหตุย่อมมีผล เหตุเกิดเพราะข้า ข้าก็ควรจะจบผลของมัน” จ้านปู้หุ่ยพูดพลางส่ายหน้า

“พวกเจ้าลงมือเถอะ ดีที่พวกเจ้ามาได้จังหวะพอดี” จ้านปู้หุ่ยพูด

“ผู้อาวุโส ก่อนจะลงมือ ข้าต้องการทำสิ่งหนึ่ง” หลิวหลีพูดจบก็ปล่อยดวงตาและความคิดให้ว่างเปล่า ขณะมองจ้านปู้หุ่ย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 305 มู่มู่ท้องแล้ว

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 305 มู่มู่ท้องแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 305 มู่มู่ท้องแล้ว

ณ ดินแดนอสูรเทพ หลิวหลีเป็นคู่ฝึกให้เด็กสองอยู่หลายวันก็ตัดสินใจไปพบจ้านปู้หุ่ยกับหนานกงเวิ่นเทียน ตอนแรกผู้อาวุโสท่านนี้เคยบอกว่าหากพวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังบำเพ็ญเพียรขั้นจักรพรรดิเซียนให้ไปหาเขา และตอนนี้พ่อแม่ของเด็กสองคนก็ออกจากฌานแล้ว ได้เวลาไปหาผู้อาวุโสปู้หุ่ยแล้ว เพียงแต่เส้นลมปราณธาตุไฟอันเป็นที่อยู่ของเพลิงนพเก้ากลืนนภาซึ่งเป็นเพลิงอัคคีหลักของนาง เฮ้อ ไม่รู้ว่าเพลิงเซียนที่สูงค่าที่สุดในโลกเซียนอยู่ที่ไหน

“น้องหญิงกำลังคิดว่าเพลิงเซียนลูกสุดท้ายอยู่ที่ไหนหรือ?” หนานกงเวิ่นเทียนย่อมรับรู้ได้ว่าหลิวหลีกำลังคิดอะไร ตอนนี้ ‘คัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณ’ ฉบับโลกเซียนของนางขาดเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายแล้ว แน่นอนว่าน้องหญิงของเขาต้องอยากรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน

“ใช่ ไม่มีข้อมูลกับเบาะแสอะไรเลยสักนิด เฮ้อ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วกัน พวกเราไปหาผู้อาวุโสปู้หุ่ยกันก่อนเถอะ” สิ่งของของเผ่ามารรัตติกาลจะไม่ใช่ก็น่าเสียดาย จะยกประโยชน์ให้พวกมารที่เหลือของเผ่ามารรัตติกาลคงไม่ดีแน่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นมารจากเผ่ามารรัตติกาลที่แสนจะหลงตัวเองเสียด้วย

“ก็ดีเหมือนกัน” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นด้วย

จื่อฉีมาแจ้งข่าวให้กับหลิวหลีอย่างมีความสุข แต่กลับได้รู้ว่าหลิวหลีจากไปแล้ว จึงไม่แน่ใจว่าไปไหน

“ท่านพี่ รอพวกข้าหน่อยไม่ได้เลยหรือ” จื่อฉีรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ

“ช่างเถอะ เจ้าพูดมาสิว่ามีเรื่องอะไร ต่อให้ไม่ได้บอกหลิวหลี พวกเราก็ควรจะรู้กระมัง” เอ๋าเลี่ยมองสีหน้าหดหู่ของจื่อฉีก็พูดออกมาอย่างอดไม่ได้

“ก็ได้ มู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว ข้าอยากบอกท่านพี่เป็นคนแรก” จื่อฉียังคงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย

“เจ้าเด็กน้อย เร็วใช้ได้เลยนี่ แต่เจ้าก็รู้ดี แม้ว่าพี่สาวของเจ้าจะอวยพรให้เจ้า แต่ก็อย่าได้ไปกระตุ้นสามีภรรยาคู่นั้นเลย” เอ๋าเลี่ยสามารถคาดเดาสีหน้าของหลิวหลีออกเลย ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนแต่งงานกันเร็วที่สุด สรุปคือคู่ที่มีลูกก่อนใครคือคู่อสูรเทพที่อายุเยอะที่สุดอย่างพวกเขา กว่าจ๋ายจ่ายกับเจี๋ยนเจี่ยนจะเติบโตขึ้นมาได้ จื่อฉีกับมู่มู่ก็มีเรื่องน่ายินดีมาอีก มันจะไม่แทงใจสามีภรรยาคู่นั้นไปหน่อยหรือ เขากลัวว่านังหนูจะคิดมาก

“เหอะๆ” จื่อฉีหัวเราะแหยๆ ดูเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าหากท่านพี่รู้เข้า จะต้องนัดเขามาประลองฝีมือกันแน่นอน

“มู่มู่สบายดีหรือไม่ ไม่มีอาการแปลกๆใช่ไหม” อิงเสวี่ยเป็นห่วงมู่มู่ขึ้นมา ตอนนั้นนางทรมานอย่างมาก

“มู่มู่สบายดี พอรู้ว่าตั้งครรภ์ก็ชอบกินมากขึ้น เพียงแต่มู่มู่บอกว่านางชอบปลาต้มผักกาดดองในงานแต่งมาก ข้าเลยมาแจ้งข่าวดีกับท่านพี่ ถือโอกาสเอาปลาต้มผักกาดดองกลับไปด้วย มู่มู่ตั้งครรภ์ เสด็จแม่ก็ทราบแล้วเช่นกัน ตื่นเต้นกว่ามู่มู่เสียอีก ไม่ยอมให้นางขยับตัวไปมา ประคบประหงมมู่มู่มาก นางอยากกินอะไร พอพูดจบก็มีคนยกมาให้” เมื่อนึกถึงฮูหยินที่ได้รับการประคบประหงมราวเป็นสมบัติล้ำค่าของวังนภาพฤกษา จื่อฉีก็นึกถึงคำโอดครวญของนาง ที่บอกว่าไร้ซึ่งอิสรภาพ

“มู่มู่เป็นคนโชคดี พูดถึงปลาต้มผักกาดดองแล้ว ข้านึกถึงตอนที่ข้ากับมู่มู่จัดการข้าวของของเราสองคนแล้วเจอสูตรอาหารที่หลิวหลีทิ้งไว้ให้ น่าจะมีอยู่ ข้าไปหาก่อน” อิงเสวี่ยพูด นางไม่รู้เลยว่าหลิวหลีให้สูตรอาหารเป็นของขวัญแต่งงานแก่พวกเขา

“รบกวนพี่อิงเสวี่ยแล้ว” จื่อฉีเกรงใจเล็กน้อย

“นี่เป็นเรื่องดี จื่อฉีมีอะไรไม่เข้าใจ ถึงพี่สาวของเจ้าจะไม่อยู่ เจ้าก็สามารถถามพี่อิงเสวี่ยของเจ้าได้ อย่างไรเสียนางก็เคยมีลูกมาก่อน” เอ๋าเลี่ยพูด

“เรื่องนี้น่ะ ข้าคิดว่าถามท่านพี่จะดีกว่า อย่างไรเสียท่านพี่ก็มีประสบการณ์มาก” ถึงนางจะไม่เคยมีลูก แต่ก็เป็นคนเลี้ยงเขาจนโต และก็เลี้ยงลูกชายฝาแฝดของพี่อาเลี่ยอีกด้วย สำคัญก็คือจ๋ายจ่ายกับเจี๋ยนเจี่ยนคลอดออกมาได้อย่างไรนั้นไม่มีใครรู้ เขาเองก็ไม่รู้ ดังนั้นการที่บอกว่าจะให้พี่อิงเสวี่ยช่วยนั้น นางไม่มีประสบการณ์เลยสักนิด

“จริงด้วย” จู่ๆเอ๋าเลี่ยก็นึกขึ้นได้ว่าถามอิงเสวี่ยไปก็ไม่มีประโยชน์ ลูกชายทั้งสองคนของเขาหลิวหลีเป็นคนทำคลอด และเป็นคนเลี้ยง อยู่ๆก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างมาก

“หาเจอแล้ว ไม่รู้นังหนูไปไหน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เจ้าให้วังนภาพฤกษาทำตามสูตรอาหารให้มู่มู่ไปก่อน รสชาติคงไม่ต่างกันมาก” อิงเสวี่ยว่า

“ต่างมากแน่ คนของวังนภาพฤกษาจะใช้เพลิงเซียนทำอาหารให้มู่มู่ได้หรือ” นอกจากท่านพี่แล้ว ใครจะทำใจยอมใช้เพลิงเซียนทำอาหารกัน รสชาติจะไปเหมือนกันได้อย่างไร เฮ้อ ท่านพี่ไปไหนกันนะ

“ก็จริง ไม่ใช่ทุกคนจะเก่งกาจจนมีเพลิงเซียนหลากหลายชนิดอย่างพี่สาวเจ้า เอามาปรุงยา ทำอาหาร ต่อสู้ แล้วยังมีเหลือใช้อีก” เอ๋าเลี่ยแขวะ ก็ไม่ใช่ทุกคนจะกล้าหาญดูดซับเพลิงเซียนมากมายขนาดนั้นแล้วยังไม่เป็นอะไรแบบนังหนู

“ไม่พูดแล้ว อย่างไรเสียท่านพี่ก็ไม่ได้อยู่ดินแดนอสูรเทพ ข้ากลับไปอยู่เป็นเพื่อนมู่มู่ดีกว่า” ในเมื่อไม่รู้ว่าท่านพี่ไปไหน เช่นนั้นกลับไปหาฮูหยินดีกว่า นางต้องการเขาให้อยู่เป็นเพื่อน

“ก็ดี หญิงตั้งครรภ์มักคิดเหลวไหล เจ้าอยู่เป็นเพื่อนมู่มู่เสียหน่อยก็ดี” เอ๋าเลี่ยมีประสบการณ์เต็มที่ เข้าใจความสำคัญของการอยู่เป็นเพื่อนของสามี

“ข้าขอตัวก่อน” จื่อฉีถือสูตรอาหารแล้วจากไป ทันใดนั้นก็คิดอะไรออก ใช่ ตนมีทายาทถือเป็นเรื่องดี ควรจะไปบอกผู้อาวุโสสักหน่อยถึงจะถูก เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็เปลี่ยนเส้นทางตรงไปยังดินแดนอสูรเทพ

อีกฝั่งหนึ่งทั้งสองเดินทางมาถึงหน้าปากถ้ำที่ปู้หุ่ยอาศัยอยู่

“ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายเล็กน้อยของมารรัตติกาลในถ้ำ และผู้อาวุโสปู้หุ่ยก็ดูอ่อนแรง อ่อนแอลงเรื่อยๆ” หลิวหลีพูด

“ตอนนี้ผู้อาวุโสปู้หุ่ยเหมือนเป็นไม้ใกล้ฝั่ง” ในใจหนานกงเวิ่นเทียนไร้ซึ่งความไม่พอใจ ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับผู้เฒ่าคนหนึ่ง

“เฮ้อ ผู้อาวุโสปู้หุ่ยกักขังคนเผ่ามารรัตติกาลไว้ในดวงตาเป็นเวลานานจนแยกกันไม่ออกแล้ว” หลิวหลีพูด ผู้อาวุโสปู้หุ่ยให้พวกเขาที่เริ่มสัมผัสได้ถึงพลังในขั้นจักรพรรดิเซียนมาเพื่อดูดซับพลังของมารรัตติกาล คาดว่าคงรวมถึงตัวเขาด้วย

“ใช่ ข้าคิดว่าเป้าหมายเดียวของผู้อาวุโสปู้หุ่ยคือไม่ปลดปล่อยมารตนนี้ บวกกับการตายของสุ่ยจวิน ผู้อาวุโสยิ่งไม่มีเหตุผลให้ต้องมีชีวิตต่ออีกแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นด้วยเช่นกัน

“พวกเจ้าสองคนพึมพำอะไรกันอยู่ข้างนอก ยังไม่รีบเข้ามาอีก” เสียงของปู้หุ่ยดังออกมาจากในถ้ำ

“ไปกันเถอะ”

“ผู้อาวุโส” ทั้งสองพูดอย่างเคารพ

“คิดไม่ถึงจริงๆว่าพวกเจ้าสองคนจะเก่งกาจเพียงนี้ รู้สึกได้ถึงขอบเขตพลังขั้นจักรพรรดิเซียนได้เร็วขนาดนี้เลย” เรียกว่าเป็นคนโปรดของเทพเจ้าก็คงไม่เกินไป

“ผู้อาวุโสปู้หุ่ย เหตุใดท่านต้องลำบากถึงเพียงนี้” หลิวหลีพูดนอกเรื่อง

“การคงอยู่ของข้าก็เพื่อรอวันนี้ ข้าต้องขอบคุณพวกเจ้า มิเช่นนั้นข้าคงไม่รู้ว่าข้าจะสามารถทนต่อไปได้ไหม” ปู้หุ่ยส่ายหน้าขณะมองดูพวกเขาสองคนด้วยแววตาสงบนิ่งเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นพอถึงตอนนั้นมารรัตติกาลก็จะหลุดออกมาก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้น

“ทั้งที่ตอนแรกผู้อาวุโสยังมีความคิดอื่นอีก เหตุใดต้องทรมานลงโทษตนเองเช่นนี้” หลิวหลีไม่เข้าใจวิธีที่ทำร้ายตนเองเช่นนี้ มันเพื่ออะไรกันแน่

“มีเหตุย่อมมีผล เหตุเกิดเพราะข้า ข้าก็ควรจะจบผลของมัน” จ้านปู้หุ่ยพูดพลางส่ายหน้า

“พวกเจ้าลงมือเถอะ ดีที่พวกเจ้ามาได้จังหวะพอดี” จ้านปู้หุ่ยพูด

“ผู้อาวุโส ก่อนจะลงมือ ข้าต้องการทำสิ่งหนึ่ง” หลิวหลีพูดจบก็ปล่อยดวงตาและความคิดให้ว่างเปล่า ขณะมองจ้านปู้หุ่ย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+