แม่ครัวยอดเซียน 214 อีมู่

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 214 อีมู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ก็ยังมีบางอย่างผิดปกติ  ปัญหาอยู่ตรงไหนนะ” หลิวหลีรู้สึกว่า วิธีการของตนเองยังมีข้อบกพร่องอยู่

“อวิ๋นเฟย วังนภาเพลิงมีหนังสือเกี่ยวกับการปรุงยาอยู่หรือไม่” การปิดประตูสร้างเกวียนโดยไม่คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงคงจะไม่ได้ นางคงต้องไปดูว่ามีหนังสือเกี่ยวกับการปรุงยาอยู่หรือไม่ รู้สึกว่าที่นี่จะปรุงยาไม่เหมือนที่โลกบำเพ็ญเพียร

“นายท่าน ที่นี่ไม่มีหนังสือ แต่ว่ามีระเบียงเคล็ดวิชา ไม่แน่ว่าอาจจะมีความรู้ทางด้านนี้อยู่” อวิ๋นเฟยคิดๆแล้วก็พูดขึ้น

“ไปที่ระเบียงเคล็ดวิชากัน” หลิวหลีตัดสินใจจะไปดู

“นายท่าน เชิญด้านนี้” อวิ๋นเฟยนำทางหลิวหลีไปที่ระเบียงเคล็ดวิชา

“เดี๋ยวข้าจะเข้าไปเอง เจ้ารออยู่ตรงนี้” หลิวหลีกำชับ

เมื่อหลิวหลีเดินเข้าไปในระเบียงเคล็ดวิชา ก็พบว่ามีเคล็ดวิชามากมายแต่นางไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก นางมองผ่านๆ เพราะนางต้องการหาแต่เคล็ดวิชาที่ตนเองต้องการเท่านั้น เมื่อคนในระเบียงเคล็ดวิชาเห็นหลิวหลีเดินไปเดินมา ไพล่นึกว่าหลิวหลีเป็นคนหัวสูง ต้องการแต่เคล็ดวิชาดีๆ แถมมีบางคนหัวเราะเยาะนาง ไม่ใช่เคล็ดวิชาที่ยิ่งอยู่ลึกแล้วจะเป็นวิชาที่ดีเสียหน่อย นางเดินอยู่นานก็ไม่เจอเคล็ดวิชาที่เกี่ยวข้องกับการปรุงยา แต่ในตอนที่นางตัดสินใจจะล้มเลิกแล้วไปลองปรุงยานั้นเอง ก็พบว่ามุมหนึ่งในระเบียงเคล็ดวิชามีบันทึกอยู่ นางตั้งใจอ่านจนเหมือนจะลึกซึ้งในบันทึก ดำดิ่งลงในไปอยู่นานกว่าจะได้สติกลับมานั้น ที่แท้ก็ต่างจากโลกบำเพ็ญจริงๆ

“นายท่าน” อวิ๋นเฟยเห็นหลิวหลีเหมือนจะได้อะไรกลับมา

“ตอนกลับไป ช่วยไปรับพืชเซียนมาให้ข้าอีก” หลิวหลีอยากจะลองดูอีกครั้ง

“ขอรับ นายท่าน” อวิ๋นเฟคิดว่าอีกฝ่ายคงต้องผิดหวังไปอีกหลายปี กว่าจะจับทางถูก

หลิวหลีกลับมาที่ตำหนักเวิ่นเทียนจึงแขวนป้ายเข้าฌานไว้ แต่ไม่ได้มีใครมาเพราะเจ้าตำหนักทุกคนรู้สึกกดดันจนแห่เข้าฌาณกันหมด

พืชเซียนที่นี่ไม่เหมือนกับที่โลกบำเพ็ญที่จะต้องสกัดออกมาก่อน แต่ต้องใส่พืชเซียนตามลำดับทีละนิดๆตามอุณหภูมิของไฟ

หลิวหลีปรับสภาวะร่างกายให้พร้อมที่สุด ใส่ลูกไฟจากเพลิงเซียนวิญญาณไม้ในเตาปรุงยา และใส่พืชเซียนเข้าไปตามอุณหภูมิความร้อน แล้วคอยสังเกตความร้อนของไฟ และต้องพิจารณาว่าหลอมรวมกันได้ดีหรือไม่ หลิวหลีไม่ละเลยแม้แต่จุดเล็กๆ นางค่อยๆหลอมรวมทีละน้อย แล้วยังต้องคอยสังเกตเวลาที่เหมาะสมของพืชเซียนชนิดต่างๆ รวมไปถึงความเข้ากันของตัวยาและอุณหภูมิที่ต้องใช้ในการปรุงยา

หลิวหลีปรุงยาเสียไป 10 กว่าเตา กว่าจะได้ยาเซียนศักดิ์สิทธิ์คุณภาพระดับต่ำ หลิวหลีรู้สึกเสียใจน้อยๆ เฮ้อ นึกไม่ถึงว่าอัจฉริยะการปรุงยาแห่งโลกบำเพ็ญอย่างตนวเอง พอมาถึงที่นี่จะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ เสียดายเพลิงเซียนวิญญาณไม้จริงๆ

“ยังไม่ได้จริงด้วย” หลิวหลีมองยาเซียนศักดิ์สิทธิ์คุณภาพระดับต่ำ ก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจ

“อวิ๋นเฟย พาข้าไปที่ห้องปรุงยา”หลิวหลีตะโกน นางจะไปดูที่ห้องปรุงยาหน่อยว่านางทำอะไรผิดไปตรงไหนกันแน่

“นายท่านรู้ว่าวันนี้เป็นวันที่เซียนนักปรุงยาอีมู่จัดแสดงการปรุงยาหรือ” เดิมอวิ๋นเฟยกำลังจะถามหลิวหลีอยู่พอดีว่านางจะไปดูหรือไม่

“เซียนนักปรุงยาอีมู่?”

“ขอรับ จะพูดอะไรดีล่ะ เซียนนักปรุงยาอีมู่ผู้นี้ ถึงจะเป็นคนค่อนข้างหยิ่งยโส แต่ฝีมือในการปรุงยาของเขานั้นไม่ธรรมดา อีกทั้งที่เขาก็เคยบอกว่าที่กล้าจัดแสดงการปรุงยาเพราะถึงคนพวกนี้จะดูเป็น 100 รอบ ก็ไม่อาจปรุงยาได้อย่างเขา”  อวิ๋นเฟยคิดๆแล้วก็พูดขึ้น เรื่องเป็นเช่นนี้จริงๆ เซียนนักปรุงยาอีมู่จัดแสดงการปรุงยา 10 กว่ารอบแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถทำได้เหมือนเขาจริงๆ

“ไป ไปดูกัน” หลิวหลีเริ่มสนใจขึ้นมา

ณ บริเวณลานกว้าง มีคนรวมตัวกันอยู่ด้วยกันเป็นจำนวนไม่น้อย ตอนหลิวหลีไปถึงก็นับได้ว่า มีคนเต็มไปทั่วทุกสารทิศ อันวิสัยมนุษย์นั้นชอบความครึกครื้น แม้ไม่ได้มาปรุงยาแต่ก็มาดูบรรยากาศ หลิวหลีเจอตำแหน่งเก้าอี้ของตัวเองจนเจอจากที่อวิ๋นเฟยบอก คิดไม่ถึงเลยว่านางจะมีที่นั่งเป็นของตัวเอง ที่ค่อนไปทางด้านหน้า ทำให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

“เซียนนักปรุงยาอีมู่มาถึงแล้ว” ไม่นานก็มีเสียงคนพูดขึ้น ผู้อาวุโสในชุดสีน้ำตาลก็ปรากฏตัวขึ้น ทันทีที่เห็นก็รู้สึกได้เลยว่าคนตรงหน้าเป็นคนหยิ่งยโส นางยังไม่ทันเห็นฝีมือการปรุงยาของเขาแต่ก็ไม่ประทับใจในตัวเขาเสียแล้ว

เซียนนักปรุงยาอีมู่ไม่พูดไม่จา นำเตาปรุงยาออกมาแล้วเริ่มปรุงยา หลิวหลีสังเกตทุกรายละเอียดของเซียนนักปรุงยาอีมู่อย่างละเอียด หลิวหลีก็พบว่าคนผู้นี้ฝีมือไม่ธรรมดาเลย คลี่คลายความสงสัยที่เดิมมีอยู่ของนาง แต่ฝีมือระดับนี้ก็ยังถือว่าเป็นฝีมือระดับกลาง ยังไม่ถึงจุดที่เรียกว่าระดับสุดยอด หลิวหลีจ้องมองท่าทางการเคลื่อนไหวของอีมู่ก็ไม่ได้พบอะไร กระทั่งหลิวหลีมองไปที่เตาปรุงยา

“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง น่าสนใจ” หลิวหลีเข้าใจทันที นางผุดลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ไม่จำเป็นต้องอยู่ดูต่ออีกแล้ว อวิ๋นเฟยที่กำลังดูเพลินๆก็รีบผุดลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าหลิวหลีเดินจากไป

“นายท่าน ไม่ดูต่อแล้วหรือ” อวิ๋นเฟยสงสัยน้อยๆ นายท่านมาเพื่อเรียนรู้ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้ลุกออกไปกลางคันเล่า

“อะไรที่ควรต้องศึกษาก็เรียนหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ดูต่อแล้ว” หลิวหลีส่ายหน้า ไม่จำเป็นต้องดูต่อไป นอกเสียจากว่านางมีเตาปรุงยาแบบเดียวกัน

“นายท่านทำเป็นแล้วหรือ”อวิ๋นเฟยตื่นเต้นน้อยๆ นานยท่านของเขาปราดเปรื่องจริงๆด้วย ดูเพียงรอบเดียวก็เข้าใจ

“บอกไม่ได้” หลิวหลีกล่าวสั้นๆ อย่างมีเลศนัย ทำให้อวิ๋นเฟยถึงกับงุนงง

อีมู่ที่เดิมอารมณ์ดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อเหลือบเห็นคนทั้งสองลุกเดินออกไป ใบหน้าก็ปรากฏความไม่พอใจ เขาชินกับการที่มีคนพะเน้าพะนอเอาใจ แต่เมื่อมีคนไม่ไว้หน้าเขาลุกออกไปขณะที่เขากำลังปรุงยา กระทั่งผู้อาวุโสยังต้องให้เกียรติเขา แล้วคนผู้นี้เป็นใครกัน?

หลิวหลีกลับมาที่ห้องปรุงยาของตัวเอง ขั้นตอนแรกๆไม่ได้มีข้อผิดพลาดอะไร จนมาถึงการหลอมรวมขั้นสุดท้าย หลิวหลีสูดลมหายใจลึก นางแบ่งเพลิงเซียนวิญญาณไม้ออกเป็น 2 ดวง แยกประสาทเซียนในการปรุง วิธีนี้เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่นางเห็นจากเตาปรุงยาใบนั้น แต่นางไม่มีเตาปรุงยาประเภทเดียวกัน จึงทำได้เพียงทำทั้งสองสิ่งนี้พร้อมกัน นางทดสอบอย่างระมัดระวัง

“ผู้ดูแลเหอ ท่านพูดอีกรอบได้หรือไม่” อวิ๋นเฟยแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง

“เซียนนักปรุงยาอีมู่บอกว่า ในวันที่จัดแสดงการปรุงยา เจ้าตำหนักหลิวหลีลุกออกไปกลางคัน ถือเป็นการไม่ให้เกียรติเขา ดังนั้นเขาตัดสินใจจะไม่ส่งยาเซียนศักดิ์สิทธิ์มาให้ตำหนักเวิ่นเทียนชั่วคราว” ผู้ดูแลเหอไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร เจ้าตำหนักหลิวหลีเป็นเจ้าตำหนักที่เก่งกาจและเป็นที่ยอมรับของวังนภาเพลิง หนำซ้ำนางเพิ่งจะมาที่นี่ ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ ผลคือเซียนนักปรุงยาอีมู่เป็นคนที่ค่อนข้างถือตัว ผู้อาวุโสเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ครึ่งหนึ่งในวังนภาเพลิงก็เป็นฝีมือของเซียนนักปรุงยาอีมู่ผู้นี้

“แต่ว่านายท่านเพิ่งจะมาที่นี่ เมื่อวานก็เป็นครั้งแรกที่ไปชมการปรุงยา คนที่ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ผู้ดูแลเหอช่วยพูดให้หน่อยได้หรือไม่”อวิ๋นเฟยเองก็ทำอะไรไม่ถูก เซียนนักปรุงยาอีมู่ถูกคนพะเน้าพะนอจนลืมสถานะของตัวเอง ถึงขั้นบอกว่าจะหยุดให้ยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ ที่แม้แต่ผู้อาวุโสยังไม่มีสิทธิ์นี้เลยด้วยซ้ำ

“ข้าเป็นคนไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงพูดอะไรไม่ได้หรอก ข้าแค่มาส่งข่าว ขอตัว” ผู้ดูแลเหอกล่าวพลางส่ายหน้า

“ผู้ดูแลเหอ กลับไปฝากบอกเซียนนักปรุงยาอีมู่ด้วยว่า บางครั้งเดินในที่มืดนานเกินไปอาจจะเจอผีก็ได้ อีกอย่าง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ฝีมือการปรุงยาของเขาจะสู้ผู้เริ่มต้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” ไม่รู้ว่าหลิวหลีปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คำพูดคำจาที่แปลกประหลาดนี้ ทำให้อวิ๋นเฟยรู้สึกร้อนใจ ผู้ดูแลเหอเองก็ทำหน้าไม่ถูก

“ขอรับ เจ้าตำหนักหลิวหลี ข้าน้อยขอตัว” ผู้ดูแลเหอยกมือปาดเหงื่อ เมื่อรู้สึกว่าคำพูดของเจ้าตำหนักหลิวหลีเหมือนมีความนัยแฝงซ่อนอยู่

“นายท่าน ท่านวู่วามเกินไป” อวิ๋นเฟยไม่เห็นด้วยน้อยๆ

“หึหึ อวิ๋นเฟยเจ้าเชื่อข้าเถอะ ไม่มีอะไรหรอก”หลิวหลีอารมณ์ดี นางคลำถูกทางแล้วแต่แค่ยังต้องทดลองต่อ

“เฮ้อ โชคดีที่ไปรับยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ของร้อยปีนี้มาแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”อวิ๋นเฟยถอนหายใจ นายท่านผู้นี้ช่างหัวแข็งเหลือเกิน

“อวิ๋นเฟย เจ้าคิดว่าข้าทำไม่ถูกหรือ”หลิวหลีมองอวิ๋นเฟยแล้วถามขึ้น

“นายท่าน ท่านอาจไม่รู้ ยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ครึ่งหนึ่งในวังนภาเพลิง เซียนนักปรุงยาอีมู่เป็นคนปรุงขึ้น แม้แต่ผู้อาวุโสที่ดูแลห้องปรุงยายังต้องให้เกียรติเขา”อวิ๋นเฟยอธิบายราวหลิวหลีทำเรื่องที่ผิดพลาด

“อวิ๋นเฟย ในฐานะที่เจ้าเป็นขุนนางเซียนของข้า เจ้าต้องฟังข้า ถึงเจ้าจะมีความคิดเห็น ก็ต้องฟังคำพูดข้า เจ้าคิดว่าข้าทำเพราะประชดประชัน ไม่สนใจยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ในตำหนักเวิ่นเทียนหรือ”หลิวหลีเหลือบมองอวิ๋นเฟย เพียงสายตาของนางดูเยือกเย็นบอกไม่ถูก

“อวิ๋นเฟยมิกล้า เพียงแต่เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่” อวิ๋นเฟยก็จนปัญญาเช่นกัน

“เอาล่ะ วางใจเถอะ ยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าไม่ขาดแน่ เพียงแต่ว่ามีเรื่องหนึ่ง อวิ๋นเฟยเจ้าจงจดจำแล้วถ่ายทอดคำพูดของข้าไปให้ทั่วกัน ทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่งข้า ถึงแม้ว่าจะมีความเห็นก็ต้องทำตามคำสั่งข้า แล้วค่อยบอกความเห็น หากทำตามนี้ไม่ได้ก็รีบออกไปจากตำหนักเวิ่นเทียนของข้าตั้งแต่ตอนนี้ เพราะอย่างไรระยะเวลาแค่ 300 ปี ยังไม่มีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันขนาดนั้น” หลิวหลีพูดเน้นช้าๆ

“ขอรับนายท่าน”อวิ๋นเฟยตกใจ เจ้าตำหนักหลิวหลีเพิ่งจะบรรลุเป็นเซียนได้ 100 ปี แต่ดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าผู้บำเพ็ญที่อยู่มานานอย่างพวกเขาเสียอีก

“เอาไป ลองเอาไปดูกัน ความแตกต่างระหว่างของที่ทำฉาบฉวยและทำตามขั้นตอน พวกเจ้าเนี่ย มาตรฐานต่ำกันจริงๆ” หลิวหลีโยนขวดขนาดเล็กให้อวิ๋นเฟย แล้วเดินกลับไปที่ห้องปรุงยา

อวิ๋นเฟยรับขวดขนาดเล็กมาเปิดดู หน้าเปลี่ยนสีทันที เมื่อเปิดขวดที่ได้จากห้องปรุงยาก็พบความต่าง ที่มีอยู่เล็กน้อย ซึ่งแม้แต่คนที่ไม่ใช่นักปรุงยาอย่างเขายังดูออก

“นี่ นี่” อวิ๋นเฟยตื่นเต้นเล็กน้อย เขาตามเจ้านายไม่ผิดคนจริงๆ

ณ ห้องปรุงยา ผู้อาวุโสจูได้ยินคำพูดของผู้ดูแลเหอ ก็โบกมือบอกให้ผู้ดูแลเหอออกไป

“หึหึ เจ้าตำหนักหลิวหลีช่างน่าสนใจจริงๆ ดูแล้ว นางคงจะรู้ความลับในการปรุงยาของอีมู่ เดินในความมืดนานๆ อาจจะเจอผีก็ได้ เจ้าตำหนักหลิวหลีก็คงจะเป็นผีตนนั้น น่าสนใจจริงๆ อืม ดูแล้วคงจะยังเอาใจอีมู่ไม่พอสินะ”ผู้อาวุโสจูพึมพำกับตัวเอง

ไม่ว่าใครก็ไม่ชอบให้มีเสี้ยนหนามอยู่ในอาณาเขตตนเอง ผู้อาวุโสจูก็เช่นกัน แต่จะทำอย่างไรได้ อีมู่เชื่อมั่นในตนเองมากนัก ไม่อย่างไรก็มองไม่ออกว่าเขาปรุงยาอย่างไร อัตราสำเร็จในการปรุงยาถึงได้สูงมากนัก ยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ครึ่งหนึ่งของวังนภาเพลิงก็มาจากเขา เขาจึงทำอะไรอีมู่ไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้มีคนล่วงรู้ความลับ เจ้าตำหนักหลิวหลี สมแล้วที่จักรพรรดิเห็นว่าเป็นคนไม่ธรรมดา

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 214 อีมู่

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 214 อีมู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ก็ยังมีบางอย่างผิดปกติ  ปัญหาอยู่ตรงไหนนะ” หลิวหลีรู้สึกว่า วิธีการของตนเองยังมีข้อบกพร่องอยู่

“อวิ๋นเฟย วังนภาเพลิงมีหนังสือเกี่ยวกับการปรุงยาอยู่หรือไม่” การปิดประตูสร้างเกวียนโดยไม่คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงคงจะไม่ได้ นางคงต้องไปดูว่ามีหนังสือเกี่ยวกับการปรุงยาอยู่หรือไม่ รู้สึกว่าที่นี่จะปรุงยาไม่เหมือนที่โลกบำเพ็ญเพียร

“นายท่าน ที่นี่ไม่มีหนังสือ แต่ว่ามีระเบียงเคล็ดวิชา ไม่แน่ว่าอาจจะมีความรู้ทางด้านนี้อยู่” อวิ๋นเฟยคิดๆแล้วก็พูดขึ้น

“ไปที่ระเบียงเคล็ดวิชากัน” หลิวหลีตัดสินใจจะไปดู

“นายท่าน เชิญด้านนี้” อวิ๋นเฟยนำทางหลิวหลีไปที่ระเบียงเคล็ดวิชา

“เดี๋ยวข้าจะเข้าไปเอง เจ้ารออยู่ตรงนี้” หลิวหลีกำชับ

เมื่อหลิวหลีเดินเข้าไปในระเบียงเคล็ดวิชา ก็พบว่ามีเคล็ดวิชามากมายแต่นางไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก นางมองผ่านๆ เพราะนางต้องการหาแต่เคล็ดวิชาที่ตนเองต้องการเท่านั้น เมื่อคนในระเบียงเคล็ดวิชาเห็นหลิวหลีเดินไปเดินมา ไพล่นึกว่าหลิวหลีเป็นคนหัวสูง ต้องการแต่เคล็ดวิชาดีๆ แถมมีบางคนหัวเราะเยาะนาง ไม่ใช่เคล็ดวิชาที่ยิ่งอยู่ลึกแล้วจะเป็นวิชาที่ดีเสียหน่อย นางเดินอยู่นานก็ไม่เจอเคล็ดวิชาที่เกี่ยวข้องกับการปรุงยา แต่ในตอนที่นางตัดสินใจจะล้มเลิกแล้วไปลองปรุงยานั้นเอง ก็พบว่ามุมหนึ่งในระเบียงเคล็ดวิชามีบันทึกอยู่ นางตั้งใจอ่านจนเหมือนจะลึกซึ้งในบันทึก ดำดิ่งลงในไปอยู่นานกว่าจะได้สติกลับมานั้น ที่แท้ก็ต่างจากโลกบำเพ็ญจริงๆ

“นายท่าน” อวิ๋นเฟยเห็นหลิวหลีเหมือนจะได้อะไรกลับมา

“ตอนกลับไป ช่วยไปรับพืชเซียนมาให้ข้าอีก” หลิวหลีอยากจะลองดูอีกครั้ง

“ขอรับ นายท่าน” อวิ๋นเฟคิดว่าอีกฝ่ายคงต้องผิดหวังไปอีกหลายปี กว่าจะจับทางถูก

หลิวหลีกลับมาที่ตำหนักเวิ่นเทียนจึงแขวนป้ายเข้าฌานไว้ แต่ไม่ได้มีใครมาเพราะเจ้าตำหนักทุกคนรู้สึกกดดันจนแห่เข้าฌาณกันหมด

พืชเซียนที่นี่ไม่เหมือนกับที่โลกบำเพ็ญที่จะต้องสกัดออกมาก่อน แต่ต้องใส่พืชเซียนตามลำดับทีละนิดๆตามอุณหภูมิของไฟ

หลิวหลีปรับสภาวะร่างกายให้พร้อมที่สุด ใส่ลูกไฟจากเพลิงเซียนวิญญาณไม้ในเตาปรุงยา และใส่พืชเซียนเข้าไปตามอุณหภูมิความร้อน แล้วคอยสังเกตความร้อนของไฟ และต้องพิจารณาว่าหลอมรวมกันได้ดีหรือไม่ หลิวหลีไม่ละเลยแม้แต่จุดเล็กๆ นางค่อยๆหลอมรวมทีละน้อย แล้วยังต้องคอยสังเกตเวลาที่เหมาะสมของพืชเซียนชนิดต่างๆ รวมไปถึงความเข้ากันของตัวยาและอุณหภูมิที่ต้องใช้ในการปรุงยา

หลิวหลีปรุงยาเสียไป 10 กว่าเตา กว่าจะได้ยาเซียนศักดิ์สิทธิ์คุณภาพระดับต่ำ หลิวหลีรู้สึกเสียใจน้อยๆ เฮ้อ นึกไม่ถึงว่าอัจฉริยะการปรุงยาแห่งโลกบำเพ็ญอย่างตนวเอง พอมาถึงที่นี่จะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ เสียดายเพลิงเซียนวิญญาณไม้จริงๆ

“ยังไม่ได้จริงด้วย” หลิวหลีมองยาเซียนศักดิ์สิทธิ์คุณภาพระดับต่ำ ก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจ

“อวิ๋นเฟย พาข้าไปที่ห้องปรุงยา”หลิวหลีตะโกน นางจะไปดูที่ห้องปรุงยาหน่อยว่านางทำอะไรผิดไปตรงไหนกันแน่

“นายท่านรู้ว่าวันนี้เป็นวันที่เซียนนักปรุงยาอีมู่จัดแสดงการปรุงยาหรือ” เดิมอวิ๋นเฟยกำลังจะถามหลิวหลีอยู่พอดีว่านางจะไปดูหรือไม่

“เซียนนักปรุงยาอีมู่?”

“ขอรับ จะพูดอะไรดีล่ะ เซียนนักปรุงยาอีมู่ผู้นี้ ถึงจะเป็นคนค่อนข้างหยิ่งยโส แต่ฝีมือในการปรุงยาของเขานั้นไม่ธรรมดา อีกทั้งที่เขาก็เคยบอกว่าที่กล้าจัดแสดงการปรุงยาเพราะถึงคนพวกนี้จะดูเป็น 100 รอบ ก็ไม่อาจปรุงยาได้อย่างเขา”  อวิ๋นเฟยคิดๆแล้วก็พูดขึ้น เรื่องเป็นเช่นนี้จริงๆ เซียนนักปรุงยาอีมู่จัดแสดงการปรุงยา 10 กว่ารอบแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถทำได้เหมือนเขาจริงๆ

“ไป ไปดูกัน” หลิวหลีเริ่มสนใจขึ้นมา

ณ บริเวณลานกว้าง มีคนรวมตัวกันอยู่ด้วยกันเป็นจำนวนไม่น้อย ตอนหลิวหลีไปถึงก็นับได้ว่า มีคนเต็มไปทั่วทุกสารทิศ อันวิสัยมนุษย์นั้นชอบความครึกครื้น แม้ไม่ได้มาปรุงยาแต่ก็มาดูบรรยากาศ หลิวหลีเจอตำแหน่งเก้าอี้ของตัวเองจนเจอจากที่อวิ๋นเฟยบอก คิดไม่ถึงเลยว่านางจะมีที่นั่งเป็นของตัวเอง ที่ค่อนไปทางด้านหน้า ทำให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

“เซียนนักปรุงยาอีมู่มาถึงแล้ว” ไม่นานก็มีเสียงคนพูดขึ้น ผู้อาวุโสในชุดสีน้ำตาลก็ปรากฏตัวขึ้น ทันทีที่เห็นก็รู้สึกได้เลยว่าคนตรงหน้าเป็นคนหยิ่งยโส นางยังไม่ทันเห็นฝีมือการปรุงยาของเขาแต่ก็ไม่ประทับใจในตัวเขาเสียแล้ว

เซียนนักปรุงยาอีมู่ไม่พูดไม่จา นำเตาปรุงยาออกมาแล้วเริ่มปรุงยา หลิวหลีสังเกตทุกรายละเอียดของเซียนนักปรุงยาอีมู่อย่างละเอียด หลิวหลีก็พบว่าคนผู้นี้ฝีมือไม่ธรรมดาเลย คลี่คลายความสงสัยที่เดิมมีอยู่ของนาง แต่ฝีมือระดับนี้ก็ยังถือว่าเป็นฝีมือระดับกลาง ยังไม่ถึงจุดที่เรียกว่าระดับสุดยอด หลิวหลีจ้องมองท่าทางการเคลื่อนไหวของอีมู่ก็ไม่ได้พบอะไร กระทั่งหลิวหลีมองไปที่เตาปรุงยา

“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง น่าสนใจ” หลิวหลีเข้าใจทันที นางผุดลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ไม่จำเป็นต้องอยู่ดูต่ออีกแล้ว อวิ๋นเฟยที่กำลังดูเพลินๆก็รีบผุดลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าหลิวหลีเดินจากไป

“นายท่าน ไม่ดูต่อแล้วหรือ” อวิ๋นเฟยสงสัยน้อยๆ นายท่านมาเพื่อเรียนรู้ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้ลุกออกไปกลางคันเล่า

“อะไรที่ควรต้องศึกษาก็เรียนหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ดูต่อแล้ว” หลิวหลีส่ายหน้า ไม่จำเป็นต้องดูต่อไป นอกเสียจากว่านางมีเตาปรุงยาแบบเดียวกัน

“นายท่านทำเป็นแล้วหรือ”อวิ๋นเฟยตื่นเต้นน้อยๆ นานยท่านของเขาปราดเปรื่องจริงๆด้วย ดูเพียงรอบเดียวก็เข้าใจ

“บอกไม่ได้” หลิวหลีกล่าวสั้นๆ อย่างมีเลศนัย ทำให้อวิ๋นเฟยถึงกับงุนงง

อีมู่ที่เดิมอารมณ์ดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อเหลือบเห็นคนทั้งสองลุกเดินออกไป ใบหน้าก็ปรากฏความไม่พอใจ เขาชินกับการที่มีคนพะเน้าพะนอเอาใจ แต่เมื่อมีคนไม่ไว้หน้าเขาลุกออกไปขณะที่เขากำลังปรุงยา กระทั่งผู้อาวุโสยังต้องให้เกียรติเขา แล้วคนผู้นี้เป็นใครกัน?

หลิวหลีกลับมาที่ห้องปรุงยาของตัวเอง ขั้นตอนแรกๆไม่ได้มีข้อผิดพลาดอะไร จนมาถึงการหลอมรวมขั้นสุดท้าย หลิวหลีสูดลมหายใจลึก นางแบ่งเพลิงเซียนวิญญาณไม้ออกเป็น 2 ดวง แยกประสาทเซียนในการปรุง วิธีนี้เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่นางเห็นจากเตาปรุงยาใบนั้น แต่นางไม่มีเตาปรุงยาประเภทเดียวกัน จึงทำได้เพียงทำทั้งสองสิ่งนี้พร้อมกัน นางทดสอบอย่างระมัดระวัง

“ผู้ดูแลเหอ ท่านพูดอีกรอบได้หรือไม่” อวิ๋นเฟยแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง

“เซียนนักปรุงยาอีมู่บอกว่า ในวันที่จัดแสดงการปรุงยา เจ้าตำหนักหลิวหลีลุกออกไปกลางคัน ถือเป็นการไม่ให้เกียรติเขา ดังนั้นเขาตัดสินใจจะไม่ส่งยาเซียนศักดิ์สิทธิ์มาให้ตำหนักเวิ่นเทียนชั่วคราว” ผู้ดูแลเหอไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร เจ้าตำหนักหลิวหลีเป็นเจ้าตำหนักที่เก่งกาจและเป็นที่ยอมรับของวังนภาเพลิง หนำซ้ำนางเพิ่งจะมาที่นี่ ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ ผลคือเซียนนักปรุงยาอีมู่เป็นคนที่ค่อนข้างถือตัว ผู้อาวุโสเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ครึ่งหนึ่งในวังนภาเพลิงก็เป็นฝีมือของเซียนนักปรุงยาอีมู่ผู้นี้

“แต่ว่านายท่านเพิ่งจะมาที่นี่ เมื่อวานก็เป็นครั้งแรกที่ไปชมการปรุงยา คนที่ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ผู้ดูแลเหอช่วยพูดให้หน่อยได้หรือไม่”อวิ๋นเฟยเองก็ทำอะไรไม่ถูก เซียนนักปรุงยาอีมู่ถูกคนพะเน้าพะนอจนลืมสถานะของตัวเอง ถึงขั้นบอกว่าจะหยุดให้ยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ ที่แม้แต่ผู้อาวุโสยังไม่มีสิทธิ์นี้เลยด้วยซ้ำ

“ข้าเป็นคนไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงพูดอะไรไม่ได้หรอก ข้าแค่มาส่งข่าว ขอตัว” ผู้ดูแลเหอกล่าวพลางส่ายหน้า

“ผู้ดูแลเหอ กลับไปฝากบอกเซียนนักปรุงยาอีมู่ด้วยว่า บางครั้งเดินในที่มืดนานเกินไปอาจจะเจอผีก็ได้ อีกอย่าง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ฝีมือการปรุงยาของเขาจะสู้ผู้เริ่มต้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” ไม่รู้ว่าหลิวหลีปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คำพูดคำจาที่แปลกประหลาดนี้ ทำให้อวิ๋นเฟยรู้สึกร้อนใจ ผู้ดูแลเหอเองก็ทำหน้าไม่ถูก

“ขอรับ เจ้าตำหนักหลิวหลี ข้าน้อยขอตัว” ผู้ดูแลเหอยกมือปาดเหงื่อ เมื่อรู้สึกว่าคำพูดของเจ้าตำหนักหลิวหลีเหมือนมีความนัยแฝงซ่อนอยู่

“นายท่าน ท่านวู่วามเกินไป” อวิ๋นเฟยไม่เห็นด้วยน้อยๆ

“หึหึ อวิ๋นเฟยเจ้าเชื่อข้าเถอะ ไม่มีอะไรหรอก”หลิวหลีอารมณ์ดี นางคลำถูกทางแล้วแต่แค่ยังต้องทดลองต่อ

“เฮ้อ โชคดีที่ไปรับยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ของร้อยปีนี้มาแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”อวิ๋นเฟยถอนหายใจ นายท่านผู้นี้ช่างหัวแข็งเหลือเกิน

“อวิ๋นเฟย เจ้าคิดว่าข้าทำไม่ถูกหรือ”หลิวหลีมองอวิ๋นเฟยแล้วถามขึ้น

“นายท่าน ท่านอาจไม่รู้ ยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ครึ่งหนึ่งในวังนภาเพลิง เซียนนักปรุงยาอีมู่เป็นคนปรุงขึ้น แม้แต่ผู้อาวุโสที่ดูแลห้องปรุงยายังต้องให้เกียรติเขา”อวิ๋นเฟยอธิบายราวหลิวหลีทำเรื่องที่ผิดพลาด

“อวิ๋นเฟย ในฐานะที่เจ้าเป็นขุนนางเซียนของข้า เจ้าต้องฟังข้า ถึงเจ้าจะมีความคิดเห็น ก็ต้องฟังคำพูดข้า เจ้าคิดว่าข้าทำเพราะประชดประชัน ไม่สนใจยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ในตำหนักเวิ่นเทียนหรือ”หลิวหลีเหลือบมองอวิ๋นเฟย เพียงสายตาของนางดูเยือกเย็นบอกไม่ถูก

“อวิ๋นเฟยมิกล้า เพียงแต่เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่” อวิ๋นเฟยก็จนปัญญาเช่นกัน

“เอาล่ะ วางใจเถอะ ยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าไม่ขาดแน่ เพียงแต่ว่ามีเรื่องหนึ่ง อวิ๋นเฟยเจ้าจงจดจำแล้วถ่ายทอดคำพูดของข้าไปให้ทั่วกัน ทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่งข้า ถึงแม้ว่าจะมีความเห็นก็ต้องทำตามคำสั่งข้า แล้วค่อยบอกความเห็น หากทำตามนี้ไม่ได้ก็รีบออกไปจากตำหนักเวิ่นเทียนของข้าตั้งแต่ตอนนี้ เพราะอย่างไรระยะเวลาแค่ 300 ปี ยังไม่มีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันขนาดนั้น” หลิวหลีพูดเน้นช้าๆ

“ขอรับนายท่าน”อวิ๋นเฟยตกใจ เจ้าตำหนักหลิวหลีเพิ่งจะบรรลุเป็นเซียนได้ 100 ปี แต่ดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าผู้บำเพ็ญที่อยู่มานานอย่างพวกเขาเสียอีก

“เอาไป ลองเอาไปดูกัน ความแตกต่างระหว่างของที่ทำฉาบฉวยและทำตามขั้นตอน พวกเจ้าเนี่ย มาตรฐานต่ำกันจริงๆ” หลิวหลีโยนขวดขนาดเล็กให้อวิ๋นเฟย แล้วเดินกลับไปที่ห้องปรุงยา

อวิ๋นเฟยรับขวดขนาดเล็กมาเปิดดู หน้าเปลี่ยนสีทันที เมื่อเปิดขวดที่ได้จากห้องปรุงยาก็พบความต่าง ที่มีอยู่เล็กน้อย ซึ่งแม้แต่คนที่ไม่ใช่นักปรุงยาอย่างเขายังดูออก

“นี่ นี่” อวิ๋นเฟยตื่นเต้นเล็กน้อย เขาตามเจ้านายไม่ผิดคนจริงๆ

ณ ห้องปรุงยา ผู้อาวุโสจูได้ยินคำพูดของผู้ดูแลเหอ ก็โบกมือบอกให้ผู้ดูแลเหอออกไป

“หึหึ เจ้าตำหนักหลิวหลีช่างน่าสนใจจริงๆ ดูแล้ว นางคงจะรู้ความลับในการปรุงยาของอีมู่ เดินในความมืดนานๆ อาจจะเจอผีก็ได้ เจ้าตำหนักหลิวหลีก็คงจะเป็นผีตนนั้น น่าสนใจจริงๆ อืม ดูแล้วคงจะยังเอาใจอีมู่ไม่พอสินะ”ผู้อาวุโสจูพึมพำกับตัวเอง

ไม่ว่าใครก็ไม่ชอบให้มีเสี้ยนหนามอยู่ในอาณาเขตตนเอง ผู้อาวุโสจูก็เช่นกัน แต่จะทำอย่างไรได้ อีมู่เชื่อมั่นในตนเองมากนัก ไม่อย่างไรก็มองไม่ออกว่าเขาปรุงยาอย่างไร อัตราสำเร็จในการปรุงยาถึงได้สูงมากนัก ยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ครึ่งหนึ่งของวังนภาเพลิงก็มาจากเขา เขาจึงทำอะไรอีมู่ไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้มีคนล่วงรู้ความลับ เจ้าตำหนักหลิวหลี สมแล้วที่จักรพรรดิเห็นว่าเป็นคนไม่ธรรมดา

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+