แม่ครัวยอดเซียน 339 เมล็ดพันธุ์แห่งเทพ

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 339 เมล็ดพันธุ์แห่งเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ความจริงก็พิสูจน์แล้วว่า น้อยครั้งนักที่หลิวหลีจะทำไม่ได้ตามที่พูด ถึงได้รับบาดเจ็บ แต่ความสามารถของนางก็สามารถทำให้คนยอมรับ เพลิงเทพที่เจิดจ้านั้นทำให้คนเลื่อมใสในตัวนางมากกว่าเดิม เพลิงเทพเป็นเหมือนส่วนหนึ่งในร่างกายของนาง เหมือนว่าหลิวหลีไม่ต้องทำอะไร แต่เพลิงเทพก็รู้ได้ว่าในลำดับต่อไปหลิวหลีต้องการอะไร บาดเจ็บเหมือนกันแต่การเคลื่อนไหวยังคงสง่างามเช่นเคย สิ่งที่ยิ่งทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเหยียนซวี่ถูกตบหน้าก็คือหลิวหลียังบาดเจ็บไม่หายดี แต่นางใช้แค่เพลิงเทพเจ็ดชนิดก็ทำเอาเขาร่วงไปกองที่พื้นแล้ว การตบหน้าครั้งนี้คนอื่นยังเจ็บแทนเขาเลย

“เมื่อเป็นเช่นนั้น เหมือนว่าตำแหน่งพี่ใหญ่ตกเป็นของข้าแล้ว อีกอย่างผมของเจ้าเป็นอะไร ทำไมถึงได้กลายเป็นสีดำ” หลิวหลีขมวดคิ้วพลางกล่าว

เหยียนซวี่ยังคงจมปลักเรื่องทำไมตนเองถึงพ่ายแพ้ให้กับคนที่บาดเจ็บสาหัส พอได้ยินคำพูดของหลิวหลีก็พลันตกใจ เป็นไปไม่ได้ เขามีผมและดวงตาสีทอง เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเทพสุวรรณ ผมจะกลายเป็นสีดำไปได้อย่างไร เขารีบร้อนวิ่งกลับไป ไม่รู้ว่าตนใช้คำสาปอะไรลงไป

“ก็เคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าใช้คาถานี้ตามใจชอบ เฮ้อ ทำไมผมของเจ้าถึงมีแววว่าจะกลายเป็นสีดำไปได้ แล้วทำไมเมล็ดพันธุ์แห่งเทพในตัวเจ้าถึงหายไปได้ล่ะ”

“ใต้เท้าโยวหวง ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนว่าทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้ ข้าก็แค่ฉวยโอกาสตอนที่จวินหาวบาดเจ็บสาหัสจึงตั้งใจจะชิงตำแหน่งศิษย์ระดับพิเศษกลับมาแต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอยอดฝีมือเข้า ระหว่างที่ประลองกับจวินหาวข้ารู้สึกว่าตนเองมีอะไรบางอย่างที่สำคัญหายไปแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเทพอย่างนั้นหรือ เหตุใดจู่ๆถึงได้หายไป” เหยียนซวี่รู้สึกว่าการประลองครั้งนี้ทำให้เขาพลาดการเป็นพี่ใหญ่ของศิษย์ระดับพิเศษ แล้วยังทำให้เขาอารมณ์เสียอีกด้วย เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ไร้ซึ่งเมล็ดพันธุ์แห่งเทพแล้ว เขาก็จะกลายเป็นเทพที่แท้จริงไม่ได้ ไม่นะ เขาไม่เอาหรอก

“ไม่เป็นไร เทพที่แท้จริงให้เมล็ดพันธุ์แห่งเทพได้ แต่ถ้าเจ้ายังมีครั้งต่อไปอีกก็อย่าหาว่าข้าไม่ปรานีแล้วกัน” เมื่อเยี่ยโยวหวงตำหนิเหยียนซวี่เสร็จ เหยียนซวี่ก็รู้สึกว่าเหมือนสิ่งของที่หายไปกลับคืนมา ใครกันแน่ที่ช่วงชิงเมล็ดพันธุ์แห่งเทพของเขาไป ช่างน่ารังเกียจ

“เอาล่ะ เป้าหมายของเจ้าคือต้องรีบหาตัวคนที่มีผมและดวงตาสีรุ้งให้เจอ ที่เหลือเจ้าไม่ต้องสนใจ แต่จงรู้ไว้ว่าไม่ใช่ว่าข้าจะต้องใช้เจ้าเท่านั้น” เยี่ยโยวหวงพูดจบก็หายตัวไป

“ขอรับ ใต้เท้าโยวหวง ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย” เหงื่อซึมทั่วร่างกายเหยียนซวี่ เขาได้ทุกสิ่งทุกอย่างจากเยี่ยโยวหวง ถ้าอีกฝ่ายต้องการจะยึดคืนกลับไปแล้วเปลี่ยนคนก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ สำหรับเขาแล้วนี่เท่ากับเป็นภัยคุกคามถึงชีวิต ไม่ได้การล่ะ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เมล็ดพันธุ์แห่งเทพโดนช่วงชิงไป ทำให้โอกาสในการเป็นเทพจบสิ้นลง เขาจะไม่ยอมเด็ดขาด

หลังจากเหยียนซวี่ไปแล้ว หลิวหลีก็คุกเข่าดูจวินหาวที่มีบาดแผลเพิ่มขึ้นจากเดิม อืม หมอนี่เป็นเทพมารคงใช้ได้ทีเดียว หลิวหลีคิดเหลวไหล แต่กลับทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งเทพที่อยู่ในร่างกายจวินหาวเติบโตขึ้นหลายส่วน แล้วจึงรีบลงมืแรักษาจุดที่จวินหาวได้รับบาดเจ็บทันที

หลิวหลีวางมือไว้บนหน้าผากจวินหาว หลัวหลานและปิงซินที่อยู่ด้านข้างต่างร้อนใจจนเหงื่อเย็นซึมทั่วศีรษะ แต่ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไป พวกเขารู้ว่าหลิวหลีไม่ใช่คนร้าย ไม่เช่นนั้นคงไม่ออกหน้าให้พวกเขา

หลิวหลีแค่ช่วยดูดซับพลังเพลิงที่อยู่ภายในร่างกายของจวินหาวกลับมา ซึ่งต่างจากเพลิงเทพของนาง มีสิ่งที่แอบแฝงอยู่ภายในค่อนข้างมาก หากไม่จัดการให้ดีจะเป็นโรคเรื้อรังได้

จวินหาวรู้สึกว่าตนเองตัวเบาลง ภายในร่างกายมีบางอย่างเติบโตขึ้นมากราวกับพลังของตนเองก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย เกิดอะไรขึ้นหรือ จวินหาวลืมตาขึ้นก็เห็นสาวน้อยผมสีแดงยิ้มตาหยีอยู่ หลงหลิวหลีนี่เอง คนผู้นี้ช่างทำให้คนเกิดความรู้สึกดีด้วยได้ง่ายดายจริงๆ

“หลงหลิวหลี”

“ข้าเอง”

“บุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนได้ เช่นนั้นข้าใช้ร่างกายตอบแทนเจ้าเป็นอย่างไร?” จวินหาวเย้า

หลิวหลีไม่พูดไม่จา หนานกงเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างกายชักสีหน้าทันที กล้าจีบน้องหญิงต่อหน้าเขาเช่นนี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วสินะ เขายกแขนขึ้นเหวี่ยงครั้งเดียวจวินหาวก็ลอยกระเด็นไปทางหลัวหลานกับปิงซิง สองคนนั้นรีบรับตัวอีกฝ่ายไว้อย่างร้อนรน

“เจ้าคงเห็นแล้วนะ ว่าท่านพี่ของข้าหึงแล้ว ถ้าเจ้าอยากเป็นที่สองล่ะก็ ต้องโน้มน้าวให้สามีข้ายอมก่อน พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องทำ ขอตัว” หลิวหลีเห็นหนานกงเวิ่นเทียนกำมือแน่นขึ้นเรื่อยๆ พอแล้ว รีบกลับไปปลอบคนขี้หึงดีกว่า!

“ท่านพี่ ท่านทำให้ข้าเจ็บ” เสียงออดอ้อนของหลิวหลีดังลอยมาจากไกลๆ

“น้องหญิง ข้าไม่ได้ใช้แรงเลยจริง ๆนะ” คำอธิบายของหนานกงเวิ่นเทียนลอยมา

“ข้ารู้ ท่านพี่ ท่านก็เห็นว่าข้ามีท่านพี่คนเดียว เรื่องคนรองต้องให้ท่านพี่เห็นด้วยก่อน” เสียงของหลิวหลีเต็มไปด้วยเสียงออดอ้อน

“ทำไมเจ้าอยากจะมีหรืออย่างไร?” น้ำเสียงของหนานกงเวิ่นเทียนเต็มไปด้วยร่องรอยอันตราย

“ข้ามีคนขี้หึงอย่างท่านพี่ก็พอแล้ว” น้ำเสียงของหลิวหลีเต็มไปด้วยความรักใคร่

“สองสามีภรรยาคู่นี้ความสัมพันธ์ช่างดีเหลือเกิน” หลัวหลานเอ่ย คนนอกเข้าไปแทรกเข้าไปไม่ได้เลยสักนิด

“ความสัมพันธ์เช่นนี้ทำให้รู้สึกอิจฉานัก” ร่องรอยความอิจฉาพาดผ่านในแววตาปิงซิน

“นั่นสิ แต่ว่า พวกเจ้าปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่” จวินหาวมองสองสาวที่กำลังอยู่ในความอิจฉา คนหนึ่งก็เกาะแขน อีกคนก็ยกขา เขาไม่สบายตัวเข้าใจไหม ยิ่งไปกว่านั้นยังเขาเป็นผู้ที่บาดเจ็บอยู่ ถึงจะไม่รู้สึกแสบร้อนแล้ว แต่ร่างกายเขายังมีบาดแผลอื่นอยู่ หญิงสาวทั้งสองหน้าแดงอย่างรวดเร็ว นึกได้ว่าจวินหาวเป็นผู้บาดเจ็บอยู่จึงคลายมือออก

หมิงเยี่ยย่อมได้ยินเรื่องนี้ ใบหน้าฉายแววเอือมระอา หลานคนนี้หุนหันพลันแล่นเกินไป ยังดีที่นังหนูหลงหลิวหลีคนนั้นปรากฏตัว เพียงแต่ทั้งสองคนต่างก็บาดเจ็บหนัก เหตุใดหลงหลิวหลีถึงฟื้นตัวเร็วนัก

“พวกเขามีอะไรที่ต่างออกไปหรือ?” หมิงเยี่ยเอ่ยถามเงาดำ

“ไม่มีอะไรที่ต่างกัน ถ้าจะให้พูดถึงความต่างสองคนนี้บำเพ็ญคู่กัน แต่หนานกงเวิ่นเทียนไม่บาดเจ็บสาหัสจะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่” เงาดำนั้นคาดเดา

“ไม่แน่ใจนักหรอก แต่เจ้าจับตาดูให้ดี ข้ามักรู้สึกว่าความลับที่นังหนูนี่ปกปิดอยู่สำคัญมาก ไม่เช่นนั้นบาดเจ็บเหมือนๆกัน แต่จวินหาวเคลื่อนไหวยังไม่คล่องตัว แต่นังหนูนี่สามารถต่อสู้อย่างทรงพลังได้” ในใจหมิงเยี่ยก็มีความคิดทำนองนี้อยู่เช่นกัน หลงหลิวหลีผู้นี้มีความลับบางอย่าง ส่วนจะปิดบังอะไรอยู่นั้นยังไม่แน่ชัด แต่พอจะรู้ว่าความลับที่ปิดบังไว้ต้องสำคัญกับเขามากแน่ ทั้งๆที่ผู้สืบทอดมหาเทพสูงสุดปรากฏตัวแล้วแท้ ๆ แต่อยู่ที่ไหนกันแน่ ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน หรือบางทีเขาควรไปลองถามราชาเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) สักหน่อย

ถึงแม้หลิวหลีจะรู้ว่าตนถูกจับตามองอยู่ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะถูกให้ความสำคัญมากเช่นนี้ หลังจากสองสามีภรรยาแสดงความรักกันเสร็จแล้ว หลิวหลีก็ตัดสินใจว่าจะศึกษาปราณสีน้ำนมในร่างกายดูว่าตกลงมันคืออะไรกันแน่ นางค้นพบว่าภายในร่างกายมีวงจรวัฏจักรเล็กๆที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่ ปราณนี้ถูกผลิตออกมาโดยวงจรนี้ ปริมาณไม่มากแต่ทรงพลัง หลิงหลีสังเกตอย่างละเอียดก็พบว่าในวงจรนี้มีเมล็ดพันธุ์สีรุ้งเม็ดหนึ่ง ในร่างกายนางมีเมล็ดพันธุ์นี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน อีกอย่างนางสังเกตเห็นว่าปราณสีน้ำนมที่ผลิตออกมาล้วนถูกเมล็ดพันธุ์หลากสีนั่นกลืนกินเข้าไป หลิวหลีดึงประสาทเซียนกลับมาแล้วไปหาหนานกงเวิ่นเทียนอีกครั้ง ทำเอาเงาดำที่จับตาดูอยู่หายวับไป รู้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยามักจะบำเพ็ญครู่กันอยู่เสมอ แล้วเขาจะอยู่ดูหรือไม่

หลิวหลีใช้จิตดำดิ่งลงไปในร่างกายหนานกงเวิ่นเทียน แล้วสังเกตเห็นเมล็ดพันธุ์จริงๆ เพียงแต่เป็นสีฟ้าเหมันต์ ตกลงแล้วเมล็ดพันธุ์นี่คืออะไรกันแน่

จวินหาวที่กลับไปบำเพ็ญเพียรก็ตกตะลึงเช่นกันที่เห็นเมล็ดพันธุ์ในร่างกายเติบโตขึ้นมาก เขามุมานะบากบั่นมานานหลายหมื่นล้านปีก็ทำให้เมล็ดพันธุ์นี้เติบโตไม่ได้ ใช่แล้ว จวินหาวรู้ถึงการมีอยู่ของเมล็ดพันธุ์แห่งเทพ เพียงแต่ไม่รู้ว่าต้องใช้วิธีไหนถึงจะทำให้เมล็ดพันธุ์นี้เติบใหญ่งอกงามขึ้นมาได้ บัดนี้เติบโตแล้ว หรือจะหมายความว่าตนเองใกล้จะบรรลุเป็นเทพมารอีกขั้นหนึ่งแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 339 เมล็ดพันธุ์แห่งเทพ

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 339 เมล็ดพันธุ์แห่งเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ความจริงก็พิสูจน์แล้วว่า น้อยครั้งนักที่หลิวหลีจะทำไม่ได้ตามที่พูด ถึงได้รับบาดเจ็บ แต่ความสามารถของนางก็สามารถทำให้คนยอมรับ เพลิงเทพที่เจิดจ้านั้นทำให้คนเลื่อมใสในตัวนางมากกว่าเดิม เพลิงเทพเป็นเหมือนส่วนหนึ่งในร่างกายของนาง เหมือนว่าหลิวหลีไม่ต้องทำอะไร แต่เพลิงเทพก็รู้ได้ว่าในลำดับต่อไปหลิวหลีต้องการอะไร บาดเจ็บเหมือนกันแต่การเคลื่อนไหวยังคงสง่างามเช่นเคย สิ่งที่ยิ่งทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเหยียนซวี่ถูกตบหน้าก็คือหลิวหลียังบาดเจ็บไม่หายดี แต่นางใช้แค่เพลิงเทพเจ็ดชนิดก็ทำเอาเขาร่วงไปกองที่พื้นแล้ว การตบหน้าครั้งนี้คนอื่นยังเจ็บแทนเขาเลย

“เมื่อเป็นเช่นนั้น เหมือนว่าตำแหน่งพี่ใหญ่ตกเป็นของข้าแล้ว อีกอย่างผมของเจ้าเป็นอะไร ทำไมถึงได้กลายเป็นสีดำ” หลิวหลีขมวดคิ้วพลางกล่าว

เหยียนซวี่ยังคงจมปลักเรื่องทำไมตนเองถึงพ่ายแพ้ให้กับคนที่บาดเจ็บสาหัส พอได้ยินคำพูดของหลิวหลีก็พลันตกใจ เป็นไปไม่ได้ เขามีผมและดวงตาสีทอง เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเทพสุวรรณ ผมจะกลายเป็นสีดำไปได้อย่างไร เขารีบร้อนวิ่งกลับไป ไม่รู้ว่าตนใช้คำสาปอะไรลงไป

“ก็เคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าใช้คาถานี้ตามใจชอบ เฮ้อ ทำไมผมของเจ้าถึงมีแววว่าจะกลายเป็นสีดำไปได้ แล้วทำไมเมล็ดพันธุ์แห่งเทพในตัวเจ้าถึงหายไปได้ล่ะ”

“ใต้เท้าโยวหวง ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนว่าทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้ ข้าก็แค่ฉวยโอกาสตอนที่จวินหาวบาดเจ็บสาหัสจึงตั้งใจจะชิงตำแหน่งศิษย์ระดับพิเศษกลับมาแต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอยอดฝีมือเข้า ระหว่างที่ประลองกับจวินหาวข้ารู้สึกว่าตนเองมีอะไรบางอย่างที่สำคัญหายไปแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเทพอย่างนั้นหรือ เหตุใดจู่ๆถึงได้หายไป” เหยียนซวี่รู้สึกว่าการประลองครั้งนี้ทำให้เขาพลาดการเป็นพี่ใหญ่ของศิษย์ระดับพิเศษ แล้วยังทำให้เขาอารมณ์เสียอีกด้วย เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ไร้ซึ่งเมล็ดพันธุ์แห่งเทพแล้ว เขาก็จะกลายเป็นเทพที่แท้จริงไม่ได้ ไม่นะ เขาไม่เอาหรอก

“ไม่เป็นไร เทพที่แท้จริงให้เมล็ดพันธุ์แห่งเทพได้ แต่ถ้าเจ้ายังมีครั้งต่อไปอีกก็อย่าหาว่าข้าไม่ปรานีแล้วกัน” เมื่อเยี่ยโยวหวงตำหนิเหยียนซวี่เสร็จ เหยียนซวี่ก็รู้สึกว่าเหมือนสิ่งของที่หายไปกลับคืนมา ใครกันแน่ที่ช่วงชิงเมล็ดพันธุ์แห่งเทพของเขาไป ช่างน่ารังเกียจ

“เอาล่ะ เป้าหมายของเจ้าคือต้องรีบหาตัวคนที่มีผมและดวงตาสีรุ้งให้เจอ ที่เหลือเจ้าไม่ต้องสนใจ แต่จงรู้ไว้ว่าไม่ใช่ว่าข้าจะต้องใช้เจ้าเท่านั้น” เยี่ยโยวหวงพูดจบก็หายตัวไป

“ขอรับ ใต้เท้าโยวหวง ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย” เหงื่อซึมทั่วร่างกายเหยียนซวี่ เขาได้ทุกสิ่งทุกอย่างจากเยี่ยโยวหวง ถ้าอีกฝ่ายต้องการจะยึดคืนกลับไปแล้วเปลี่ยนคนก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ สำหรับเขาแล้วนี่เท่ากับเป็นภัยคุกคามถึงชีวิต ไม่ได้การล่ะ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เมล็ดพันธุ์แห่งเทพโดนช่วงชิงไป ทำให้โอกาสในการเป็นเทพจบสิ้นลง เขาจะไม่ยอมเด็ดขาด

หลังจากเหยียนซวี่ไปแล้ว หลิวหลีก็คุกเข่าดูจวินหาวที่มีบาดแผลเพิ่มขึ้นจากเดิม อืม หมอนี่เป็นเทพมารคงใช้ได้ทีเดียว หลิวหลีคิดเหลวไหล แต่กลับทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งเทพที่อยู่ในร่างกายจวินหาวเติบโตขึ้นหลายส่วน แล้วจึงรีบลงมืแรักษาจุดที่จวินหาวได้รับบาดเจ็บทันที

หลิวหลีวางมือไว้บนหน้าผากจวินหาว หลัวหลานและปิงซินที่อยู่ด้านข้างต่างร้อนใจจนเหงื่อเย็นซึมทั่วศีรษะ แต่ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไป พวกเขารู้ว่าหลิวหลีไม่ใช่คนร้าย ไม่เช่นนั้นคงไม่ออกหน้าให้พวกเขา

หลิวหลีแค่ช่วยดูดซับพลังเพลิงที่อยู่ภายในร่างกายของจวินหาวกลับมา ซึ่งต่างจากเพลิงเทพของนาง มีสิ่งที่แอบแฝงอยู่ภายในค่อนข้างมาก หากไม่จัดการให้ดีจะเป็นโรคเรื้อรังได้

จวินหาวรู้สึกว่าตนเองตัวเบาลง ภายในร่างกายมีบางอย่างเติบโตขึ้นมากราวกับพลังของตนเองก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย เกิดอะไรขึ้นหรือ จวินหาวลืมตาขึ้นก็เห็นสาวน้อยผมสีแดงยิ้มตาหยีอยู่ หลงหลิวหลีนี่เอง คนผู้นี้ช่างทำให้คนเกิดความรู้สึกดีด้วยได้ง่ายดายจริงๆ

“หลงหลิวหลี”

“ข้าเอง”

“บุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนได้ เช่นนั้นข้าใช้ร่างกายตอบแทนเจ้าเป็นอย่างไร?” จวินหาวเย้า

หลิวหลีไม่พูดไม่จา หนานกงเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างกายชักสีหน้าทันที กล้าจีบน้องหญิงต่อหน้าเขาเช่นนี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วสินะ เขายกแขนขึ้นเหวี่ยงครั้งเดียวจวินหาวก็ลอยกระเด็นไปทางหลัวหลานกับปิงซิง สองคนนั้นรีบรับตัวอีกฝ่ายไว้อย่างร้อนรน

“เจ้าคงเห็นแล้วนะ ว่าท่านพี่ของข้าหึงแล้ว ถ้าเจ้าอยากเป็นที่สองล่ะก็ ต้องโน้มน้าวให้สามีข้ายอมก่อน พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องทำ ขอตัว” หลิวหลีเห็นหนานกงเวิ่นเทียนกำมือแน่นขึ้นเรื่อยๆ พอแล้ว รีบกลับไปปลอบคนขี้หึงดีกว่า!

“ท่านพี่ ท่านทำให้ข้าเจ็บ” เสียงออดอ้อนของหลิวหลีดังลอยมาจากไกลๆ

“น้องหญิง ข้าไม่ได้ใช้แรงเลยจริง ๆนะ” คำอธิบายของหนานกงเวิ่นเทียนลอยมา

“ข้ารู้ ท่านพี่ ท่านก็เห็นว่าข้ามีท่านพี่คนเดียว เรื่องคนรองต้องให้ท่านพี่เห็นด้วยก่อน” เสียงของหลิวหลีเต็มไปด้วยเสียงออดอ้อน

“ทำไมเจ้าอยากจะมีหรืออย่างไร?” น้ำเสียงของหนานกงเวิ่นเทียนเต็มไปด้วยร่องรอยอันตราย

“ข้ามีคนขี้หึงอย่างท่านพี่ก็พอแล้ว” น้ำเสียงของหลิวหลีเต็มไปด้วยความรักใคร่

“สองสามีภรรยาคู่นี้ความสัมพันธ์ช่างดีเหลือเกิน” หลัวหลานเอ่ย คนนอกเข้าไปแทรกเข้าไปไม่ได้เลยสักนิด

“ความสัมพันธ์เช่นนี้ทำให้รู้สึกอิจฉานัก” ร่องรอยความอิจฉาพาดผ่านในแววตาปิงซิน

“นั่นสิ แต่ว่า พวกเจ้าปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่” จวินหาวมองสองสาวที่กำลังอยู่ในความอิจฉา คนหนึ่งก็เกาะแขน อีกคนก็ยกขา เขาไม่สบายตัวเข้าใจไหม ยิ่งไปกว่านั้นยังเขาเป็นผู้ที่บาดเจ็บอยู่ ถึงจะไม่รู้สึกแสบร้อนแล้ว แต่ร่างกายเขายังมีบาดแผลอื่นอยู่ หญิงสาวทั้งสองหน้าแดงอย่างรวดเร็ว นึกได้ว่าจวินหาวเป็นผู้บาดเจ็บอยู่จึงคลายมือออก

หมิงเยี่ยย่อมได้ยินเรื่องนี้ ใบหน้าฉายแววเอือมระอา หลานคนนี้หุนหันพลันแล่นเกินไป ยังดีที่นังหนูหลงหลิวหลีคนนั้นปรากฏตัว เพียงแต่ทั้งสองคนต่างก็บาดเจ็บหนัก เหตุใดหลงหลิวหลีถึงฟื้นตัวเร็วนัก

“พวกเขามีอะไรที่ต่างออกไปหรือ?” หมิงเยี่ยเอ่ยถามเงาดำ

“ไม่มีอะไรที่ต่างกัน ถ้าจะให้พูดถึงความต่างสองคนนี้บำเพ็ญคู่กัน แต่หนานกงเวิ่นเทียนไม่บาดเจ็บสาหัสจะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่” เงาดำนั้นคาดเดา

“ไม่แน่ใจนักหรอก แต่เจ้าจับตาดูให้ดี ข้ามักรู้สึกว่าความลับที่นังหนูนี่ปกปิดอยู่สำคัญมาก ไม่เช่นนั้นบาดเจ็บเหมือนๆกัน แต่จวินหาวเคลื่อนไหวยังไม่คล่องตัว แต่นังหนูนี่สามารถต่อสู้อย่างทรงพลังได้” ในใจหมิงเยี่ยก็มีความคิดทำนองนี้อยู่เช่นกัน หลงหลิวหลีผู้นี้มีความลับบางอย่าง ส่วนจะปิดบังอะไรอยู่นั้นยังไม่แน่ชัด แต่พอจะรู้ว่าความลับที่ปิดบังไว้ต้องสำคัญกับเขามากแน่ ทั้งๆที่ผู้สืบทอดมหาเทพสูงสุดปรากฏตัวแล้วแท้ ๆ แต่อยู่ที่ไหนกันแน่ ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน หรือบางทีเขาควรไปลองถามราชาเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) สักหน่อย

ถึงแม้หลิวหลีจะรู้ว่าตนถูกจับตามองอยู่ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะถูกให้ความสำคัญมากเช่นนี้ หลังจากสองสามีภรรยาแสดงความรักกันเสร็จแล้ว หลิวหลีก็ตัดสินใจว่าจะศึกษาปราณสีน้ำนมในร่างกายดูว่าตกลงมันคืออะไรกันแน่ นางค้นพบว่าภายในร่างกายมีวงจรวัฏจักรเล็กๆที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่ ปราณนี้ถูกผลิตออกมาโดยวงจรนี้ ปริมาณไม่มากแต่ทรงพลัง หลิงหลีสังเกตอย่างละเอียดก็พบว่าในวงจรนี้มีเมล็ดพันธุ์สีรุ้งเม็ดหนึ่ง ในร่างกายนางมีเมล็ดพันธุ์นี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน อีกอย่างนางสังเกตเห็นว่าปราณสีน้ำนมที่ผลิตออกมาล้วนถูกเมล็ดพันธุ์หลากสีนั่นกลืนกินเข้าไป หลิวหลีดึงประสาทเซียนกลับมาแล้วไปหาหนานกงเวิ่นเทียนอีกครั้ง ทำเอาเงาดำที่จับตาดูอยู่หายวับไป รู้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยามักจะบำเพ็ญครู่กันอยู่เสมอ แล้วเขาจะอยู่ดูหรือไม่

หลิวหลีใช้จิตดำดิ่งลงไปในร่างกายหนานกงเวิ่นเทียน แล้วสังเกตเห็นเมล็ดพันธุ์จริงๆ เพียงแต่เป็นสีฟ้าเหมันต์ ตกลงแล้วเมล็ดพันธุ์นี่คืออะไรกันแน่

จวินหาวที่กลับไปบำเพ็ญเพียรก็ตกตะลึงเช่นกันที่เห็นเมล็ดพันธุ์ในร่างกายเติบโตขึ้นมาก เขามุมานะบากบั่นมานานหลายหมื่นล้านปีก็ทำให้เมล็ดพันธุ์นี้เติบโตไม่ได้ ใช่แล้ว จวินหาวรู้ถึงการมีอยู่ของเมล็ดพันธุ์แห่งเทพ เพียงแต่ไม่รู้ว่าต้องใช้วิธีไหนถึงจะทำให้เมล็ดพันธุ์นี้เติบใหญ่งอกงามขึ้นมาได้ บัดนี้เติบโตแล้ว หรือจะหมายความว่าตนเองใกล้จะบรรลุเป็นเทพมารอีกขั้นหนึ่งแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 339 เมล็ดพันธุ์แห่งเทพ

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 339 เมล็ดพันธุ์แห่งเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ความจริงก็พิสูจน์แล้วว่า น้อยครั้งนักที่หลิวหลีจะทำไม่ได้ตามที่พูด ถึงได้รับบาดเจ็บ แต่ความสามารถของนางก็สามารถทำให้คนยอมรับ เพลิงเทพที่เจิดจ้านั้นทำให้คนเลื่อมใสในตัวนางมากกว่าเดิม เพลิงเทพเป็นเหมือนส่วนหนึ่งในร่างกายของนาง เหมือนว่าหลิวหลีไม่ต้องทำอะไร แต่เพลิงเทพก็รู้ได้ว่าในลำดับต่อไปหลิวหลีต้องการอะไร บาดเจ็บเหมือนกันแต่การเคลื่อนไหวยังคงสง่างามเช่นเคย สิ่งที่ยิ่งทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเหยียนซวี่ถูกตบหน้าก็คือหลิวหลียังบาดเจ็บไม่หายดี แต่นางใช้แค่เพลิงเทพเจ็ดชนิดก็ทำเอาเขาร่วงไปกองที่พื้นแล้ว การตบหน้าครั้งนี้คนอื่นยังเจ็บแทนเขาเลย

“เมื่อเป็นเช่นนั้น เหมือนว่าตำแหน่งพี่ใหญ่ตกเป็นของข้าแล้ว อีกอย่างผมของเจ้าเป็นอะไร ทำไมถึงได้กลายเป็นสีดำ” หลิวหลีขมวดคิ้วพลางกล่าว

เหยียนซวี่ยังคงจมปลักเรื่องทำไมตนเองถึงพ่ายแพ้ให้กับคนที่บาดเจ็บสาหัส พอได้ยินคำพูดของหลิวหลีก็พลันตกใจ เป็นไปไม่ได้ เขามีผมและดวงตาสีทอง เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเทพสุวรรณ ผมจะกลายเป็นสีดำไปได้อย่างไร เขารีบร้อนวิ่งกลับไป ไม่รู้ว่าตนใช้คำสาปอะไรลงไป

“ก็เคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าใช้คาถานี้ตามใจชอบ เฮ้อ ทำไมผมของเจ้าถึงมีแววว่าจะกลายเป็นสีดำไปได้ แล้วทำไมเมล็ดพันธุ์แห่งเทพในตัวเจ้าถึงหายไปได้ล่ะ”

“ใต้เท้าโยวหวง ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนว่าทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้ ข้าก็แค่ฉวยโอกาสตอนที่จวินหาวบาดเจ็บสาหัสจึงตั้งใจจะชิงตำแหน่งศิษย์ระดับพิเศษกลับมาแต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอยอดฝีมือเข้า ระหว่างที่ประลองกับจวินหาวข้ารู้สึกว่าตนเองมีอะไรบางอย่างที่สำคัญหายไปแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเทพอย่างนั้นหรือ เหตุใดจู่ๆถึงได้หายไป” เหยียนซวี่รู้สึกว่าการประลองครั้งนี้ทำให้เขาพลาดการเป็นพี่ใหญ่ของศิษย์ระดับพิเศษ แล้วยังทำให้เขาอารมณ์เสียอีกด้วย เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ไร้ซึ่งเมล็ดพันธุ์แห่งเทพแล้ว เขาก็จะกลายเป็นเทพที่แท้จริงไม่ได้ ไม่นะ เขาไม่เอาหรอก

“ไม่เป็นไร เทพที่แท้จริงให้เมล็ดพันธุ์แห่งเทพได้ แต่ถ้าเจ้ายังมีครั้งต่อไปอีกก็อย่าหาว่าข้าไม่ปรานีแล้วกัน” เมื่อเยี่ยโยวหวงตำหนิเหยียนซวี่เสร็จ เหยียนซวี่ก็รู้สึกว่าเหมือนสิ่งของที่หายไปกลับคืนมา ใครกันแน่ที่ช่วงชิงเมล็ดพันธุ์แห่งเทพของเขาไป ช่างน่ารังเกียจ

“เอาล่ะ เป้าหมายของเจ้าคือต้องรีบหาตัวคนที่มีผมและดวงตาสีรุ้งให้เจอ ที่เหลือเจ้าไม่ต้องสนใจ แต่จงรู้ไว้ว่าไม่ใช่ว่าข้าจะต้องใช้เจ้าเท่านั้น” เยี่ยโยวหวงพูดจบก็หายตัวไป

“ขอรับ ใต้เท้าโยวหวง ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย” เหงื่อซึมทั่วร่างกายเหยียนซวี่ เขาได้ทุกสิ่งทุกอย่างจากเยี่ยโยวหวง ถ้าอีกฝ่ายต้องการจะยึดคืนกลับไปแล้วเปลี่ยนคนก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ สำหรับเขาแล้วนี่เท่ากับเป็นภัยคุกคามถึงชีวิต ไม่ได้การล่ะ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เมล็ดพันธุ์แห่งเทพโดนช่วงชิงไป ทำให้โอกาสในการเป็นเทพจบสิ้นลง เขาจะไม่ยอมเด็ดขาด

หลังจากเหยียนซวี่ไปแล้ว หลิวหลีก็คุกเข่าดูจวินหาวที่มีบาดแผลเพิ่มขึ้นจากเดิม อืม หมอนี่เป็นเทพมารคงใช้ได้ทีเดียว หลิวหลีคิดเหลวไหล แต่กลับทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งเทพที่อยู่ในร่างกายจวินหาวเติบโตขึ้นหลายส่วน แล้วจึงรีบลงมืแรักษาจุดที่จวินหาวได้รับบาดเจ็บทันที

หลิวหลีวางมือไว้บนหน้าผากจวินหาว หลัวหลานและปิงซินที่อยู่ด้านข้างต่างร้อนใจจนเหงื่อเย็นซึมทั่วศีรษะ แต่ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไป พวกเขารู้ว่าหลิวหลีไม่ใช่คนร้าย ไม่เช่นนั้นคงไม่ออกหน้าให้พวกเขา

หลิวหลีแค่ช่วยดูดซับพลังเพลิงที่อยู่ภายในร่างกายของจวินหาวกลับมา ซึ่งต่างจากเพลิงเทพของนาง มีสิ่งที่แอบแฝงอยู่ภายในค่อนข้างมาก หากไม่จัดการให้ดีจะเป็นโรคเรื้อรังได้

จวินหาวรู้สึกว่าตนเองตัวเบาลง ภายในร่างกายมีบางอย่างเติบโตขึ้นมากราวกับพลังของตนเองก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย เกิดอะไรขึ้นหรือ จวินหาวลืมตาขึ้นก็เห็นสาวน้อยผมสีแดงยิ้มตาหยีอยู่ หลงหลิวหลีนี่เอง คนผู้นี้ช่างทำให้คนเกิดความรู้สึกดีด้วยได้ง่ายดายจริงๆ

“หลงหลิวหลี”

“ข้าเอง”

“บุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนได้ เช่นนั้นข้าใช้ร่างกายตอบแทนเจ้าเป็นอย่างไร?” จวินหาวเย้า

หลิวหลีไม่พูดไม่จา หนานกงเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างกายชักสีหน้าทันที กล้าจีบน้องหญิงต่อหน้าเขาเช่นนี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วสินะ เขายกแขนขึ้นเหวี่ยงครั้งเดียวจวินหาวก็ลอยกระเด็นไปทางหลัวหลานกับปิงซิง สองคนนั้นรีบรับตัวอีกฝ่ายไว้อย่างร้อนรน

“เจ้าคงเห็นแล้วนะ ว่าท่านพี่ของข้าหึงแล้ว ถ้าเจ้าอยากเป็นที่สองล่ะก็ ต้องโน้มน้าวให้สามีข้ายอมก่อน พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องทำ ขอตัว” หลิวหลีเห็นหนานกงเวิ่นเทียนกำมือแน่นขึ้นเรื่อยๆ พอแล้ว รีบกลับไปปลอบคนขี้หึงดีกว่า!

“ท่านพี่ ท่านทำให้ข้าเจ็บ” เสียงออดอ้อนของหลิวหลีดังลอยมาจากไกลๆ

“น้องหญิง ข้าไม่ได้ใช้แรงเลยจริง ๆนะ” คำอธิบายของหนานกงเวิ่นเทียนลอยมา

“ข้ารู้ ท่านพี่ ท่านก็เห็นว่าข้ามีท่านพี่คนเดียว เรื่องคนรองต้องให้ท่านพี่เห็นด้วยก่อน” เสียงของหลิวหลีเต็มไปด้วยเสียงออดอ้อน

“ทำไมเจ้าอยากจะมีหรืออย่างไร?” น้ำเสียงของหนานกงเวิ่นเทียนเต็มไปด้วยร่องรอยอันตราย

“ข้ามีคนขี้หึงอย่างท่านพี่ก็พอแล้ว” น้ำเสียงของหลิวหลีเต็มไปด้วยความรักใคร่

“สองสามีภรรยาคู่นี้ความสัมพันธ์ช่างดีเหลือเกิน” หลัวหลานเอ่ย คนนอกเข้าไปแทรกเข้าไปไม่ได้เลยสักนิด

“ความสัมพันธ์เช่นนี้ทำให้รู้สึกอิจฉานัก” ร่องรอยความอิจฉาพาดผ่านในแววตาปิงซิน

“นั่นสิ แต่ว่า พวกเจ้าปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่” จวินหาวมองสองสาวที่กำลังอยู่ในความอิจฉา คนหนึ่งก็เกาะแขน อีกคนก็ยกขา เขาไม่สบายตัวเข้าใจไหม ยิ่งไปกว่านั้นยังเขาเป็นผู้ที่บาดเจ็บอยู่ ถึงจะไม่รู้สึกแสบร้อนแล้ว แต่ร่างกายเขายังมีบาดแผลอื่นอยู่ หญิงสาวทั้งสองหน้าแดงอย่างรวดเร็ว นึกได้ว่าจวินหาวเป็นผู้บาดเจ็บอยู่จึงคลายมือออก

หมิงเยี่ยย่อมได้ยินเรื่องนี้ ใบหน้าฉายแววเอือมระอา หลานคนนี้หุนหันพลันแล่นเกินไป ยังดีที่นังหนูหลงหลิวหลีคนนั้นปรากฏตัว เพียงแต่ทั้งสองคนต่างก็บาดเจ็บหนัก เหตุใดหลงหลิวหลีถึงฟื้นตัวเร็วนัก

“พวกเขามีอะไรที่ต่างออกไปหรือ?” หมิงเยี่ยเอ่ยถามเงาดำ

“ไม่มีอะไรที่ต่างกัน ถ้าจะให้พูดถึงความต่างสองคนนี้บำเพ็ญคู่กัน แต่หนานกงเวิ่นเทียนไม่บาดเจ็บสาหัสจะเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่” เงาดำนั้นคาดเดา

“ไม่แน่ใจนักหรอก แต่เจ้าจับตาดูให้ดี ข้ามักรู้สึกว่าความลับที่นังหนูนี่ปกปิดอยู่สำคัญมาก ไม่เช่นนั้นบาดเจ็บเหมือนๆกัน แต่จวินหาวเคลื่อนไหวยังไม่คล่องตัว แต่นังหนูนี่สามารถต่อสู้อย่างทรงพลังได้” ในใจหมิงเยี่ยก็มีความคิดทำนองนี้อยู่เช่นกัน หลงหลิวหลีผู้นี้มีความลับบางอย่าง ส่วนจะปิดบังอะไรอยู่นั้นยังไม่แน่ชัด แต่พอจะรู้ว่าความลับที่ปิดบังไว้ต้องสำคัญกับเขามากแน่ ทั้งๆที่ผู้สืบทอดมหาเทพสูงสุดปรากฏตัวแล้วแท้ ๆ แต่อยู่ที่ไหนกันแน่ ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน หรือบางทีเขาควรไปลองถามราชาเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) สักหน่อย

ถึงแม้หลิวหลีจะรู้ว่าตนถูกจับตามองอยู่ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะถูกให้ความสำคัญมากเช่นนี้ หลังจากสองสามีภรรยาแสดงความรักกันเสร็จแล้ว หลิวหลีก็ตัดสินใจว่าจะศึกษาปราณสีน้ำนมในร่างกายดูว่าตกลงมันคืออะไรกันแน่ นางค้นพบว่าภายในร่างกายมีวงจรวัฏจักรเล็กๆที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่ ปราณนี้ถูกผลิตออกมาโดยวงจรนี้ ปริมาณไม่มากแต่ทรงพลัง หลิงหลีสังเกตอย่างละเอียดก็พบว่าในวงจรนี้มีเมล็ดพันธุ์สีรุ้งเม็ดหนึ่ง ในร่างกายนางมีเมล็ดพันธุ์นี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน อีกอย่างนางสังเกตเห็นว่าปราณสีน้ำนมที่ผลิตออกมาล้วนถูกเมล็ดพันธุ์หลากสีนั่นกลืนกินเข้าไป หลิวหลีดึงประสาทเซียนกลับมาแล้วไปหาหนานกงเวิ่นเทียนอีกครั้ง ทำเอาเงาดำที่จับตาดูอยู่หายวับไป รู้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยามักจะบำเพ็ญครู่กันอยู่เสมอ แล้วเขาจะอยู่ดูหรือไม่

หลิวหลีใช้จิตดำดิ่งลงไปในร่างกายหนานกงเวิ่นเทียน แล้วสังเกตเห็นเมล็ดพันธุ์จริงๆ เพียงแต่เป็นสีฟ้าเหมันต์ ตกลงแล้วเมล็ดพันธุ์นี่คืออะไรกันแน่

จวินหาวที่กลับไปบำเพ็ญเพียรก็ตกตะลึงเช่นกันที่เห็นเมล็ดพันธุ์ในร่างกายเติบโตขึ้นมาก เขามุมานะบากบั่นมานานหลายหมื่นล้านปีก็ทำให้เมล็ดพันธุ์นี้เติบโตไม่ได้ ใช่แล้ว จวินหาวรู้ถึงการมีอยู่ของเมล็ดพันธุ์แห่งเทพ เพียงแต่ไม่รู้ว่าต้องใช้วิธีไหนถึงจะทำให้เมล็ดพันธุ์นี้เติบใหญ่งอกงามขึ้นมาได้ บัดนี้เติบโตแล้ว หรือจะหมายความว่าตนเองใกล้จะบรรลุเป็นเทพมารอีกขั้นหนึ่งแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+