แม่ครัวยอดเซียน 383 ให้ข้าลองดูหน่อยได้หรือไม่

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 383 ให้ข้าลองดูหน่อยได้หรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ในเมื่อเจ้ารู้เช่นนี้แล้ว เจ้ายังกล้าพูดเช่นนี้กับข้าอีก แถมคิดจะแอบแก้แค้นด้วย” อวิ๋นชิงทำหน้าบอกว่าเจ้ารู้ดีทุกอย่าง แต่ยังกล้าทำเช่นนี้กับเขา ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาชัดๆ

“เปล่า ข้าเตรียมที่จะรับคำแนะนำจากเจ้า นักปรุงยาที่อ่อนแออย่างข้าก็ควรจะฝึกฝนพลังต่อสู้ และทางที่ดีที่สุดก็ควรจะมีความสามารถในการป้องกันตัวเองจริงไหม” หลิวหลีพูดด้วยท่าทางปกติ

“ข้ามองไม่ออกเลย” อวิ๋นชิงยิ้มอ่อน มุกตลกที่ขำไม่ออกของนังหนู จะเย้าแหย่ใครกัน

“หรือจะให้คำแนะนำต่อหน้าทุกคนดี” หลิวหลีไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย คำพูดของนางทำให้อวิ๋นชิงถึงกับเหงื่อตก

“อย่า อย่า อย่า ส่วนตัว เป็นการส่วนตัวจะดีกว่า ข้าจะได้ให้คำแนะนำได้อย่างละเอียด” อวิ๋นชิงร้องขอ หากต่อหน้าทุกคนจริงๆ เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“นึกไม่ถึงเลยว่า ลูกชายที่เอาแต่ใจของเจ้าก็มีคนที่กลัวเหมือนกัน” จักรพรรดิเทพเหลยหยางประหลาดใจน้อยๆ หากจะพูดถึงคนที่เอาแต่ใจตัวเองที่สุดในภูเขาเทพ ที่ 1 ก็คงจะเป็นอวิ๋นชิง ที่ 2 ถึงจะเป็นคู่บำเพ็ญของเขา จิ่งซู่ คนที่เอาแต่ใจตัวเองอันดับ 1 ทำหน้าอ้อนวอนเช่นนั้น ถือเป็นข่าวใหญ่

“นังหนูคนนั้น พูดได้ว่าสองสามีภรรยาคู่นั้นไม่ธรรมดา โดยเฉพาะนังหนู” อวิ๋นเหมียวมองนังหนูคนนั้น นางเป็นว่าที่เทพอัคคี ชวนให้รู้สึกอิจฉาจริงๆ

“อืม” หลิวหลีมองไปที่ทิศทางหนึ่ง แล้วก็มองกลับไปยังการประลองของทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว รู้สึกไปเองหรือ นางรู้สึกได้ว่าตรงนั้นเหมือนมีคนแอบมองอยู่

“ข้ารู้สึกไปเองหรือเปล่า ทำไมข้ารู้สึกว่านังหนูคนนั้นเหมือนมองมาที่พวกเรา” จักรพรรดิเทพเหลยหยางพูดอย่างประหลาดใจ และสายตาเมื่อครู่ เขารู้สึกว่าได้ไม่ใช่แค่มองผ่านๆ

“ไม่แน่ใจนัก แต่ละสายตาไปเร็วเกินไป ข้าเลยไม่แน่ใจเหมือนกัน” นี่คือความสามารถของว่าที่เทพที่แท้จริง ทำให้คนตกตะลึงปนอิจฉา

ส่วนอีกฟาก พวกเขาสองคนก็ไม่ได้เถียงกันต่อ แต่ดูหนานกงเวิ่นเทียนรังแกคนอย่างใจจดใจจ่อ โถ เจ้าหนุ่มคนนี้นอกจากกับฮูหยินของตนแล้ว เขาไม่พูดกับคนอื่นมากนัก แต่เวลาลงมือขึ้นมาก็ไม่ประนีประนอมแม้แต่น้อย ไม่รักษาสัมพันธ์กันเลย โจมตีรุนแรงจนเขารู้สึกเจ็บแทนจิ่งซู่ ยังดีคนที่ลงมือเป็นเจ้าหนุ่มน้ำแข็ง หากว่าเป็นนังหนูล่ะก็ ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะสามารถทนอยู่จนจักรพรรดิเหลยหยางปรากฏตัวได้หรือไม่

นี่เป็นการให้คำแนะนำที่ไหน ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนให้คำแนะนำใคร ผลสรุปที่ได้ออกมาเพียงอย่างเดียวก็คือ จิ่งซู่ขายหน้าเป็นอย่างมาก

หนานกงเวิ่นเทียนหยุดมือ เขาคือประมุขเทพหรือ ทำไมอ่อนหัดถึงเพียงนี้ ทำไมถึงอยู่ในระดับเดียวกับอวิ๋นชิงได้ แตกต่างกันมากขนาดนี้ สายตาของคนในภูเขาเทวาแย่กันทุกคนเลยหรือ

“เจ้าแพ้แล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนพูดจบก็เดินไปหาภรรยาของเขา เมื่อครู่เขาใช้เวลาประลองไปนานเท่าไหร่ ก็เท่ากับว่านางคุยกับเจ้าหมอนั่นไปนานเท่านั้น เขาต้องไปแยกพวกเขาออกจากกัน เขาเดินตรงไปหานางโดยไม่เหลือบแลจิ่งซู่แม้แต่น้อย

“ลำบากท่านพี่แล้ว” หลิวหลีไม่สนใจอวิ๋นชิง เขาเบะปาก ใช้เสร็จแล้วก็ทิ้งเร็วขนาดนี้เลยหรือ

“อ่อนหัดเกินไป” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกรังเกียจ สภาพแบบนี้ยังกล้าพูดว่าจะให้คำแนะนำ แล้วป่าวประกาศให้คนรับรู้ไปทั่ว คิดได้อย่างไร คนประเภทนี้ก็คือคนประเภทที่สมองไม่ปกติเหมือนอย่างที่ฮูหยินของเขาพูด

“พอจะมองออก” หลิวหลีไม่พูดอ้อมค้อม คู่บำเพ็ญของเขาจะเป็นใคร ไม่เกี่ยวกับพวกเขาเลยสักนิด ชอบใครก็ชอบคนนั้น

จิ่งซู่ก็แทบไม่อยากจะเชื่อ หลายปีมานี้ถูกตามใจจนเคยตัว จนเขาลืมรสชาติของการพ่ายแพ้ไปแล้ว ทรมานจริงๆ หลายปีมานี้ เขามีชีวิตที่ราบรื่นแต่คิดไม่ถึงว่าต้องมาเจอคนเช่นนี้ ทำให้เขาต้องตกที่นั่งลำบาก ให้อภัยไม่ได้ ทันใดนั้นเองจิ่งซู่ก็ลุกยืนขึ้น และพุ่งไปโจมตีหนานกงเวิ่นเทียน

“รนหาที่ตาย” หลิวหลีทำหน้าบึ้งตึง โดยหลงลืมไปว่าเคยบอกว่าตนเองเป็นนักปรุงยาที่อ่อนแอ ปล่อยกระบวนท่าโจมตีจิ่งซู่ สีหน้าที่เย็นชา ทำให้คนที่มองเห็นหวาดกลัว นี่เป็นนักปรุงยาที่อ่อนแอไร้พลังการต่อสู้จริงๆงั้นหรือ พวกเขารู้สึกเหมือนฝันไป คนที่ลงมือไม่ใช่ราชาเทพอัคคีองค์จริงกระมัง

“ประมุขเทพจิ่งซู่ เรื่องแพ้ชนะถือเป็นเรื่องปกติ แต่เจ้ากลับมาลอบโจมตี ต้องการจะหาเรื่องใช่หรือไม่” หลิวหลีหรี่ตาลง พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น อวิ๋นชิงที่อยู่ก็รู้สึกไม่ดีนัก เขาคุ้นเคยกับนังหนูที่ร่าเริง ขี้เล่น จอมบ่น อยู่ๆพอนางจริงจังขึ้นมา แถมยังลงมือแบบไม่ไว้หน้าเช่นนี้ เหมือนกับให้เขาต้องทำความรู้จักนางใหม่อีกครั้ง เขาตัดสินใจทันทีว่า จะไม่มีทางล้ำเส้นนางเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นหากนังหนูกลายเป็นมังกรตัวเมียที่มีความเกรี้ยวกราดขึ้นมา คนทั่วไปคงจะรับมือไม่ไหว

“เหอะๆ หาเรื่องแล้ว นังหนู เจ้ารู้หรือไม่ว่าคู่บำเพ็ญของข้าคือใคร เขาคือจักรพรรดิเทพเหลยหยาง เจ้านึกว่าตัวเองทำร้ายข้าแล้ว จะหนีรอดไปได้หรือ” จิ่งซู่กระอักเลือด ลืมไปเลยว่ารสชาติของการบาดเจ็บเป็นอย่างไร

“จักรพรรดิเทพเหลยหยาง อืม ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่หากข้าสามารถรักษาบาดแผลบนใบหน้าของจักรพรรดิเทพเหลยหยางได้ เจ้าคิดว่าจะเป็นอย่างไร” หลิวหลีไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเลยแม้แต่น้อย อวิ๋นชิงกำลังคิดอยู่ว่าจะพูดแทรกอย่างไร ให้นังหนูสามารถรอดตัวได้ ก็ต้องมาตกใจกับคำพูดของนางแทน รักษารอยแผลเป็นบนใบหน้าของจักรพรรดิเทพเหลยหยางที่ว่ากันว่าไม่สามารถรักษาให้หายได้ นังหนูคนนี้ช่างมีความสามารถจริงๆ หรือจะมีความกล้ามากเกินไป จะเพราะคิดว่าตนเองเป็นเทพที่แท้จริงแล้วทรมานตัวเองแบบนี้ไม่ได้นะ นังหนู

“เจ้าน่ะหรือ ถึงเจ้าจะเป็นเทพนักปรุงยา แต่กล้าพูดจาเช่นนี้ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ” จิ่งซู่จะไม่รู้ได้อย่างไร แต่เทพนักปรุงยาทุกคนบนภูเขาเทวาไม่มีใครรักษาได้ นังหนูที่มาใหม่คนนี้กลับบอกว่ามีวิธี ช่างน่าตลกจริงๆ

“ไม่ไม่ อย่างข้าเรียกว่ามั่นใจ เจ้าคิดว่าหากข้ารักษารอยแผลเป็นบนใบหน้าของจักรพรรดิเทพเหลยหยางให้หายได้ เขายังต้องการเจ้าเป็นคู่ครองอีกหรือไม่” หลิวหลีพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย

“รอเจ้ารักษาให้หายได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” จิ่งซู่ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะมีวิธี

“เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ เจ้ารู้ไหมว่าข้าเกลียดอะไรที่สุด ข้าเกลียดการที่คนอื่นไม่เชื่อข้า ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ ข้าหลงหลิวหลีไม่ใช่คนพูดจาพล่อยๆ” หลิวหลีหรี่ตาลง เป็นคนที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ

“จักรพรรดิเทพเหลยหยาง ข้าขอพบท่านสักครั้งได้หรือไม่ คู่ครองของท่านไม่เชื่อว่าข้าจะรักษาท่านให้หายได้ ขอให้ข้าได้ลองสักครั้งได้หรือไม่” อยู่ๆหลิวหลีก็ตะโกนออกมา และทิศทางที่นางตะโกนไปนั้นก็คืทางที่นางรู้สึกว่ามีคนแอบมองนาง

“ช่างสังเกตนัก แต่รอยแผลเป็นนี้ ไม่มีเทพนักปรุงยาคนไหนรักษาหาย เทพนักปรุงยาที่อายุน้อยอย่างเจ้ากล้าพูดเช่นนี้ แย่จริงๆ” เหลยหยางไม่มองจิ่งซู่ เมื่อครู่ที่อีกฝ่ายแอบลอบโจมตีคนอื่น ได้ทำลายความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่ในใจของเขาไปจนหมดสิ้น ไม่รู้จักยอมรับความพ่ายแพ้ขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคู่บำเพ็ญของเขาเหลยหยาง เฮ้อ บางทีนังหนูคนนั้นอาจจะพูดถูก เขาลำเอียงจริงๆ จิ่งซู่ถึงกับงุนงง สิ่งที่อีกฝ่ายให้ความสนใจมากที่สุดไม่ใช่อาการบาดเจ็บของเขา เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไรกัน

“อย่างไรก็ไม่มีใครรักษาท่านให้หายได้ ให้ข้าลองดูหน่อยจะได้หรือไม่” หลิวหลีไม่กังวลแม้แต่น้อย พูดออกมาตรงๆ จักรพรรดิเทพก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่

“ได้ หากเจ้ารักษาไม่หาย เจ้าก็จะต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกับข้า เช่นนี้ได้ไหม?” เขาไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่แย่งคนจากกลุ่มอื่นมาต่อหน้าต่อตา เหลยหยางพูดตรงๆ

“ได้” อวิ๋นชิงรู้สึกปวดหัว นังหนู ศักดิ์ศรีของเจ้าล่ะ ตอบตกลงอย่างไม่ลังเลเช่นนี้ เขาจะทนได้อย่างไร

“ได้ ตกลงตามนี้” เหลยหยางกล่าว นังหนูคนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะสามารถรักษาเขาให้หายได้

“พูดแล้วไม่คืนคำ” หลิวหลีกล่าว

“พี่อวิ๋น ไม่ต้องเป็นห่วง ข้ายังชอบเจ้ามากอยู่ ไม่มีทางเปลี่ยนฝ่ายหรอก” หลิวหลีพูดปลอบอวิ๋นชิงที่ใจแตกละเอียด คิดไม่ถึงว่าจะไม่เชื่อมั่นในตัวนางขนาดนี้ เดี๋ยวรอตอนประลองกันส่วนตัวก่อนเถอะ นางจะเล่นงานให้เข็ด

“น้องพี่ ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า” ส่วนหนานกงเวิ่นเทียน ไม่ว่าหลิวหลีจะทำอะไร เขาก็เชื่อมั่นในตัวนาง

……………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 383 ให้ข้าลองดูหน่อยได้หรือไม่

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 383 ให้ข้าลองดูหน่อยได้หรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ในเมื่อเจ้ารู้เช่นนี้แล้ว เจ้ายังกล้าพูดเช่นนี้กับข้าอีก แถมคิดจะแอบแก้แค้นด้วย” อวิ๋นชิงทำหน้าบอกว่าเจ้ารู้ดีทุกอย่าง แต่ยังกล้าทำเช่นนี้กับเขา ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาชัดๆ

“เปล่า ข้าเตรียมที่จะรับคำแนะนำจากเจ้า นักปรุงยาที่อ่อนแออย่างข้าก็ควรจะฝึกฝนพลังต่อสู้ และทางที่ดีที่สุดก็ควรจะมีความสามารถในการป้องกันตัวเองจริงไหม” หลิวหลีพูดด้วยท่าทางปกติ

“ข้ามองไม่ออกเลย” อวิ๋นชิงยิ้มอ่อน มุกตลกที่ขำไม่ออกของนังหนู จะเย้าแหย่ใครกัน

“หรือจะให้คำแนะนำต่อหน้าทุกคนดี” หลิวหลีไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย คำพูดของนางทำให้อวิ๋นชิงถึงกับเหงื่อตก

“อย่า อย่า อย่า ส่วนตัว เป็นการส่วนตัวจะดีกว่า ข้าจะได้ให้คำแนะนำได้อย่างละเอียด” อวิ๋นชิงร้องขอ หากต่อหน้าทุกคนจริงๆ เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

“นึกไม่ถึงเลยว่า ลูกชายที่เอาแต่ใจของเจ้าก็มีคนที่กลัวเหมือนกัน” จักรพรรดิเทพเหลยหยางประหลาดใจน้อยๆ หากจะพูดถึงคนที่เอาแต่ใจตัวเองที่สุดในภูเขาเทพ ที่ 1 ก็คงจะเป็นอวิ๋นชิง ที่ 2 ถึงจะเป็นคู่บำเพ็ญของเขา จิ่งซู่ คนที่เอาแต่ใจตัวเองอันดับ 1 ทำหน้าอ้อนวอนเช่นนั้น ถือเป็นข่าวใหญ่

“นังหนูคนนั้น พูดได้ว่าสองสามีภรรยาคู่นั้นไม่ธรรมดา โดยเฉพาะนังหนู” อวิ๋นเหมียวมองนังหนูคนนั้น นางเป็นว่าที่เทพอัคคี ชวนให้รู้สึกอิจฉาจริงๆ

“อืม” หลิวหลีมองไปที่ทิศทางหนึ่ง แล้วก็มองกลับไปยังการประลองของทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว รู้สึกไปเองหรือ นางรู้สึกได้ว่าตรงนั้นเหมือนมีคนแอบมองอยู่

“ข้ารู้สึกไปเองหรือเปล่า ทำไมข้ารู้สึกว่านังหนูคนนั้นเหมือนมองมาที่พวกเรา” จักรพรรดิเทพเหลยหยางพูดอย่างประหลาดใจ และสายตาเมื่อครู่ เขารู้สึกว่าได้ไม่ใช่แค่มองผ่านๆ

“ไม่แน่ใจนัก แต่ละสายตาไปเร็วเกินไป ข้าเลยไม่แน่ใจเหมือนกัน” นี่คือความสามารถของว่าที่เทพที่แท้จริง ทำให้คนตกตะลึงปนอิจฉา

ส่วนอีกฟาก พวกเขาสองคนก็ไม่ได้เถียงกันต่อ แต่ดูหนานกงเวิ่นเทียนรังแกคนอย่างใจจดใจจ่อ โถ เจ้าหนุ่มคนนี้นอกจากกับฮูหยินของตนแล้ว เขาไม่พูดกับคนอื่นมากนัก แต่เวลาลงมือขึ้นมาก็ไม่ประนีประนอมแม้แต่น้อย ไม่รักษาสัมพันธ์กันเลย โจมตีรุนแรงจนเขารู้สึกเจ็บแทนจิ่งซู่ ยังดีคนที่ลงมือเป็นเจ้าหนุ่มน้ำแข็ง หากว่าเป็นนังหนูล่ะก็ ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะสามารถทนอยู่จนจักรพรรดิเหลยหยางปรากฏตัวได้หรือไม่

นี่เป็นการให้คำแนะนำที่ไหน ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนให้คำแนะนำใคร ผลสรุปที่ได้ออกมาเพียงอย่างเดียวก็คือ จิ่งซู่ขายหน้าเป็นอย่างมาก

หนานกงเวิ่นเทียนหยุดมือ เขาคือประมุขเทพหรือ ทำไมอ่อนหัดถึงเพียงนี้ ทำไมถึงอยู่ในระดับเดียวกับอวิ๋นชิงได้ แตกต่างกันมากขนาดนี้ สายตาของคนในภูเขาเทวาแย่กันทุกคนเลยหรือ

“เจ้าแพ้แล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนพูดจบก็เดินไปหาภรรยาของเขา เมื่อครู่เขาใช้เวลาประลองไปนานเท่าไหร่ ก็เท่ากับว่านางคุยกับเจ้าหมอนั่นไปนานเท่านั้น เขาต้องไปแยกพวกเขาออกจากกัน เขาเดินตรงไปหานางโดยไม่เหลือบแลจิ่งซู่แม้แต่น้อย

“ลำบากท่านพี่แล้ว” หลิวหลีไม่สนใจอวิ๋นชิง เขาเบะปาก ใช้เสร็จแล้วก็ทิ้งเร็วขนาดนี้เลยหรือ

“อ่อนหัดเกินไป” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกรังเกียจ สภาพแบบนี้ยังกล้าพูดว่าจะให้คำแนะนำ แล้วป่าวประกาศให้คนรับรู้ไปทั่ว คิดได้อย่างไร คนประเภทนี้ก็คือคนประเภทที่สมองไม่ปกติเหมือนอย่างที่ฮูหยินของเขาพูด

“พอจะมองออก” หลิวหลีไม่พูดอ้อมค้อม คู่บำเพ็ญของเขาจะเป็นใคร ไม่เกี่ยวกับพวกเขาเลยสักนิด ชอบใครก็ชอบคนนั้น

จิ่งซู่ก็แทบไม่อยากจะเชื่อ หลายปีมานี้ถูกตามใจจนเคยตัว จนเขาลืมรสชาติของการพ่ายแพ้ไปแล้ว ทรมานจริงๆ หลายปีมานี้ เขามีชีวิตที่ราบรื่นแต่คิดไม่ถึงว่าต้องมาเจอคนเช่นนี้ ทำให้เขาต้องตกที่นั่งลำบาก ให้อภัยไม่ได้ ทันใดนั้นเองจิ่งซู่ก็ลุกยืนขึ้น และพุ่งไปโจมตีหนานกงเวิ่นเทียน

“รนหาที่ตาย” หลิวหลีทำหน้าบึ้งตึง โดยหลงลืมไปว่าเคยบอกว่าตนเองเป็นนักปรุงยาที่อ่อนแอ ปล่อยกระบวนท่าโจมตีจิ่งซู่ สีหน้าที่เย็นชา ทำให้คนที่มองเห็นหวาดกลัว นี่เป็นนักปรุงยาที่อ่อนแอไร้พลังการต่อสู้จริงๆงั้นหรือ พวกเขารู้สึกเหมือนฝันไป คนที่ลงมือไม่ใช่ราชาเทพอัคคีองค์จริงกระมัง

“ประมุขเทพจิ่งซู่ เรื่องแพ้ชนะถือเป็นเรื่องปกติ แต่เจ้ากลับมาลอบโจมตี ต้องการจะหาเรื่องใช่หรือไม่” หลิวหลีหรี่ตาลง พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น อวิ๋นชิงที่อยู่ก็รู้สึกไม่ดีนัก เขาคุ้นเคยกับนังหนูที่ร่าเริง ขี้เล่น จอมบ่น อยู่ๆพอนางจริงจังขึ้นมา แถมยังลงมือแบบไม่ไว้หน้าเช่นนี้ เหมือนกับให้เขาต้องทำความรู้จักนางใหม่อีกครั้ง เขาตัดสินใจทันทีว่า จะไม่มีทางล้ำเส้นนางเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นหากนังหนูกลายเป็นมังกรตัวเมียที่มีความเกรี้ยวกราดขึ้นมา คนทั่วไปคงจะรับมือไม่ไหว

“เหอะๆ หาเรื่องแล้ว นังหนู เจ้ารู้หรือไม่ว่าคู่บำเพ็ญของข้าคือใคร เขาคือจักรพรรดิเทพเหลยหยาง เจ้านึกว่าตัวเองทำร้ายข้าแล้ว จะหนีรอดไปได้หรือ” จิ่งซู่กระอักเลือด ลืมไปเลยว่ารสชาติของการบาดเจ็บเป็นอย่างไร

“จักรพรรดิเทพเหลยหยาง อืม ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่หากข้าสามารถรักษาบาดแผลบนใบหน้าของจักรพรรดิเทพเหลยหยางได้ เจ้าคิดว่าจะเป็นอย่างไร” หลิวหลีไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเลยแม้แต่น้อย อวิ๋นชิงกำลังคิดอยู่ว่าจะพูดแทรกอย่างไร ให้นังหนูสามารถรอดตัวได้ ก็ต้องมาตกใจกับคำพูดของนางแทน รักษารอยแผลเป็นบนใบหน้าของจักรพรรดิเทพเหลยหยางที่ว่ากันว่าไม่สามารถรักษาให้หายได้ นังหนูคนนี้ช่างมีความสามารถจริงๆ หรือจะมีความกล้ามากเกินไป จะเพราะคิดว่าตนเองเป็นเทพที่แท้จริงแล้วทรมานตัวเองแบบนี้ไม่ได้นะ นังหนู

“เจ้าน่ะหรือ ถึงเจ้าจะเป็นเทพนักปรุงยา แต่กล้าพูดจาเช่นนี้ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ” จิ่งซู่จะไม่รู้ได้อย่างไร แต่เทพนักปรุงยาทุกคนบนภูเขาเทวาไม่มีใครรักษาได้ นังหนูที่มาใหม่คนนี้กลับบอกว่ามีวิธี ช่างน่าตลกจริงๆ

“ไม่ไม่ อย่างข้าเรียกว่ามั่นใจ เจ้าคิดว่าหากข้ารักษารอยแผลเป็นบนใบหน้าของจักรพรรดิเทพเหลยหยางให้หายได้ เขายังต้องการเจ้าเป็นคู่ครองอีกหรือไม่” หลิวหลีพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย

“รอเจ้ารักษาให้หายได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” จิ่งซู่ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะมีวิธี

“เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ เจ้ารู้ไหมว่าข้าเกลียดอะไรที่สุด ข้าเกลียดการที่คนอื่นไม่เชื่อข้า ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ ข้าหลงหลิวหลีไม่ใช่คนพูดจาพล่อยๆ” หลิวหลีหรี่ตาลง เป็นคนที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ

“จักรพรรดิเทพเหลยหยาง ข้าขอพบท่านสักครั้งได้หรือไม่ คู่ครองของท่านไม่เชื่อว่าข้าจะรักษาท่านให้หายได้ ขอให้ข้าได้ลองสักครั้งได้หรือไม่” อยู่ๆหลิวหลีก็ตะโกนออกมา และทิศทางที่นางตะโกนไปนั้นก็คืทางที่นางรู้สึกว่ามีคนแอบมองนาง

“ช่างสังเกตนัก แต่รอยแผลเป็นนี้ ไม่มีเทพนักปรุงยาคนไหนรักษาหาย เทพนักปรุงยาที่อายุน้อยอย่างเจ้ากล้าพูดเช่นนี้ แย่จริงๆ” เหลยหยางไม่มองจิ่งซู่ เมื่อครู่ที่อีกฝ่ายแอบลอบโจมตีคนอื่น ได้ทำลายความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่ในใจของเขาไปจนหมดสิ้น ไม่รู้จักยอมรับความพ่ายแพ้ขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคู่บำเพ็ญของเขาเหลยหยาง เฮ้อ บางทีนังหนูคนนั้นอาจจะพูดถูก เขาลำเอียงจริงๆ จิ่งซู่ถึงกับงุนงง สิ่งที่อีกฝ่ายให้ความสนใจมากที่สุดไม่ใช่อาการบาดเจ็บของเขา เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไรกัน

“อย่างไรก็ไม่มีใครรักษาท่านให้หายได้ ให้ข้าลองดูหน่อยจะได้หรือไม่” หลิวหลีไม่กังวลแม้แต่น้อย พูดออกมาตรงๆ จักรพรรดิเทพก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่

“ได้ หากเจ้ารักษาไม่หาย เจ้าก็จะต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกับข้า เช่นนี้ได้ไหม?” เขาไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่แย่งคนจากกลุ่มอื่นมาต่อหน้าต่อตา เหลยหยางพูดตรงๆ

“ได้” อวิ๋นชิงรู้สึกปวดหัว นังหนู ศักดิ์ศรีของเจ้าล่ะ ตอบตกลงอย่างไม่ลังเลเช่นนี้ เขาจะทนได้อย่างไร

“ได้ ตกลงตามนี้” เหลยหยางกล่าว นังหนูคนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะสามารถรักษาเขาให้หายได้

“พูดแล้วไม่คืนคำ” หลิวหลีกล่าว

“พี่อวิ๋น ไม่ต้องเป็นห่วง ข้ายังชอบเจ้ามากอยู่ ไม่มีทางเปลี่ยนฝ่ายหรอก” หลิวหลีพูดปลอบอวิ๋นชิงที่ใจแตกละเอียด คิดไม่ถึงว่าจะไม่เชื่อมั่นในตัวนางขนาดนี้ เดี๋ยวรอตอนประลองกันส่วนตัวก่อนเถอะ นางจะเล่นงานให้เข็ด

“น้องพี่ ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า” ส่วนหนานกงเวิ่นเทียน ไม่ว่าหลิวหลีจะทำอะไร เขาก็เชื่อมั่นในตัวนาง

……………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+