แม่ครัวยอดเซียน 358 สุนัขกัดกัน

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 358 สุนัขกัดกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเมิ่งเตี๋ยกลับมาก็กระวนกระวายใจ นางมีความรู้สึกว่าเยว่ฮุยหวั่นไหวเข้าแล้ว การที่เขาไม่เคลื่อนไหวใดๆ คาดว่าคงเป็นเพราะกำลังคิดว่าตนเองจะสามารถแลกเปลี่ยนยาเทพศักดิ์สิทธิ์ได้กี่เม็ด เหอะ เหอะ ผู้ชายคนนี้นี่ช่าง… จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดแต่เรื่องมูลค่าของนาง สิ่งที่ยึดโยงพวกเขาไว้ตอนนี้คงจะเหลือแค่เรื่องมูลค่าแล้ว นางเสียใจจริงๆ ไม่ได้ นาง จะนั่งรอความตายอยู่อย่างนี้ไม่ได้ ในเมื่อเขาคิดจะทำตัวไร้หัวใจ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่นางทำผิดต่อเขาก่อนแล้วกัน

เมิ่งเตี๋ยครุ่นคิด แต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจส่งตัวเยว่ฮุยไป แต่เลือกที่จะส่งตัวละครตัวเล็กที่เป็นส่วนหนึ่งไป

“อ้าว คิดไม่ถึงว่าจะเริ่มเคลื่อนไหว แต่ไม่เหมือนคนที่ข้าคาดเดาเอาไว้เลยนะ” หลิวหลีคิดไม่ถึงว่าจะขัดแย้งกันเองเสียแล้ว คนที่เดิมนางตั้งใจจะเล่นงานเป็นคนแรก กลับมารายงานข้อมูลกับตน น่าสนใจ น่าสนใจ

“นังหนู มีอะไรผิดปกติหรือ?” เอ๋าเลี่ยถาม ด้วยสีหน้าของหลิวหลีชวนให้สงสัย

“ ไม่มีอะไร ก็แค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้นเอง อาจเพราะแรงกดดันที่ข้าสร้างไว้คงจะเริ่มส่งผลแล้วกระมัง ถึงได้เริ่มทะเลาะกันเองแล้ว” หลิวหลีอธิบาย

“เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ของล่อใจที่น้องหญิงของข้าเสนอนั้น น่าเย้ายวนใจอย่างไรเสียก็มีเทพนักปรุงยาแค่ยี่สิบคน แต่นักปรุงยาเทพที่ยอดเยี่ยมเช่นฮูหยินของข้า นับโดยใช้เพียงมือข้างเดียวนับก็น่าจะครบ เมื่อเจอกับสิ่งเย้ายวนเช่นนี้ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะไม่หวั่นไหว” หนานกงเวิ่นเทียนเข้าใจทนัที ปลาติดเบ็ดแล้ว

“เช่นนั้น ท่านพี่ของข้าหวั่นไหวหรือไม่เจ้าคะ?” หลิวหลีกระเซ้าถาม

“หวั่นไหวสิ น้องหญิงของข้ามีความสามารถเช่นนี้ ข้านี่ตาถึงจริงๆ” หลิวหลีเป็นใบ้ไป นี่สามีของนางกำลังชมตัวเองกลายๆใช่หรือไม่?

“จากที่นางบอก คนผู้นี้สมควรได้รับโทษแล้ว” หลิวหลีพูดและใช้ป้ายชื่อประจำตัวส่งยาไปให้เมิ่งเตี๋ย

เมื่อเมิ่งเตี๋ยได้รับยา มือไม้ก็สั่นระริก นางไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง หลงหลิวหลีใจกว้างขนาดนี้เชียวหรือ ส่งยาเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่าเช่นนี้มาให้โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อได้แรงผลักดันจากยาเทพศักดิ์สิทธิ์ เมิ่งเตี๋ยจึงทยอยสารภาพเรื่องของพวกลูกไก่ลูกกาหลายคน ส่งผลให้ในมือนางตอนนี้มียามากถึงแปดเม็ด ใจของเมิ่งเตี๋ยสั่นระรัว นางกำลังคิดว่า หากนางสารภาพเรื่องตัวการคนสุดท้ายหลิวหลีจะให้ยาเทพศักดิ์สิทธิ์กับนางมากขึ้นหรือไม่ หากมียาเทพศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ พลังบำเพ็ญเพียรของนางจะพัฒนาไปอย่างมาก จะไม่ให้นางตื่นเต้นได้อย่างไร?

ส่วนฟากของเยว่ฮุยนั้น เขาตัดสินใจไม่ต่างจากเมิ่งเตี๋ย ส่งพวกตัวเล็กๆออกไปก่อน แล้วหลิวหลีก็มอบยาเทพศักดิ์สิทธิ์ให้กับเขาเช่นเดียวกัน เขากำลังคิดคำนวณว่า หากตนเองบอกเรื่องเมิ่งเตี๋ยที่เป็นคนวางแผน ไม่รู้ว่าหลงหลิวหลีจะมอบยาเทพศักดิ์สิทธิ์ให้เขามากกว่าเดิมหรือไม่ เมื่อมียาเทพศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ เขาจะมีพลังบำเพ็ญเพียรเทียบเท่าเหยียนซวี่ พอถึงตอนนั้นไม่แน่ว่านายท่านนั่นอาจจะร่วมมือกับเขา เขาคิดๆไปแล้วก็ตื่นเต้นอย่างมาก

“นี่มันสุนัขกัดกันหรือเปล่านะ?” หนานกงเวิ่นเทียนมองดูรายชื่อที่เหมือนกัน ราวกับแกะ ควรจะเรียกว่าพวกเขาเข้าใจอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้งหรือเปล่า? หากได้รู้ว่าสุดท้ายได้รู้ว่าต่างฝ่ายต่างเป็นคนแพร่งพรายรายชื่อล่ะก็ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีสีหน้าอย่างไร?

“ถูกต้อง คาดว่าไม่นานก็คงจะถึงคราวของพวกเขา” หลิวหลีพยักหน้า

“นังหนู ข้าไม่เข้าใจ ทั้งที่เป็นรายชื่อเดียวกัน เหตุใดยังต้องมอบยาเทพศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเขาด้วย” เอ๋าเลี่ยไม่เข้าใจ

“ก็ยังให้พวกเขารู้ไม่ได้ว่าพวกเขาต่างคนต่างกำลังแฉอีกฝ่ายน่ะสิ พอคิดว่าตนเองจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ล่ะก็ จนท้ายที่สุดพวกเขาพบว่าต่างฝ่ายต่างแฉกันเองอยู่ ท่าทางตอนนั้นคงจะน่าชมมากทีเดียว” หลิวหลีพูด

“เสียดายยาเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่านั้นที่นังหนูปรุงขึ้นมาจริงๆ” เอ๋าเลี่ยเสียดายน้อยๆ แม้ว่าอัตราความสำเร็จในการปรุงยาของนางจะสูงมากก็เถอะ แต่นั่นก็เป็นยาที่นังหนูปรุงขึ้นมาอย่างยากลำบาก ต้องมอบให้คนชั่วพวกนั้น เสียของจริงๆ

”วางใจเถอะ หากไม่ใช่ของที่ข้าเต็มใจมอบให้ พวกเขาเอาไปก็ลวกมือเปล่าๆ” หลิวหลีพูดปลอบใจ

“พูดไปก็จริง พวกตัวเล็กตัวน้อยที่พวกเขาบอกมานั้นต่างก็ได้บทลงโทษที่เหมาะสมไปแล้ว แต่อยากรู้จริงๆว่าหากพวกเขาได้รู้ว่าถูกคนที่ไว้ใจขายล่ะก็ จะมีสีหน้าอย่างไรกัน?” เอ๋าเลี่ยพูดเสียงเหี้ยม

“คิดว่าคงจะน่าดูทีเดียว” หนานกงเวิ่นเทียนพูด

“คงจะเร็วๆนี้แหละ เด็กสองคนน่าจะใกล้ฟื้นแล้ว จากบทเรียนครั้งนี้ หวังว่าจากนี้ไปเด็กสองคนคงจะไม่ต้องแสดงความสามารถแล้ว” หลิวหลีนึกถึงเด็กทั้งสองแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาจับใจ นางคิดในใจว่าจะต้องจัดการตัวการอย่างโหดเหี้ยม ไม่อย่างนั้นตงยากที่จะลดความเกลียดชังในใจนางได้

“ถูกต้อง ใช่สิ ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อว่าหูชิงนั่นจะฟื้นแล้ว พวกเราควรไปดูสักหน่อย” หนานกงเวิ่นเทียนพูดขึ้น

“ดีเหมือนกัน ไม่แน่อาจได้ยินอะไรจากปากเขาบ้าง” หลิวหลีพยักหน้า

หูชิงมองเพดาน นี่ตนเองถูกช่วยไว้ ดีเหลือเกิน เพียงแต่สภาพแวดล้อมช่างดูแปลกตา

“เจ้าฟื้นแล้วหรือ?” เสียงของหลิวหลีลอยเข้ามา

“ท่านคือ? ศิษย์พี่หลง ท่านช่วยข้าไว้” หูชิงแทบไม่อยากจะเชื่อ

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ หูชิง ข้าขอถามเจ้าหน่อย ผงวิญญาณแห่งความฝันบนตัวเจ้ามาจากไหน” หลิวหลีไม่แยแสว่าร่างกายเขาจะอ่อนแออยู่หรือไม่ เอ่ยปากถามอย่างไม่อ้อมค้อม

“หูชิงโง่เขลาถูกคนหลอกลวงจนเกือบเกิดเรื่อง ไม่มีหน้ามาเจอศิษย์พี่หลงจริงๆ” น้ำตาลูกผู้ชายจะไม่ไหลง่ายๆ ยกเว้นแต่จะเจอเรื่องที่ควรค่าแก่หยดน้ำตา เมื่อถูกคนหลอกใช้เช่นนี้ หูชิงยิ่งรู้สึกไม่พอใจ

“พูดมาเถอะ ข้าแค่อยากรู้ที่มาที่ไปของเรื่องนี้” หลิวหลีไม่เข้าใจความรู้สึกผิดของหูชิง ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใหญ่โต แค่ได้ยินคำสารภาพ บางทีภายหน้าอาจยังพอให้อภัยกันได้ แต่หากปล่อยให้สายเกินไป เสียใจทีหลังไปจะมีประโยชน์อะไร?

“เป็นเพราะข้ากับสวีโจวเป็นคนไปต้อนรับศิษย์พี่หลง ท่านเมตตาสวีโจวอย่างมาก แต่กลับไม่สนใจใยดีข้า ทำให้ข้ารู้สึกไม่พอใจ ทั้งๆที่พวกเราก็ไปต้อนรับท่านด้วยกัน เหตุใดท่านถึงได้ปฏิบัติต่อเราแตกต่างกันเช่นนี้? ดังนั้นความรู้สึกนี้จึงหยั่งรากลงในใจข้าเป็นผลให้ถูกคนหลอกใช้ แต่ข้าเข้าร่วมภารกิจครั้งนี้ก็เพราะถูกยุยง แต่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าข้าโดนลูกไม้สกปรก จนทำให้เกิดความวุ่นวายจากอสูร พาลเอาชีวิตน้อยๆของข้าก็ถูกลากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ข้าไม่รู้จักคนผู้นั้น รู้เพียงใบหน้าด้านซ้ายของเขามีไฝอยู่” หูชิงเล่าเรื่องทั้งหมดคร่าวๆ แล้วหลับตาลง รอคำตอบสุดท้ายจากนาง

“เจ้ารักษาบาดแผลเถอะ ที่ข้าโปรดปรานสวีโจวเป็นเพราะเขาต่างกับเจ้า แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะยังไม่เข้าใจคำพูดข้า แต่ต่อไปเจ้าจะเข้าใจเอง อีกอย่างการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรนั้นขึ้นอยู่กับตนเอง หากเอาแต่พึ่งพาสิ่งนอกกาย อนาคตของเจ้าก็จะถูกเจ้าทำลาย ข้าพูดเท่านี้ อย่าหัวแข็งไม่ฟังคนรอบข้างเลย” หลิวหลีพูดจบก็เดินจากไป

คนที่มีไฝอยู่บนใบหน้าถูกนางลงโทษไปแล้ว ไม่ได้ทำอะไร แค่ทำให้พวกเขาฝึกฝนลำบากกว่าคนอื่นพันเท่า

จากนี้ไม่นานคงถึงคราวของคนสองคนที่คิดไปเองว่าอีกฝ่ายไม่รู้ว่าตนเองจะโดยอีกฝ่ายแฉ ใกล้เวลาดึงแหแล้ว เพียงแต่คนแบบนี้สามารถเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพได้ คุณสมบัติที่พวกเขาตั้งไว้ชักจะต่ำเกินไปแล้ว หลิวหลีถอนหายใจ โดยที่ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าเป็นเพราะความคิดในใจนี้ของหลิวหลี ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งเทพของทั้งสองคนกำลังค่อยๆสลายไป โดยที่พวกเขาไม่ได้รู้ตัว ยังคงลิงโลดอยู่กับการรายงานเรื่องของอีกฝ่ายให้หมดเปลือกเพื่อที่จะรีบไปเข้าฌานเพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียร โดยไม่รู้เลยว่าตนเป็นเพียงตัวตลก เป็นของเล่นในมือของผู้อื่น เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะโดนตบๆให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 358 สุนัขกัดกัน

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 358 สุนัขกัดกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเมิ่งเตี๋ยกลับมาก็กระวนกระวายใจ นางมีความรู้สึกว่าเยว่ฮุยหวั่นไหวเข้าแล้ว การที่เขาไม่เคลื่อนไหวใดๆ คาดว่าคงเป็นเพราะกำลังคิดว่าตนเองจะสามารถแลกเปลี่ยนยาเทพศักดิ์สิทธิ์ได้กี่เม็ด เหอะ เหอะ ผู้ชายคนนี้นี่ช่าง… จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดแต่เรื่องมูลค่าของนาง สิ่งที่ยึดโยงพวกเขาไว้ตอนนี้คงจะเหลือแค่เรื่องมูลค่าแล้ว นางเสียใจจริงๆ ไม่ได้ นาง จะนั่งรอความตายอยู่อย่างนี้ไม่ได้ ในเมื่อเขาคิดจะทำตัวไร้หัวใจ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่นางทำผิดต่อเขาก่อนแล้วกัน

เมิ่งเตี๋ยครุ่นคิด แต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจส่งตัวเยว่ฮุยไป แต่เลือกที่จะส่งตัวละครตัวเล็กที่เป็นส่วนหนึ่งไป

“อ้าว คิดไม่ถึงว่าจะเริ่มเคลื่อนไหว แต่ไม่เหมือนคนที่ข้าคาดเดาเอาไว้เลยนะ” หลิวหลีคิดไม่ถึงว่าจะขัดแย้งกันเองเสียแล้ว คนที่เดิมนางตั้งใจจะเล่นงานเป็นคนแรก กลับมารายงานข้อมูลกับตน น่าสนใจ น่าสนใจ

“นังหนู มีอะไรผิดปกติหรือ?” เอ๋าเลี่ยถาม ด้วยสีหน้าของหลิวหลีชวนให้สงสัย

“ ไม่มีอะไร ก็แค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้นเอง อาจเพราะแรงกดดันที่ข้าสร้างไว้คงจะเริ่มส่งผลแล้วกระมัง ถึงได้เริ่มทะเลาะกันเองแล้ว” หลิวหลีอธิบาย

“เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ของล่อใจที่น้องหญิงของข้าเสนอนั้น น่าเย้ายวนใจอย่างไรเสียก็มีเทพนักปรุงยาแค่ยี่สิบคน แต่นักปรุงยาเทพที่ยอดเยี่ยมเช่นฮูหยินของข้า นับโดยใช้เพียงมือข้างเดียวนับก็น่าจะครบ เมื่อเจอกับสิ่งเย้ายวนเช่นนี้ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะไม่หวั่นไหว” หนานกงเวิ่นเทียนเข้าใจทนัที ปลาติดเบ็ดแล้ว

“เช่นนั้น ท่านพี่ของข้าหวั่นไหวหรือไม่เจ้าคะ?” หลิวหลีกระเซ้าถาม

“หวั่นไหวสิ น้องหญิงของข้ามีความสามารถเช่นนี้ ข้านี่ตาถึงจริงๆ” หลิวหลีเป็นใบ้ไป นี่สามีของนางกำลังชมตัวเองกลายๆใช่หรือไม่?

“จากที่นางบอก คนผู้นี้สมควรได้รับโทษแล้ว” หลิวหลีพูดและใช้ป้ายชื่อประจำตัวส่งยาไปให้เมิ่งเตี๋ย

เมื่อเมิ่งเตี๋ยได้รับยา มือไม้ก็สั่นระริก นางไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง หลงหลิวหลีใจกว้างขนาดนี้เชียวหรือ ส่งยาเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่าเช่นนี้มาให้โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อได้แรงผลักดันจากยาเทพศักดิ์สิทธิ์ เมิ่งเตี๋ยจึงทยอยสารภาพเรื่องของพวกลูกไก่ลูกกาหลายคน ส่งผลให้ในมือนางตอนนี้มียามากถึงแปดเม็ด ใจของเมิ่งเตี๋ยสั่นระรัว นางกำลังคิดว่า หากนางสารภาพเรื่องตัวการคนสุดท้ายหลิวหลีจะให้ยาเทพศักดิ์สิทธิ์กับนางมากขึ้นหรือไม่ หากมียาเทพศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ พลังบำเพ็ญเพียรของนางจะพัฒนาไปอย่างมาก จะไม่ให้นางตื่นเต้นได้อย่างไร?

ส่วนฟากของเยว่ฮุยนั้น เขาตัดสินใจไม่ต่างจากเมิ่งเตี๋ย ส่งพวกตัวเล็กๆออกไปก่อน แล้วหลิวหลีก็มอบยาเทพศักดิ์สิทธิ์ให้กับเขาเช่นเดียวกัน เขากำลังคิดคำนวณว่า หากตนเองบอกเรื่องเมิ่งเตี๋ยที่เป็นคนวางแผน ไม่รู้ว่าหลงหลิวหลีจะมอบยาเทพศักดิ์สิทธิ์ให้เขามากกว่าเดิมหรือไม่ เมื่อมียาเทพศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ เขาจะมีพลังบำเพ็ญเพียรเทียบเท่าเหยียนซวี่ พอถึงตอนนั้นไม่แน่ว่านายท่านนั่นอาจจะร่วมมือกับเขา เขาคิดๆไปแล้วก็ตื่นเต้นอย่างมาก

“นี่มันสุนัขกัดกันหรือเปล่านะ?” หนานกงเวิ่นเทียนมองดูรายชื่อที่เหมือนกัน ราวกับแกะ ควรจะเรียกว่าพวกเขาเข้าใจอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้งหรือเปล่า? หากได้รู้ว่าสุดท้ายได้รู้ว่าต่างฝ่ายต่างเป็นคนแพร่งพรายรายชื่อล่ะก็ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีสีหน้าอย่างไร?

“ถูกต้อง คาดว่าไม่นานก็คงจะถึงคราวของพวกเขา” หลิวหลีพยักหน้า

“นังหนู ข้าไม่เข้าใจ ทั้งที่เป็นรายชื่อเดียวกัน เหตุใดยังต้องมอบยาเทพศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเขาด้วย” เอ๋าเลี่ยไม่เข้าใจ

“ก็ยังให้พวกเขารู้ไม่ได้ว่าพวกเขาต่างคนต่างกำลังแฉอีกฝ่ายน่ะสิ พอคิดว่าตนเองจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ล่ะก็ จนท้ายที่สุดพวกเขาพบว่าต่างฝ่ายต่างแฉกันเองอยู่ ท่าทางตอนนั้นคงจะน่าชมมากทีเดียว” หลิวหลีพูด

“เสียดายยาเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่านั้นที่นังหนูปรุงขึ้นมาจริงๆ” เอ๋าเลี่ยเสียดายน้อยๆ แม้ว่าอัตราความสำเร็จในการปรุงยาของนางจะสูงมากก็เถอะ แต่นั่นก็เป็นยาที่นังหนูปรุงขึ้นมาอย่างยากลำบาก ต้องมอบให้คนชั่วพวกนั้น เสียของจริงๆ

”วางใจเถอะ หากไม่ใช่ของที่ข้าเต็มใจมอบให้ พวกเขาเอาไปก็ลวกมือเปล่าๆ” หลิวหลีพูดปลอบใจ

“พูดไปก็จริง พวกตัวเล็กตัวน้อยที่พวกเขาบอกมานั้นต่างก็ได้บทลงโทษที่เหมาะสมไปแล้ว แต่อยากรู้จริงๆว่าหากพวกเขาได้รู้ว่าถูกคนที่ไว้ใจขายล่ะก็ จะมีสีหน้าอย่างไรกัน?” เอ๋าเลี่ยพูดเสียงเหี้ยม

“คิดว่าคงจะน่าดูทีเดียว” หนานกงเวิ่นเทียนพูด

“คงจะเร็วๆนี้แหละ เด็กสองคนน่าจะใกล้ฟื้นแล้ว จากบทเรียนครั้งนี้ หวังว่าจากนี้ไปเด็กสองคนคงจะไม่ต้องแสดงความสามารถแล้ว” หลิวหลีนึกถึงเด็กทั้งสองแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาจับใจ นางคิดในใจว่าจะต้องจัดการตัวการอย่างโหดเหี้ยม ไม่อย่างนั้นตงยากที่จะลดความเกลียดชังในใจนางได้

“ถูกต้อง ใช่สิ ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อว่าหูชิงนั่นจะฟื้นแล้ว พวกเราควรไปดูสักหน่อย” หนานกงเวิ่นเทียนพูดขึ้น

“ดีเหมือนกัน ไม่แน่อาจได้ยินอะไรจากปากเขาบ้าง” หลิวหลีพยักหน้า

หูชิงมองเพดาน นี่ตนเองถูกช่วยไว้ ดีเหลือเกิน เพียงแต่สภาพแวดล้อมช่างดูแปลกตา

“เจ้าฟื้นแล้วหรือ?” เสียงของหลิวหลีลอยเข้ามา

“ท่านคือ? ศิษย์พี่หลง ท่านช่วยข้าไว้” หูชิงแทบไม่อยากจะเชื่อ

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ หูชิง ข้าขอถามเจ้าหน่อย ผงวิญญาณแห่งความฝันบนตัวเจ้ามาจากไหน” หลิวหลีไม่แยแสว่าร่างกายเขาจะอ่อนแออยู่หรือไม่ เอ่ยปากถามอย่างไม่อ้อมค้อม

“หูชิงโง่เขลาถูกคนหลอกลวงจนเกือบเกิดเรื่อง ไม่มีหน้ามาเจอศิษย์พี่หลงจริงๆ” น้ำตาลูกผู้ชายจะไม่ไหลง่ายๆ ยกเว้นแต่จะเจอเรื่องที่ควรค่าแก่หยดน้ำตา เมื่อถูกคนหลอกใช้เช่นนี้ หูชิงยิ่งรู้สึกไม่พอใจ

“พูดมาเถอะ ข้าแค่อยากรู้ที่มาที่ไปของเรื่องนี้” หลิวหลีไม่เข้าใจความรู้สึกผิดของหูชิง ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใหญ่โต แค่ได้ยินคำสารภาพ บางทีภายหน้าอาจยังพอให้อภัยกันได้ แต่หากปล่อยให้สายเกินไป เสียใจทีหลังไปจะมีประโยชน์อะไร?

“เป็นเพราะข้ากับสวีโจวเป็นคนไปต้อนรับศิษย์พี่หลง ท่านเมตตาสวีโจวอย่างมาก แต่กลับไม่สนใจใยดีข้า ทำให้ข้ารู้สึกไม่พอใจ ทั้งๆที่พวกเราก็ไปต้อนรับท่านด้วยกัน เหตุใดท่านถึงได้ปฏิบัติต่อเราแตกต่างกันเช่นนี้? ดังนั้นความรู้สึกนี้จึงหยั่งรากลงในใจข้าเป็นผลให้ถูกคนหลอกใช้ แต่ข้าเข้าร่วมภารกิจครั้งนี้ก็เพราะถูกยุยง แต่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าข้าโดนลูกไม้สกปรก จนทำให้เกิดความวุ่นวายจากอสูร พาลเอาชีวิตน้อยๆของข้าก็ถูกลากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย ข้าไม่รู้จักคนผู้นั้น รู้เพียงใบหน้าด้านซ้ายของเขามีไฝอยู่” หูชิงเล่าเรื่องทั้งหมดคร่าวๆ แล้วหลับตาลง รอคำตอบสุดท้ายจากนาง

“เจ้ารักษาบาดแผลเถอะ ที่ข้าโปรดปรานสวีโจวเป็นเพราะเขาต่างกับเจ้า แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะยังไม่เข้าใจคำพูดข้า แต่ต่อไปเจ้าจะเข้าใจเอง อีกอย่างการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรนั้นขึ้นอยู่กับตนเอง หากเอาแต่พึ่งพาสิ่งนอกกาย อนาคตของเจ้าก็จะถูกเจ้าทำลาย ข้าพูดเท่านี้ อย่าหัวแข็งไม่ฟังคนรอบข้างเลย” หลิวหลีพูดจบก็เดินจากไป

คนที่มีไฝอยู่บนใบหน้าถูกนางลงโทษไปแล้ว ไม่ได้ทำอะไร แค่ทำให้พวกเขาฝึกฝนลำบากกว่าคนอื่นพันเท่า

จากนี้ไม่นานคงถึงคราวของคนสองคนที่คิดไปเองว่าอีกฝ่ายไม่รู้ว่าตนเองจะโดยอีกฝ่ายแฉ ใกล้เวลาดึงแหแล้ว เพียงแต่คนแบบนี้สามารถเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพได้ คุณสมบัติที่พวกเขาตั้งไว้ชักจะต่ำเกินไปแล้ว หลิวหลีถอนหายใจ โดยที่ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าเป็นเพราะความคิดในใจนี้ของหลิวหลี ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งเทพของทั้งสองคนกำลังค่อยๆสลายไป โดยที่พวกเขาไม่ได้รู้ตัว ยังคงลิงโลดอยู่กับการรายงานเรื่องของอีกฝ่ายให้หมดเปลือกเพื่อที่จะรีบไปเข้าฌานเพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียร โดยไม่รู้เลยว่าตนเป็นเพียงตัวตลก เป็นของเล่นในมือของผู้อื่น เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะโดนตบๆให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+