แม่ครัวยอดเซียน 382 อภิปรายใต้ต้นไม้

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 382 อภิปรายใต้ต้นไม้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่รู้เป็นเพราะว่าประมุขเทพจิ่งมีความสุขกับสายตาของทุกคนหรือไม่ ในที่สุดก็ทำท่าทางพร้อมประลอง

“ราชาเทพเหมันต์บริสุทธิ์ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะลงมือโดยระมัดระวัง” จิ่งซู่แสร้งกล่าว โดยไม่ละสายตาจากใบหน้าหนานกงเวิ่นเทียน ทำให้หนานกงเวิ่นเทียนถึงกับขมวดคิ้ว

“เชิญ” หนานกงเวิ่นเทียนตอบกลับแค่เพียงคำเดียวเท่านั้น จิ่งซู่รู้สึกไม่พอใจ ควรจะต้องพูดว่า ‘ขอบคุณประมุขเทพจิ่งซู่ที่แนะนำ’ อะไรพวกนี้ไม่ใช่หรือ ทำไมพูดตอบกลับแค่คำเดียวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น แต่เขาเชื่อว่าเจ้าหนุ่มนี่ สุดท้ายจะต้องร้องไห้ขอบคุณเขาแน่ จิ่งซู่มั่นใจในเรื่องนี้ เพราะอย่างไรประมุขเทพกับราชาเทพก็ยังต่างกันอยู่

ประมุขเทพจิ่งซู่กับอวิ๋นชิงเป็นคนธาตุไม้เหมือนกัน หากว่าหนานกงเวิ่นเทียนเป็นธาตุน้ำก็จะเป็นธาตุที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน แต่หนานกงเวิ่นเทียนกลับเป็นธาตุเหมันต์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังทำลายล้างสูง ไม่รู้ว่าสุดท้ายคนที่ธาตุที่ข่มอีกฝ่ายจะชนะ หรือว่าคนที่มีพลังบำเพ็ญสูงกว่าจะชนะ

จิ่งซู่ผู้นี้เป็นคนนิสัยที่เหมือนกับรูปลักษณ์ภายนอก จะออกกระบวนท่าก็เน้นความสวยงามเป็นหลัก งดงาม หลายกระบวนท่างดงามแต่ใช้ไม่ได้จริง ตอนแรกหลิวหลีก็รู้สึกสนใจ แต่พอดูไปครึ่งหนึ่งก็เลิกสนใจไป ของประดับตกแต่งมาจากไหน นี่คือการประลอง ไม่ใช่ประกวดความงาม ถึงแม้จะต้องมีความสวยงาม แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ด้วย ของชิ้นนี้สามารถทนต่อการประลองที่โหดร้ายเช่นนี้ได้หรือ

“นังหนู เบื่อแล้วหรือ” อวิ๋นชิงดูแล้วก็รู้สึกเบื่อเช่นกัน ทำไมถึงได้มีคนที่น่าเบื่อเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าของประดับชิ้นนี้กล้าพูดว่าจะให้คำแนะนำคนอื่น เขารู้สึกว่าตัวเองที่อยู่ในระดับชั้นเดียวกับคนผู้นี้ ช่างน่าขายหน้าไม่น้อย

“น่าเบื่อเหลือเกิน คนผู้นี้สามารถบรรลุตำแหน่งประมุขเทพได้อย่างไร คงไม่ใช่ได้มาเพราะมีคู่บำเพ็ญที่แข็งแกร่งใช่ไหม” หลิวหลีอดด่าไม่ได้ เพียงแต่ว่าสีหน้าอวิ๋นชิงแปลกประหลาด

“ทำไม ข้าเดาถูกหรือ” นางมีวาจาสิทธิ์หรือ ทำไมรู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดเป็นเรื่องจริง

“นังหนู เจ้าคิดได้อย่างไร คนทั่วไปไม่คิดเช่นนี้หรอก” อย่างไรเสียบนภูเขาเทพก็มีประมุขเทพอยู่เพียงแค่ 20 คน จำนวนน้อยเสียจนน่าสงสาร จะเดาว่าในตอนนั้นเขาตั้งใจจนบรรลุเป็นประมุขเทพไม่ได้หรือ คิดไม่ถึงว่าข้อสันนิษฐานแรกจะกลายเป็นว่าเขาบรรลุได้เป็นเพราะคู่บำเพ็ญ นี่คือความสามารถของว่าที่เทพที่แท้จริงหรือ

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนทั่วไปหรือ การเดาเช่นนี้ไม่มีที่เกินคาด อย่างไรเสียคนที่สนใจแต่รูปลักษณ์ภายนอก ย่อมเป็นได้แค่ไม้ประดับเท่านั้น แล้วมาได้อย่างไร คนปกติทั่วไปต้องคิดว่ามาจากคู่บำเพ็ญ แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีประมุขเทพหรือจักรพรรดิเทพที่เป็นผู้หญิงเลย” หลิวหลีพยายามนึกถึงข้อมูลที่ตัวเองรู้ ถึงแม้พูดเช่นนี้แล้วก็ดูเศร้า แต่ความจริงก็คือประมุขเทพ 20 คน กับจักรพรรดิเทพ 5 คน ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรชาย ไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรหญิงเลยสักคน ในตำแหน่งราชาเทพก็แทบจะไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรหญิง ดังนั้นหลิวหลีเบิกตากว้าง ไม่ใช่กระมัง เขามองอวิ๋นชิงด้วยแววตาเหลือเชื่อ

“ถูกต้อง เป็นอย่างที่เจ้าคิด คู่บำเพ็ญของประมุขเทพจิ่งซู่เป็นผู้ชาย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะอย่างไรเสียผู้บำเพ็ญที่ยิ่งอยู่ในตำแหน่งสูง จำนวนชายหญิงก็จะยิ่งไม่สมดุลกัน คนที่พลังบำเพ็ญเพียรแบบเจ้ากับพี่หนานกง แล้วอยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้ มีน้อยมาก หลายคนต่างร่วมมือกันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองโดยที่ไม่สนใจเรื่องเพศของฝ่ายตรงข้าม” อวิ๋นชิงยืนยันว่าสิ่งที่นังหนูคิดคือเรื่องจริง

“น่าจะมีเรื่องไม่คาดคิด ถ้าเช่นนั้นใครจะสนใจคนที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกเช่นนี้” หลิวหลีนิ่งไป แต่ก็แขวะกลับไปทันที หากเป็นเช่นนี้จะคนอย่างนั้นให้มาเป็นคู่ฝึกซ้อมให้สามีของนาง นางยังไม่อยากจะเอา ถึงขั้นรังเกียจด้วยซ้ำ

“ถูกต้อง ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ลองเดาดูว่าคู่บำเพ็ญของเขาคือใคร?” อวิ๋นชิงเอ่ยด้วยท่าทีลึกลับเกินจำเป็น

“ใคร ที่สร้างคนที่ไม่เห็นหัวใครเช่นนี้ นึกว่าตัวเองแน่ ทำลายชื่อเสียงเกียรติยศคนอื่น นอกจากหัวหน้าของเขา จักรพรรดิเทพเหลยหยางแล้ว ยังจะมีใครได้อีก” หลิวหลีกลอกตาใส่อวิ๋นชิง นึกว่าทุกคนจะมีระดับสติปัญญาเท่ากับเขาหรือ

“เหอะๆ ก็จริง แต่ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ ข้าย่อมฟังเรื่องนี้มาจากคนอื่น ได้ยินมาว่าตอนแรกจักรพรรดิเทพเหลยหยางไปตามจีบอยู่ตั้งนานกว่าจะจีบติด ตามใจเขาไปหลายอย่าง ไม่เช่นนั้นขยะอย่างนั้นจะบรรลุตำแหน่งประมุขเทพได้ด้วยความสามารถตนเองได้อย่างไร อีกอย่างจักรพรรดิเทพเหลยหยางก็มีนิสัยประหลาด ชื่นชอบคนที่ใบหน้างดงาม ดังนั้นเมื่อมีคนที่งดงามกว่าตัวเองปรากฏขึ้น เขาก็จะรู้สึกไม่ลอดภัย คิดหาวิธีทำลาย ถึงแม้ว่าจะเอาแต่ใจอยู่แต่ก็ยังพอมีสมองอยู่บ้าง ส่วนจะเอาไปใช้กับอะไรนั้น ก็คงไม่ต้องให้ข้าพูดแล้ว” อวิ๋นชิงนินทากับหลิวหลี แล้วการประลองของทั้งสองคนก็ชะงักอยู่อย่างนั้น คนที่มองออกก็เห็นเลยว่าหนานกงเวิ่นเทียนกำลังแหย่จิ่งซู่เล่น ไม่ได้จริงจังอะไร

“ข่าวสารของเจ้าไม่ใช่สิ่งที่ผู้ที่มีพลังบำเพ็ญเพียรต่ำหรือผู้ที่มีสถานะต่ำต้อยจะรู้ คิดว่าบนใบหน้าของจักรพรรดิเหลยหยางน่าจะมีบาดแผลอยู่ ไม่ว่าพลังบำเพ็ญเพียรของเขาจะสูงแค่ไหนก็ไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้ ก็เลยมีอคติ ก็พอจะเข้าใจได้ แต่อยู่ในตำแหน่งจักรพรรดิเทพแล้ว คงไม่ได้คิดอะไรตื้นๆเช่นนั้นหรอกใช่ไหม” หลิวหลีไม่รู้สึกกังวลเลยว่า จักรพรรดิเทพเหลยหยางจะเป็นห่วงคู่บำเพ็ญของเขาแล้วจะมาแอบฟังหรือไม่

“เหอะๆ เหลยหยาง คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวคนนี้มองออกทุกอย่างเลยนะ” ความเป็นจริงคือจักรพรรดิเทพสองคนกำลังมองดูอย่างเปิดเผย แล้วก็วิจารณ์เป็นครั้งคราว

“นังหนูคนนี้ใช้ได้ทีเดียว พูดจาตรงไปตรงมา แต่ทุกอย่างที่พูดออกมาเป็นเรื่องจริง ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจิ่งซู่เคยทำอะไรมาบ้าง แต่ดูจากที่ยังไม่เคยทำให้ใครตาย ข้าจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้” จักรพรรดิเทพเหลยหยางเป็นไปตามที่หลิวหลีคาดการณ์ บนใบหน้าเขามีรอยแผลเป็น จึงมีอคติต่อคนที่มีใบหน้างดงาม แต่ก็ไม่ถึงกับตาบอด เพียงแต่จิ่งซู่ไม่เคยเข้าใจ หากว่าเขาไม่ได้จริงใจกับอีกฝ่ายจริงๆ ทำไมถึงได้ปล่อยให้เขาทำเรื่องเหลวไหล ทำไมคนอื่นถึงได้หวาดกลัวคนที่เป็นแค่ไม้ประดับอย่างอีกฝ่าย

“อ้าว คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่โกรธ หาได้ยากจริงๆ คนที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเจ้า เจ้ายอมให้เขาบาดเจ็บแม้แต่ปลายเส้นผมเช่นนั้นหรือ” อวิ๋นเหมียวดูเหลือเชื่ออย่างเห็นได้ชัด

“เรื่องจริง ความจริงใจที่ข้ามีเขา ถูกเขาย่ำยีไปจนแทบจะไม่มีอะไรเหลือแล้ว เฮ้อ ข้าเป็นถึงจักรพรรดิเทพ แต่กลับรู้สึกเหนื่อยล้า พูดไปเจ้าก็คงไม่เชื่อ” เหลยหยางรู้สึกเหนื่อยล้าจริงๆ เขาก็เหมือนกับอวิ๋นเหมียว เคยล้มเหลวมาแล้ว 1 ครั้งดังนั้นจึงสะสมพลังเพื่อเตรียมจะบรรลุเป็นเทพที่แท้จริงในครั้งหน้า แต่คู่บำเพ็ญที่เขาเลือกมา ช่างเป็นตัวถ่วงจริงๆ

“ไม่ต้องเป็นห่วง สามีภรรยาคู่นั้นไม่ได้ถูกรังแกง่ายขนาดนั้น หากเจ้าไม่ลงมือ คู่บำเพ็ญคนนั้นของเจ้า อาจจะได้รับบทเรียนกลับไป ไม่แน่ว่าอาจจะกลับตัวกลับใจเลยก็ได้”อวิ๋นเหมียวพูดอย่างมีเลศนัย

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” เขาไม่คิดที่จะเปลี่ยนคู่บำเพ็ญจริงๆ

เสียงโครมดังขึ้น จิ่งซู่จับผมของตัวเอง ถึงขนาดกล้าลงมือกับเส้นผมอันเป็นที่รักของเขา ให้อภัยไม่ได้ ดังนั้น…

“เขามีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร เหมือนกับกำลังประลองอยู่กับหญิงเสียสติเลย” หลิวหลีขี้เกียจแม้แต่จะด่า เป็นเพราะมีคู่บำเพ็ญเป็นจักรพรรดิเทพ จึงถูกตามใจจนเสียคน สรุปว่านี่เป็นการรักเขาหรือทำร้ายเขากันแน่ ฝีมือก็มีอยู่แค่นี้ นางประเมินสูงเกินไปด้วยซ้ำ มูมู่มาที่นี่ก็ยังประลองกับเขาได้ด้วยซ้ำ

“หลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่มันก็เย็นสบายดีจริงไหมล่ะ” อวิ๋นชิงคิดๆแล้วพูดขึ้น

“ก็จริง เฮ้อ เจ้าที่เป็นผู้บำเพ็ญรุ่นที่ 2 พูดแบบนี้ออกมา ก็ดูน่าตกใจเหมือนกัน” หลิวหลีจีบปากจีบคอ

“เจ้าหมายความว่าอะไร” ผู้บำเพ็ญรุ่น 2 หมายความว่าอะไร

“ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่หลังเจ้าก็ใหญ่โตร่มรื่น หากเจ้าไม่ทำเรื่องคอขาดบาดตาย ต้นไม้ของเจ้ามั่นคงมากกว่าของจิ่งซู่เสียอีก” หลิวหลีปรายตามองอวิ๋นชิง พ่อของชายผู้นี้เป็นถึงจักรพรรดิเทพ ต้นไม้นั้นใหญ่โตร่มรื่น แถมเป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขนาดนี้ ย่อมต้องมั่นคงกว่าของจิ่งซู่แน่นอนอยู่แล้ว

………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 382 อภิปรายใต้ต้นไม้

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 382 อภิปรายใต้ต้นไม้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่รู้เป็นเพราะว่าประมุขเทพจิ่งมีความสุขกับสายตาของทุกคนหรือไม่ ในที่สุดก็ทำท่าทางพร้อมประลอง

“ราชาเทพเหมันต์บริสุทธิ์ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะลงมือโดยระมัดระวัง” จิ่งซู่แสร้งกล่าว โดยไม่ละสายตาจากใบหน้าหนานกงเวิ่นเทียน ทำให้หนานกงเวิ่นเทียนถึงกับขมวดคิ้ว

“เชิญ” หนานกงเวิ่นเทียนตอบกลับแค่เพียงคำเดียวเท่านั้น จิ่งซู่รู้สึกไม่พอใจ ควรจะต้องพูดว่า ‘ขอบคุณประมุขเทพจิ่งซู่ที่แนะนำ’ อะไรพวกนี้ไม่ใช่หรือ ทำไมพูดตอบกลับแค่คำเดียวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น แต่เขาเชื่อว่าเจ้าหนุ่มนี่ สุดท้ายจะต้องร้องไห้ขอบคุณเขาแน่ จิ่งซู่มั่นใจในเรื่องนี้ เพราะอย่างไรประมุขเทพกับราชาเทพก็ยังต่างกันอยู่

ประมุขเทพจิ่งซู่กับอวิ๋นชิงเป็นคนธาตุไม้เหมือนกัน หากว่าหนานกงเวิ่นเทียนเป็นธาตุน้ำก็จะเป็นธาตุที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน แต่หนานกงเวิ่นเทียนกลับเป็นธาตุเหมันต์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังทำลายล้างสูง ไม่รู้ว่าสุดท้ายคนที่ธาตุที่ข่มอีกฝ่ายจะชนะ หรือว่าคนที่มีพลังบำเพ็ญสูงกว่าจะชนะ

จิ่งซู่ผู้นี้เป็นคนนิสัยที่เหมือนกับรูปลักษณ์ภายนอก จะออกกระบวนท่าก็เน้นความสวยงามเป็นหลัก งดงาม หลายกระบวนท่างดงามแต่ใช้ไม่ได้จริง ตอนแรกหลิวหลีก็รู้สึกสนใจ แต่พอดูไปครึ่งหนึ่งก็เลิกสนใจไป ของประดับตกแต่งมาจากไหน นี่คือการประลอง ไม่ใช่ประกวดความงาม ถึงแม้จะต้องมีความสวยงาม แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ด้วย ของชิ้นนี้สามารถทนต่อการประลองที่โหดร้ายเช่นนี้ได้หรือ

“นังหนู เบื่อแล้วหรือ” อวิ๋นชิงดูแล้วก็รู้สึกเบื่อเช่นกัน ทำไมถึงได้มีคนที่น่าเบื่อเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าของประดับชิ้นนี้กล้าพูดว่าจะให้คำแนะนำคนอื่น เขารู้สึกว่าตัวเองที่อยู่ในระดับชั้นเดียวกับคนผู้นี้ ช่างน่าขายหน้าไม่น้อย

“น่าเบื่อเหลือเกิน คนผู้นี้สามารถบรรลุตำแหน่งประมุขเทพได้อย่างไร คงไม่ใช่ได้มาเพราะมีคู่บำเพ็ญที่แข็งแกร่งใช่ไหม” หลิวหลีอดด่าไม่ได้ เพียงแต่ว่าสีหน้าอวิ๋นชิงแปลกประหลาด

“ทำไม ข้าเดาถูกหรือ” นางมีวาจาสิทธิ์หรือ ทำไมรู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดเป็นเรื่องจริง

“นังหนู เจ้าคิดได้อย่างไร คนทั่วไปไม่คิดเช่นนี้หรอก” อย่างไรเสียบนภูเขาเทพก็มีประมุขเทพอยู่เพียงแค่ 20 คน จำนวนน้อยเสียจนน่าสงสาร จะเดาว่าในตอนนั้นเขาตั้งใจจนบรรลุเป็นประมุขเทพไม่ได้หรือ คิดไม่ถึงว่าข้อสันนิษฐานแรกจะกลายเป็นว่าเขาบรรลุได้เป็นเพราะคู่บำเพ็ญ นี่คือความสามารถของว่าที่เทพที่แท้จริงหรือ

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนทั่วไปหรือ การเดาเช่นนี้ไม่มีที่เกินคาด อย่างไรเสียคนที่สนใจแต่รูปลักษณ์ภายนอก ย่อมเป็นได้แค่ไม้ประดับเท่านั้น แล้วมาได้อย่างไร คนปกติทั่วไปต้องคิดว่ามาจากคู่บำเพ็ญ แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีประมุขเทพหรือจักรพรรดิเทพที่เป็นผู้หญิงเลย” หลิวหลีพยายามนึกถึงข้อมูลที่ตัวเองรู้ ถึงแม้พูดเช่นนี้แล้วก็ดูเศร้า แต่ความจริงก็คือประมุขเทพ 20 คน กับจักรพรรดิเทพ 5 คน ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรชาย ไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรหญิงเลยสักคน ในตำแหน่งราชาเทพก็แทบจะไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรหญิง ดังนั้นหลิวหลีเบิกตากว้าง ไม่ใช่กระมัง เขามองอวิ๋นชิงด้วยแววตาเหลือเชื่อ

“ถูกต้อง เป็นอย่างที่เจ้าคิด คู่บำเพ็ญของประมุขเทพจิ่งซู่เป็นผู้ชาย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะอย่างไรเสียผู้บำเพ็ญที่ยิ่งอยู่ในตำแหน่งสูง จำนวนชายหญิงก็จะยิ่งไม่สมดุลกัน คนที่พลังบำเพ็ญเพียรแบบเจ้ากับพี่หนานกง แล้วอยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้ มีน้อยมาก หลายคนต่างร่วมมือกันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองโดยที่ไม่สนใจเรื่องเพศของฝ่ายตรงข้าม” อวิ๋นชิงยืนยันว่าสิ่งที่นังหนูคิดคือเรื่องจริง

“น่าจะมีเรื่องไม่คาดคิด ถ้าเช่นนั้นใครจะสนใจคนที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกเช่นนี้” หลิวหลีนิ่งไป แต่ก็แขวะกลับไปทันที หากเป็นเช่นนี้จะคนอย่างนั้นให้มาเป็นคู่ฝึกซ้อมให้สามีของนาง นางยังไม่อยากจะเอา ถึงขั้นรังเกียจด้วยซ้ำ

“ถูกต้อง ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ลองเดาดูว่าคู่บำเพ็ญของเขาคือใคร?” อวิ๋นชิงเอ่ยด้วยท่าทีลึกลับเกินจำเป็น

“ใคร ที่สร้างคนที่ไม่เห็นหัวใครเช่นนี้ นึกว่าตัวเองแน่ ทำลายชื่อเสียงเกียรติยศคนอื่น นอกจากหัวหน้าของเขา จักรพรรดิเทพเหลยหยางแล้ว ยังจะมีใครได้อีก” หลิวหลีกลอกตาใส่อวิ๋นชิง นึกว่าทุกคนจะมีระดับสติปัญญาเท่ากับเขาหรือ

“เหอะๆ ก็จริง แต่ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ ข้าย่อมฟังเรื่องนี้มาจากคนอื่น ได้ยินมาว่าตอนแรกจักรพรรดิเทพเหลยหยางไปตามจีบอยู่ตั้งนานกว่าจะจีบติด ตามใจเขาไปหลายอย่าง ไม่เช่นนั้นขยะอย่างนั้นจะบรรลุตำแหน่งประมุขเทพได้ด้วยความสามารถตนเองได้อย่างไร อีกอย่างจักรพรรดิเทพเหลยหยางก็มีนิสัยประหลาด ชื่นชอบคนที่ใบหน้างดงาม ดังนั้นเมื่อมีคนที่งดงามกว่าตัวเองปรากฏขึ้น เขาก็จะรู้สึกไม่ลอดภัย คิดหาวิธีทำลาย ถึงแม้ว่าจะเอาแต่ใจอยู่แต่ก็ยังพอมีสมองอยู่บ้าง ส่วนจะเอาไปใช้กับอะไรนั้น ก็คงไม่ต้องให้ข้าพูดแล้ว” อวิ๋นชิงนินทากับหลิวหลี แล้วการประลองของทั้งสองคนก็ชะงักอยู่อย่างนั้น คนที่มองออกก็เห็นเลยว่าหนานกงเวิ่นเทียนกำลังแหย่จิ่งซู่เล่น ไม่ได้จริงจังอะไร

“ข่าวสารของเจ้าไม่ใช่สิ่งที่ผู้ที่มีพลังบำเพ็ญเพียรต่ำหรือผู้ที่มีสถานะต่ำต้อยจะรู้ คิดว่าบนใบหน้าของจักรพรรดิเหลยหยางน่าจะมีบาดแผลอยู่ ไม่ว่าพลังบำเพ็ญเพียรของเขาจะสูงแค่ไหนก็ไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้ ก็เลยมีอคติ ก็พอจะเข้าใจได้ แต่อยู่ในตำแหน่งจักรพรรดิเทพแล้ว คงไม่ได้คิดอะไรตื้นๆเช่นนั้นหรอกใช่ไหม” หลิวหลีไม่รู้สึกกังวลเลยว่า จักรพรรดิเทพเหลยหยางจะเป็นห่วงคู่บำเพ็ญของเขาแล้วจะมาแอบฟังหรือไม่

“เหอะๆ เหลยหยาง คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวคนนี้มองออกทุกอย่างเลยนะ” ความเป็นจริงคือจักรพรรดิเทพสองคนกำลังมองดูอย่างเปิดเผย แล้วก็วิจารณ์เป็นครั้งคราว

“นังหนูคนนี้ใช้ได้ทีเดียว พูดจาตรงไปตรงมา แต่ทุกอย่างที่พูดออกมาเป็นเรื่องจริง ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจิ่งซู่เคยทำอะไรมาบ้าง แต่ดูจากที่ยังไม่เคยทำให้ใครตาย ข้าจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้” จักรพรรดิเทพเหลยหยางเป็นไปตามที่หลิวหลีคาดการณ์ บนใบหน้าเขามีรอยแผลเป็น จึงมีอคติต่อคนที่มีใบหน้างดงาม แต่ก็ไม่ถึงกับตาบอด เพียงแต่จิ่งซู่ไม่เคยเข้าใจ หากว่าเขาไม่ได้จริงใจกับอีกฝ่ายจริงๆ ทำไมถึงได้ปล่อยให้เขาทำเรื่องเหลวไหล ทำไมคนอื่นถึงได้หวาดกลัวคนที่เป็นแค่ไม้ประดับอย่างอีกฝ่าย

“อ้าว คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่โกรธ หาได้ยากจริงๆ คนที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเจ้า เจ้ายอมให้เขาบาดเจ็บแม้แต่ปลายเส้นผมเช่นนั้นหรือ” อวิ๋นเหมียวดูเหลือเชื่ออย่างเห็นได้ชัด

“เรื่องจริง ความจริงใจที่ข้ามีเขา ถูกเขาย่ำยีไปจนแทบจะไม่มีอะไรเหลือแล้ว เฮ้อ ข้าเป็นถึงจักรพรรดิเทพ แต่กลับรู้สึกเหนื่อยล้า พูดไปเจ้าก็คงไม่เชื่อ” เหลยหยางรู้สึกเหนื่อยล้าจริงๆ เขาก็เหมือนกับอวิ๋นเหมียว เคยล้มเหลวมาแล้ว 1 ครั้งดังนั้นจึงสะสมพลังเพื่อเตรียมจะบรรลุเป็นเทพที่แท้จริงในครั้งหน้า แต่คู่บำเพ็ญที่เขาเลือกมา ช่างเป็นตัวถ่วงจริงๆ

“ไม่ต้องเป็นห่วง สามีภรรยาคู่นั้นไม่ได้ถูกรังแกง่ายขนาดนั้น หากเจ้าไม่ลงมือ คู่บำเพ็ญคนนั้นของเจ้า อาจจะได้รับบทเรียนกลับไป ไม่แน่ว่าอาจจะกลับตัวกลับใจเลยก็ได้”อวิ๋นเหมียวพูดอย่างมีเลศนัย

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” เขาไม่คิดที่จะเปลี่ยนคู่บำเพ็ญจริงๆ

เสียงโครมดังขึ้น จิ่งซู่จับผมของตัวเอง ถึงขนาดกล้าลงมือกับเส้นผมอันเป็นที่รักของเขา ให้อภัยไม่ได้ ดังนั้น…

“เขามีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร เหมือนกับกำลังประลองอยู่กับหญิงเสียสติเลย” หลิวหลีขี้เกียจแม้แต่จะด่า เป็นเพราะมีคู่บำเพ็ญเป็นจักรพรรดิเทพ จึงถูกตามใจจนเสียคน สรุปว่านี่เป็นการรักเขาหรือทำร้ายเขากันแน่ ฝีมือก็มีอยู่แค่นี้ นางประเมินสูงเกินไปด้วยซ้ำ มูมู่มาที่นี่ก็ยังประลองกับเขาได้ด้วยซ้ำ

“หลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่มันก็เย็นสบายดีจริงไหมล่ะ” อวิ๋นชิงคิดๆแล้วพูดขึ้น

“ก็จริง เฮ้อ เจ้าที่เป็นผู้บำเพ็ญรุ่นที่ 2 พูดแบบนี้ออกมา ก็ดูน่าตกใจเหมือนกัน” หลิวหลีจีบปากจีบคอ

“เจ้าหมายความว่าอะไร” ผู้บำเพ็ญรุ่น 2 หมายความว่าอะไร

“ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่หลังเจ้าก็ใหญ่โตร่มรื่น หากเจ้าไม่ทำเรื่องคอขาดบาดตาย ต้นไม้ของเจ้ามั่นคงมากกว่าของจิ่งซู่เสียอีก” หลิวหลีปรายตามองอวิ๋นชิง พ่อของชายผู้นี้เป็นถึงจักรพรรดิเทพ ต้นไม้นั้นใหญ่โตร่มรื่น แถมเป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขนาดนี้ ย่อมต้องมั่นคงกว่าของจิ่งซู่แน่นอนอยู่แล้ว

………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+