แม่ครัวยอดเซียน 343 จับกลุ่มทำภารกิจ

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 343 จับกลุ่มทำภารกิจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ท่านน้าหลิวหลี ท่านออกจากฌานแล้ว แต่ไม่ยอมมารับพวกข้า” ฝาแฝดกอดหลิวหลีแล้วออดอ้อนนางอย่างเคย

“พวกเจ้าสองคน ได้ยินมาว่าพวกเจ้าตั้งใจเรียนกันอย่างหนัก มองไม่ออกเลยจริงๆ” หลิวหลีลูบศีรษะเด็กสองคน สมกับเป็นเด็กที่ตนเลี้ยงมากับมือ น่าภาคภูมิใจจริงๆ

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว” ปิงเซียวพูดอย่างลิงโลด ตนเองขยันอย่างยิ่ง อยากรีบบรรลุเพื่อช่วยเหลือท่านน้า ตอนนี้บรรลุเป็นเทพได้แล้ว การรวมร่างของเขากับเหลยรุ่ยไม่เหลือปัญหามากนัก อาจจะเป็นเพราะได้รับการยอมรับจากสวรรค์จึงไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา ส่งผลให้พวกเขาในตอนนี้สามารถเอาชนะบิดาตนเองได้อย่างไม่มีปัญหา

“พอเลย ยังไม่ไปตั้งใจฝึกฝนอีก ดูพวกเจ้าสิ ยังไม่บรรลุขั้นเทพสวรรค์เลย” หลิวหลีจงใจพูดหน้าตาย

“อื้อ พวกเราตั้งใจนะท่านน้า” เหลยรุ่ยแย้ง

ตอนนี้สามารถแยกฝาแฝดได้อย่างชัดเจน โดยคนที่มีดวงตาเหมันต์คือปิงเซียว คนที่ดวงตาสีม่วงคือเหลยรุ่ย หากทำเรื่องไม่ดีก็จะรู้ได้ว่าเป็นฝีมือใคร ทำเอาเด็กทั้งสองคนเบื่อหน่ายอย่างมาก เหตุใดโลกเทพถึงได้ตัดสินคุณสมบัติจากสีดวงตา เวลาก่อเรื่องก็จะเฉไฉเพื่อไม่ให้จับมือใครดมไม่ได้อีกแล้ว

“จ้ะ เห็นความตั้งใจของพวกเจ้าแล้ว”

“ทุกท่านสบายดีหรือไม่” หลิวหลีมองคนอื่น ทุกคนล้วนเป็นคนคุ้นเคย แต่น่าเสียดายที่มู่มู่ เป็นเพียงเทพระดับกลาง ทำให้กลายเป็นสามีภรรยาที่มีระดับชั้นแตกต่างกันกับจื่อฉี ผู้บำเพ็ญหญิงจำนวนไม่น้อยรู้เรื่องนี้ ไม่ได้หาเรื่องมู่มู่ แต่กลับพยายามเรียกร้องความสนใจจากจื่อฉีแทน ทำเอาสองสามีภรรยารำคาญจนตัดสินใจไปเข้าฌาน เพราะได้รับอิทธิพลด้านความคิดจากหลิวหลีทำให้เขาไม่อาจทำเรื่องที่ไร้ความรับผิดชอบต่อครอบครัวเช่นนี้ได้

“จักรพรรดิเซียนหลิวหลี” ทุกคนยังใช้คำเรียกเหมือนแต่ก่อน ต้องขอบคุณหลิวหลี แค่บรรลุขึ้นมาและเพียงเอ่ยชื่อหลิวหลีก็จะได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ อีกทั้งเมื่อคนหน้าเก่าๆเห็นพวกเขาก็เต็มไปด้วยความความหวาดกลัว ยิ่งพอได้ฟังวีรกรรมของนางก็เข้าใจได้ พวกเขาตอนนี้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของหลิวหลีถึงไม่ถูกปฏิบัติเยี่ยงอมนุษย์ พวกเขาได้ยินมาอีกว่ามีศิษย์ระดับพิเศษถูกลดระดับ ไปเป็นศิษย์ระดับกลางโดยไร้สาเหตุ เมื่อรับไม่ได้ที่ตกอันดับจึงเผาตัวตาย

“ทุกคนกลายเป็นเทพกันหมดแล้ว เรียกว่าหลิวหลีก็พอ แล้วปรับตัวกันได้หรือยัง” หลิวหลีไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะที่ถูกเรียกเช่นนี้

“ต้องขอบคุณหลิวหลีที่ทำให้ไม่ต้องโดนรังแก ไม่เลวทีเดียว”

“อย่างนั้นหรือ ได้ฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างสบายใจก็ดี” หลิวหลีพยักหน้า

เมื่อทักทายถามไถ่กันสักพัก หลิวหลีก็เดินจากไป หลิวหลีพบว่าคนที่ได้เจอกันมองนางราวกับเป็นสัตว์หายาก นั่นทำให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

“ศิษย์พี่หลิวหลี” มีคนใจกล้าเรียกนาง

“มีอะไรหรือ?”

“ศิษย์พี่ มีศิษย์ระดับพิเศษนำกลุ่มทำภารกิจ ไม่ทราบว่าพวกข้าขออยู่กลุ่มเดียวกับศิษย์พี่ได้หรือไม่” คนผู้นั้นพูดอย่างรวดเร็ว รอคำตอบจากนาง

“ภารกิจ?” หลิวหลีขมวดคิ้ว จากนั้นก็หยิบป้ายชื่อประจำตัวของตนออกมาดู มีภารกิจจริงๆด้วย อืม จะว่าว่างก็ว่างอยู่ ศิษย์ระดับพิเศษหนึ่งคนจะนำศิษย์ระดับสูงสองคน ศิษย์ระดับกลางสี่คน และศิษย์ระดับล่างอีกสิบคน

“ได้สิ” หลิวหลีตอบตกลงอย่างยินดี

“ขอบคุณศิษย์พี่” คนผู้นั้นดีใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าศิษย์พี่ที่ดูเย็นชาจะตอบตกลงทันทีเช่นนี้ ทำเอารู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงเลย

“ศิษย์น้องท่านนี้รอก่อน เจ้ารู้จักสวีโจว ศิษย์พี่สวีหรือไม่ หากศิษย์พี่สวียังไม่มีภารกิจ ลองถามศิษย์พี่สวีดูว่าอยากมาร่วมกลุ่มด้วยหรือไม่” หลิวหลีเรียกศิษย์น้องที่ดีใจจนทำอะไรไม่ถูก พอพูดจบนางก็รับภารกิจ

“ขอรับ ศิษย์พี่หลง” ศิษย์น้องคิดว่าหลิวหลีจะกลับคำ คิดไม่ถึงว่าจะพูดเช่นนี้ ศิษย์พี่สวีเป็นใครมาจากไหนถึงได้รับความชื่นชอบจากศิษย์พี่หลงได้

“อีกอย่างศิษย์น้อง ชื่อของเจ้า” หลิวหลีพบว่าตนจำเป็นต้องแจ้งชื่อ

“เรียนศิษย์พี่ ข้านามว่าลู่หรง” ลู่หรงตื่นเต้นเล็กน้อย

“ลู่หรง(เขากวางอ่อน)?” ในหัวหลิวหลีกลับนึกถึงเขากวางอ่อนที่เป็นสามสิ่งล้ำค่าของชาวตะวันออกเฉียงเหนือ (陆荣 เป็นคำพ้องเสียงกับ 鹿茸ที่แปลว่าเขากวางอ่อน)

“ลู่ที่มาจากพื้นดิน หลงที่มาจากคำว่าเกียรติยศ ลู่หรง” ลู่หรงอธิบาย ชื่อของเขามีอะไรผิดปกติงั้นหรือ เหตุใดศิษย์พี่ถึงได้มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

“ได้ ส่วนคนที่เหลือ ให้ศิษย์น้องลู่เป็นคนหา ถ้าศิษย์น้องหาครบแล้วข้าจะดูคร่าวๆอีกที ตอนนี้แจ้งแค่ชื่อของศิษย์น้องลู่ก่อนแล้วกัน” หลิวหลีพูดจบก็เขียนชื่อลู่หรงลงไปบนป้ายชื่อ

“ขอบคุณศิษย์พี่ที่เชื่อใจ” ลู่หรงประทับใจอย่างมาก ศิษย์พี่ท่านนี้เป็นคนดีจริงๆ

คนจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจว่าลู่หรงในกลุ่มของหลิวหลีนั้นเป็นใครถึงได้เป็นคนแรกในกลุ่มของหลิวหลี ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน

“ศิษย์น้องลู่ เจ้าว่าอะไรนะ ข้าได้ยินไม่ชัด” สวีโจวไม่เชื่อหูตัวเลยสักนิด

“ศิษย์พี่สวี ศิษย์พี่หลงให้ข้ามาถามท่านว่ามีภารกิจอยู่หรือเปล่า หากยังไม่มี ศิษย์พี่ถามว่าท่านจะเข้าร่วมกลุ่มของนางได้หรือไม่” ลู่หรงทวน ท่านผู้นี้เป็นถึงคนที่ศิษย์พี่หญิงเอ่ยถึง ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไรแต่ก็ไม่ควรล่วงเกิน

“ไม่ บอกศิษย์พี่หลงว่าข้าเอาด้วย” สวีโจวตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล เรื่องดีแบบนี้ ปฏิเสธก็โง่แล้ว ใครไม่รู้บ้างว่าศิษย์พี่หลงเป็นใคร นางสามารถรับมือคนที่มีพลังบำเพ็ญเพียรที่ต่างกันได้ ความสามารถของนางนั้นทุกคนต่างรู้ดี ส่วนเสน่ห์นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ศิษย์ระดับล่างกับศิษย์ระดับกลางต่างหลงสเน่ห์ของนางกันไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ไม่น่าเชื่อว่านางจะจำตนได้ สวีโจวรู้สึกตื่นเต้นในใจเล็กน้อย ถูกคนดังเช่นนี้จดจำได้นับเป็นเกียรติของสวีโจวไปสามชาติ

ดังนั้นสวีโจวจึงเป็นชื่อที่สองก็ปรากฏขึ้นต่อจากชื่อลู่หรง ผู้คนมากมายทยอยกันมาหาลู่หรงเพื่อบอกว่าตนเองต้องการเข้ากลุ่มของหลงหลิวหลี ลู่หรงนึกถึงคำพูดของหลิวหลีแล้วเลือกคนอย่างตั้งใจ

ด้านหลิวหลีรู้สึกว่าตนเองว่างแล้วจึงกลับไปปรุงยา อย่างน้อยก็เรียนมาช่วงหนึ่งแล้ว ตนเองไม่ได้ฝึกปรุงยามานาน ไม่รู้ว่าฝีมือจะตกลงไปหรือไม่

จนหลิวหลีได้รับข่าวคราวของลู่หรง ถึงหยุดการปรุงยา อืม ผลออกมาไม่แย่นัก จากนั้นก็เก็บยากลับไป หลิวหลีเห็นคนที่ลู่หรงเลือก จึงกวาดตามองครู่หนึ่ง ทุกคนตื่นเต้นกันอย่างมาก ศิษย์พี่หลงทำให้รู้สึกกดดันไม่น้อย ไม่รู้ว่าจะเข้าตานางหรือไม่

“หากไม่มีอะไรแล้วก็ออกเดินทางกันได้” หลิวหลีเอ่ย และทิ้งข้อความไว้ให้หนานกงเวิ่นเทียน บนป้ายชื่อประจำตัวมีแผนที่ภารกิจอยู่ พื้นที่กว้างขวางนั้น สำหรับหลิวหลีนั้นไม่ได้มีความยากอะไรนัก ในขณะที่คนเหล่านี้กำลังหมกมุ่นอยู่กับการนำกลุ่มของศิษย์พี่หญิงหลิว ก็ได้ยินเสียงสั่งให้ออกเดินทางของนาง แถมนางยังสั่งให้พวกเขาให้รวมกลุ่มอยู่ใกล้กัน และใช้ใช้พลังวิเศษทันที ขณะที่คนเหล่านี้กำลังสับสนอยู่นั้นก็พบว่าพวกเขาได้ย้ายสถานที่แล้ว ศิษย์พี่หลงสามารถใช้พลังวิเศษแบบนี้ได้ ก็แปลว่าศิษย์พี่มีพลังขั้นแม่ทัพเทพแล้ว สมกับเป็นศิษย์พี่หลิว เงาดำนั้นก็มึนงงไปชั่วขณะเช่นกัน นางเป็นแม่ทัพเทพแล้ว เขาที่มีพลังขั้นราชาเทพจะจับตาดูเจ้าเด็กคนนี้ไปได้อีกสักกี่วัน

“ถึงแล้ว พวกเจ้าปรับตัวกันก่อนพวกเราค่อยออกเดินทาง” หลิวหลีพูดจบก็เริ่มสำรวจพื้นที่ ภารกิจเขียนไว้ว่า ที่นี่มีอสูรน้ำอยู่จำนวนมาก ถึงแม้ว่าธาตุไฟอย่างตนจะข่มน้ำได้ แต่ไม่สามารถเสแสร้งได้ว่าตนเองชินกับสภาพแวดล้อมที่นี่อย่างมาก สุดท้ายต้องทำเป็นปรับตัวไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะอธิบายว่าตนเองเป็นเพียงผู้บำเพ็ญธาตุอัคคีได้อย่างไร ถ้าปรับตัวในสภาพแวดล้อมที่เป็นน้ำทั้งหมดเช่นนี้ได้ ก็ผิดปกติแล้ว หลิวหลีหยิบหน้ากากป้องกันขึ้นมา หลายคนก็หยิบหน้ากากป้องกันขึ้นมาเหมือนหลิวหลีเช่นกัน

……………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 343 จับกลุ่มทำภารกิจ

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 343 จับกลุ่มทำภารกิจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ท่านน้าหลิวหลี ท่านออกจากฌานแล้ว แต่ไม่ยอมมารับพวกข้า” ฝาแฝดกอดหลิวหลีแล้วออดอ้อนนางอย่างเคย

“พวกเจ้าสองคน ได้ยินมาว่าพวกเจ้าตั้งใจเรียนกันอย่างหนัก มองไม่ออกเลยจริงๆ” หลิวหลีลูบศีรษะเด็กสองคน สมกับเป็นเด็กที่ตนเลี้ยงมากับมือ น่าภาคภูมิใจจริงๆ

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว” ปิงเซียวพูดอย่างลิงโลด ตนเองขยันอย่างยิ่ง อยากรีบบรรลุเพื่อช่วยเหลือท่านน้า ตอนนี้บรรลุเป็นเทพได้แล้ว การรวมร่างของเขากับเหลยรุ่ยไม่เหลือปัญหามากนัก อาจจะเป็นเพราะได้รับการยอมรับจากสวรรค์จึงไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา ส่งผลให้พวกเขาในตอนนี้สามารถเอาชนะบิดาตนเองได้อย่างไม่มีปัญหา

“พอเลย ยังไม่ไปตั้งใจฝึกฝนอีก ดูพวกเจ้าสิ ยังไม่บรรลุขั้นเทพสวรรค์เลย” หลิวหลีจงใจพูดหน้าตาย

“อื้อ พวกเราตั้งใจนะท่านน้า” เหลยรุ่ยแย้ง

ตอนนี้สามารถแยกฝาแฝดได้อย่างชัดเจน โดยคนที่มีดวงตาเหมันต์คือปิงเซียว คนที่ดวงตาสีม่วงคือเหลยรุ่ย หากทำเรื่องไม่ดีก็จะรู้ได้ว่าเป็นฝีมือใคร ทำเอาเด็กทั้งสองคนเบื่อหน่ายอย่างมาก เหตุใดโลกเทพถึงได้ตัดสินคุณสมบัติจากสีดวงตา เวลาก่อเรื่องก็จะเฉไฉเพื่อไม่ให้จับมือใครดมไม่ได้อีกแล้ว

“จ้ะ เห็นความตั้งใจของพวกเจ้าแล้ว”

“ทุกท่านสบายดีหรือไม่” หลิวหลีมองคนอื่น ทุกคนล้วนเป็นคนคุ้นเคย แต่น่าเสียดายที่มู่มู่ เป็นเพียงเทพระดับกลาง ทำให้กลายเป็นสามีภรรยาที่มีระดับชั้นแตกต่างกันกับจื่อฉี ผู้บำเพ็ญหญิงจำนวนไม่น้อยรู้เรื่องนี้ ไม่ได้หาเรื่องมู่มู่ แต่กลับพยายามเรียกร้องความสนใจจากจื่อฉีแทน ทำเอาสองสามีภรรยารำคาญจนตัดสินใจไปเข้าฌาน เพราะได้รับอิทธิพลด้านความคิดจากหลิวหลีทำให้เขาไม่อาจทำเรื่องที่ไร้ความรับผิดชอบต่อครอบครัวเช่นนี้ได้

“จักรพรรดิเซียนหลิวหลี” ทุกคนยังใช้คำเรียกเหมือนแต่ก่อน ต้องขอบคุณหลิวหลี แค่บรรลุขึ้นมาและเพียงเอ่ยชื่อหลิวหลีก็จะได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ อีกทั้งเมื่อคนหน้าเก่าๆเห็นพวกเขาก็เต็มไปด้วยความความหวาดกลัว ยิ่งพอได้ฟังวีรกรรมของนางก็เข้าใจได้ พวกเขาตอนนี้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของหลิวหลีถึงไม่ถูกปฏิบัติเยี่ยงอมนุษย์ พวกเขาได้ยินมาอีกว่ามีศิษย์ระดับพิเศษถูกลดระดับ ไปเป็นศิษย์ระดับกลางโดยไร้สาเหตุ เมื่อรับไม่ได้ที่ตกอันดับจึงเผาตัวตาย

“ทุกคนกลายเป็นเทพกันหมดแล้ว เรียกว่าหลิวหลีก็พอ แล้วปรับตัวกันได้หรือยัง” หลิวหลีไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะที่ถูกเรียกเช่นนี้

“ต้องขอบคุณหลิวหลีที่ทำให้ไม่ต้องโดนรังแก ไม่เลวทีเดียว”

“อย่างนั้นหรือ ได้ฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างสบายใจก็ดี” หลิวหลีพยักหน้า

เมื่อทักทายถามไถ่กันสักพัก หลิวหลีก็เดินจากไป หลิวหลีพบว่าคนที่ได้เจอกันมองนางราวกับเป็นสัตว์หายาก นั่นทำให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

“ศิษย์พี่หลิวหลี” มีคนใจกล้าเรียกนาง

“มีอะไรหรือ?”

“ศิษย์พี่ มีศิษย์ระดับพิเศษนำกลุ่มทำภารกิจ ไม่ทราบว่าพวกข้าขออยู่กลุ่มเดียวกับศิษย์พี่ได้หรือไม่” คนผู้นั้นพูดอย่างรวดเร็ว รอคำตอบจากนาง

“ภารกิจ?” หลิวหลีขมวดคิ้ว จากนั้นก็หยิบป้ายชื่อประจำตัวของตนออกมาดู มีภารกิจจริงๆด้วย อืม จะว่าว่างก็ว่างอยู่ ศิษย์ระดับพิเศษหนึ่งคนจะนำศิษย์ระดับสูงสองคน ศิษย์ระดับกลางสี่คน และศิษย์ระดับล่างอีกสิบคน

“ได้สิ” หลิวหลีตอบตกลงอย่างยินดี

“ขอบคุณศิษย์พี่” คนผู้นั้นดีใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าศิษย์พี่ที่ดูเย็นชาจะตอบตกลงทันทีเช่นนี้ ทำเอารู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงเลย

“ศิษย์น้องท่านนี้รอก่อน เจ้ารู้จักสวีโจว ศิษย์พี่สวีหรือไม่ หากศิษย์พี่สวียังไม่มีภารกิจ ลองถามศิษย์พี่สวีดูว่าอยากมาร่วมกลุ่มด้วยหรือไม่” หลิวหลีเรียกศิษย์น้องที่ดีใจจนทำอะไรไม่ถูก พอพูดจบนางก็รับภารกิจ

“ขอรับ ศิษย์พี่หลง” ศิษย์น้องคิดว่าหลิวหลีจะกลับคำ คิดไม่ถึงว่าจะพูดเช่นนี้ ศิษย์พี่สวีเป็นใครมาจากไหนถึงได้รับความชื่นชอบจากศิษย์พี่หลงได้

“อีกอย่างศิษย์น้อง ชื่อของเจ้า” หลิวหลีพบว่าตนจำเป็นต้องแจ้งชื่อ

“เรียนศิษย์พี่ ข้านามว่าลู่หรง” ลู่หรงตื่นเต้นเล็กน้อย

“ลู่หรง(เขากวางอ่อน)?” ในหัวหลิวหลีกลับนึกถึงเขากวางอ่อนที่เป็นสามสิ่งล้ำค่าของชาวตะวันออกเฉียงเหนือ (陆荣 เป็นคำพ้องเสียงกับ 鹿茸ที่แปลว่าเขากวางอ่อน)

“ลู่ที่มาจากพื้นดิน หลงที่มาจากคำว่าเกียรติยศ ลู่หรง” ลู่หรงอธิบาย ชื่อของเขามีอะไรผิดปกติงั้นหรือ เหตุใดศิษย์พี่ถึงได้มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

“ได้ ส่วนคนที่เหลือ ให้ศิษย์น้องลู่เป็นคนหา ถ้าศิษย์น้องหาครบแล้วข้าจะดูคร่าวๆอีกที ตอนนี้แจ้งแค่ชื่อของศิษย์น้องลู่ก่อนแล้วกัน” หลิวหลีพูดจบก็เขียนชื่อลู่หรงลงไปบนป้ายชื่อ

“ขอบคุณศิษย์พี่ที่เชื่อใจ” ลู่หรงประทับใจอย่างมาก ศิษย์พี่ท่านนี้เป็นคนดีจริงๆ

คนจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจว่าลู่หรงในกลุ่มของหลิวหลีนั้นเป็นใครถึงได้เป็นคนแรกในกลุ่มของหลิวหลี ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน

“ศิษย์น้องลู่ เจ้าว่าอะไรนะ ข้าได้ยินไม่ชัด” สวีโจวไม่เชื่อหูตัวเลยสักนิด

“ศิษย์พี่สวี ศิษย์พี่หลงให้ข้ามาถามท่านว่ามีภารกิจอยู่หรือเปล่า หากยังไม่มี ศิษย์พี่ถามว่าท่านจะเข้าร่วมกลุ่มของนางได้หรือไม่” ลู่หรงทวน ท่านผู้นี้เป็นถึงคนที่ศิษย์พี่หญิงเอ่ยถึง ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไรแต่ก็ไม่ควรล่วงเกิน

“ไม่ บอกศิษย์พี่หลงว่าข้าเอาด้วย” สวีโจวตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล เรื่องดีแบบนี้ ปฏิเสธก็โง่แล้ว ใครไม่รู้บ้างว่าศิษย์พี่หลงเป็นใคร นางสามารถรับมือคนที่มีพลังบำเพ็ญเพียรที่ต่างกันได้ ความสามารถของนางนั้นทุกคนต่างรู้ดี ส่วนเสน่ห์นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ศิษย์ระดับล่างกับศิษย์ระดับกลางต่างหลงสเน่ห์ของนางกันไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ไม่น่าเชื่อว่านางจะจำตนได้ สวีโจวรู้สึกตื่นเต้นในใจเล็กน้อย ถูกคนดังเช่นนี้จดจำได้นับเป็นเกียรติของสวีโจวไปสามชาติ

ดังนั้นสวีโจวจึงเป็นชื่อที่สองก็ปรากฏขึ้นต่อจากชื่อลู่หรง ผู้คนมากมายทยอยกันมาหาลู่หรงเพื่อบอกว่าตนเองต้องการเข้ากลุ่มของหลงหลิวหลี ลู่หรงนึกถึงคำพูดของหลิวหลีแล้วเลือกคนอย่างตั้งใจ

ด้านหลิวหลีรู้สึกว่าตนเองว่างแล้วจึงกลับไปปรุงยา อย่างน้อยก็เรียนมาช่วงหนึ่งแล้ว ตนเองไม่ได้ฝึกปรุงยามานาน ไม่รู้ว่าฝีมือจะตกลงไปหรือไม่

จนหลิวหลีได้รับข่าวคราวของลู่หรง ถึงหยุดการปรุงยา อืม ผลออกมาไม่แย่นัก จากนั้นก็เก็บยากลับไป หลิวหลีเห็นคนที่ลู่หรงเลือก จึงกวาดตามองครู่หนึ่ง ทุกคนตื่นเต้นกันอย่างมาก ศิษย์พี่หลงทำให้รู้สึกกดดันไม่น้อย ไม่รู้ว่าจะเข้าตานางหรือไม่

“หากไม่มีอะไรแล้วก็ออกเดินทางกันได้” หลิวหลีเอ่ย และทิ้งข้อความไว้ให้หนานกงเวิ่นเทียน บนป้ายชื่อประจำตัวมีแผนที่ภารกิจอยู่ พื้นที่กว้างขวางนั้น สำหรับหลิวหลีนั้นไม่ได้มีความยากอะไรนัก ในขณะที่คนเหล่านี้กำลังหมกมุ่นอยู่กับการนำกลุ่มของศิษย์พี่หญิงหลิว ก็ได้ยินเสียงสั่งให้ออกเดินทางของนาง แถมนางยังสั่งให้พวกเขาให้รวมกลุ่มอยู่ใกล้กัน และใช้ใช้พลังวิเศษทันที ขณะที่คนเหล่านี้กำลังสับสนอยู่นั้นก็พบว่าพวกเขาได้ย้ายสถานที่แล้ว ศิษย์พี่หลงสามารถใช้พลังวิเศษแบบนี้ได้ ก็แปลว่าศิษย์พี่มีพลังขั้นแม่ทัพเทพแล้ว สมกับเป็นศิษย์พี่หลิว เงาดำนั้นก็มึนงงไปชั่วขณะเช่นกัน นางเป็นแม่ทัพเทพแล้ว เขาที่มีพลังขั้นราชาเทพจะจับตาดูเจ้าเด็กคนนี้ไปได้อีกสักกี่วัน

“ถึงแล้ว พวกเจ้าปรับตัวกันก่อนพวกเราค่อยออกเดินทาง” หลิวหลีพูดจบก็เริ่มสำรวจพื้นที่ ภารกิจเขียนไว้ว่า ที่นี่มีอสูรน้ำอยู่จำนวนมาก ถึงแม้ว่าธาตุไฟอย่างตนจะข่มน้ำได้ แต่ไม่สามารถเสแสร้งได้ว่าตนเองชินกับสภาพแวดล้อมที่นี่อย่างมาก สุดท้ายต้องทำเป็นปรับตัวไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะอธิบายว่าตนเองเป็นเพียงผู้บำเพ็ญธาตุอัคคีได้อย่างไร ถ้าปรับตัวในสภาพแวดล้อมที่เป็นน้ำทั้งหมดเช่นนี้ได้ ก็ผิดปกติแล้ว หลิวหลีหยิบหน้ากากป้องกันขึ้นมา หลายคนก็หยิบหน้ากากป้องกันขึ้นมาเหมือนหลิวหลีเช่นกัน

……………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+