แม่ครัวยอดเซียน 348 เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 348 เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าบอกว่าเจ้าสำนักมีธุระเรียกข้าให้ไปพบหรือ?” หลิวหลีประหลาดใจเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าคุยกับเจ้าสำนักรู้เรื่องแล้วหรือ? เหตุใดเจ้าสำนักถึงยังเรียกหาตนอีก?

“ศิษย์พี่หลง ศิษย์น้องมีหน้าที่แค่มาแจ้งข่าว แต่ไม่รู้เช่นกันว่าเจ้าสำนักเรียกศิษย์พี่ไปด้วยเรื่องใด” ศิษย์ที่มาแจ้งข่าวพูดพลางส่ายหน้า

“เข้าใจแล้ว บอกเจ้าสำนักไปว่าอีกสักครู่หลิวหลีจะไปถึง” หลิวหลีพูด

“เจ้าสำนักเรียกเจ้าเข้าพบลำพัง หรือจะเป็นเรื่องที่เขาจับตามองเจ้า?” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว

“ข้าก็ไม่รู้ เจ้าสำนักเชิญ คงปฏิเสธไม่ได้” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดต้องรับมือให้ได้

“ก็จริง” หนานกงเวิ่นเทียนพยักหน้า

“เจ้าสำนัก” หลิวหลีกล่าวอย่างเคารพ

“หลิวหลี เจ้ามาแล้ว วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้าเพราะเรื่องหนึ่ง” สีหน้าหมิงเยี่ยสับสนเล็กน้อย ทำไมคนผู้นี้ถึงได้เป็นคนที่เยี่ยมยอดเกิดไปขนาดนี้

“เชิญเจ้าสำนักกล่าว” ท่าทางหลิวหลีจริงใจใช้ได้ทีเดียว

“ได้ยินมาว่าหลิวหลีปรุงยาได้หรือ?” หมิงเยี่ยถามหยั่งเชิง

“ใช่เจ้าค่ะ” เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องปิดบัง

“ไม่ต้องใช้หม้อปรุงยา ปรุงยาด้วยมือเปล่าไหม” หมิงเยี่ยถามต่อ คิดไม่ถึงว่าหลิวหลีจะตอบตรงๆเช่นนี้ เดิมเขาคิดว่าหลิวหลีจะปฏิเสธเสียอีก

“เรื่องนี้.. ก็ทำได้เหมือนกัน เจ้าสำนักโปรดบอกมาตามตรงเถิดว่าต้องการให้หลิวหลีทำอะไร” จะพูดจะจาอะไรยังต้องเกริ่น ไม่เหนื่อยหรือ

“แค่ก อะแฮ่ม เรื่องนั้น ข้ามีสหายอยู่คนหนึ่ง เขาอยากเจอเจ้า ช่วยปรุงยาให้เขาหน่อย ส่วนค่าตอบแทนพวกเราจะจ่ายเอง” หมิงเยี่ยรู้สึกหน้าร้อนเห่อ เคยชินกับการพูดจาแบบนี้ อยู่ๆมีคนมาขอร้องให้พูดตรงๆทำให้ตอบโต้ไม่ถูกจริงๆ

“ได้สิ สหายของเจ้าสำนักอยู่ที่ไหนล่ะเจ้าคะ?” หลิวหลีพยักหน้า ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

“พอจะไปกับข้าได้หรือไม่” หมิงเยี่ยดีใจเล็กน้อย เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)นั่นโชคดีจริงๆ เทพนักปรุงยาทุกคนในโลกเซียนเคยตรวจดูให้เขา ต่างก็บอกว่าไม่มีทางแก้ไขแน่ ไม่ว่าแน่หลงหลิวหลีคนนี้อาจจะมีวิธีอะไร

“เจ้าสำนักโปรดนำทาง”

ไม่รู้ว่าเดินตามเจ้าสำนักข้ามเขตแดนแล้วเท่าไหร่ หลิวหลีถึงได้เข้าใจความต่างระหว่างราชาเทพกับแม่ทัพเทพ แม้ว่านางจะปราบราชาเทพได้ แต่พละกำลังของราชาเทพ นางต้องพยายามเหมือนกัน

“เจ้าสำนักหมิงเยี่ย ท่านมาแล้วหรือ อาจารย์คงต้องดีใจแน่” บริวารเด็กที่มาเปิดประตูประหลาดใจเล็กน้อย สหายของอาจารย์มีไม่มาก เจ้าสำนักหมิงเยี่ยนี้ก็เป็นหนึ่งในจำนวนอันน้อยนิดนั้น

“ใช่ ปั๋วเล่อนับวันเจ้ายิ่งพูดเก่งขึ้นนะ พาข้าไปหาอาจารย์เจ้าที” หมิงเยี่ยพูดพลางยิ้ม

ปั๋วเล่อ? แล้วม้าพันลี้ของเขาล่ะ เมื่อหลิวหลีได้ยินชื่อนี้ ในสมองก็นึกถึงเรื่องระหว่างม้าพันลี้กับปั๋วเล่อขึ้นมา

“ขอรับ ท่านผู้นี้คือ” ปั๋วเล่อมองมาทางหลิวหลีที่มีผมและดวงตาสีแดงที่ด้านหลัง ดวงตาฉายแววอิจฉา แต่ก็ถูกปกปิดอย่างรวดเร็วจนทำให้หลิวหลีคิดว่าตาฝาดไปเอง อิจฉา? อิจฉาอะไรนางหรือ เรื่องศิษย์ระดับพิเศษหรือเรื่องที่สืบทอดตำแหน่งเทพได้?

“ท่านผู้นี้เป็นแขกคนสำคัญของอาจารย์เจ้า” หมิงเยี่ยจงใจพูดจาลึกลับ แต่ในใจเต้นระรัว ถ้าหากพูดมากไปจะทำอย่างไร

“ปั๋วเล่อ มีแขกผู้ทรงเกียรติมา ทำไมยังไม่รีบเชิญเข้ามาอีก” เสียงของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)ดังออกมาจากข้างใน

“ขอรับ เชิญทางนี้” เป็นแขกคนสำคัญของท่านอาจารย์จริงๆ หมิงเยี่ยประหลาดใจที่คำว่าแขกคนสำคัญนี้ไม่ได้หมายถึงเขา พวกเขาสนิทกันจนไม่รู้จะสนิทกันอย่างไรแล้ว เช่นนั้นก็หมายถึงหลิวหลี นังหนูเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ ได้เป็นแขกผู้ทรงเกียรติของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) หลงหลิวหลีคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้จริงๆ

“แขกผู้ทรงเกียรติมาเยี่ยมเยียนข้าได้ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก” ท่าทีที่เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)มีต่อหลิวหลีนั้นออกจะแปลกๆอยู่เล็กน้อย ออกจะดูเคารพนบนอบ ทำให้หมิงเยี่ยที่ดูอยู่เหงื่อไหล

“หมายถึงข้าหรือ ไม่ต้องเกรงใจ” หลิวหลีชี้มาที่ตนเองจากนั้นพูด แต่ทำไมคนพวกนี้ถึงต้องพินบพินอบกับนางนัก

“แขกผู้ทรงเกียรติ เชิญนั่ง หมิงเยี่ย เจ้าตามสบาย” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)กล่าว คิดไม่ถึงว่าผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์ ในที่สุดก็มาถึงแล้ว

“เจ้านี่นะ ได้ ข้าจะทำตัวตามสบาย” นานๆทีเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)จะอัธยาศัยดีเช่นนี้ น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ใช่ตน

“เจ้าสำนักหมิงเยี่ย คนที่ท่านต้องการให้ข้าดูอาการให้คือท่านผู้นี้” ผู้เฒ่าที่ดูปกติอย่างเห็นได้ชัดคงจะมีโรคอะไรบางอย่าง ต้องการให้นางทำอะไร ปรุงยาอายุวัฒนะหรือยาคืนสู่วัยเยาว์หรือ นางทำไม่เป็นหรอกนะ

“ถูกต้อง เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) หลิวหลีเป็นเทพนักปรุงยาเหมือนกัน ให้นางดูให้เจ้าสิ” หมิงเยี่ยนึกถึงเป้าหมายในครั้งนี้ของตนขึ้นมาได้แล้วเอ่ย

“ได้” โรคนี้ของเขา คงต้องใช้ผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์ถึงจะสามารถรักษาได้ แต่ต้องดูกันว่าผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์เต็มใจจะช่วยเขาหรือไม่

เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)ยื่นมือออกมา หลิวหลีใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางกดลงไปบนข้อมือ ใช้จิตเทพตรวจร่างกายเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) อาการป่วยของผู้เฒ่าไม่มีอะไรผิดปกติ เมื่อหลิวหลีคิดจะลองตรวจให้ละเอียดก็พบว่าร่างกายของผู้นี้มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ กลับไม่ใช่เมล็ดพันแต่เป็นเหมือนหินกรวด สองตาของหลิวหลีนิ่งไป นางมองเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)ราวจะกลืนกินก็มิปาน นี่มัน

“ขุนนางเทพ” หลิวหลีมองเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)และพูดออกมาสองคำ ร่างกายของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)มีการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ชัดเจนนัก

“ขอบคุณท่านมาก”เสียงของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)สั่น พวกเขาเหล่านี้ถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับตำแหน่งเทพ หากได้เป็นขุนนางเทพก็นับเป็นเกียรติอันสูงสุด แขกผู้ทรงเกียรติผู้นี้บอกว่าตนจะเป็นขุนนางเทพ เช่นนั้น ในอนาคตตนก็จะสามารถกลายเป็นขุนนางเทพได้อย่างแน่นอน

หลิวหลีไม่พูดอะไร ปราณสีน้ำนมในร่างกายไหลไปตามนิ้วมือนางเข้าสู่ร่างกายของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) หินกรวดที่ถูกซ่อนไว้ค่อยๆชัดเจนขึ้น สิ่งกีดขวางรอบนอกเมื่อโดนเข้ากับลมปราณสีน้ำนมก็สลายตัวในทันควัน หมิงเยี่ยมองการเปลี่ยนแปลงของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)อย่างตกใจ รู้สึกว่าเขาไม่ได้แก่ชราขนาดนั้นแล้ว ราวกับได้พลังชีวิตใหม่

เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)ก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของตนเองเช่นกัน ร่างแก่ชราของตนได้รับพลังชีวิตใหม่เข้ามา

“แขกผู้มีเกียรติ ไม่ทราบว่าข้าจะขอร้องท่านอย่างหนึ่งได้หรือไม่” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)พูด

“ว่ามาเถอะ” หลิวหลีพยักหน้า คนผู้นี้คงจะเป็นผู้คุ้มครองของเทพสักคน

“รบกวนท่านช่วยดูให้สหายของข้าด้วย” สายตาของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)เว้าวอน หลิวหลีจ้องสักพัก แล้วจึงมองหมิงเยี่ย แววตาลึกล้ำ หมิงเยี่ยรู้สึกราวตนกำลังถูกควบคุม จนต้องจ้องเข้าไปในความลึกลับนั้นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

“ขุนนางเทพของเทพมาร” หลิวหลีพูดออกมา ทันใดนั้นนางก็เข้าใจ ดูเหมือนนางจะสามารถมองเห็นอนาคตของคนเหล่านี้ได้

หมิงเยี่ยจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)กลับตื่นเต้น สหายของเขามีวาสนาอย่างที่คิด

“ดูท่าเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)จะรู้มาไม่น้อย” หลิวหลีมองแววตาของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)อย่างเป็นอันตราย คิดไม่ถึงว่าจะรู้เรื่องที่ตนสามารถมองเห็นอนาคตของผู้อื่นได้ ไม่ควรมองเรื่องทำนายดวงชะตาเป็นเรื่องเล็กจริงๆ

“แขกผู้ทรงเกียรติอย่าได้โมโหไป เป็นเพราะพลังของท่านยังไม่มากพอ เมื่อพลังของท่านบรรลุขอบเขตราชาเทพแล้วไปที่ภูเขาเทวา แค่ไปที่เขาแห่งนั้นก็จะมีสิทธิ์ช่วงชิงตำแหน่งเทพได้” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)อธิบาย

“ภูเขาเทวา?” นั่นมันที่ไหนอีกล่ะ

“ผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพที่มีพลังบำเพ็ญเพียรในขอบเขตราชาเทพจะถูกดูดเข้าไปในภูเขาเทวาอัตโนมัติ จนกระทั่งสิ้นคุณสมบัติของผู้สืบทอดตำแหน่งเทพถึงจะสามารถออกจากภูเขาเทวาได้”

ภูเขาเทวา คิดไม่ถึงว่าจะมีภูเขาเทวาอีก คาดว่าตอนนี้คงมีคนอยู่ที่ภูเขาเทวาไม่น้อย นัยน์ตาหลิวหลีเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของการต่อสู้ ภูเขาเทวาจะต้องมีที่สำหรับนาง นางต้องชิงตำแหน่งเทพมาให้ได้ เมื่อหลิวหลีคิดเช่นนั้นร่างกายก็เปล่งรัศมีที่ทำให้คนอดชื่นชมไม่ได้ออกมา จนเขาอดมองนางด้วยแววตาเลื่อมใสไม่ได้ เหมือนว่าหลิวหลีจะต้องทำสำเร็จเป็นแน่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 348 เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 348 เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าบอกว่าเจ้าสำนักมีธุระเรียกข้าให้ไปพบหรือ?” หลิวหลีประหลาดใจเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าคุยกับเจ้าสำนักรู้เรื่องแล้วหรือ? เหตุใดเจ้าสำนักถึงยังเรียกหาตนอีก?

“ศิษย์พี่หลง ศิษย์น้องมีหน้าที่แค่มาแจ้งข่าว แต่ไม่รู้เช่นกันว่าเจ้าสำนักเรียกศิษย์พี่ไปด้วยเรื่องใด” ศิษย์ที่มาแจ้งข่าวพูดพลางส่ายหน้า

“เข้าใจแล้ว บอกเจ้าสำนักไปว่าอีกสักครู่หลิวหลีจะไปถึง” หลิวหลีพูด

“เจ้าสำนักเรียกเจ้าเข้าพบลำพัง หรือจะเป็นเรื่องที่เขาจับตามองเจ้า?” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว

“ข้าก็ไม่รู้ เจ้าสำนักเชิญ คงปฏิเสธไม่ได้” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดต้องรับมือให้ได้

“ก็จริง” หนานกงเวิ่นเทียนพยักหน้า

“เจ้าสำนัก” หลิวหลีกล่าวอย่างเคารพ

“หลิวหลี เจ้ามาแล้ว วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้าเพราะเรื่องหนึ่ง” สีหน้าหมิงเยี่ยสับสนเล็กน้อย ทำไมคนผู้นี้ถึงได้เป็นคนที่เยี่ยมยอดเกิดไปขนาดนี้

“เชิญเจ้าสำนักกล่าว” ท่าทางหลิวหลีจริงใจใช้ได้ทีเดียว

“ได้ยินมาว่าหลิวหลีปรุงยาได้หรือ?” หมิงเยี่ยถามหยั่งเชิง

“ใช่เจ้าค่ะ” เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องปิดบัง

“ไม่ต้องใช้หม้อปรุงยา ปรุงยาด้วยมือเปล่าไหม” หมิงเยี่ยถามต่อ คิดไม่ถึงว่าหลิวหลีจะตอบตรงๆเช่นนี้ เดิมเขาคิดว่าหลิวหลีจะปฏิเสธเสียอีก

“เรื่องนี้.. ก็ทำได้เหมือนกัน เจ้าสำนักโปรดบอกมาตามตรงเถิดว่าต้องการให้หลิวหลีทำอะไร” จะพูดจะจาอะไรยังต้องเกริ่น ไม่เหนื่อยหรือ

“แค่ก อะแฮ่ม เรื่องนั้น ข้ามีสหายอยู่คนหนึ่ง เขาอยากเจอเจ้า ช่วยปรุงยาให้เขาหน่อย ส่วนค่าตอบแทนพวกเราจะจ่ายเอง” หมิงเยี่ยรู้สึกหน้าร้อนเห่อ เคยชินกับการพูดจาแบบนี้ อยู่ๆมีคนมาขอร้องให้พูดตรงๆทำให้ตอบโต้ไม่ถูกจริงๆ

“ได้สิ สหายของเจ้าสำนักอยู่ที่ไหนล่ะเจ้าคะ?” หลิวหลีพยักหน้า ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

“พอจะไปกับข้าได้หรือไม่” หมิงเยี่ยดีใจเล็กน้อย เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)นั่นโชคดีจริงๆ เทพนักปรุงยาทุกคนในโลกเซียนเคยตรวจดูให้เขา ต่างก็บอกว่าไม่มีทางแก้ไขแน่ ไม่ว่าแน่หลงหลิวหลีคนนี้อาจจะมีวิธีอะไร

“เจ้าสำนักโปรดนำทาง”

ไม่รู้ว่าเดินตามเจ้าสำนักข้ามเขตแดนแล้วเท่าไหร่ หลิวหลีถึงได้เข้าใจความต่างระหว่างราชาเทพกับแม่ทัพเทพ แม้ว่านางจะปราบราชาเทพได้ แต่พละกำลังของราชาเทพ นางต้องพยายามเหมือนกัน

“เจ้าสำนักหมิงเยี่ย ท่านมาแล้วหรือ อาจารย์คงต้องดีใจแน่” บริวารเด็กที่มาเปิดประตูประหลาดใจเล็กน้อย สหายของอาจารย์มีไม่มาก เจ้าสำนักหมิงเยี่ยนี้ก็เป็นหนึ่งในจำนวนอันน้อยนิดนั้น

“ใช่ ปั๋วเล่อนับวันเจ้ายิ่งพูดเก่งขึ้นนะ พาข้าไปหาอาจารย์เจ้าที” หมิงเยี่ยพูดพลางยิ้ม

ปั๋วเล่อ? แล้วม้าพันลี้ของเขาล่ะ เมื่อหลิวหลีได้ยินชื่อนี้ ในสมองก็นึกถึงเรื่องระหว่างม้าพันลี้กับปั๋วเล่อขึ้นมา

“ขอรับ ท่านผู้นี้คือ” ปั๋วเล่อมองมาทางหลิวหลีที่มีผมและดวงตาสีแดงที่ด้านหลัง ดวงตาฉายแววอิจฉา แต่ก็ถูกปกปิดอย่างรวดเร็วจนทำให้หลิวหลีคิดว่าตาฝาดไปเอง อิจฉา? อิจฉาอะไรนางหรือ เรื่องศิษย์ระดับพิเศษหรือเรื่องที่สืบทอดตำแหน่งเทพได้?

“ท่านผู้นี้เป็นแขกคนสำคัญของอาจารย์เจ้า” หมิงเยี่ยจงใจพูดจาลึกลับ แต่ในใจเต้นระรัว ถ้าหากพูดมากไปจะทำอย่างไร

“ปั๋วเล่อ มีแขกผู้ทรงเกียรติมา ทำไมยังไม่รีบเชิญเข้ามาอีก” เสียงของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)ดังออกมาจากข้างใน

“ขอรับ เชิญทางนี้” เป็นแขกคนสำคัญของท่านอาจารย์จริงๆ หมิงเยี่ยประหลาดใจที่คำว่าแขกคนสำคัญนี้ไม่ได้หมายถึงเขา พวกเขาสนิทกันจนไม่รู้จะสนิทกันอย่างไรแล้ว เช่นนั้นก็หมายถึงหลิวหลี นังหนูเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ ได้เป็นแขกผู้ทรงเกียรติของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) หลงหลิวหลีคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้จริงๆ

“แขกผู้ทรงเกียรติมาเยี่ยมเยียนข้าได้ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก” ท่าทีที่เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)มีต่อหลิวหลีนั้นออกจะแปลกๆอยู่เล็กน้อย ออกจะดูเคารพนบนอบ ทำให้หมิงเยี่ยที่ดูอยู่เหงื่อไหล

“หมายถึงข้าหรือ ไม่ต้องเกรงใจ” หลิวหลีชี้มาที่ตนเองจากนั้นพูด แต่ทำไมคนพวกนี้ถึงต้องพินบพินอบกับนางนัก

“แขกผู้ทรงเกียรติ เชิญนั่ง หมิงเยี่ย เจ้าตามสบาย” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)กล่าว คิดไม่ถึงว่าผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์ ในที่สุดก็มาถึงแล้ว

“เจ้านี่นะ ได้ ข้าจะทำตัวตามสบาย” นานๆทีเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)จะอัธยาศัยดีเช่นนี้ น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ใช่ตน

“เจ้าสำนักหมิงเยี่ย คนที่ท่านต้องการให้ข้าดูอาการให้คือท่านผู้นี้” ผู้เฒ่าที่ดูปกติอย่างเห็นได้ชัดคงจะมีโรคอะไรบางอย่าง ต้องการให้นางทำอะไร ปรุงยาอายุวัฒนะหรือยาคืนสู่วัยเยาว์หรือ นางทำไม่เป็นหรอกนะ

“ถูกต้อง เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) หลิวหลีเป็นเทพนักปรุงยาเหมือนกัน ให้นางดูให้เจ้าสิ” หมิงเยี่ยนึกถึงเป้าหมายในครั้งนี้ของตนขึ้นมาได้แล้วเอ่ย

“ได้” โรคนี้ของเขา คงต้องใช้ผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์ถึงจะสามารถรักษาได้ แต่ต้องดูกันว่าผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์เต็มใจจะช่วยเขาหรือไม่

เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)ยื่นมือออกมา หลิวหลีใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางกดลงไปบนข้อมือ ใช้จิตเทพตรวจร่างกายเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) อาการป่วยของผู้เฒ่าไม่มีอะไรผิดปกติ เมื่อหลิวหลีคิดจะลองตรวจให้ละเอียดก็พบว่าร่างกายของผู้นี้มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ กลับไม่ใช่เมล็ดพันแต่เป็นเหมือนหินกรวด สองตาของหลิวหลีนิ่งไป นางมองเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)ราวจะกลืนกินก็มิปาน นี่มัน

“ขุนนางเทพ” หลิวหลีมองเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)และพูดออกมาสองคำ ร่างกายของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)มีการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ชัดเจนนัก

“ขอบคุณท่านมาก”เสียงของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)สั่น พวกเขาเหล่านี้ถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับตำแหน่งเทพ หากได้เป็นขุนนางเทพก็นับเป็นเกียรติอันสูงสุด แขกผู้ทรงเกียรติผู้นี้บอกว่าตนจะเป็นขุนนางเทพ เช่นนั้น ในอนาคตตนก็จะสามารถกลายเป็นขุนนางเทพได้อย่างแน่นอน

หลิวหลีไม่พูดอะไร ปราณสีน้ำนมในร่างกายไหลไปตามนิ้วมือนางเข้าสู่ร่างกายของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) หินกรวดที่ถูกซ่อนไว้ค่อยๆชัดเจนขึ้น สิ่งกีดขวางรอบนอกเมื่อโดนเข้ากับลมปราณสีน้ำนมก็สลายตัวในทันควัน หมิงเยี่ยมองการเปลี่ยนแปลงของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)อย่างตกใจ รู้สึกว่าเขาไม่ได้แก่ชราขนาดนั้นแล้ว ราวกับได้พลังชีวิตใหม่

เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)ก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของตนเองเช่นกัน ร่างแก่ชราของตนได้รับพลังชีวิตใหม่เข้ามา

“แขกผู้มีเกียรติ ไม่ทราบว่าข้าจะขอร้องท่านอย่างหนึ่งได้หรือไม่” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)พูด

“ว่ามาเถอะ” หลิวหลีพยักหน้า คนผู้นี้คงจะเป็นผู้คุ้มครองของเทพสักคน

“รบกวนท่านช่วยดูให้สหายของข้าด้วย” สายตาของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)เว้าวอน หลิวหลีจ้องสักพัก แล้วจึงมองหมิงเยี่ย แววตาลึกล้ำ หมิงเยี่ยรู้สึกราวตนกำลังถูกควบคุม จนต้องจ้องเข้าไปในความลึกลับนั้นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

“ขุนนางเทพของเทพมาร” หลิวหลีพูดออกมา ทันใดนั้นนางก็เข้าใจ ดูเหมือนนางจะสามารถมองเห็นอนาคตของคนเหล่านี้ได้

หมิงเยี่ยจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)กลับตื่นเต้น สหายของเขามีวาสนาอย่างที่คิด

“ดูท่าเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)จะรู้มาไม่น้อย” หลิวหลีมองแววตาของเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)อย่างเป็นอันตราย คิดไม่ถึงว่าจะรู้เรื่องที่ตนสามารถมองเห็นอนาคตของผู้อื่นได้ ไม่ควรมองเรื่องทำนายดวงชะตาเป็นเรื่องเล็กจริงๆ

“แขกผู้ทรงเกียรติอย่าได้โมโหไป เป็นเพราะพลังของท่านยังไม่มากพอ เมื่อพลังของท่านบรรลุขอบเขตราชาเทพแล้วไปที่ภูเขาเทวา แค่ไปที่เขาแห่งนั้นก็จะมีสิทธิ์ช่วงชิงตำแหน่งเทพได้” เทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว)อธิบาย

“ภูเขาเทวา?” นั่นมันที่ไหนอีกล่ะ

“ผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพที่มีพลังบำเพ็ญเพียรในขอบเขตราชาเทพจะถูกดูดเข้าไปในภูเขาเทวาอัตโนมัติ จนกระทั่งสิ้นคุณสมบัติของผู้สืบทอดตำแหน่งเทพถึงจะสามารถออกจากภูเขาเทวาได้”

ภูเขาเทวา คิดไม่ถึงว่าจะมีภูเขาเทวาอีก คาดว่าตอนนี้คงมีคนอยู่ที่ภูเขาเทวาไม่น้อย นัยน์ตาหลิวหลีเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของการต่อสู้ ภูเขาเทวาจะต้องมีที่สำหรับนาง นางต้องชิงตำแหน่งเทพมาให้ได้ เมื่อหลิวหลีคิดเช่นนั้นร่างกายก็เปล่งรัศมีที่ทำให้คนอดชื่นชมไม่ได้ออกมา จนเขาอดมองนางด้วยแววตาเลื่อมใสไม่ได้ เหมือนว่าหลิวหลีจะต้องทำสำเร็จเป็นแน่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+