แม่ครัวยอดเซียน 229 บ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์หยินหยาง

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 229 บ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์หยินหยาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อหลิวหลีออกมาจากทะเลเพลิง ก็ตรงไปที่พื้นที่ตรงกลางระหว่างภูเขาน้ำแข็งกับทะเลเพลิง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ความร้อนกับความหนาวเย็นบรรจบกันหรือไม่ จึงทำให้พืชเซียนที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์มากเป็นพิเศษ หลิวหลีกำลังคำนวณว่าพืชเซียนพวกนี้จะสามารถนำมาทำเป็นยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้เท่าไหร่ จนเดินเข้าไปด้านในอย่างไม่รู้ตัว

กลายเป็นว่าข้างในยังมีถ้ำอยู่อีกแห่งหนึ่ง เมื่อหลิวหลีมองผีเสื้อที่กำลังเต้นระบำ ก็รู้สึกราวตกอยู่ในห้วงฝัน ดีจริงๆ

เมื่อหลิวหลีเดินผ่านฝูงผีเสื้อ ก็ตกใจกับภาพตรงหน้า ปรากฏสระน้ำสองแห่งขึ้นในครรลองสายตา แห่งหนึ่งร้อนจนมีควันออกมา อีกแห่งหนาวจนมีไอลอยออกมา ช่างน่าประหลาดจริงๆ พอหลิวหลีเดินเข้าไปแล้ว ก็สัมผัสได้ถึงพลังเพลิงกับพลังเหมันต์ที่เข้มข้นปะทะเข้าใบหน้า หลิวหลีค้นพบว่าพลังเพลิงของที่นี่มีมากกว่าทะเลเพลิงข้างนอกหลายร้อยเท่า จนนางไม่สามารถแช่ลงไปตรงๆได้ เพลิงอัคคีชนิดเดียวที่ไม่ได้กลายเป็นเส้นชีพจรในร่างกายอย่างเพลิงหยินหยางก็เต้นตุบๆ หลิวหลีขมวดคิ้ว เพลิงอัคคีอีกชนิดตื่นขึ้นมาเร็วขนาดนี้เลยหรือ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าที่นี่มีชื่อเรียกหรือไม่ นางก็ตัดสินใจตั้งชื่อที่นี่ว่า ‘บ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์หยินหยาง’

หนานกงเวิ่นเทียนกำลังเข้าฌานหลอมรวมพลังเหมันต์ อยู่ดีๆก็ได้รับข่าวจากฮูหยินของตนเองว่านางเจอสถานที่ที่ดีมากแห่งหนึ่ง อยากให้เขาไปหานาง

หนานกงเวิ่นเทียนยิ้มน้อยๆ เขารู้อยู่แล้วว่านังหนูอยู่เฉยๆไม่ได้แน่ คิดว่านางคงจะเดินไปทั่วแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่านางไปเจออะไรเข้า เงาของหนานกงเวิ่นเทียนบนภูเขาเหมันต์ค่อยๆจางไป แต่ตัวได้จากไปไกลแล้ว เดินอีกแค่หนึ่งก้าวก็จะถึงบ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์หยินหยางที่หลิวหลีเป็นคนตั้งชื่อ

“ท่านพี่ ดูสิ ที่นี่” หลิวหลีชี้บ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์หยินหยางทรงกลมที่แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง

“สถานที่แห่งนี้ น้องหญิง… เจ้าเจอได้อย่างไร” หนานกงเวิ่นเทียนก็รู้สึกประหลาดใจกับที่นี่เช่นกัน ทำไมถึงได้มีสถานที่ที่มหัศจรรย์เช่นนี้ เมื่อหนานกงเวิ่นเทียนยื่นมือไปหาสระเหมันต์ ปรากฏว่าเพียงยื่นออกไปเพียงเล็กน้อยก็กลายเป็นน้ำแข็ง เขารีบชักมือกลับมาอย่างประหลาดใจ และใช้พลังเซียนละลายน้ำแข็งที่อยู่บนมือ นึกไม่ถึงจริงๆ  เขาที่มีพลังบำเพ็ญเพียรขนาดนี้แล้วจะยังถูกแช่แข็งได้อีก

“เดินๆอยู่แล้วเจอ ท่านพี่ พวกเราบำเพ็ญเพียรที่นี่จะได้ประสิทธิภาพดีกว่าที่ทะเลเพลิงกับภูเขาน้ำแข็ง ข้าเรียกที่นี่ว่าบ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์หยินหยาง” หลิวหลีบอกชื่อที่นางตั้งขึ้นอย่างภูมิใจ

“บ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์หยินหยาง ชื่อใช้ได้นี่ ดูเหมาะกับรูปลักษณ์ของมันทีเดียว” หนานกงเวิ่นเทียนชมหลิวหลีอย่างตรงไปตรงมา นางชื่อตั้งได้ดีจริงๆ

“ท่านพี่ เพลิงอัคคีอีกชนิดหนึ่งของข้าเกิดความเคลื่อนไหวแล้ว เพลิงหยินหยางน่ะ เพลิงอัคคีชนิดนี้ตอนอยู่โลกเบื้องล่างฟื้นฟูไปครึ่งส่วน ไม่รู้ว่าอยู่ในโลกเซียนจะกลับมาได้ไหม แต่ว่า ข้ารู้สึกว่าไม่น่าจะง่ายดายขนาดนั้น ท่านพี่รู้หรือไม่ว่าเพลิงเซียนต่างกันอย่างไรบ้าง?” หลิวหลีถามขึ้นด้วยความสงสัย

“เพลิงเซียนน่ะหรือ ข้าเคยได้ยินผู้อาวุโสในวังนภาธาราบอกไว้ เพลิงเซียนในโลกเซียนนั้นแบ่งเป็นเพลิงเซียนไร้วิญญาณกับเพลิงเซียนวิญญาณ เพลิงเซียนไร้วิญญาณก็คือเพลิงเซียนปกติที่เราได้รับ แต่เพลิงเซียนวิญญาณเหมือนเพลิงอัคคีของเจ้าที่มีจิตวิญญาณอยู่ แต่โลกเซียนมีความพิเศษอย่างมาก พอมีเพลิงเซียนวิญญาณชนิดใหม่ปรากฏขึ้น เพลิงอัคคีที่เป็นอันดับสุดท้ายก็จะกลายเป็นเพลิงเซียนไร้วิญญาณในทันที นังหนูตอนนี้เจ้ามีเพลิงเซียนวิญญาณ 3 ชนิด คาดว่าในโลกเซียนก็จะมีเพลิงเซียนวิญญาณ 3 ชนิดที่หายไป” ตอนนั้นหนานกงเวิ่นเทียนเกิดสงสัย ผู้อาวุโสอวี้จึงอธิบายให้เขาฟัง

“เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่ข้าก็รู้สึกว่าเพลิงหยินหยางเหมือนจะดูดซึมพลังเพลิงจากที่นี่อย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุขั้นได้อยู่ดี ดูเหมือนอยากจะกลืนกิน” หลิวหลีเล่าความรู้สึกของตนเอง

“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง ที่นี่เหมาะกับการบำเพ็ญฝึกฝนจริงๆด้วย ที่สำคัญที่นี่ดูเหมือนจะมีกระแสชีวิตที่ค่อนข้างรุนแรงพืชเซียนแถวนี้ก็อุดมสมบูรณ์กว่าที่อื่นมาก แต่ไม่รู้ว่าจุดศูนย์กลางกระแสชีวิตอยู่ตรงไหนกัน” หนานกงเวิ่นเทียนมองไปรอบๆ ที่นี่มีพืชเซียนจำนวนมากกว่าข้างนอกอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่ามีพลังเซียนสะสมอยู่มากมายขนาดไหน

“ลองดูก็ได้” เมื่อหลิวหลีมองเห็นพืชเซียนจำนวนมากขนาดนี้ ก็อดใจไม่ได้ เมื่อตั้งจิตแล้วตำหนักเซียนก็ปรากฏขึ้น หลิวหลีเก็บพืชเซียนอย่างระมัดระวัง แล้วจึงได้เจิมห้องปรุงยาของนางจริงๆเสียที

“ท่านพี่ ข้าจะไปปรุงยาแล้วนะ” หลิวหลีไม่ลืมบอกสามีของตนเองว่านางจะทำอะไร เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องรอเปล่า

“ไปเถอะ” หนานกงเวิ่นเทียนพยักหน้า เขาพบว่าภายในตำหนักเซียนก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เข้มข้นของข้างนอกเช่นกัน หนานกงเวิ่นเทียนจึงเดินไปที่ห้องปรุงยาชั้นสอง เพื่อบำเพ็ญเพียรต่อ

ณ ห้องปรุงยา แม้หลิวหลีจะรีบร้อนปรุงยา แต่ก็ไม่ลืมปรับสภาพร่างกายของตัวเอง ร่างกายอต้องยู่ในสภาพสมบูรณ์จึงจะปรุงยาได้ ตอนนี้ประสาทเซียนของนางสามารถแบ่งออกมาได้มากขึ้นอีก 10 ดวง จะได้ลองใช้เพลิงเซียนดาราทมิฬที่พึ่งบรรลุขั้นมาปรุงยาดูว่าจะเป็นอย่างไร หรือว่าจะเหมาะกับการทำอาหารมากกว่า

นางใส่ลูกไฟหนึ่งดวงเข้าไปในเตาปรุงยาด้วยความชำนาญ จากนั้นนางก็ใส่พืชเซียนเข้าไป และรู้สึกถึงความแตกต่างทันที ที่ผ่านมานางใช้ประสาทเซียนแค่เพียง 10 ดวง ก็สามารถมองพืชเซียนได้ปรุโปร่ง แต่ครั้งนี้ต้องใช้ถึง 30 ดวง และบวกกับที่ทำอย่างอื่น ทำให้ประสาทเซียนของนางที่แบ่งออกมาเกือบรับไม่ไหวถือเป็นบทเรียนที่ดีของนาง นางหลงมัวเมาในฝีมือของตนเอง นึกว่าตนเองเก่งกาจนักหนาแต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองมีขีดจำกัดอยู่ จำเป็นจะต้องทะลุขีดจำกัด การปรุงยาในครั้งนี้ ทำให้ระดับจิตใจของหลิวหลีสูงขึ้นมาไม่น้อย

หลิวหลีคอยควบคุมระดับไฟตลอดเวลา เพราะเป็นเพลิงที่ตัวเองดูดซึมมา จึงสามารถใช้ได้ค่อนข้างคล่องมือเป็นพิเศษ เมื่อใจเกิดปลี่ยนแปลง เพลิงเซียนก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามความคิดในใจ มิน่าตอนอยู่ในโลกเบื้องล่างจึงมีคนต้องการเพลิงอัคคีมากมาย คิดว่าในโลกเซียนก็คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเพลิงเซียนเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะมีคนอยากได้เพลิงเซียนทั้ง 3 ชนิดของนางที่ทุกคนเห็นมากมายขนาดไหน หลิวหลีปล่อยความคิดล่องลอย จนใจลอยอย่างเผลอไผล และแล้ว ‘ตู้ม’ หลิวหลีเอามือมาเช็ดหน้า เวลาทำอะไรไม่ควรคิดใจลอย นางไม่ได้ทำเตาระเบิดมาหลายร้อยปีแล้ว

เมื่อปัดมือขวาอีกครั้ง ของเสียหายทั้งหมดก็ถูกหลิวหลีเก็บกวาด คราวนี้นางตั้งใจจดจ่อกับการปรุงยา ไม่ยอมให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆอีก ทุ่มเทตั้งใจปรุงยา นางถอนหายใจเมื่อได้กลิ่นหอมของยาศักดิ์สิทธิ์ น่าแปลก ดูเหมือนว่ายาเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่ปรุงจากพืชเซียนข้างๆบ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์ จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่ายาเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่ทำมาจากพืชเซียนในวังนภาเพลิงที่ให้อวิ๋นเฟยไปเอา และที่สำคัญคือมีกลิ่นที่หอมกว่า และเมื่อทำขั้นตอนสุดท้ายแล้ว นางก็เริ่มนับเวลาถอยหลังเพื่อยกยาออกจากเตา เม็ดยากลมสมบูรณ์ ถึงแม้จะมีแค่เพียงเม็ดเดียว แต่ว่านางรับประกันได้เลยว่า ประสิทธิภาพของยาดีกว่ายาเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่นางเคยทำมาถึงสิบเท่า

“และนี่ก็คือที่เขาบอกกันว่าใช้พืชเซียนมีประสิทธิภาพปรุงยาก็จะได้ยาที่มีประสิทธิภาพสินะ”หลิวหลีพึมพำกับตัวเอง

แต่ว่ายานี้ฤทธิ์รุนแรงเกินไป ตอนนี้นางกับเสี่ยวเทียนยังไม่เหมาะที่จะใช้ เมื่อเก็บยาเซียนศักดิ์สิทธิ์แล้ว หลิวหลีจึงใช้เวทย์มนตร์เล็กน้อยและแล้วห้องปรุงยาก็กลับมาดูเหมือนใหม่อีกครั้ง นางสัมผัสได้ว่าหนานกงเวิ่นเทียนกำลังบำเพ็ญเพียร จึงเลือกจะไม่ไปรบกวนเขา เมื่อเป็นความสัมพันธ์ที่เนิ่นนานก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนก็ได้

เฮ้อ นานๆทีนางจะคิดอะไรแบบนี้ได้ ไม่อยากปรุงยาแล้ว อืม หลิวหลีตัดสินใจไปที่ห้องครัว ทำเนื้ออบแห้งที่ติดไว้กับเจ้ากระเพาะยักษ์ทั้งสองตัว จริงๆแล้ว ไส้กรอกก็ใช้ได้เหมือนกัน อืม ไส้กรอกเป็นตัวเลือกที่ดี แฮมรมควันก็น่าสนใจ เมื่อเกิดอารมณ์อยากทำขึ้นมา หลิวหลีจึงไปที่ห้องครัว

ระดับพลังบำเพ็ญเพียรแบบหลิวหลี ปกติแล้วจะไม่โลภอยากได้ของทั่วไป แต่ว่ามนุษย์ก็มักต้องมีงานอดิเรกที่ตัวเองชื่นชอบใช่หรือไม่ หลิวหลีคิดมาตลอดว่าการปรุงยาถือเป็นความถนัด การทำอาหารคืองานอดิเรก เมื่อมีงานอดิเรกก็จะมีแรงบันดาลใจ หลิวหลีจัดการวัตถุดิบต่างๆด้วยความชำนาญ พลันรู้สึกจิตใจสงบลง

หนานกงเวิ่นเทียนออกจากการบำเพ็ญเพียร และใช้ประสาทเซียนสัมผัสได้ว่าหลิวหลีอยู่ที่ห้องครัว เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจเมื่อเห็นนางกำลังทำอาหาร ได้ฮูหยินเช่นนี้ สามีอย่างเขาจะอยากได้อะไรอีก

หลิวหลีย่อมสัมผัสได้ว่าหนานกงเวิ่นเทียนไม่ได้เข้าฌานแล้ว นางแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น เขาสอดมือกอดนางจากข้างหลัง

“น้องหญิง เจ้ากำลังเตรียมอาหารอร่อยๆให้ข้าอยู่ใช่หรือไม่” หนานกงเวิ่นเทียนวางคางลงบนไหล่ของนางแล้วถามขึ้น

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านพี่ ของพวกนี้ถูกเตรียมไว้ให้กับอาเลี่ยกับจื่อฉี” หลิวหลีบอกเขาว่านางทำของพวกนี้ให้สหายของนาง

“รู้สึกหึงขึ้นมาแล้วสิ” หนานกงเวิ่นเทียนอ้ออดอ้อน ไม่ได้ทำให้สามีอย่างเขาหรอกหรือนี่ ในน้ำเสียงบอกอีกฝ่ายให้รีบงอนง้อเขา ไม่เช่นนั้นจะโกรธแล้ว

“โอ๋” นางหมุนตัวกลับมาหาเขา

“ท่านพี่ อย่าหึงเลย อาหารที่ทำให้พวกเขาเป็นอาหารพื้นๆ อาหารที่ทำให้ท่านต้องป็นอาหารชั้นเลิศอยู่แล้ว แน่นอนว่าข้าจะต้องเก็บไว้ให้กับสามีของข้า” หลิวหลีใช้หัวของตัวเองสัมผัสจมูกหนานกงเวิ่นเทียนเบาๆ ทำให้หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกคันจมูกน้อยๆ

“ก็ได้ น้องหญิง พี่ผิดเอง แล้วเจ้าจะปล่อยมือได้แล้วหรือยัง” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกได้ว่ามือที่โอบเอวเขาตอนนี้เริ่มจะซุกซนอีกแล้ว  แย่แล้ว นี่ไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ หวังว่าจะไม่เกิดอารมณ์ขึ้นมา

“ไม่ได้ ท่านพี่ จุดไฟแล้วไม่ดับไฟ นี่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนะ” สายตาของนางแฝงแววเจ้าเล่ห์

เอ่อ นี่เขากำลังหาเรื่องใส่ตัวหรือเปล่านะ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 229 บ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์หยินหยาง

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 229 บ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์หยินหยาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อหลิวหลีออกมาจากทะเลเพลิง ก็ตรงไปที่พื้นที่ตรงกลางระหว่างภูเขาน้ำแข็งกับทะเลเพลิง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ความร้อนกับความหนาวเย็นบรรจบกันหรือไม่ จึงทำให้พืชเซียนที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์มากเป็นพิเศษ หลิวหลีกำลังคำนวณว่าพืชเซียนพวกนี้จะสามารถนำมาทำเป็นยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้เท่าไหร่ จนเดินเข้าไปด้านในอย่างไม่รู้ตัว

กลายเป็นว่าข้างในยังมีถ้ำอยู่อีกแห่งหนึ่ง เมื่อหลิวหลีมองผีเสื้อที่กำลังเต้นระบำ ก็รู้สึกราวตกอยู่ในห้วงฝัน ดีจริงๆ

เมื่อหลิวหลีเดินผ่านฝูงผีเสื้อ ก็ตกใจกับภาพตรงหน้า ปรากฏสระน้ำสองแห่งขึ้นในครรลองสายตา แห่งหนึ่งร้อนจนมีควันออกมา อีกแห่งหนาวจนมีไอลอยออกมา ช่างน่าประหลาดจริงๆ พอหลิวหลีเดินเข้าไปแล้ว ก็สัมผัสได้ถึงพลังเพลิงกับพลังเหมันต์ที่เข้มข้นปะทะเข้าใบหน้า หลิวหลีค้นพบว่าพลังเพลิงของที่นี่มีมากกว่าทะเลเพลิงข้างนอกหลายร้อยเท่า จนนางไม่สามารถแช่ลงไปตรงๆได้ เพลิงอัคคีชนิดเดียวที่ไม่ได้กลายเป็นเส้นชีพจรในร่างกายอย่างเพลิงหยินหยางก็เต้นตุบๆ หลิวหลีขมวดคิ้ว เพลิงอัคคีอีกชนิดตื่นขึ้นมาเร็วขนาดนี้เลยหรือ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าที่นี่มีชื่อเรียกหรือไม่ นางก็ตัดสินใจตั้งชื่อที่นี่ว่า ‘บ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์หยินหยาง’

หนานกงเวิ่นเทียนกำลังเข้าฌานหลอมรวมพลังเหมันต์ อยู่ดีๆก็ได้รับข่าวจากฮูหยินของตนเองว่านางเจอสถานที่ที่ดีมากแห่งหนึ่ง อยากให้เขาไปหานาง

หนานกงเวิ่นเทียนยิ้มน้อยๆ เขารู้อยู่แล้วว่านังหนูอยู่เฉยๆไม่ได้แน่ คิดว่านางคงจะเดินไปทั่วแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่านางไปเจออะไรเข้า เงาของหนานกงเวิ่นเทียนบนภูเขาเหมันต์ค่อยๆจางไป แต่ตัวได้จากไปไกลแล้ว เดินอีกแค่หนึ่งก้าวก็จะถึงบ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์หยินหยางที่หลิวหลีเป็นคนตั้งชื่อ

“ท่านพี่ ดูสิ ที่นี่” หลิวหลีชี้บ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์หยินหยางทรงกลมที่แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง

“สถานที่แห่งนี้ น้องหญิง… เจ้าเจอได้อย่างไร” หนานกงเวิ่นเทียนก็รู้สึกประหลาดใจกับที่นี่เช่นกัน ทำไมถึงได้มีสถานที่ที่มหัศจรรย์เช่นนี้ เมื่อหนานกงเวิ่นเทียนยื่นมือไปหาสระเหมันต์ ปรากฏว่าเพียงยื่นออกไปเพียงเล็กน้อยก็กลายเป็นน้ำแข็ง เขารีบชักมือกลับมาอย่างประหลาดใจ และใช้พลังเซียนละลายน้ำแข็งที่อยู่บนมือ นึกไม่ถึงจริงๆ  เขาที่มีพลังบำเพ็ญเพียรขนาดนี้แล้วจะยังถูกแช่แข็งได้อีก

“เดินๆอยู่แล้วเจอ ท่านพี่ พวกเราบำเพ็ญเพียรที่นี่จะได้ประสิทธิภาพดีกว่าที่ทะเลเพลิงกับภูเขาน้ำแข็ง ข้าเรียกที่นี่ว่าบ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์หยินหยาง” หลิวหลีบอกชื่อที่นางตั้งขึ้นอย่างภูมิใจ

“บ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์หยินหยาง ชื่อใช้ได้นี่ ดูเหมาะกับรูปลักษณ์ของมันทีเดียว” หนานกงเวิ่นเทียนชมหลิวหลีอย่างตรงไปตรงมา นางชื่อตั้งได้ดีจริงๆ

“ท่านพี่ เพลิงอัคคีอีกชนิดหนึ่งของข้าเกิดความเคลื่อนไหวแล้ว เพลิงหยินหยางน่ะ เพลิงอัคคีชนิดนี้ตอนอยู่โลกเบื้องล่างฟื้นฟูไปครึ่งส่วน ไม่รู้ว่าอยู่ในโลกเซียนจะกลับมาได้ไหม แต่ว่า ข้ารู้สึกว่าไม่น่าจะง่ายดายขนาดนั้น ท่านพี่รู้หรือไม่ว่าเพลิงเซียนต่างกันอย่างไรบ้าง?” หลิวหลีถามขึ้นด้วยความสงสัย

“เพลิงเซียนน่ะหรือ ข้าเคยได้ยินผู้อาวุโสในวังนภาธาราบอกไว้ เพลิงเซียนในโลกเซียนนั้นแบ่งเป็นเพลิงเซียนไร้วิญญาณกับเพลิงเซียนวิญญาณ เพลิงเซียนไร้วิญญาณก็คือเพลิงเซียนปกติที่เราได้รับ แต่เพลิงเซียนวิญญาณเหมือนเพลิงอัคคีของเจ้าที่มีจิตวิญญาณอยู่ แต่โลกเซียนมีความพิเศษอย่างมาก พอมีเพลิงเซียนวิญญาณชนิดใหม่ปรากฏขึ้น เพลิงอัคคีที่เป็นอันดับสุดท้ายก็จะกลายเป็นเพลิงเซียนไร้วิญญาณในทันที นังหนูตอนนี้เจ้ามีเพลิงเซียนวิญญาณ 3 ชนิด คาดว่าในโลกเซียนก็จะมีเพลิงเซียนวิญญาณ 3 ชนิดที่หายไป” ตอนนั้นหนานกงเวิ่นเทียนเกิดสงสัย ผู้อาวุโสอวี้จึงอธิบายให้เขาฟัง

“เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่ข้าก็รู้สึกว่าเพลิงหยินหยางเหมือนจะดูดซึมพลังเพลิงจากที่นี่อย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุขั้นได้อยู่ดี ดูเหมือนอยากจะกลืนกิน” หลิวหลีเล่าความรู้สึกของตนเอง

“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง ที่นี่เหมาะกับการบำเพ็ญฝึกฝนจริงๆด้วย ที่สำคัญที่นี่ดูเหมือนจะมีกระแสชีวิตที่ค่อนข้างรุนแรงพืชเซียนแถวนี้ก็อุดมสมบูรณ์กว่าที่อื่นมาก แต่ไม่รู้ว่าจุดศูนย์กลางกระแสชีวิตอยู่ตรงไหนกัน” หนานกงเวิ่นเทียนมองไปรอบๆ ที่นี่มีพืชเซียนจำนวนมากกว่าข้างนอกอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่ามีพลังเซียนสะสมอยู่มากมายขนาดไหน

“ลองดูก็ได้” เมื่อหลิวหลีมองเห็นพืชเซียนจำนวนมากขนาดนี้ ก็อดใจไม่ได้ เมื่อตั้งจิตแล้วตำหนักเซียนก็ปรากฏขึ้น หลิวหลีเก็บพืชเซียนอย่างระมัดระวัง แล้วจึงได้เจิมห้องปรุงยาของนางจริงๆเสียที

“ท่านพี่ ข้าจะไปปรุงยาแล้วนะ” หลิวหลีไม่ลืมบอกสามีของตนเองว่านางจะทำอะไร เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องรอเปล่า

“ไปเถอะ” หนานกงเวิ่นเทียนพยักหน้า เขาพบว่าภายในตำหนักเซียนก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เข้มข้นของข้างนอกเช่นกัน หนานกงเวิ่นเทียนจึงเดินไปที่ห้องปรุงยาชั้นสอง เพื่อบำเพ็ญเพียรต่อ

ณ ห้องปรุงยา แม้หลิวหลีจะรีบร้อนปรุงยา แต่ก็ไม่ลืมปรับสภาพร่างกายของตัวเอง ร่างกายอต้องยู่ในสภาพสมบูรณ์จึงจะปรุงยาได้ ตอนนี้ประสาทเซียนของนางสามารถแบ่งออกมาได้มากขึ้นอีก 10 ดวง จะได้ลองใช้เพลิงเซียนดาราทมิฬที่พึ่งบรรลุขั้นมาปรุงยาดูว่าจะเป็นอย่างไร หรือว่าจะเหมาะกับการทำอาหารมากกว่า

นางใส่ลูกไฟหนึ่งดวงเข้าไปในเตาปรุงยาด้วยความชำนาญ จากนั้นนางก็ใส่พืชเซียนเข้าไป และรู้สึกถึงความแตกต่างทันที ที่ผ่านมานางใช้ประสาทเซียนแค่เพียง 10 ดวง ก็สามารถมองพืชเซียนได้ปรุโปร่ง แต่ครั้งนี้ต้องใช้ถึง 30 ดวง และบวกกับที่ทำอย่างอื่น ทำให้ประสาทเซียนของนางที่แบ่งออกมาเกือบรับไม่ไหวถือเป็นบทเรียนที่ดีของนาง นางหลงมัวเมาในฝีมือของตนเอง นึกว่าตนเองเก่งกาจนักหนาแต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองมีขีดจำกัดอยู่ จำเป็นจะต้องทะลุขีดจำกัด การปรุงยาในครั้งนี้ ทำให้ระดับจิตใจของหลิวหลีสูงขึ้นมาไม่น้อย

หลิวหลีคอยควบคุมระดับไฟตลอดเวลา เพราะเป็นเพลิงที่ตัวเองดูดซึมมา จึงสามารถใช้ได้ค่อนข้างคล่องมือเป็นพิเศษ เมื่อใจเกิดปลี่ยนแปลง เพลิงเซียนก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามความคิดในใจ มิน่าตอนอยู่ในโลกเบื้องล่างจึงมีคนต้องการเพลิงอัคคีมากมาย คิดว่าในโลกเซียนก็คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเพลิงเซียนเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะมีคนอยากได้เพลิงเซียนทั้ง 3 ชนิดของนางที่ทุกคนเห็นมากมายขนาดไหน หลิวหลีปล่อยความคิดล่องลอย จนใจลอยอย่างเผลอไผล และแล้ว ‘ตู้ม’ หลิวหลีเอามือมาเช็ดหน้า เวลาทำอะไรไม่ควรคิดใจลอย นางไม่ได้ทำเตาระเบิดมาหลายร้อยปีแล้ว

เมื่อปัดมือขวาอีกครั้ง ของเสียหายทั้งหมดก็ถูกหลิวหลีเก็บกวาด คราวนี้นางตั้งใจจดจ่อกับการปรุงยา ไม่ยอมให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆอีก ทุ่มเทตั้งใจปรุงยา นางถอนหายใจเมื่อได้กลิ่นหอมของยาศักดิ์สิทธิ์ น่าแปลก ดูเหมือนว่ายาเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่ปรุงจากพืชเซียนข้างๆบ่อน้ำแร่เพลิงเหมันต์ จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่ายาเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่ทำมาจากพืชเซียนในวังนภาเพลิงที่ให้อวิ๋นเฟยไปเอา และที่สำคัญคือมีกลิ่นที่หอมกว่า และเมื่อทำขั้นตอนสุดท้ายแล้ว นางก็เริ่มนับเวลาถอยหลังเพื่อยกยาออกจากเตา เม็ดยากลมสมบูรณ์ ถึงแม้จะมีแค่เพียงเม็ดเดียว แต่ว่านางรับประกันได้เลยว่า ประสิทธิภาพของยาดีกว่ายาเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่นางเคยทำมาถึงสิบเท่า

“และนี่ก็คือที่เขาบอกกันว่าใช้พืชเซียนมีประสิทธิภาพปรุงยาก็จะได้ยาที่มีประสิทธิภาพสินะ”หลิวหลีพึมพำกับตัวเอง

แต่ว่ายานี้ฤทธิ์รุนแรงเกินไป ตอนนี้นางกับเสี่ยวเทียนยังไม่เหมาะที่จะใช้ เมื่อเก็บยาเซียนศักดิ์สิทธิ์แล้ว หลิวหลีจึงใช้เวทย์มนตร์เล็กน้อยและแล้วห้องปรุงยาก็กลับมาดูเหมือนใหม่อีกครั้ง นางสัมผัสได้ว่าหนานกงเวิ่นเทียนกำลังบำเพ็ญเพียร จึงเลือกจะไม่ไปรบกวนเขา เมื่อเป็นความสัมพันธ์ที่เนิ่นนานก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนก็ได้

เฮ้อ นานๆทีนางจะคิดอะไรแบบนี้ได้ ไม่อยากปรุงยาแล้ว อืม หลิวหลีตัดสินใจไปที่ห้องครัว ทำเนื้ออบแห้งที่ติดไว้กับเจ้ากระเพาะยักษ์ทั้งสองตัว จริงๆแล้ว ไส้กรอกก็ใช้ได้เหมือนกัน อืม ไส้กรอกเป็นตัวเลือกที่ดี แฮมรมควันก็น่าสนใจ เมื่อเกิดอารมณ์อยากทำขึ้นมา หลิวหลีจึงไปที่ห้องครัว

ระดับพลังบำเพ็ญเพียรแบบหลิวหลี ปกติแล้วจะไม่โลภอยากได้ของทั่วไป แต่ว่ามนุษย์ก็มักต้องมีงานอดิเรกที่ตัวเองชื่นชอบใช่หรือไม่ หลิวหลีคิดมาตลอดว่าการปรุงยาถือเป็นความถนัด การทำอาหารคืองานอดิเรก เมื่อมีงานอดิเรกก็จะมีแรงบันดาลใจ หลิวหลีจัดการวัตถุดิบต่างๆด้วยความชำนาญ พลันรู้สึกจิตใจสงบลง

หนานกงเวิ่นเทียนออกจากการบำเพ็ญเพียร และใช้ประสาทเซียนสัมผัสได้ว่าหลิวหลีอยู่ที่ห้องครัว เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจเมื่อเห็นนางกำลังทำอาหาร ได้ฮูหยินเช่นนี้ สามีอย่างเขาจะอยากได้อะไรอีก

หลิวหลีย่อมสัมผัสได้ว่าหนานกงเวิ่นเทียนไม่ได้เข้าฌานแล้ว นางแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น เขาสอดมือกอดนางจากข้างหลัง

“น้องหญิง เจ้ากำลังเตรียมอาหารอร่อยๆให้ข้าอยู่ใช่หรือไม่” หนานกงเวิ่นเทียนวางคางลงบนไหล่ของนางแล้วถามขึ้น

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านพี่ ของพวกนี้ถูกเตรียมไว้ให้กับอาเลี่ยกับจื่อฉี” หลิวหลีบอกเขาว่านางทำของพวกนี้ให้สหายของนาง

“รู้สึกหึงขึ้นมาแล้วสิ” หนานกงเวิ่นเทียนอ้ออดอ้อน ไม่ได้ทำให้สามีอย่างเขาหรอกหรือนี่ ในน้ำเสียงบอกอีกฝ่ายให้รีบงอนง้อเขา ไม่เช่นนั้นจะโกรธแล้ว

“โอ๋” นางหมุนตัวกลับมาหาเขา

“ท่านพี่ อย่าหึงเลย อาหารที่ทำให้พวกเขาเป็นอาหารพื้นๆ อาหารที่ทำให้ท่านต้องป็นอาหารชั้นเลิศอยู่แล้ว แน่นอนว่าข้าจะต้องเก็บไว้ให้กับสามีของข้า” หลิวหลีใช้หัวของตัวเองสัมผัสจมูกหนานกงเวิ่นเทียนเบาๆ ทำให้หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกคันจมูกน้อยๆ

“ก็ได้ น้องหญิง พี่ผิดเอง แล้วเจ้าจะปล่อยมือได้แล้วหรือยัง” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกได้ว่ามือที่โอบเอวเขาตอนนี้เริ่มจะซุกซนอีกแล้ว  แย่แล้ว นี่ไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ หวังว่าจะไม่เกิดอารมณ์ขึ้นมา

“ไม่ได้ ท่านพี่ จุดไฟแล้วไม่ดับไฟ นี่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนะ” สายตาของนางแฝงแววเจ้าเล่ห์

เอ่อ นี่เขากำลังหาเรื่องใส่ตัวหรือเปล่านะ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+