แม่ครัวยอดเซียน 132 กรรมตามสนอง

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 132 กรรมตามสนอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฮะ” ลูกสาวของเขาคือใคร พวกเขาจะรู้ได้อย่างไร

“ลูกสาวเด็กสองคนนี้หรือ” เจียงเทาตะโกนขึ้นด้วยความโมโห

พวกหลิวหลีทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินออกไป

“ท่านพ่อ เป็นพวกเขานั่นแหละ” เจียงชิงเฉิงชี้พวกหลิวหลี

“พวกเจ้าสองคนหยุดเดี๋ยวนี้นะ บอกมาใครเป็นคนรังแกลูกสาวข้า” เจียงเทามองด้วยความโมโห เพียงแต่ทำไมเด็กสองคนนี้ถึงให้ความรู้สึกอันตรายนัก

“ท่านจำคนผิดแล้วล่ะ” หลิวหลีออกตัวว่าไม่รู้จักลูกสาวของเขา

“ท่านพ่อเขาเจ้าค่ะ” เจียงชิงเฉิงชี้ไปที่หลิวหลี

“ฮะ ข้าหรือ?” หลิวหลีงุนงงกับความคิดพวกนั้น นางรู้จักคนโรคจิตไม่มีสมองผู้นี้ด้วยหรือ

“นี่เจ้ารังแกลูกสาวของข้าแล้วคิดหนีหรือ” เจียงเทาพูดพลางชี้ไปหลิวหลี

“ท่านลดมือลงจะดีกว่า ควรจะรู้ว่าท่านใช้หนึ่งนิ้วชี้ข้าแต่อีกสี่นิ้วที่เหลือชี้ตัวท่าน” หลิวหลีพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา

“หึ” เจียงเทารู้สึกขนลุก ทำเป็นโมโหเก็บมือเข้าไป

“เจ้ารังแกลูกสาวของข้า คิดว่าไปแล้วเรื่องจะจบหรือ”

“ท่านลุงผู้นี้ ข้าไม่รู้จักลูกสาวของท่านด้วยซ้ำจะรังแกลูกสาวของท่านได้อย่างไร แต่ว่าลูกสาวของท่านกลับมาบอกว่าข้าไร้ยางอาย ข้าก็อุตส่าห์ใจกว้างไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนาง” หลิวหลีรู้สึกว่าพ่อลูกคู่นี้ต่างก็สมองมีปัญหา

“เจ้า เจ้าล่วงเกินข้า ยังไม่เรียกว่ารังแกข้าอีกหรือ” เจียงชิงเฉิงแกล้งทำเป็นเขินอายแล้วพูดขึ้น

“ข้าล่วงเกินเจ้า แบบนี้หรือว่าแบบนี้” หลิวหลีกลอกตาแล้วหันตัวกลับมาหอมหน้าผากหนานกงเวิ่นเทียน ประทับจูบลงบนปากของหนานกงเวิ่นเทียน คนรอบข้างที่ดูอยู่ต่างพากันตกใจ คงจะไม่ใช่ชายหนึ่งหญิงหนึ่งกำลังแย่งผู้ชายคนเดียวกันหรอกใช่ไหม เรื่องนี้ช่างเป็นเรื่องแปลกใหม่เสียจริง

“เจ้า เจ้า เจ้า เจ้ามีข้าแล้วแต่ยังทำตัวเช่นนี้อีก ท่านพ่อ ท่านจะต้องทวงความยุติธรรมให้กับข้า” เจียงชิงเฉิงโมโหกับการกระทำของหลิวหลีเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มรูปงามเช่นนั้นจะชอบผู้ชายได้อย่างไร เจียงชิงเฉิงดึงเสื้อของเจียงเทาแล้วพูดขึ้น

“แค่กๆ ไม่ว่าแต่ก่อนเจ้าจะเป็นอย่างไร แต่ในเมื่อตอนนี้เจ้ามีลูกสาวของข้าแล้วก็จะทำตัวเช่นนี้อีกไม่ได้” เจียงเทาพูดอย่างรู้งาน ใครใช้ให้เขามีอนุภรรยาตั้ง 18 คนแต่กลับมีลูกสาวแค่เพียงคนเดียวกันล่ะ

“ขอถามหน่อยว่าลูกสาวของท่านอายุเท่าไหร่” หลิวหลีพูดด้วยความอดทน นางมองเจียงชิงเฉิงอย่างมีเลศนัย เจ้าเป็นคนหาเรื่องข้าก่อนเองนะ

หนานกงเวิ่นเทียนเริ่มสบายใจเมื่อเห็นการกระทำของหลิวหลี เขานิ่งเพื่อรอดูการกระทำของหลิวหลีไปก่อน

“ลูกสาวของข้าอายุ 48 พลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในช่วงพื้นฐานระยะปลาย แกนวิญญาณคู่ธาตุน้ำกับธาตุดิน” เจียงเทาพูดอย่างได้ใจ สาเหตุที่เขาเอ็นดูลูกสาวคนนี้มากถึงเพียงนี้เพราะว่าคุณสมบัติของนางค่อนข้างไม่เลว

“ข้าน้อยอายุยังไม่ถึง 40 ปี พลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในช่วงอมตะระยะปลาย แกนวิญญาณเดี่ยวอัคคี ข้าไม่สนใจแต่งงานกับผู้หญิงที่คุณสมบัติสู้ข้าไม่ได้ พลังบำเพ็ญเพียรสู้ข้าไม่ได้ อายุก็ยังมากกว่าข้า แกนวิญญาณยังขัดกันอีก ข้าคงต้องขอตัวก่อน” คำว่าสู้ข้าไม่ได้ของหลิวหลีทำให้เจียงชิงเฉิงโมโหจนหน้าแดงก่ำ นางอยู่ที่หมู่บ้านว่านจินถูกคนตามใจจนเคยตัว พอมาเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็เลยรู้สึกโมโห

เจียงเทาก็รู้สึกโมโหกับคำว่า ‘สู้ข้าไม่ได้’ ของหลิวหลีเช่นกัน ในหมู่บ้านว่านจินไม่มีใครกล้าเสียมารยาทกับเขามากถึงเพียงนี้

“เจ้าหนู เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามาจากสกุลเจียงซึ่งใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านว่านจิน” เจียงเทาพูดด้วยความโมโห ถึงขนาดกล้าไม่ให้เกียรติเขาถึงเพียงนี้

“แล้วเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย”

“ท่านพ่อ ข้าจะแต่งงานกับเขา ไม่เช่นนั้นข้าก็จะไม่ยอมมีหลานให้กับท่าน” เจียงชิงเฉิงงัดไม้เด็ดออกมาใช้

“หึๆ นายท่านเจียง ดูท่านอายุไม่น้อยแต่ยังแข็งแรงดีอยู่ ดูท่าคงจะมีบุตรไม่น้อยเลยใช่ไหม” อยู่ๆหลิวหลีก็ยิ้มเจ้าเล่ห์

“คิก คิก” รอบข้างมีเสียงหัวเราะดังขึ้น ทุกคนต่างก็รู้ดีว่านายท่านเจียงมีอนุภรรยาถึง 18 คนแต่กลับมีลูกสาวเพียงคนเดียว อีกทั้งยังเป็นลูกของภรรยาหลวงด้วย หลังจากที่ภรรยาหลวงให้กำเนิดบุตรสาวผู้นี้แล้วก็ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้อีกจึงช่วยสู่ขออนุภรรยาให้กับนายท่านเจียงถึง 18 คน แต่กลับไม่มีบุตรเลยแม้แต่คนเดียว ทำให้นายท่านเจียงนับวันก็ยิ่งรู้สึกดีต่อสองแม่ลูกมากยิ่งขึ้น

“เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม” เจียงเทาสีหน้าบึ้งตึง เจียงชิงเฉิงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี

“พอดีข้าน้อยเป็นนักปรุงยา พอจะรู้เรื่องพืชศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง ไม่ทราบว่ากลิ่นหอมบนตัวของลูกสาวของท่าน นายท่านชอบหรือไม่” หลิวหลีถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมา

“เหลวไหล ลูกสาวของข้า ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ชอบ” เจียงเทาอดกลอกตาไม่ได้

“มิน่าล่ะในเมื่อชอบนางขนาดนั้น หากวันหน้านางไม่มีลูกหลานให้ท่านก็ไม่มีปัญหาหรือ หรือว่าอนุภรรยาทั้ง 18 คนของท่านไม่สามารถมีบุตรได้ก็ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่”

คำพูดของหลิวหลีไม่ได้แตกต่างอะไรจากระเบิดลูกใหญ่

“เจ้าหมายความว่าอะไร พูดมาให้ชัดเจน” เจียงเทาตกใจ จากนั้นก็มองหลิวหลีด้วยความโมโหแล้วพูดขึ้น

“ท่านชอบแค่บุตรสาวคนนี้ไม่ใช่หรือ ไม่ชอบคนอื่นแล้วจะถามอะไรเยอะแยะ หรือว่านายท่านเจียงยังไม่รู้ว่าข้าพูดมากเกินไปแล้ว” หลิวหลีแกล้งทำเป็นหงุดหงิดแล้วเอามือปิดปากตัวเอง แต่รอยยิ้มที่มุมปากไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ปกปิดไว้ไม่อยู่ หนานกงเวิ่นเทียนเห็นเต็มสองตา นังหนูคนนี้เจ้าเล่ห์จริง ๆ

“เจ้าอธิบายมาให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นวันนี้เจ้าก็อย่าคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้” เจียงเทาพูดจบ สุนัขรับใช้ก็เข้ามาล้อมปิดทางทั้งสองคนไว้

“นายท่านเจียง อย่าทำเช่นนี้เลยข้าจะบอกให้ก็แล้วกัน บนตัวของลูกสาวท่านมีกลิ่นหอมของไม้จันทน์ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักเอามาทำเป็นยาคุมกำเนิด ดูจากระยะเวลาที่ลูกสาวของท่านมีกลิ่นนี้ติดตัวมาน่าจะประมาณ 30 ปีหรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำซึ่งไม่สามารถมีทายาทได้แล้ว ส่วนตัวท่านดมกลิ่นนี้มาโดยตลอด พอนานวันเข้าท่านก็รู้ดีเพราะพลังบำเพ็ญเพียรของท่านค่อนข้างสูงจึงมีผลกระทบเพียงระยะหนึ่งเท่านั้น แต่ลูกสาวของท่านไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีกแล้ว” ประโยคสุดท้ายหลิวหลีจงใจพูดมากเป็นพิเศษ ใครให้มาหาเรื่องข้ากันล่ะ

“ไม่ ไม่ ไม่ ท่านแม่จะทำร้ายข้าได้อย่างไร” เจียงชิงเฉิงรู้สึกใจสลาย แม่ของนางจะคิดร้ายต่อนางได้อย่างไร

นายท่านเจียงโมโหเป็นอย่างมาก มิน่าล่ะเวลาเขาไปหาอนุภรรยาทีไร ภรรยาของเขาก็มักจะให้เขาเล่นกับชิงเฉิงก่อนครู่หนึ่ง นังงูพิษ

“นายท่านเจียง ข้าพูดจบแล้ว ปล่อยข้าไปได้หรือยัง” หลิวหลีกระพริบตาปริบๆมองไปที่เจียงเทาแล้วพูดขึ้น

“ไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดคือเรื่องจริงหรือเท็จ หากว่าเป็นเรื่องจริงข้าจะปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน” เจียงเทาตัดสินใจยังไม่ปล่อยเด็กสองคนนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ก็เก็บเด็กสองคนนี้ไว้ไม่ได้

“ไม่ว่าข้าจะพูดเรื่องจริงหรือไม่ก็คงไม่คิดจะเก็บข้าไว้ใช่ไหมล่ะ จริง ๆเลย เดิมทีข้าก็อยากจะอยู่เฉยๆแต่กลับมีคนชอบมาหาเรื่องอยู่เรื่อย” หลิวหลีมองขึ้นไปบนท้องฟ้าทำท่าราวจนใจ

ทันใดนั้นเองกลิ่นอายหลิวหลีก็ระเบิดออกมา คนรอบข้างที่มีพลังบำเพ็ญเพียรไม่สูงมากนักถึงกับกระเด็นแล้วกระอักเลือดออกมา เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บไม่น้อย

“เจ้าเนี่ยนะ สาวแก่อายุ 48 ปี ของไร้ค่าขนาดนั้นเจ้ายังคอยให้ท้ายนางอยู่เรื่อย ของไร้ค่าเช่นนี้ไม่คู่ควรแม้แต่จะมาถือรองเท้าให้ข้าด้วยซ้ำ สายตาก็ไม่ดี อายุขนาดนี้แล้ว พลังบำเพ็ญเพียรเพิ่งอยู่ในช่วงพื้นฐานยังคิดทำตัวกร่างอีก นางคิดว่านางเป็นใคร ตอนอยู่ในถ้ำเหมืองแร่ข้าพยายามไม่สะสางบัญชีกับนาง แต่นางกลับพาตัวเองมาหาเรื่องข้าถึงที่ คิดว่าข้าเป็นคนที่จะหาเรื่องได้ง่ายๆหรือ” หลิวหลีระเบิดพลังออกมา แต่เจียงเทายังจมอยู่ในคำพูดของนาง จึงไม่ทันได้ป้องกันให้กับเจียงชิงเฉิง เจียงชิงเฉิงกระเด็นล้มลงกับพื้นกระอักเลือดออกมาไม่หยุด

“ท่านใจเย็นก่อน ลูกสาวของข้าไม่รู้ความจึงล่วงเกินท่านไป โปรดอภัยให้นางด้วย” เจียงเทานึกไม่ถึงว่าคนที่เขาเห็นว่าเหมือนมดเมื่อครู่ จริงๆแล้วเป็นหมาป่าที่ภายนอกดูเหมือนแกะ อีกทั้งยังเป็นสายพันธุ์ที่ร้ายกาจที่สุดด้วย

“หึ ข้าล่ะยอมเจ้าเลย ลูกสาวของเจ้าทำร้ายเจ้า จนเกือบจะทำให้มีทายาทไม่ได้ แต่เจ้ายังกลับปกป้องนางอยู่ มีลูกสาวแค่คนเดียวแต่กลับมีลูกไม่ได้อีก ดูจากท่าทางของเจ้าการไม่สามารถมีลูกหลานได้ก็ถือว่าเป็นบทลงโทษของเจ้าแล้ว ข้าก็จะไม่ถือโทษใดๆ ดูตัวเองให้ดีแล้วกัน” หลิวหลีจงใจพูดคำเสียงดัง จากนั้นก็ดึงหนานกงเวิ่นเทียนออกไป

ทิ้งเจียงเทาที่สีหน้าซีดเผือดไว้ คราวนี้จบแล้ว ศัตรูของเขาคงต้องรู้เรื่องนี้แน่ นังงูพิษ

ต่อมาไม่นานข่าวของบ้านสกุลเจียงแห่งหมู่บ้านว่านจิงก็เล่าลือมาถึงหลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียน

“ได้ยินมาว่านายท่านเจียงแห่งหมู่บ้านว่านจิงถูกภรรยาวางยาจนไม่สามารถมีทายาทได้ ก่อนที่ศัตรูจะบุกมาที่บ้าน นายท่านเจียงได้สังหารภรรยากับอนุภรรยาของเขาทั้ง 18 คนทิ้ง”

 “ยังมีอีกนะ เจียงชิงเฉิงไม่สามารถมีบุตรได้ หลังจากพ่อของนางเสีย คุณหนูเจียงก็กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอยู่ในหอนางโลมเพราะไม่กลัวว่าจะตั้งครรภ์ ทุกคนต่างก็เล่นได้อย่างเต็มที่ คุณหนูเจียงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ได้ยินมาว่าตอนนี้ในหอนางโลมคุณหนูเจียงเป็นคนที่ดังที่สุดแล้ว”

หลังจากที่หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนได้ฟังเช่นนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเขา

“นังหนู เจ้าโมโหถึงขนาดนั้นเลยหรือ” หนานกงเวิ่นเทียนงุนงง

“ทำไมหรือ ก็เพราะนางตาบอด ทั้งที่เสี่ยวเทียนต่างหากที่เป็นหนุ่มรูปงามแต่นางกลับมองไม่เห็น เจ้าคิดว่าการถูกมองว่าเป็นผู้ชายเป็นเรื่องที่มีความสุขหรือ” หลิวหลีทำปากยื่น นางเป็นผู้หญิงแต่เกือบจะถูกลากไปแต่งงานกับผู้หญิง นางจะอารมณ์ดีอยู่ได้อย่างไร

“เอาเถอะ หลิวหลี เรื่องมันผ่านไปแล้ว เจ้าหายโมโหหรือยัง” หนานเวิ่นเทียนมองหลิวหลีที่โมโหอยู่ด้วยความขบขัน

“หายแล้ว ถึงขนาดนี้แล้วหากข้ายังโมโหอยู่ ข้าก็ไม่สามารถตามไปจัดการพวกเขาได้ กรรมตามสนองพวกเขาไปแล้ว” กรรมตามสนองได้ไม่เลวด้วย

“นังหนู จากนี้จะไปที่ไหนกันต่อ” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว

“ห่างจากที่นี่ไปไม่ไกลเป็นเมืองลิ่วเจี่ยว แล้วไปสาขาย่อยของสำนักเมฆาคล้อย วัตถุดิบในการทำมีดเล่มใหญ่ของข้าก็เตรียมพร้อมแล้วพอดี จะได้ส่งวัตถุดิบไปให้กับศิษย์พี่เทียนเลี่ยนจื่อช่วยข้าหลอมอาวุธ” หลิวหลีรู้สึกว่าถึงเวลาที่นางควรมีอาวุธเป็นของตัวเองแล้ว

…………………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด