แม่ครัวยอดเซียน 307

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 307 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 307

“ผู้อาวุโส ผู้อาวุโส” จื่อฉีไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก เหตุใดร่างของผู้อาวุโสถึงได้สลายไป นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดเจอกันอีกครั้งแล้วต้องจากกันตลอดกาล

“จื่อฉี เจ้าเป็นเด็กดี ภารกิจของผู้อาวุโสสำเร็จแล้ว ข้าหลุดพ้นแล้ว พี่สาวของเจ้าบอกแล้วว่าข้าจะได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ข้าหวังว่าพวกเราจะได้เจอกันอีก” จ้านปู้หุ่ยพูดพลางมองจื่อฉีที่กำลังร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า ส่วนสามีภรรยาที่อยู่ด้านข้างสงบนิ่งลงมากแล้ว

“หลิวหลี ขอบใจเจ้ามาก ข้าได้ทำตามความปรารถนาแล้ว แต่ในช่วงสุดท้ายในชีวิต ข้าอยากได้ยินเจ้าเรียกข้าว่าบรรพชนสักครั้ง ข้ารู้ว่าเจ้ามีสายเลือดสกุลจ้าน” จ้านปู้หุ่ยกล่าว

“บรรพชน” หลิวหลีเรียกออกมา บรรพชนของสกุลจ้าน ผู้อาวุโสปู้หุ่ยคงอยากมีทายาทกระมัง

“ดีๆ เจ้าหนู ดูแลนังหนูสกุลจ้านของข้าให้ดีล่ะ” จ้านปู้หุ่ยเอ่ยประโยคสุดท้าย ก่อนจะกลายเป็นแสงสีทองแล้วสลายไป

“บรรพชน” หลิวหลีมองจุดสีทองสลายไป ผู้คนในดินแดนอสูรเทพจะรับรู้สิ่งที่ผู้อาวุโสทำไปบ้างหรือไม่

“ท่านพี่ ข้ายังไม่ได้บอกบรรพชนเลยว่ามู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว ข้าจะได้เป็นพ่อคนแล้ว” จื่อฉีพูดอย่างโศกเศร้า หางตามีคราบน้ำตาอยู่

“ผู้อาวุโสจะต้องดีใจกับเจ้าแน่ เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นพ่อคนแล้ว” ก่อนหน้านี้หลิวหลียังเสียใจอยู่ วินาทีต่อมากลับรู้สึกราวกับถูกตบ จื่อฉีจะเป็นพ่อแล้ว จื่อฉีที่นางเลี้ยงมากับมือจะเป็นพ่อคนแล้ว จื่อฉี เจ้าเด็กร้ายกาจ ขยันอะไรขนาดนั้น ไม่รู้หรือว่าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรต้องบำเพ็ญเพียรเป็นหลัก ไม่ใช่ว่าจะหมดหวังกับการบรรรลุสักหน่อยจะรีบทำลูกออกมาทำไมกัน นางยังไม่หายเสียใจจากเรื่องของเอ๋าเลี่ยกับอิงเสวี่ยเลย เจ้าเด็กนี่ก็มาทำร้ายจิตใจนางอีก ทำไมนะทำไม มีแต่นางที่ไม่มีข่าวคราวอะไรบ้างเลย

หนานกงเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างๆประหนึ่งน้ำแข็งก้อนยักษ์ ร่างกายแผ่ไอเย็นออกมา เจ้าเด็กนี้มาเพื่อยั่วโมโหเขากระมัง เขาที่แต่งงานเร็วที่สุดจนถึงตอนนี้ก็ไร้ซึ่งข่าวคราวใด รู้สึกเหมือนโดนดูถูกโดยไม่ต้องใช้คำพูดใด เขาต้องเข้าฌานแล้ว ไม่ใช่ว่าอสูรเทพมีลูกยากไม่ใช่หรือ เหตุใดสหายคู่นี้ของเขาถึงได้รวดเร็วเช่นนี้ หรือว่ามีเคล็ดลับอะไร

“ใช่ มู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว ข้าอยากบอกท่านพี่ว่านางอยากกินปลาต้มผักกาดดองที่ท่านทำ สุดท้ายพี่อาเลี่ยบอกว่าไม่รู้ว่าท่านไปไหน จึงอยากจะมาบอกกับผู้อาวุโส แต่ใครจะรู้ว่าผู้อาวุโส ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” จื่อฉียังคงไม่เข้าใจ

“จื่อฉี ข้าบอกเจ้าได้เพียงแค่ว่าผู้อาวุโสปู้หุ่ยจะมีความสุขมากในภพชาติหน้า ชาตินี้เขาอับโชคต้องติดอยู่ในวังวนที่ยุ่งเหยิง นี่ถือเป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่งของผู้อาวุโส เจ้าว่าเหตุใดดวงตาทั้งสองข้างของผู้อาวุโสถึงเป็นสีแดง นั่นเป็นเพราะดวงตาทั้งสองข้างของเขาสะกดเชื้อพระวงศ์ของเผ่ามารรัตติกาลเอาไว้ นอกเสียจากว่าพลังนี้จะถูกดูดซึมไป มิเช่นนั้นผู้อาวุโสจะไม่มีตุดจบที่ดี” หลิวหลีอธิบาย

“ข้ามีดวงตากิเลนไปก็ไร้ประโยชน์ แม้แต่เรื่องนี้ยังมองไม่เห็น ข้ายังมีข้อบกพร่องอีกมากจริงด้วย” จื่อฉีเย้ยหยันตนเอง

“จื่อฉี เรืองนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าไม่เคยพูดเรื่องเผ่ามารรัตติกาลกับเจ้า ตอนนี้ยังมีกลุ่มคนที่เหลืออยู่ของเผ่ามารรัตติกาล ผ่านวันและเวลาก็เติบโตขึ้นมา แต่ในบรรดาผู้ที่หลงเหลืออยู่ สายเลือดที่สูงส่งที่สุดนั้นคือราชา เขาทำได้เพียงดูดซับสายเลือดราชวงศ์ของเผ่าถึงจะบรรลุเป็นจักรพรรดิเซียนได้ แล้วเผ่ามารรัตติกาลที่หลงเหลืออยู่ถึงจะยอมรับเขาอย่างสมบูรณ์ ถึงจะมีความสามารถก่อกวนโลกเซียนให้ตกอยู่ในความวุ่นวายได้” หลิวหลีพูด

“คนที่หลงเหลืออยู่ของเผ่ามารรัตติกาล ความชั่วร้ายนี่อยู่ยาวนานจริงๆ” ในตอนนี้จื่อฉีเกลียดชังคนที่เหลืออยู่ของเผ่ามารรัตติกาลอย่างมาก

“ยังไม่ถึงเวลา จื่อฉี เจ้าจำเป็นต้องพัฒนาพลังบำเพ็ญเพียรของเจ้า อีกอย่าง เจ้ามาหาข้าคงมีเรื่องอื่นอีกกระมัง” หลิวหลีลูบหน้าอกตนเอง ชาไปหมดแล้ว โดนทำร้ายจนไร้ซึ่งความรู้สึกไปแล้ว

“ใช่ เมื่อครู่บอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่ามู่มู่ตั้งครรภ์แล้วอยากกินปลาต้มผักกาดดองที่ท่านพี่ทำ” จื่อฉีเข้าใจ ท่านพี่บอกว่ายังไม่ถึงเวลา ก็แปลว่ายังไม่ถึงเวลาจริงๆ เขารอได้ รอจนถึงวันนั้นที่เขาจะได้แก้แค้นให้ผู้อาวุโส

“ตกลง ไปเถอะจื่อฉี ต่อไปก็คงไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้ว” หลิวหลีพูดพลางมองไปรอบๆ

“น้องหญิง จื่อฉี พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ มีคนมาแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนพูด

“ได้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีนักที่จะเปิดเผยเรื่องที่เรารู้จักกับผู้อาวุโสปู้หุ่ย” หลิวหลีพยักหน้า ทั้งสามรีบเดินออกไป คลาดกับอสูรเทพและผู้นำทั้งห้าสกุลพอดี

“บรรพชนปู้หุ่ยสลายกลายเป็นฝุ่นธุลีไปแล้วจริงๆ เช่นนั้นปีศาจเผ่ามารรัตติกาลที่ถูกสะกดไว้ก็น่าจะตายแล้วเหมือนกัน ข้าไม่เคยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของนางเลย” เอ๋าเฟิงพูด

“นั่นสิ ต้องยอมรับเลยว่าพวกเราติดค้างบรรพบุรุษปู้หุ่ยมาก” หลงเฟยหยางพูด

“ท่านพี่ ท่านจะไปวังนภาพฤกษากับข้าจะดูไม่ดีหรือไม่” จื่อฉีเห็นหลิวหลีจะไปวังนภาพฤกษากับตน ก็ขัดขืนน้อยๆ เขาเป็นคนมีแม่ยาย เดี๋ยวแม่ยายจะคิดว่าเขาไร้ซึ่งความกล้าหาญหรือเปล่านะ พาท่านพี่กลับไปด้วยจะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่

“นี่ นี่เจ้ากำลังกลัวว่าจักรพรรดินีนภาพฤกษาจะคิดมากหรือ เฮ้อ จื่อฉีน้อยของข้าโตขึ้นแล้วนะ จริงสิ จะเป็นพ่อคนอยู่แล้วไม่โตขึ้นก็คงไม่ถูก” หลิวหลีทอดถอนใจ คิดไม่ถึงว่าจื่อฉีจะคิดเช่นนี้ นางพลันรู้สึกใจหายเหมือนลูกของตนเองโตขึ้นอย่างไรอย่างนั้น

“เหอะๆ” จื่อฉีไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำได้เพียงยิ้มแหยๆ

“ไม่เป็นไร เจ้าวางใจเถอะ ข้าไป จักรพรรดินีนภาพฤกษาไม่มีทางว่าอะไร แถมยังจะต้อนรับข้าอย่างดีด้วย” หลิวหลีพูดยืนยัน

“อีกอย่าง ข้าคงไม่อยู่นานนักอย่างไรเสียพวกเราก็ดูดซับพลังมาไม่น้อย ควรจะเข้าฌานเพื่อย่อยสลายเสียหน่อย ข้าแค่อยากเห็นสถานการณ์ของมู่มู่ด้วยตัวเองถึงจะวางใจ” หลิวหลีพูดต่อ แต่จากจุดนี้ก็รู้แล้วว่าทั้งสองอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

“ท่านพี่พูดถูก” เขาก็ต้องการแบบนั้นเช่นกัน อีกอย่างถึงแม้ว่าเขาจะพูดเช่นนี้ แต่เขาก็ไว้ใจหลิวหลีมากกว่า ในใจของจื่อฉี คนที่เลี้ยงเด็กได้เก่งที่สุดก็คือท่านพี่ของเขา ใครก็สู้นางไม่ได้ ดูจากที่เลี้ยงดูเขามาจนถึงปิงเซียวกับเหลยรุ่ยก็รู้แล้ว

“เจ้าเด็กนี่ ตอนนี้มู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว เจ้าต้องรักนางให้มากขึ้นกว่าเดิม เจ้าก็เห็นแล้วว่าพี่อิงเสวี่ยของเจ้าคลอดลูกยาก จงรู้ไว้ว่าผู้หญิง โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญหญิงต้องลำบากมากแค่ไหน” หลิวหลีถือโอกาสสั่งสอนน้องชาย

“ท่านพี่ข้าเข้าใจแล้ว” พี่อาเลี่ยกับพี่อิงเสวี่ยต้องรักษาตัวนานแค่ไหน ทำไมเขาจะไม่รู้

“จริงสิ ท่านพี่ พี่เขยไม่ไปกับพวกเราด้วยหรือ” จื่อฉีสงสัย พี่เขยที่ไม่เคยห่างจากฮูหยินของตนเองแม้แต่นิดคนนั้นไปไหนเสียแล้ว

“วังนภาธารามีเรื่องน่ะ พี่เขยของเจ้าเลยกลับไปแล้ว ไปเข้าฌานย่อยพลังที่วังนภาธาราพอดี” หลิวหลีพูด

“เป็นเช่นนี้นี่เอง ถ้าเช่นนั้นท่านพี่เยี่ยมมู่มู่เสร็จแล้วก็จะกลับวังนภาเพลิงเลยหรือ?” จื่อฉีถาม

“ถูกต้อง ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสบายใจได้เท่ากับตำหนักของตัวเองอีกแล้ว อีกอย่างข้าไม่อยากกลับดินแดนอสูรเทพชั่วคราว” เรื่องราวที่ทำร้ายจิตใจนั้นยากจะลืม แต่ตอนนี้มู่มู่ก็มีลูกแล้ว วาสนาเรื่องลูกของนางจะมาเมื่อไหร่กัน

“หลิวหลี ดีจริงๆที่เจ้ามา” จักรพรรดินีนภาพฤกษาต้อนรับหลิวหลีอย่างอบอุ่น นี่คือคนสำคัญ โดยเฉพาะกับเด็กและหญิงตั้งครรภ์ ไม่รู้ว่าคนอิจฉาอิงเสวี่ยไปเท่าไหร่ หลิวหลีไม่เพียงแต่ช่วยเด็กทั้งสองคนไว้ แถมยังสั่งสอนเลี้ยงดูเด็กทั้งสองได้ดีขนาดนั้นอีก

“ขอบพระทัยจักรพรรดินีเพคะ” หลิวหลีพูดอย่างมีมารยาท

“พูดอะไรแบบนั้น พวกเราเป็นญาติสนิทกันทั้งนั้น อีกอย่างข้าอยากให้เจ้าช่วยดูมู่มู่ให้หน่อยได้หรือไม่” เฮ้อ ถ้าถามว่าจักรพรรดินีนภาพฤกษาไว้ใจใครที่สุดก็คงจะเป็นหลิวหลี อย่างไม่มีเหตุผล

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 307

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 307 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 307

“ผู้อาวุโส ผู้อาวุโส” จื่อฉีไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก เหตุใดร่างของผู้อาวุโสถึงได้สลายไป นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดเจอกันอีกครั้งแล้วต้องจากกันตลอดกาล

“จื่อฉี เจ้าเป็นเด็กดี ภารกิจของผู้อาวุโสสำเร็จแล้ว ข้าหลุดพ้นแล้ว พี่สาวของเจ้าบอกแล้วว่าข้าจะได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ข้าหวังว่าพวกเราจะได้เจอกันอีก” จ้านปู้หุ่ยพูดพลางมองจื่อฉีที่กำลังร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า ส่วนสามีภรรยาที่อยู่ด้านข้างสงบนิ่งลงมากแล้ว

“หลิวหลี ขอบใจเจ้ามาก ข้าได้ทำตามความปรารถนาแล้ว แต่ในช่วงสุดท้ายในชีวิต ข้าอยากได้ยินเจ้าเรียกข้าว่าบรรพชนสักครั้ง ข้ารู้ว่าเจ้ามีสายเลือดสกุลจ้าน” จ้านปู้หุ่ยกล่าว

“บรรพชน” หลิวหลีเรียกออกมา บรรพชนของสกุลจ้าน ผู้อาวุโสปู้หุ่ยคงอยากมีทายาทกระมัง

“ดีๆ เจ้าหนู ดูแลนังหนูสกุลจ้านของข้าให้ดีล่ะ” จ้านปู้หุ่ยเอ่ยประโยคสุดท้าย ก่อนจะกลายเป็นแสงสีทองแล้วสลายไป

“บรรพชน” หลิวหลีมองจุดสีทองสลายไป ผู้คนในดินแดนอสูรเทพจะรับรู้สิ่งที่ผู้อาวุโสทำไปบ้างหรือไม่

“ท่านพี่ ข้ายังไม่ได้บอกบรรพชนเลยว่ามู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว ข้าจะได้เป็นพ่อคนแล้ว” จื่อฉีพูดอย่างโศกเศร้า หางตามีคราบน้ำตาอยู่

“ผู้อาวุโสจะต้องดีใจกับเจ้าแน่ เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นพ่อคนแล้ว” ก่อนหน้านี้หลิวหลียังเสียใจอยู่ วินาทีต่อมากลับรู้สึกราวกับถูกตบ จื่อฉีจะเป็นพ่อแล้ว จื่อฉีที่นางเลี้ยงมากับมือจะเป็นพ่อคนแล้ว จื่อฉี เจ้าเด็กร้ายกาจ ขยันอะไรขนาดนั้น ไม่รู้หรือว่าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรต้องบำเพ็ญเพียรเป็นหลัก ไม่ใช่ว่าจะหมดหวังกับการบรรรลุสักหน่อยจะรีบทำลูกออกมาทำไมกัน นางยังไม่หายเสียใจจากเรื่องของเอ๋าเลี่ยกับอิงเสวี่ยเลย เจ้าเด็กนี่ก็มาทำร้ายจิตใจนางอีก ทำไมนะทำไม มีแต่นางที่ไม่มีข่าวคราวอะไรบ้างเลย

หนานกงเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างๆประหนึ่งน้ำแข็งก้อนยักษ์ ร่างกายแผ่ไอเย็นออกมา เจ้าเด็กนี้มาเพื่อยั่วโมโหเขากระมัง เขาที่แต่งงานเร็วที่สุดจนถึงตอนนี้ก็ไร้ซึ่งข่าวคราวใด รู้สึกเหมือนโดนดูถูกโดยไม่ต้องใช้คำพูดใด เขาต้องเข้าฌานแล้ว ไม่ใช่ว่าอสูรเทพมีลูกยากไม่ใช่หรือ เหตุใดสหายคู่นี้ของเขาถึงได้รวดเร็วเช่นนี้ หรือว่ามีเคล็ดลับอะไร

“ใช่ มู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว ข้าอยากบอกท่านพี่ว่านางอยากกินปลาต้มผักกาดดองที่ท่านทำ สุดท้ายพี่อาเลี่ยบอกว่าไม่รู้ว่าท่านไปไหน จึงอยากจะมาบอกกับผู้อาวุโส แต่ใครจะรู้ว่าผู้อาวุโส ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” จื่อฉียังคงไม่เข้าใจ

“จื่อฉี ข้าบอกเจ้าได้เพียงแค่ว่าผู้อาวุโสปู้หุ่ยจะมีความสุขมากในภพชาติหน้า ชาตินี้เขาอับโชคต้องติดอยู่ในวังวนที่ยุ่งเหยิง นี่ถือเป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่งของผู้อาวุโส เจ้าว่าเหตุใดดวงตาทั้งสองข้างของผู้อาวุโสถึงเป็นสีแดง นั่นเป็นเพราะดวงตาทั้งสองข้างของเขาสะกดเชื้อพระวงศ์ของเผ่ามารรัตติกาลเอาไว้ นอกเสียจากว่าพลังนี้จะถูกดูดซึมไป มิเช่นนั้นผู้อาวุโสจะไม่มีตุดจบที่ดี” หลิวหลีอธิบาย

“ข้ามีดวงตากิเลนไปก็ไร้ประโยชน์ แม้แต่เรื่องนี้ยังมองไม่เห็น ข้ายังมีข้อบกพร่องอีกมากจริงด้วย” จื่อฉีเย้ยหยันตนเอง

“จื่อฉี เรืองนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าไม่เคยพูดเรื่องเผ่ามารรัตติกาลกับเจ้า ตอนนี้ยังมีกลุ่มคนที่เหลืออยู่ของเผ่ามารรัตติกาล ผ่านวันและเวลาก็เติบโตขึ้นมา แต่ในบรรดาผู้ที่หลงเหลืออยู่ สายเลือดที่สูงส่งที่สุดนั้นคือราชา เขาทำได้เพียงดูดซับสายเลือดราชวงศ์ของเผ่าถึงจะบรรลุเป็นจักรพรรดิเซียนได้ แล้วเผ่ามารรัตติกาลที่หลงเหลืออยู่ถึงจะยอมรับเขาอย่างสมบูรณ์ ถึงจะมีความสามารถก่อกวนโลกเซียนให้ตกอยู่ในความวุ่นวายได้” หลิวหลีพูด

“คนที่หลงเหลืออยู่ของเผ่ามารรัตติกาล ความชั่วร้ายนี่อยู่ยาวนานจริงๆ” ในตอนนี้จื่อฉีเกลียดชังคนที่เหลืออยู่ของเผ่ามารรัตติกาลอย่างมาก

“ยังไม่ถึงเวลา จื่อฉี เจ้าจำเป็นต้องพัฒนาพลังบำเพ็ญเพียรของเจ้า อีกอย่าง เจ้ามาหาข้าคงมีเรื่องอื่นอีกกระมัง” หลิวหลีลูบหน้าอกตนเอง ชาไปหมดแล้ว โดนทำร้ายจนไร้ซึ่งความรู้สึกไปแล้ว

“ใช่ เมื่อครู่บอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่ามู่มู่ตั้งครรภ์แล้วอยากกินปลาต้มผักกาดดองที่ท่านพี่ทำ” จื่อฉีเข้าใจ ท่านพี่บอกว่ายังไม่ถึงเวลา ก็แปลว่ายังไม่ถึงเวลาจริงๆ เขารอได้ รอจนถึงวันนั้นที่เขาจะได้แก้แค้นให้ผู้อาวุโส

“ตกลง ไปเถอะจื่อฉี ต่อไปก็คงไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้ว” หลิวหลีพูดพลางมองไปรอบๆ

“น้องหญิง จื่อฉี พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ มีคนมาแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนพูด

“ได้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีนักที่จะเปิดเผยเรื่องที่เรารู้จักกับผู้อาวุโสปู้หุ่ย” หลิวหลีพยักหน้า ทั้งสามรีบเดินออกไป คลาดกับอสูรเทพและผู้นำทั้งห้าสกุลพอดี

“บรรพชนปู้หุ่ยสลายกลายเป็นฝุ่นธุลีไปแล้วจริงๆ เช่นนั้นปีศาจเผ่ามารรัตติกาลที่ถูกสะกดไว้ก็น่าจะตายแล้วเหมือนกัน ข้าไม่เคยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของนางเลย” เอ๋าเฟิงพูด

“นั่นสิ ต้องยอมรับเลยว่าพวกเราติดค้างบรรพบุรุษปู้หุ่ยมาก” หลงเฟยหยางพูด

“ท่านพี่ ท่านจะไปวังนภาพฤกษากับข้าจะดูไม่ดีหรือไม่” จื่อฉีเห็นหลิวหลีจะไปวังนภาพฤกษากับตน ก็ขัดขืนน้อยๆ เขาเป็นคนมีแม่ยาย เดี๋ยวแม่ยายจะคิดว่าเขาไร้ซึ่งความกล้าหาญหรือเปล่านะ พาท่านพี่กลับไปด้วยจะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่

“นี่ นี่เจ้ากำลังกลัวว่าจักรพรรดินีนภาพฤกษาจะคิดมากหรือ เฮ้อ จื่อฉีน้อยของข้าโตขึ้นแล้วนะ จริงสิ จะเป็นพ่อคนอยู่แล้วไม่โตขึ้นก็คงไม่ถูก” หลิวหลีทอดถอนใจ คิดไม่ถึงว่าจื่อฉีจะคิดเช่นนี้ นางพลันรู้สึกใจหายเหมือนลูกของตนเองโตขึ้นอย่างไรอย่างนั้น

“เหอะๆ” จื่อฉีไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำได้เพียงยิ้มแหยๆ

“ไม่เป็นไร เจ้าวางใจเถอะ ข้าไป จักรพรรดินีนภาพฤกษาไม่มีทางว่าอะไร แถมยังจะต้อนรับข้าอย่างดีด้วย” หลิวหลีพูดยืนยัน

“อีกอย่าง ข้าคงไม่อยู่นานนักอย่างไรเสียพวกเราก็ดูดซับพลังมาไม่น้อย ควรจะเข้าฌานเพื่อย่อยสลายเสียหน่อย ข้าแค่อยากเห็นสถานการณ์ของมู่มู่ด้วยตัวเองถึงจะวางใจ” หลิวหลีพูดต่อ แต่จากจุดนี้ก็รู้แล้วว่าทั้งสองอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

“ท่านพี่พูดถูก” เขาก็ต้องการแบบนั้นเช่นกัน อีกอย่างถึงแม้ว่าเขาจะพูดเช่นนี้ แต่เขาก็ไว้ใจหลิวหลีมากกว่า ในใจของจื่อฉี คนที่เลี้ยงเด็กได้เก่งที่สุดก็คือท่านพี่ของเขา ใครก็สู้นางไม่ได้ ดูจากที่เลี้ยงดูเขามาจนถึงปิงเซียวกับเหลยรุ่ยก็รู้แล้ว

“เจ้าเด็กนี่ ตอนนี้มู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว เจ้าต้องรักนางให้มากขึ้นกว่าเดิม เจ้าก็เห็นแล้วว่าพี่อิงเสวี่ยของเจ้าคลอดลูกยาก จงรู้ไว้ว่าผู้หญิง โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญหญิงต้องลำบากมากแค่ไหน” หลิวหลีถือโอกาสสั่งสอนน้องชาย

“ท่านพี่ข้าเข้าใจแล้ว” พี่อาเลี่ยกับพี่อิงเสวี่ยต้องรักษาตัวนานแค่ไหน ทำไมเขาจะไม่รู้

“จริงสิ ท่านพี่ พี่เขยไม่ไปกับพวกเราด้วยหรือ” จื่อฉีสงสัย พี่เขยที่ไม่เคยห่างจากฮูหยินของตนเองแม้แต่นิดคนนั้นไปไหนเสียแล้ว

“วังนภาธารามีเรื่องน่ะ พี่เขยของเจ้าเลยกลับไปแล้ว ไปเข้าฌานย่อยพลังที่วังนภาธาราพอดี” หลิวหลีพูด

“เป็นเช่นนี้นี่เอง ถ้าเช่นนั้นท่านพี่เยี่ยมมู่มู่เสร็จแล้วก็จะกลับวังนภาเพลิงเลยหรือ?” จื่อฉีถาม

“ถูกต้อง ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสบายใจได้เท่ากับตำหนักของตัวเองอีกแล้ว อีกอย่างข้าไม่อยากกลับดินแดนอสูรเทพชั่วคราว” เรื่องราวที่ทำร้ายจิตใจนั้นยากจะลืม แต่ตอนนี้มู่มู่ก็มีลูกแล้ว วาสนาเรื่องลูกของนางจะมาเมื่อไหร่กัน

“หลิวหลี ดีจริงๆที่เจ้ามา” จักรพรรดินีนภาพฤกษาต้อนรับหลิวหลีอย่างอบอุ่น นี่คือคนสำคัญ โดยเฉพาะกับเด็กและหญิงตั้งครรภ์ ไม่รู้ว่าคนอิจฉาอิงเสวี่ยไปเท่าไหร่ หลิวหลีไม่เพียงแต่ช่วยเด็กทั้งสองคนไว้ แถมยังสั่งสอนเลี้ยงดูเด็กทั้งสองได้ดีขนาดนั้นอีก

“ขอบพระทัยจักรพรรดินีเพคะ” หลิวหลีพูดอย่างมีมารยาท

“พูดอะไรแบบนั้น พวกเราเป็นญาติสนิทกันทั้งนั้น อีกอย่างข้าอยากให้เจ้าช่วยดูมู่มู่ให้หน่อยได้หรือไม่” เฮ้อ ถ้าถามว่าจักรพรรดินีนภาพฤกษาไว้ใจใครที่สุดก็คงจะเป็นหลิวหลี อย่างไม่มีเหตุผล

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 307

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 307 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 307

“ผู้อาวุโส ผู้อาวุโส” จื่อฉีไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก เหตุใดร่างของผู้อาวุโสถึงได้สลายไป นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดเจอกันอีกครั้งแล้วต้องจากกันตลอดกาล

“จื่อฉี เจ้าเป็นเด็กดี ภารกิจของผู้อาวุโสสำเร็จแล้ว ข้าหลุดพ้นแล้ว พี่สาวของเจ้าบอกแล้วว่าข้าจะได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ข้าหวังว่าพวกเราจะได้เจอกันอีก” จ้านปู้หุ่ยพูดพลางมองจื่อฉีที่กำลังร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า ส่วนสามีภรรยาที่อยู่ด้านข้างสงบนิ่งลงมากแล้ว

“หลิวหลี ขอบใจเจ้ามาก ข้าได้ทำตามความปรารถนาแล้ว แต่ในช่วงสุดท้ายในชีวิต ข้าอยากได้ยินเจ้าเรียกข้าว่าบรรพชนสักครั้ง ข้ารู้ว่าเจ้ามีสายเลือดสกุลจ้าน” จ้านปู้หุ่ยกล่าว

“บรรพชน” หลิวหลีเรียกออกมา บรรพชนของสกุลจ้าน ผู้อาวุโสปู้หุ่ยคงอยากมีทายาทกระมัง

“ดีๆ เจ้าหนู ดูแลนังหนูสกุลจ้านของข้าให้ดีล่ะ” จ้านปู้หุ่ยเอ่ยประโยคสุดท้าย ก่อนจะกลายเป็นแสงสีทองแล้วสลายไป

“บรรพชน” หลิวหลีมองจุดสีทองสลายไป ผู้คนในดินแดนอสูรเทพจะรับรู้สิ่งที่ผู้อาวุโสทำไปบ้างหรือไม่

“ท่านพี่ ข้ายังไม่ได้บอกบรรพชนเลยว่ามู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว ข้าจะได้เป็นพ่อคนแล้ว” จื่อฉีพูดอย่างโศกเศร้า หางตามีคราบน้ำตาอยู่

“ผู้อาวุโสจะต้องดีใจกับเจ้าแน่ เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นพ่อคนแล้ว” ก่อนหน้านี้หลิวหลียังเสียใจอยู่ วินาทีต่อมากลับรู้สึกราวกับถูกตบ จื่อฉีจะเป็นพ่อแล้ว จื่อฉีที่นางเลี้ยงมากับมือจะเป็นพ่อคนแล้ว จื่อฉี เจ้าเด็กร้ายกาจ ขยันอะไรขนาดนั้น ไม่รู้หรือว่าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรต้องบำเพ็ญเพียรเป็นหลัก ไม่ใช่ว่าจะหมดหวังกับการบรรรลุสักหน่อยจะรีบทำลูกออกมาทำไมกัน นางยังไม่หายเสียใจจากเรื่องของเอ๋าเลี่ยกับอิงเสวี่ยเลย เจ้าเด็กนี่ก็มาทำร้ายจิตใจนางอีก ทำไมนะทำไม มีแต่นางที่ไม่มีข่าวคราวอะไรบ้างเลย

หนานกงเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างๆประหนึ่งน้ำแข็งก้อนยักษ์ ร่างกายแผ่ไอเย็นออกมา เจ้าเด็กนี้มาเพื่อยั่วโมโหเขากระมัง เขาที่แต่งงานเร็วที่สุดจนถึงตอนนี้ก็ไร้ซึ่งข่าวคราวใด รู้สึกเหมือนโดนดูถูกโดยไม่ต้องใช้คำพูดใด เขาต้องเข้าฌานแล้ว ไม่ใช่ว่าอสูรเทพมีลูกยากไม่ใช่หรือ เหตุใดสหายคู่นี้ของเขาถึงได้รวดเร็วเช่นนี้ หรือว่ามีเคล็ดลับอะไร

“ใช่ มู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว ข้าอยากบอกท่านพี่ว่านางอยากกินปลาต้มผักกาดดองที่ท่านทำ สุดท้ายพี่อาเลี่ยบอกว่าไม่รู้ว่าท่านไปไหน จึงอยากจะมาบอกกับผู้อาวุโส แต่ใครจะรู้ว่าผู้อาวุโส ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” จื่อฉียังคงไม่เข้าใจ

“จื่อฉี ข้าบอกเจ้าได้เพียงแค่ว่าผู้อาวุโสปู้หุ่ยจะมีความสุขมากในภพชาติหน้า ชาตินี้เขาอับโชคต้องติดอยู่ในวังวนที่ยุ่งเหยิง นี่ถือเป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่งของผู้อาวุโส เจ้าว่าเหตุใดดวงตาทั้งสองข้างของผู้อาวุโสถึงเป็นสีแดง นั่นเป็นเพราะดวงตาทั้งสองข้างของเขาสะกดเชื้อพระวงศ์ของเผ่ามารรัตติกาลเอาไว้ นอกเสียจากว่าพลังนี้จะถูกดูดซึมไป มิเช่นนั้นผู้อาวุโสจะไม่มีตุดจบที่ดี” หลิวหลีอธิบาย

“ข้ามีดวงตากิเลนไปก็ไร้ประโยชน์ แม้แต่เรื่องนี้ยังมองไม่เห็น ข้ายังมีข้อบกพร่องอีกมากจริงด้วย” จื่อฉีเย้ยหยันตนเอง

“จื่อฉี เรืองนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าไม่เคยพูดเรื่องเผ่ามารรัตติกาลกับเจ้า ตอนนี้ยังมีกลุ่มคนที่เหลืออยู่ของเผ่ามารรัตติกาล ผ่านวันและเวลาก็เติบโตขึ้นมา แต่ในบรรดาผู้ที่หลงเหลืออยู่ สายเลือดที่สูงส่งที่สุดนั้นคือราชา เขาทำได้เพียงดูดซับสายเลือดราชวงศ์ของเผ่าถึงจะบรรลุเป็นจักรพรรดิเซียนได้ แล้วเผ่ามารรัตติกาลที่หลงเหลืออยู่ถึงจะยอมรับเขาอย่างสมบูรณ์ ถึงจะมีความสามารถก่อกวนโลกเซียนให้ตกอยู่ในความวุ่นวายได้” หลิวหลีพูด

“คนที่หลงเหลืออยู่ของเผ่ามารรัตติกาล ความชั่วร้ายนี่อยู่ยาวนานจริงๆ” ในตอนนี้จื่อฉีเกลียดชังคนที่เหลืออยู่ของเผ่ามารรัตติกาลอย่างมาก

“ยังไม่ถึงเวลา จื่อฉี เจ้าจำเป็นต้องพัฒนาพลังบำเพ็ญเพียรของเจ้า อีกอย่าง เจ้ามาหาข้าคงมีเรื่องอื่นอีกกระมัง” หลิวหลีลูบหน้าอกตนเอง ชาไปหมดแล้ว โดนทำร้ายจนไร้ซึ่งความรู้สึกไปแล้ว

“ใช่ เมื่อครู่บอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่ามู่มู่ตั้งครรภ์แล้วอยากกินปลาต้มผักกาดดองที่ท่านพี่ทำ” จื่อฉีเข้าใจ ท่านพี่บอกว่ายังไม่ถึงเวลา ก็แปลว่ายังไม่ถึงเวลาจริงๆ เขารอได้ รอจนถึงวันนั้นที่เขาจะได้แก้แค้นให้ผู้อาวุโส

“ตกลง ไปเถอะจื่อฉี ต่อไปก็คงไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้ว” หลิวหลีพูดพลางมองไปรอบๆ

“น้องหญิง จื่อฉี พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ มีคนมาแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนพูด

“ได้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีนักที่จะเปิดเผยเรื่องที่เรารู้จักกับผู้อาวุโสปู้หุ่ย” หลิวหลีพยักหน้า ทั้งสามรีบเดินออกไป คลาดกับอสูรเทพและผู้นำทั้งห้าสกุลพอดี

“บรรพชนปู้หุ่ยสลายกลายเป็นฝุ่นธุลีไปแล้วจริงๆ เช่นนั้นปีศาจเผ่ามารรัตติกาลที่ถูกสะกดไว้ก็น่าจะตายแล้วเหมือนกัน ข้าไม่เคยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของนางเลย” เอ๋าเฟิงพูด

“นั่นสิ ต้องยอมรับเลยว่าพวกเราติดค้างบรรพบุรุษปู้หุ่ยมาก” หลงเฟยหยางพูด

“ท่านพี่ ท่านจะไปวังนภาพฤกษากับข้าจะดูไม่ดีหรือไม่” จื่อฉีเห็นหลิวหลีจะไปวังนภาพฤกษากับตน ก็ขัดขืนน้อยๆ เขาเป็นคนมีแม่ยาย เดี๋ยวแม่ยายจะคิดว่าเขาไร้ซึ่งความกล้าหาญหรือเปล่านะ พาท่านพี่กลับไปด้วยจะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่

“นี่ นี่เจ้ากำลังกลัวว่าจักรพรรดินีนภาพฤกษาจะคิดมากหรือ เฮ้อ จื่อฉีน้อยของข้าโตขึ้นแล้วนะ จริงสิ จะเป็นพ่อคนอยู่แล้วไม่โตขึ้นก็คงไม่ถูก” หลิวหลีทอดถอนใจ คิดไม่ถึงว่าจื่อฉีจะคิดเช่นนี้ นางพลันรู้สึกใจหายเหมือนลูกของตนเองโตขึ้นอย่างไรอย่างนั้น

“เหอะๆ” จื่อฉีไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำได้เพียงยิ้มแหยๆ

“ไม่เป็นไร เจ้าวางใจเถอะ ข้าไป จักรพรรดินีนภาพฤกษาไม่มีทางว่าอะไร แถมยังจะต้อนรับข้าอย่างดีด้วย” หลิวหลีพูดยืนยัน

“อีกอย่าง ข้าคงไม่อยู่นานนักอย่างไรเสียพวกเราก็ดูดซับพลังมาไม่น้อย ควรจะเข้าฌานเพื่อย่อยสลายเสียหน่อย ข้าแค่อยากเห็นสถานการณ์ของมู่มู่ด้วยตัวเองถึงจะวางใจ” หลิวหลีพูดต่อ แต่จากจุดนี้ก็รู้แล้วว่าทั้งสองอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

“ท่านพี่พูดถูก” เขาก็ต้องการแบบนั้นเช่นกัน อีกอย่างถึงแม้ว่าเขาจะพูดเช่นนี้ แต่เขาก็ไว้ใจหลิวหลีมากกว่า ในใจของจื่อฉี คนที่เลี้ยงเด็กได้เก่งที่สุดก็คือท่านพี่ของเขา ใครก็สู้นางไม่ได้ ดูจากที่เลี้ยงดูเขามาจนถึงปิงเซียวกับเหลยรุ่ยก็รู้แล้ว

“เจ้าเด็กนี่ ตอนนี้มู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว เจ้าต้องรักนางให้มากขึ้นกว่าเดิม เจ้าก็เห็นแล้วว่าพี่อิงเสวี่ยของเจ้าคลอดลูกยาก จงรู้ไว้ว่าผู้หญิง โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญหญิงต้องลำบากมากแค่ไหน” หลิวหลีถือโอกาสสั่งสอนน้องชาย

“ท่านพี่ข้าเข้าใจแล้ว” พี่อาเลี่ยกับพี่อิงเสวี่ยต้องรักษาตัวนานแค่ไหน ทำไมเขาจะไม่รู้

“จริงสิ ท่านพี่ พี่เขยไม่ไปกับพวกเราด้วยหรือ” จื่อฉีสงสัย พี่เขยที่ไม่เคยห่างจากฮูหยินของตนเองแม้แต่นิดคนนั้นไปไหนเสียแล้ว

“วังนภาธารามีเรื่องน่ะ พี่เขยของเจ้าเลยกลับไปแล้ว ไปเข้าฌานย่อยพลังที่วังนภาธาราพอดี” หลิวหลีพูด

“เป็นเช่นนี้นี่เอง ถ้าเช่นนั้นท่านพี่เยี่ยมมู่มู่เสร็จแล้วก็จะกลับวังนภาเพลิงเลยหรือ?” จื่อฉีถาม

“ถูกต้อง ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสบายใจได้เท่ากับตำหนักของตัวเองอีกแล้ว อีกอย่างข้าไม่อยากกลับดินแดนอสูรเทพชั่วคราว” เรื่องราวที่ทำร้ายจิตใจนั้นยากจะลืม แต่ตอนนี้มู่มู่ก็มีลูกแล้ว วาสนาเรื่องลูกของนางจะมาเมื่อไหร่กัน

“หลิวหลี ดีจริงๆที่เจ้ามา” จักรพรรดินีนภาพฤกษาต้อนรับหลิวหลีอย่างอบอุ่น นี่คือคนสำคัญ โดยเฉพาะกับเด็กและหญิงตั้งครรภ์ ไม่รู้ว่าคนอิจฉาอิงเสวี่ยไปเท่าไหร่ หลิวหลีไม่เพียงแต่ช่วยเด็กทั้งสองคนไว้ แถมยังสั่งสอนเลี้ยงดูเด็กทั้งสองได้ดีขนาดนั้นอีก

“ขอบพระทัยจักรพรรดินีเพคะ” หลิวหลีพูดอย่างมีมารยาท

“พูดอะไรแบบนั้น พวกเราเป็นญาติสนิทกันทั้งนั้น อีกอย่างข้าอยากให้เจ้าช่วยดูมู่มู่ให้หน่อยได้หรือไม่” เฮ้อ ถ้าถามว่าจักรพรรดินีนภาพฤกษาไว้ใจใครที่สุดก็คงจะเป็นหลิวหลี อย่างไม่มีเหตุผล

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 307

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 307 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 307

“ผู้อาวุโส ผู้อาวุโส” จื่อฉีไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก เหตุใดร่างของผู้อาวุโสถึงได้สลายไป นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดเจอกันอีกครั้งแล้วต้องจากกันตลอดกาล

“จื่อฉี เจ้าเป็นเด็กดี ภารกิจของผู้อาวุโสสำเร็จแล้ว ข้าหลุดพ้นแล้ว พี่สาวของเจ้าบอกแล้วว่าข้าจะได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ข้าหวังว่าพวกเราจะได้เจอกันอีก” จ้านปู้หุ่ยพูดพลางมองจื่อฉีที่กำลังร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า ส่วนสามีภรรยาที่อยู่ด้านข้างสงบนิ่งลงมากแล้ว

“หลิวหลี ขอบใจเจ้ามาก ข้าได้ทำตามความปรารถนาแล้ว แต่ในช่วงสุดท้ายในชีวิต ข้าอยากได้ยินเจ้าเรียกข้าว่าบรรพชนสักครั้ง ข้ารู้ว่าเจ้ามีสายเลือดสกุลจ้าน” จ้านปู้หุ่ยกล่าว

“บรรพชน” หลิวหลีเรียกออกมา บรรพชนของสกุลจ้าน ผู้อาวุโสปู้หุ่ยคงอยากมีทายาทกระมัง

“ดีๆ เจ้าหนู ดูแลนังหนูสกุลจ้านของข้าให้ดีล่ะ” จ้านปู้หุ่ยเอ่ยประโยคสุดท้าย ก่อนจะกลายเป็นแสงสีทองแล้วสลายไป

“บรรพชน” หลิวหลีมองจุดสีทองสลายไป ผู้คนในดินแดนอสูรเทพจะรับรู้สิ่งที่ผู้อาวุโสทำไปบ้างหรือไม่

“ท่านพี่ ข้ายังไม่ได้บอกบรรพชนเลยว่ามู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว ข้าจะได้เป็นพ่อคนแล้ว” จื่อฉีพูดอย่างโศกเศร้า หางตามีคราบน้ำตาอยู่

“ผู้อาวุโสจะต้องดีใจกับเจ้าแน่ เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นพ่อคนแล้ว” ก่อนหน้านี้หลิวหลียังเสียใจอยู่ วินาทีต่อมากลับรู้สึกราวกับถูกตบ จื่อฉีจะเป็นพ่อแล้ว จื่อฉีที่นางเลี้ยงมากับมือจะเป็นพ่อคนแล้ว จื่อฉี เจ้าเด็กร้ายกาจ ขยันอะไรขนาดนั้น ไม่รู้หรือว่าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรต้องบำเพ็ญเพียรเป็นหลัก ไม่ใช่ว่าจะหมดหวังกับการบรรรลุสักหน่อยจะรีบทำลูกออกมาทำไมกัน นางยังไม่หายเสียใจจากเรื่องของเอ๋าเลี่ยกับอิงเสวี่ยเลย เจ้าเด็กนี่ก็มาทำร้ายจิตใจนางอีก ทำไมนะทำไม มีแต่นางที่ไม่มีข่าวคราวอะไรบ้างเลย

หนานกงเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างๆประหนึ่งน้ำแข็งก้อนยักษ์ ร่างกายแผ่ไอเย็นออกมา เจ้าเด็กนี้มาเพื่อยั่วโมโหเขากระมัง เขาที่แต่งงานเร็วที่สุดจนถึงตอนนี้ก็ไร้ซึ่งข่าวคราวใด รู้สึกเหมือนโดนดูถูกโดยไม่ต้องใช้คำพูดใด เขาต้องเข้าฌานแล้ว ไม่ใช่ว่าอสูรเทพมีลูกยากไม่ใช่หรือ เหตุใดสหายคู่นี้ของเขาถึงได้รวดเร็วเช่นนี้ หรือว่ามีเคล็ดลับอะไร

“ใช่ มู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว ข้าอยากบอกท่านพี่ว่านางอยากกินปลาต้มผักกาดดองที่ท่านทำ สุดท้ายพี่อาเลี่ยบอกว่าไม่รู้ว่าท่านไปไหน จึงอยากจะมาบอกกับผู้อาวุโส แต่ใครจะรู้ว่าผู้อาวุโส ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” จื่อฉียังคงไม่เข้าใจ

“จื่อฉี ข้าบอกเจ้าได้เพียงแค่ว่าผู้อาวุโสปู้หุ่ยจะมีความสุขมากในภพชาติหน้า ชาตินี้เขาอับโชคต้องติดอยู่ในวังวนที่ยุ่งเหยิง นี่ถือเป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่งของผู้อาวุโส เจ้าว่าเหตุใดดวงตาทั้งสองข้างของผู้อาวุโสถึงเป็นสีแดง นั่นเป็นเพราะดวงตาทั้งสองข้างของเขาสะกดเชื้อพระวงศ์ของเผ่ามารรัตติกาลเอาไว้ นอกเสียจากว่าพลังนี้จะถูกดูดซึมไป มิเช่นนั้นผู้อาวุโสจะไม่มีตุดจบที่ดี” หลิวหลีอธิบาย

“ข้ามีดวงตากิเลนไปก็ไร้ประโยชน์ แม้แต่เรื่องนี้ยังมองไม่เห็น ข้ายังมีข้อบกพร่องอีกมากจริงด้วย” จื่อฉีเย้ยหยันตนเอง

“จื่อฉี เรืองนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าไม่เคยพูดเรื่องเผ่ามารรัตติกาลกับเจ้า ตอนนี้ยังมีกลุ่มคนที่เหลืออยู่ของเผ่ามารรัตติกาล ผ่านวันและเวลาก็เติบโตขึ้นมา แต่ในบรรดาผู้ที่หลงเหลืออยู่ สายเลือดที่สูงส่งที่สุดนั้นคือราชา เขาทำได้เพียงดูดซับสายเลือดราชวงศ์ของเผ่าถึงจะบรรลุเป็นจักรพรรดิเซียนได้ แล้วเผ่ามารรัตติกาลที่หลงเหลืออยู่ถึงจะยอมรับเขาอย่างสมบูรณ์ ถึงจะมีความสามารถก่อกวนโลกเซียนให้ตกอยู่ในความวุ่นวายได้” หลิวหลีพูด

“คนที่หลงเหลืออยู่ของเผ่ามารรัตติกาล ความชั่วร้ายนี่อยู่ยาวนานจริงๆ” ในตอนนี้จื่อฉีเกลียดชังคนที่เหลืออยู่ของเผ่ามารรัตติกาลอย่างมาก

“ยังไม่ถึงเวลา จื่อฉี เจ้าจำเป็นต้องพัฒนาพลังบำเพ็ญเพียรของเจ้า อีกอย่าง เจ้ามาหาข้าคงมีเรื่องอื่นอีกกระมัง” หลิวหลีลูบหน้าอกตนเอง ชาไปหมดแล้ว โดนทำร้ายจนไร้ซึ่งความรู้สึกไปแล้ว

“ใช่ เมื่อครู่บอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่ามู่มู่ตั้งครรภ์แล้วอยากกินปลาต้มผักกาดดองที่ท่านพี่ทำ” จื่อฉีเข้าใจ ท่านพี่บอกว่ายังไม่ถึงเวลา ก็แปลว่ายังไม่ถึงเวลาจริงๆ เขารอได้ รอจนถึงวันนั้นที่เขาจะได้แก้แค้นให้ผู้อาวุโส

“ตกลง ไปเถอะจื่อฉี ต่อไปก็คงไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้ว” หลิวหลีพูดพลางมองไปรอบๆ

“น้องหญิง จื่อฉี พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ มีคนมาแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนพูด

“ได้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีนักที่จะเปิดเผยเรื่องที่เรารู้จักกับผู้อาวุโสปู้หุ่ย” หลิวหลีพยักหน้า ทั้งสามรีบเดินออกไป คลาดกับอสูรเทพและผู้นำทั้งห้าสกุลพอดี

“บรรพชนปู้หุ่ยสลายกลายเป็นฝุ่นธุลีไปแล้วจริงๆ เช่นนั้นปีศาจเผ่ามารรัตติกาลที่ถูกสะกดไว้ก็น่าจะตายแล้วเหมือนกัน ข้าไม่เคยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของนางเลย” เอ๋าเฟิงพูด

“นั่นสิ ต้องยอมรับเลยว่าพวกเราติดค้างบรรพบุรุษปู้หุ่ยมาก” หลงเฟยหยางพูด

“ท่านพี่ ท่านจะไปวังนภาพฤกษากับข้าจะดูไม่ดีหรือไม่” จื่อฉีเห็นหลิวหลีจะไปวังนภาพฤกษากับตน ก็ขัดขืนน้อยๆ เขาเป็นคนมีแม่ยาย เดี๋ยวแม่ยายจะคิดว่าเขาไร้ซึ่งความกล้าหาญหรือเปล่านะ พาท่านพี่กลับไปด้วยจะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่

“นี่ นี่เจ้ากำลังกลัวว่าจักรพรรดินีนภาพฤกษาจะคิดมากหรือ เฮ้อ จื่อฉีน้อยของข้าโตขึ้นแล้วนะ จริงสิ จะเป็นพ่อคนอยู่แล้วไม่โตขึ้นก็คงไม่ถูก” หลิวหลีทอดถอนใจ คิดไม่ถึงว่าจื่อฉีจะคิดเช่นนี้ นางพลันรู้สึกใจหายเหมือนลูกของตนเองโตขึ้นอย่างไรอย่างนั้น

“เหอะๆ” จื่อฉีไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำได้เพียงยิ้มแหยๆ

“ไม่เป็นไร เจ้าวางใจเถอะ ข้าไป จักรพรรดินีนภาพฤกษาไม่มีทางว่าอะไร แถมยังจะต้อนรับข้าอย่างดีด้วย” หลิวหลีพูดยืนยัน

“อีกอย่าง ข้าคงไม่อยู่นานนักอย่างไรเสียพวกเราก็ดูดซับพลังมาไม่น้อย ควรจะเข้าฌานเพื่อย่อยสลายเสียหน่อย ข้าแค่อยากเห็นสถานการณ์ของมู่มู่ด้วยตัวเองถึงจะวางใจ” หลิวหลีพูดต่อ แต่จากจุดนี้ก็รู้แล้วว่าทั้งสองอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

“ท่านพี่พูดถูก” เขาก็ต้องการแบบนั้นเช่นกัน อีกอย่างถึงแม้ว่าเขาจะพูดเช่นนี้ แต่เขาก็ไว้ใจหลิวหลีมากกว่า ในใจของจื่อฉี คนที่เลี้ยงเด็กได้เก่งที่สุดก็คือท่านพี่ของเขา ใครก็สู้นางไม่ได้ ดูจากที่เลี้ยงดูเขามาจนถึงปิงเซียวกับเหลยรุ่ยก็รู้แล้ว

“เจ้าเด็กนี่ ตอนนี้มู่มู่ตั้งครรภ์แล้ว เจ้าต้องรักนางให้มากขึ้นกว่าเดิม เจ้าก็เห็นแล้วว่าพี่อิงเสวี่ยของเจ้าคลอดลูกยาก จงรู้ไว้ว่าผู้หญิง โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญหญิงต้องลำบากมากแค่ไหน” หลิวหลีถือโอกาสสั่งสอนน้องชาย

“ท่านพี่ข้าเข้าใจแล้ว” พี่อาเลี่ยกับพี่อิงเสวี่ยต้องรักษาตัวนานแค่ไหน ทำไมเขาจะไม่รู้

“จริงสิ ท่านพี่ พี่เขยไม่ไปกับพวกเราด้วยหรือ” จื่อฉีสงสัย พี่เขยที่ไม่เคยห่างจากฮูหยินของตนเองแม้แต่นิดคนนั้นไปไหนเสียแล้ว

“วังนภาธารามีเรื่องน่ะ พี่เขยของเจ้าเลยกลับไปแล้ว ไปเข้าฌานย่อยพลังที่วังนภาธาราพอดี” หลิวหลีพูด

“เป็นเช่นนี้นี่เอง ถ้าเช่นนั้นท่านพี่เยี่ยมมู่มู่เสร็จแล้วก็จะกลับวังนภาเพลิงเลยหรือ?” จื่อฉีถาม

“ถูกต้อง ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสบายใจได้เท่ากับตำหนักของตัวเองอีกแล้ว อีกอย่างข้าไม่อยากกลับดินแดนอสูรเทพชั่วคราว” เรื่องราวที่ทำร้ายจิตใจนั้นยากจะลืม แต่ตอนนี้มู่มู่ก็มีลูกแล้ว วาสนาเรื่องลูกของนางจะมาเมื่อไหร่กัน

“หลิวหลี ดีจริงๆที่เจ้ามา” จักรพรรดินีนภาพฤกษาต้อนรับหลิวหลีอย่างอบอุ่น นี่คือคนสำคัญ โดยเฉพาะกับเด็กและหญิงตั้งครรภ์ ไม่รู้ว่าคนอิจฉาอิงเสวี่ยไปเท่าไหร่ หลิวหลีไม่เพียงแต่ช่วยเด็กทั้งสองคนไว้ แถมยังสั่งสอนเลี้ยงดูเด็กทั้งสองได้ดีขนาดนั้นอีก

“ขอบพระทัยจักรพรรดินีเพคะ” หลิวหลีพูดอย่างมีมารยาท

“พูดอะไรแบบนั้น พวกเราเป็นญาติสนิทกันทั้งนั้น อีกอย่างข้าอยากให้เจ้าช่วยดูมู่มู่ให้หน่อยได้หรือไม่” เฮ้อ ถ้าถามว่าจักรพรรดินีนภาพฤกษาไว้ใจใครที่สุดก็คงจะเป็นหลิวหลี อย่างไม่มีเหตุผล

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+