แม่ครัวยอดเซียน 398

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 398 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไม่คุยเรื่องส่วนตัวพวกนี้แล้ว เป็นอย่างไรบ้างพี่จ้าน หลิวหลีมีประสบการณ์มาก ทำให้พวกเจ้าได้ประโยชน์กันมากเลยใช่ไหม” หลงเหยียนจิ่งที่ไม่รู้เรื่องราว มองจ้านเฟิงด้วยใบหน้าคาดหวัง

“ใช้ได้นี่ ประมุขเทพอัคคีที่แท้จริงมีความรู้ ถือว่าทำให้คนอื่นได้ความรู้จริงๆ” จ้านเฟิงตอบกลับหน้าด้านๆ

“ก็จริง เดาว่านังหนูคงยังไม่ได้บอกเรื่องทั้งหมดกับพวกเจ้า นางน่ะเป็นคนที่ปรุงยาด้วยมือเปล่าได้ พวกเจ้า หรือแม้แต่ข้าก็ยังทำไม่ได้” หลงเหยียนจิ่งพูดอย่างโอ้อวด แต่สิ่งที่ตอบกลับมานั้นก็คือใบหน้าประหลาดใจของทุกคน ปรุงยามือเปล่า ไม่ต้องใช้เตาหลอมยา เป็นไปได้อย่างไร

“สีหน้าของพวกเจ้าแปลว่าไม่เคยเห็น” หลงเหยียนจิ่งมาพบในภายหลังว่าบรรยากาศออกจะพิกลน้อยๆ

“ผู้อาวุโส ท่านเพิ่งมาถึงนั่งพักก่อนเถอะ อีกประเดี๋ยวไปพักผ่อนที่บ้านของข้า ในฐานะที่ข้าเป็นประมุขเทพ ข้าจะสอนการปรุงยาด้วยมือเปล่าให้พวกเจ้าก็ย่อมได้ ส่วนพวกเจ้าจะเรียนรู้ได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเจ้าแล้ว งานชุมนุมยาศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ก็ควรสิ้นสุดลงได้แล้ว” หลิวหลีไม่มีอารมณ์มาเถียงด้วย น่าเบื่อ ยิ่งไปกว่านั้นได้เจอคนสนิทแล้ว ไปรำลึกความหลังกับสหายยังดูน่าสนใจเสียกว่า

จากนั้นเพลิงสีม่วงก็ปรากฎขึ้นในมือนาง แล้ววัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมดก็ปรากฏขึ้น นางแบ่งเพลิงเทพออกเป็นพันดวง ควบคุมให้อุณหภูมิต่างกันเพื่อจัดการกับวัตถุดิบแต่ละชนิด ท่าทางของนางทำให้เทพนักปรุงยาทุกคนมองอย่างหลงใหล เพียงแต่ฝีมือเช่นนี้ก็ทำให้พวกเขาไร้ซึ่งข้อครหาในฝีมือนางแล้วไม่มีใครทำได้ถึงขั้นนี้ อีกทั้งดูแล้วประมุขเทพอัคคีที่แท้จริงปรุงยาได้คล่องแคล่ว ใช่แล้ว ฝีมือของนางไม่เพียงแต่ทำให้คนเหล่านี้ยอมรับนางในฐานะเทพนักปรุงยาแต่ยังเรียกนางว่าประมุขเทพอัคคีที่แท้จริงด้วยความนบนอบด้วย นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าความสามารถสามารถพิสูจน์ทุกอย่าง

พวกเขามองหลิวหลีผสมวัตถุดิบแต่ละชนิด ด้วยอุณหภูมิที่แตกต่างกัน พวกเขาเห็นความเปลี่ยนแปลงของยาในเพลิงเทพได้อย่างชัดเจน เพลิงเทพเป็นเสมือนเตาหลอม วิธีการเช่นนี้ทำให้ความภูมิใจในการเป็นเทพนักปรุงยาของพวกเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พวกเขาเทียบกับนางไม่ได้ คิดดูแล้วการกระทำของพวกเขาก่อนหน้านี้ช่างน่าขันนัก ประมุขเทพท่านนี้มาเพื่อดูเรื่องตลกแท้ๆ พวกเขาหยิ่งผยองอย่างโง่เขลาเกินไป

โดนเฉพาะตอนที่ออกเป็นยาในตอนท้ายนั้น เทพนักปรุงยาที่อัตราความสำเร็จในการปรุงยาต่ำที่สุดนั้นตั้งใจดูอย่างละเอียด ก็เข้าใจอย่างลึกซึ้ง เป็นเช่นนี้นี่เอง เมื่อนักปรุงยาเทพทุกคนได้เห็นฝีมือและยาเม็ดกลมในมือนางรวมไปถึงกลิ่นหอมของยาที่อบอวลพวกเขาก็รับรู้ได้เลยว่ายาเม็ดนี้สมบูรณ์แบบ

“ยานี้ให้พวกท่านไว้ศึกษาแล้วกัน ข้าขอลา” หลิวหลีพูดจบก็ลากหลงเหยียนจิ่งที่ยังงุนงงออกไป ยาเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือจ้านเฟิง ตัวเขาเองยังรู้สึกว่ายานี้ออกจะร้อนระอุทีเดียว ก่อนนี้พวกเขาทำตัวยโสโอหังไปมากแค่ไหน ตอนนี้ก็รู้สึกเสียใจทีหลังมากเท่านั้น โอกาสในการเรียนรู้ที่ดีมากขนาดนี้โดนพวกเขาทำลายจนสิ้นซาก

ข่าวลือที่ดังที่สุดในภูเขาเทวาคือ นอกจากประมุขเทพอัคคีที่แท้จริงแล้ว เทพนักปรุงยาทุกคนล้วนเข้าฌานกันหมด ถูกต้อง ทุกคน ถึงแม้คนกลุ่มนี้จะถูกชมเชยจนเกินจริงไป แต่ก็ดีที่รู้จักละอายใจ เมื่อจักรพรรดิเทพทั้ง 5 ท่านรู้เรื่องเข้าก็รู้สึกขอบคุณหลิวหลีอย่างมาก บวกกับวิธีการจัดการของนางยังเป็นวิธีที่ดีมาก ทำให้พวกเขาสนิทใจกับหลิวหลีมากขึ้น เพียงแต่ประมุขเทพอัคคีที่แท้จริงท่านนี้เป็นคนติดบ้าน นอกจากเกิดเรื่องหรือมีเรื่องด่วนแล้ว นางจะไม่ก้าวเท้าออกจากบ้านเด็ดขาด

เช่นนั้นแล้วคนติดบ้านอย่างหลิวหลีกำลังทำอะไรอยู่

“ผู้อาวุโส ในเมื่อท่านมาแล้วก็ไม่ต้องกลับไปแล้ว เจ้าก็เห็นแล้วว่าพืชเทพในสวนของข้านี้งอกงามเป็นอย่างดี” หลิวหลีหลอกล่อ สำหรับผู้ที่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องปรุงยา น้อยคนนักที่จะทนความเย้ายวนใจเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะเมื่อพืชเทพในสวนของนางนี้แตกต่างกับของคนทั่วไป

“ก็ได้” หลงเหยียนจิ่งตอบตกลงทันที โดยที่แทบไม่รู้ว่านางพูดอะไร สองสามีภรรยาสบตากันแล้วยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางหลงใหลราวไร้สติของอีกฝ่าย พวกเขาชอบบรรพบุรุษท่านนี้มาก หากช่วยได้ก็จะช่วยโดยไม่ปฏิเสธเลยสักครั้ง ส่วนกับผู้อาวุโสที่ไม่รู้จักแยกแยะพวกนั้น พวกเขาตัดสินใจว่าแค่พยักหน้าให้ตอนเจอกันก็พอแล้ว หนานกงเวินเทียนได้ยินมาจากหลิวหลีว่าผู้ที่ริเริ่มรวมกลุ่มจัดงานชุมนุมยาศักดิ์สิทธิ์คือผู้อาวุโสสกุลจ้านก็รู้สึกว่าน่าขัน โดยเฉพาะสายเลือดที่สืบต่อกันมาของนางเถียงกันเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากเขา

“ผู้อาวุโสบ้ายาจริงๆ ท่านว่าเจ้าสำนักจะตามมาคิดบัญชีกับข้า แล้วฆ่าข้าหรือไม่” หลิวหลีพูดติดตลก

“ไม่แน่หรอก” ต่อให้หลงเหยียนจิ่งนิสัยไม่ดียังไงก็ยังเป็นนักปรุงยาคนเดียวของสำนัก

“คือว่า หลิวหลี เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ” หลงเหยียนจิ่งตั้งสติแล้วถามอย่างอายๆ เมื่อครู่เขาเห็นพืชเทพมากมายจึงตกตะลึง จนไม่ได้ฟังเรื่องที่หลิวหลีพูด แต่ตอบกลับไปส่งๆ

“ผู้อาวุโส เมื่อครู่นี้ท่านตอบตกลงแล้วว่าจะอาศัยอยู่บ้านข้า” หลิวหลีพูดอย่างตั้งใจ

“เอ่อ เกรงว่าจะไม่ได้ หลิวหลี เจ้าก็รู้ แม้ว่าที่นี่จะดึงดูดข้ามาก แต่ข้าก็อยู่ที่สำนักจนชินแล้ว ข้าไม่อยากย้าย” หลงเหยียนจิ่งกล่าว

“เอ่อ แต่ว่าผู้อาวุโส ท่านต้องรักษาคำพูดสิ” หลิวหลีจงใจพูดให้เขาลำบากใจ

“เอ่อคือ” หลงเหยียนจิ่งลำบากใจเล็กน้อย

“ข้าเย้าท่านเล่นเท่านั้นผู้อาวุโส แต่ท่านมาอาศัยอยู่ที่บ้านข้าสักช่วงหนึ่งดีหรือไม่ พวกเราจะได้ถกกันเรื่องปรุงยา” หลิวหลีพูด แต่ก็ยังเชิญชวนหลงเหยียนจิ่งให้มาพักกับนางช่วงระยะหนึ่งด้วยความจริงใจ

“ได้” หากปฏิเสธอีกก็จะดูดื้อรั้นเกินไปหน่อย

“ว่าแต่ นังหนู ดูเหมือนเจ้าจะไม่ชอบคนสกุลจ้านมาก แม้ข้าจะเข้าใจว่าเจ้าเป็นทายาทของพวกเรา แต่ในเมื่อบิดาเจ้าไม่ได้แต่งเข้าสกุลหลง หรือว่าที่นี่มีเรื่องไม่ดีมากนักหรือ” หลงเหยียนจิ่งถามด้วยความสงสัย

“ข้าไม่รู้จะตอบเรื่องนี้อย่างไร หลายสิ่งที่ถ่ายทอดมากับสายเลือดนั้นยากจะแก้ แต่โชคดีที่ข้าไม่ได้รับถ่ายทอดอะไรมา” หลิวหลีพูดพลางพยักหน้า โชคดีที่สิ่งที่นางได้รับถ่ายทอดมาเป็นส่วนที่ดีทั้งสิ้น

“เอาเถอะ ว่าแต่ เจ้าบอกว่าจะคุยเรื่องทักษะการปรุงยา ห้ามกลับคำเด็ดขาด” สำหรับคนบ้าการปรุงยา เรื่องนี้น่าสนใจที่สุด

“ไม่กลับคำ”

ทั้งสองต่างคนต่างออกความเห็นเรื่องทักษะการปรุงยา บางครั้งก็ถกเถียงกันอย่างขันแข็ง แถมยังทำการทดลองอีกด้วย หนานกงเวิ่นเทียนพูดไม่ออก เขาไม่สามารถมีส่วนร่วมอะไรได้เลย เอาเถอะ เขาไปเข้าฌานสักหน่อยดีกว่า

สุดท้ายหลงเหยียนจิ่งก็ยังจากไป แต่หลิวหลีก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ

“ศิษย์พี่หญิงหลง” สวีโจวมองศิษย์พี่ที่เปรียบเสมือนผู้มีพระคุณสำหรับเขาด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เพิ่งมาที่นี่หลังจากที่บรรลุขอบเขตพลังแล้ว

“สวีโจว ยินดีด้วย” คิดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่ที่นี่ เขาบรรลุได้เร็วมาก

“ขอบคุณศิษย์พี่ ว่าแต่ศิษย์พี่ มีบางเรื่องไม่รู้ว่าศิษย์พี่จะช่วยไขข้อข้องใจให้ข้าได้หรือไม่” สวีโจวนึกถึงผู้ที่เรียกตนเองว่าผู้อาวุโสป๋อเหยียนที่เมื่อเห็นความตกใจ สับสนจนในที่สุดก็ไขข้อข้องใจ และบอกเขาว่าศิษย์พี่หลงจะช่วยตอบปัญหาให้เขา

“พูดมาสิ ตอนนี้เจ้าเป็นราชาเทพแล้ว อยากรู้อะไร ข้าบอกเจ้าได้” หลิวหลีพยักหน้าและเข้าใจได้ทันทีว่าสวีโจวอยากถามอะไร

“ศิษย์พี่หลง ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าเมล็ดพันธุ์สีดำในร่างกายข้าคืออะไร เหตุใดท่านจึงต้องซ่อนมันไว้ไม่ให้ผู้อื่นรู้” สวีโจวถามอย่างตั้งใจ

“เมล็ดพันธุ์ในร่างเจ้านั้นค่อนข้างพิเศษ เรียกว่าเมล็ดพันธุ์แห่งเทพ เป็นสิ่งที่ผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพทุกคนต้องมี เพียงแต่สถานะผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพของเจ้านี้ก็ค่อนข้างพิเศษ” หลิวหลีนิ่งไป

…………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด