แม่ครัวยอดเซียน 338 ข้าต่างหากที่เป็นลูกพี่

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 338 ข้าต่างหากที่เป็นลูกพี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“น้องหญิง ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า” หนานกงเวิ่นเทียนเข้าใจ แต่เทพสวรรค์ที่เพิ่งบรรลุขั้น จะปกปิดพลังเมื่ออยู่ต่อหน้าราชาเทพ ต้องทำให้เกิดความสงสัยแน่

“ท่านพี่ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนข้าก็ไม่ได้ ใครใช้ให้ท่านพี่ถูกใจคนทะเยอทะยานอย่างข้ากันเล่า” หลิวหลีกล่าวอย่างไม่มีเหตุผล

“เจ้าเอ๊ย พวกเราต้องพยายามเลื่อนขั้นพลังบำเพ็ญเพียรให้สูงขึ้นต่างหาก” ความสามารถเท่านั้น เมื่อมีความสามารถแล้วถึงจะมีสิทธิ์พูด

“อืม บาดแผลของข้าดีขึ้นมากแล้ว ที่เหลือคงทำได้แค่ค่อยๆฟื้นตัวไป ตอนนี้ลมปราณสีน้ำนมที่เกิดขึ้นในร่างกายข้าที่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ทรงพลังอย่างยิ่ง แถมพลังในการรักษาในการฟื้นตัวก็ดีมากทีเดียว” หลิวหลีนึกถึงไอที่ไม่รู้ที่ไปที่มาในร่างกายตน และก็ไม่แน่ใจรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมัน นางรู้เพียงว่ามันมีประโยชน์กับนาง

สองสามีภรรยาสนทนากันอีกสักพัก ก็แยกย้ายกันไปฝึกฝนบำเพ็ญ หลิวหลีที่ได้รับความช่วยเหลือจากลมปราณสีน้ำนม ส่งผลให้ภายในร่างกายฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

ส่วนจวินหาวก็ได้รับความช่วยเหลือจากหมิงเยี่ย บาดแผลไหม้พุพองตามลำตัวจึงดีขึ้นมาก บาดแผลที่เหลืออยู่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย

“ท่านลุง ข้าควรกลับได้แล้ว” จวินหาวรู้สึกว่าพี่ใหญ่อย่างตนควรกลับไปปรากฏตัวได้แล้ว ไม่เช่นนั้นคงนึกว่าเขาถูกเจ้าสำนักทำอะไรต่อมิอะไรไปแล้ว

“บาดแผลของเจ้าต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งถึงจะหาย กลับไปทำไม” หมิงเยี่ยไม่เห็นด้วย เขาเป็นญาติทางสายเลือดโดยตรงเพียงคนเดียว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรอให้ร่างกายหายดีก่อน

“ต้องกลับไปอยู่แล้ว ถ้าพี่ใหญ่อย่างข้าไม่กลับไปพวกเขาคงไม่สบายใจ” จวินหาวออกตัวว่าพี่ใหญ่อย่างเขานั้นสำคัญอย่างยิ่ง

“ก็ได้” หมิงเยี่ยเองก็เข้าใจ ที่สำนักไม่มีใครล่วงรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา ถึงแม้เขาจะคอยจับตาดูจวินหาวแต่ก็ไม่ได้ไปจำกัดความก้าวหน้าของเขา

“ท่านพี่จวินหาว เจ้าสำนักลงโทษท่านหรือ?” หลัวหลานถามอย่างร้อนใจ เป็นเพราะนางจัดการได้ไม่เรียบร้อยจึงทำให้พี่ใหญ่ต้องเดือดร้อน

“ท่านพี่จวินหาว เป็นความผิดของพวกข้าเอง พวกข้าไม่ดูหนานกงเวิ่นเทียนให้ดี” คนผมฟ้าดวงตาดำก้มศีรษะลง

“ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า ใครก็นึกไม่ถึงว่าเด็กใหม่คราวนี้จะมีเก่งกาจ” พอนึกถึงคู่นักที่รับมือยากสองคนนั้น จวินหาวก็พลันรู้สึกแสบใบหน้าขึ้นมา

“สามีภรรยาคู่นั้นเพิ่งบรรลุจริงหรือ” หลัวหลานเสนอความคิดที่แปลกแตกต่างไป เหี้ยมโหดราวเป็นยอดฝีมือที่ปลีกวิเวกมาจากดินแดนห่างไกลที่ไหนสักแห่ง

“ใช่ บนตัวพวกเขายังมีร่องรอยบางๆของสระบรรลุเทพอยู่” จวินหาวกล่าว

“มีความสามารถเช่นนี้สองสามีภรรยาคู่นี้ จะต้องมีที่ยืนในแวดวงศิษย์ระดับพิเศษแน่นอน” ไม่เหมือนพวกเขาที่ต้องได้รับการปกป้องจากท่านพี่จวินหาวถึงจะอยู่รอด

จวินหาวยิ้มเจื่อน ไม่ใช่แค่มีที่ยืนเท่านั้น แต่ว่าทัดเทียมกับเขาเลยต่างหาก

“ท่านพี่จวินหาว เหยียนซวี่ส่งคนมาบอกว่าอยากประลองฝีมือกับท่าน” ซินปิงเดินมาบอกด้วยสีหน้าเกรี้ยวโกรธ

“มันจะเกินไปแล้ว นี่เพราะเห็นท่านพี่บาดเจ็บอยู่เลยจงใจมาล่ะสิ คนพวกนั้นไร้ยางอายจริงๆ” หลัวหลานเองก็รู้สึกโกรธเช่นกัน สภาพจวินหาวในตอนนี้ลงมือทำอะไรไม่ได้ แถมเพลิงเทพของนังหนูคนนั้นก็ร้ายกาจอย่างยิ่ง คาดว่าพี่ใหญ่คงจะยังไม่หายดี

“ไม่เป็นไร” จวินหาวส่ายหน้า อันที่จริงเขายังไม่หายดีแต่จะให้คนพวกนี้ลำบากไปกับเขาด้วยไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดเหยียนซวี่ถึงเลือกที่จะโผล่มาในเวลานี้

หนานกงเวิ่นเทียนและหลิวหลีเมื่อรู้สึกว่าฟื้นตัวหายดีแล้วจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่น สุดท้ายทันทีที่ปรากฏตัวก็ได้ยินข่าวที่จวินหาวประลองกับคนชื่อเหยียนซวี่

“เหยียนซวี่รังแกคนอื่น รังแกท่านพี่จวินหาวที่ยังบาดเจ็บสาหัสไม่หายดี แบบนี้เล่นสกปรกชัด ๆ”

“นั่นสิ จากที่ได้ยินมาคนพวกนั้นนิสัยแย่มาก ถ้าหากปล่อยให้พวกเขาได้เป็นผู้นำ วันข้างหน้าของพวกเราจะลำบากขนาดไหนแค่คิดก็รู้แล้ว”

“ดูไปแล้วจวินหาวก็เป็นคนดีนี่” หนานกงเวิ่นเทียนคิดไม่ถึง

“อืม คนเราดูแต่ภายนอกไม่ได้หรอก ไม่แน่เขาอาจจะใช้วิธีการนี้ปกป้องคนที่เพิ่งบรรลุเป็นเทพหน้าใหม่ๆก็ได้” หลิวหลีคาดเดา

“ลองไปดูกันเถอะ ถูกเพลิงเทพสิบชนิดของข้าแผดเผาไป เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฟื้นตัวหายดีแล้ว ขนาดขยับตัวก็จะยังรู้สึกปวดแสบปวดร้อน” หลิวหลีเอ่ยและเป็นเช่นนั้นจริงๆ

“ไปกันเถอะ” สองสามีภรรยาหาทางไป ประจวบกับที่สองคนนั้นสู้กันพอดี

ผมและดวงตาเหยียนซวี่เป็นสีทอง เป็นผู้สืบทอดเทพสุวรรณ แต่หลิวหลีกลับรู้สึกว่าคนผู้นี้จอมปลอม เหมือนตัวปลอมของนาง หลิวหลีที่ดูอยู่ก็รู้สึกอึดอัด อีกอย่างแค่ดูก็รู้ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนดีอะไร กะล่อน ไม่หวั่นเกรงใคร แต่คนผู้นี้กลับไม่ตรงไปตรงมาเช่นนั้น ท่าทางก็ไม่ใช่คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์อะไรคงสืบทอดตำแหน่งเทพไม่ได้ เมื่อนางวิเคราะห์ในใจเสร็จสรรพ แต่กลับไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าตนเองได้นำพาความเปลี่ยนแปลงมาให้เหยียนซวี่แล้ว เมื่อเหยียนซวี่ประลองไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างที่สำคัญอย่างยิ่งหายไปจากในร่างกาย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม เหยียนซวี่ก็ยังคงดีอกดีใจอย่างยิ่ง ในที่สุดเขาก็ได้ครองตำแหน่งลูกพี่แล้ว

“จวินหาว เจ้าแพ้แล้ว” เหยียนซวี่ปล่อยการโจมตีสุดท้ายออกไปแล้วตะโกนด้วยความลิงโลด จวินหาวใจสู้แต่กับไร้เรี่ยวแรง ทุกครั้งที่ขยับตัวเพียงนิดเดียว จวินหาวก็จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อน การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลง พอถูกเหยียนซวี่โจมตีถูกบาดแผลเก่าซ้ำๆ จนจวินหาวหลบการโจมตีกระบวนสุดท้ายไม่พ้น แต่กลับมีเงาที่ว่องไวกว่าเข้าขวางการโจมตีของจวินหาวและผลักกลับไป ทุกคนชะงักนิ่ง มองเงาสีแดงที่ปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน ถึงจะไม่คุ้นหน้านักแต่ก็ยังมีคนจำได้

“หลงหลิวหลี”

“เจ้าเป็นใคร?” เหยียนซวี่มองสาวน้อยผมแดงดวงตาแดงที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทีหวาดระแวง คนผู้นี้คือหลงหลิวหลีที่เล่าลือกันว่าบาดเจ็บหนักคนนั้นหรือ ดูแล้วไม่เป็นเช่นนั้น

“หลงหลิวหลี” หลิวหลีจ้องเหยียนซวี่ที่เต็มไปด้วยความสงสัย การโจมตีของคนผู้นี้เหมือนทรงพลังแต่ภายในขาดอะไรบางอย่างไป ไร้พลังสังหาร

“เจ้าก็คือหลงหลิวหลีหรือนี่ ทำไม ถูกใจจวินหาวเข้าเลยคิดจะเปลี่ยนใจไปรักเขาหรือ นังหนูหน้าตาสวยใช้ได้นี่ ไม่สู้มาเป็นของข้าดีกว่า” เหยียนซวี่หรี่ตามองหลิวหลีด้วยท่าทีหื่นกาม นังหนูคนนี้มีนิสัยพิเศษบางอย่างที่ดึงดูดคนไม่น้อย

“เจ้าหรือ ขอโทษด้วย ไม่เข้าตาข้าเลย” หลิวหลีเอ่ยอย่างดูแคลน

“นังหนู ตอนนี้ข้าคือพี่ใหญ่ของศิษย์ในระดับพิเศษ เจ้ากล้าขัดขืนข้าหรือ?” เหยียนซวี่หรี่ตามอง

“เรื่องนี้น่ะ ไม่เคยได้ยินมาก่อนจริง ๆแต่คนที่เจ้าโจมตีจนพ่ายแพ้ไปนั้นคือศิษย์น้องของข้า คนเป็นพี่ใหญ่อย่างข้าจึงไม่ค่อยพอใจนัก” หลิวหลีพูดด้วยท่าทีไม่พอใจ

“ศิษย์น้องหรือ?” เหยียนซวี่สับสน ข้อมูลของเขาผิดพลาดหรือนี่

“ใช่ คราวก่อนเขาแพ้ข้า เลยยอมรับข้าเป็นพี่ใหญ่ มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงไหมจวินหาว” หลิวหลีเตะจวินหาวที่นอนแอ้งแม้งบนพื้นราวกับศพ

“ใช่ ตอนนั้นท่านพี่จวินหาวกับหลิวหลีเดิมพันกันไว้ บัดนี้หลิวหลีต่างหากที่เป็นพี่ใหญ่” เหมือนหลัวหลานจะนึกอะไรออกจึงเอ่ยขึ้น คำพูดของหลิวหลีตอนนี้เป็นดั่งดวงดาวช่วยชีวิต แต่กลับไม่นึกถึงว่าจวินหาวจะเจ็บหนักขนาดนั้นแล้วนับประสาอะไรกับหลิวหลีกัน

“เจ้านี่ เอาอีกแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนเดินมา อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คิดไม่ถึงว่านังหนูจะฝืนออกหน้า เขาคาดคิดไม่ถึงมาก่อน

“วางใจเถอะ ข้ารู้ตัวเองน่า” หลิวหลีออกตัวว่านางรู้ตัวเองดี

หนานกงเวิ่นเทียนไม่พูดจา หากเชื่อนางก็บ้าแล้ว นังหนูคนนี้พูดอะไรไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เขาคอยเฝ้าไว้จะได้ช่วยนางดีกว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะทำตามพี่ใหญ่อย่างเจ้าร้องขอแล้วกัน” เหยียนซวี่ใคร่ครวญดูแล้วก็เห็นด้วย เพราะพวกเขาทั้งสองต่างก็ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ครั้งก่อน จวินหาวยังเป็นเช่นนี้ หลงหลิวหลีผู้นี้แค่เพิ่งบรรลุขอบเขตเทพสวรรค์เท่านั้น คิดว่านางเองก็คงบาดเจ็บไม่น้อย

“ใครจะเป็นฝ่ายชนะยังไม่รู้แน่ชัดเลย อย่าพูดจาโอ้อวดนักเพราะผลที่เกิดขึ้นอาจตบหน้าเจ้าได้” หลิวหลีไม่ใส่ใจ พลานุภาพของเหยียนซวี่ยังมีไม่เท่าจวินหาวด้วยซ้ำ ต่อให้นางบาดเจ็บก็ง่ายนิดเดียว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 338 ข้าต่างหากที่เป็นลูกพี่

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 338 ข้าต่างหากที่เป็นลูกพี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“น้องหญิง ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า” หนานกงเวิ่นเทียนเข้าใจ แต่เทพสวรรค์ที่เพิ่งบรรลุขั้น จะปกปิดพลังเมื่ออยู่ต่อหน้าราชาเทพ ต้องทำให้เกิดความสงสัยแน่

“ท่านพี่ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนข้าก็ไม่ได้ ใครใช้ให้ท่านพี่ถูกใจคนทะเยอทะยานอย่างข้ากันเล่า” หลิวหลีกล่าวอย่างไม่มีเหตุผล

“เจ้าเอ๊ย พวกเราต้องพยายามเลื่อนขั้นพลังบำเพ็ญเพียรให้สูงขึ้นต่างหาก” ความสามารถเท่านั้น เมื่อมีความสามารถแล้วถึงจะมีสิทธิ์พูด

“อืม บาดแผลของข้าดีขึ้นมากแล้ว ที่เหลือคงทำได้แค่ค่อยๆฟื้นตัวไป ตอนนี้ลมปราณสีน้ำนมที่เกิดขึ้นในร่างกายข้าที่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ทรงพลังอย่างยิ่ง แถมพลังในการรักษาในการฟื้นตัวก็ดีมากทีเดียว” หลิวหลีนึกถึงไอที่ไม่รู้ที่ไปที่มาในร่างกายตน และก็ไม่แน่ใจรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมัน นางรู้เพียงว่ามันมีประโยชน์กับนาง

สองสามีภรรยาสนทนากันอีกสักพัก ก็แยกย้ายกันไปฝึกฝนบำเพ็ญ หลิวหลีที่ได้รับความช่วยเหลือจากลมปราณสีน้ำนม ส่งผลให้ภายในร่างกายฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

ส่วนจวินหาวก็ได้รับความช่วยเหลือจากหมิงเยี่ย บาดแผลไหม้พุพองตามลำตัวจึงดีขึ้นมาก บาดแผลที่เหลืออยู่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย

“ท่านลุง ข้าควรกลับได้แล้ว” จวินหาวรู้สึกว่าพี่ใหญ่อย่างตนควรกลับไปปรากฏตัวได้แล้ว ไม่เช่นนั้นคงนึกว่าเขาถูกเจ้าสำนักทำอะไรต่อมิอะไรไปแล้ว

“บาดแผลของเจ้าต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งถึงจะหาย กลับไปทำไม” หมิงเยี่ยไม่เห็นด้วย เขาเป็นญาติทางสายเลือดโดยตรงเพียงคนเดียว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรอให้ร่างกายหายดีก่อน

“ต้องกลับไปอยู่แล้ว ถ้าพี่ใหญ่อย่างข้าไม่กลับไปพวกเขาคงไม่สบายใจ” จวินหาวออกตัวว่าพี่ใหญ่อย่างเขานั้นสำคัญอย่างยิ่ง

“ก็ได้” หมิงเยี่ยเองก็เข้าใจ ที่สำนักไม่มีใครล่วงรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา ถึงแม้เขาจะคอยจับตาดูจวินหาวแต่ก็ไม่ได้ไปจำกัดความก้าวหน้าของเขา

“ท่านพี่จวินหาว เจ้าสำนักลงโทษท่านหรือ?” หลัวหลานถามอย่างร้อนใจ เป็นเพราะนางจัดการได้ไม่เรียบร้อยจึงทำให้พี่ใหญ่ต้องเดือดร้อน

“ท่านพี่จวินหาว เป็นความผิดของพวกข้าเอง พวกข้าไม่ดูหนานกงเวิ่นเทียนให้ดี” คนผมฟ้าดวงตาดำก้มศีรษะลง

“ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า ใครก็นึกไม่ถึงว่าเด็กใหม่คราวนี้จะมีเก่งกาจ” พอนึกถึงคู่นักที่รับมือยากสองคนนั้น จวินหาวก็พลันรู้สึกแสบใบหน้าขึ้นมา

“สามีภรรยาคู่นั้นเพิ่งบรรลุจริงหรือ” หลัวหลานเสนอความคิดที่แปลกแตกต่างไป เหี้ยมโหดราวเป็นยอดฝีมือที่ปลีกวิเวกมาจากดินแดนห่างไกลที่ไหนสักแห่ง

“ใช่ บนตัวพวกเขายังมีร่องรอยบางๆของสระบรรลุเทพอยู่” จวินหาวกล่าว

“มีความสามารถเช่นนี้สองสามีภรรยาคู่นี้ จะต้องมีที่ยืนในแวดวงศิษย์ระดับพิเศษแน่นอน” ไม่เหมือนพวกเขาที่ต้องได้รับการปกป้องจากท่านพี่จวินหาวถึงจะอยู่รอด

จวินหาวยิ้มเจื่อน ไม่ใช่แค่มีที่ยืนเท่านั้น แต่ว่าทัดเทียมกับเขาเลยต่างหาก

“ท่านพี่จวินหาว เหยียนซวี่ส่งคนมาบอกว่าอยากประลองฝีมือกับท่าน” ซินปิงเดินมาบอกด้วยสีหน้าเกรี้ยวโกรธ

“มันจะเกินไปแล้ว นี่เพราะเห็นท่านพี่บาดเจ็บอยู่เลยจงใจมาล่ะสิ คนพวกนั้นไร้ยางอายจริงๆ” หลัวหลานเองก็รู้สึกโกรธเช่นกัน สภาพจวินหาวในตอนนี้ลงมือทำอะไรไม่ได้ แถมเพลิงเทพของนังหนูคนนั้นก็ร้ายกาจอย่างยิ่ง คาดว่าพี่ใหญ่คงจะยังไม่หายดี

“ไม่เป็นไร” จวินหาวส่ายหน้า อันที่จริงเขายังไม่หายดีแต่จะให้คนพวกนี้ลำบากไปกับเขาด้วยไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดเหยียนซวี่ถึงเลือกที่จะโผล่มาในเวลานี้

หนานกงเวิ่นเทียนและหลิวหลีเมื่อรู้สึกว่าฟื้นตัวหายดีแล้วจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่น สุดท้ายทันทีที่ปรากฏตัวก็ได้ยินข่าวที่จวินหาวประลองกับคนชื่อเหยียนซวี่

“เหยียนซวี่รังแกคนอื่น รังแกท่านพี่จวินหาวที่ยังบาดเจ็บสาหัสไม่หายดี แบบนี้เล่นสกปรกชัด ๆ”

“นั่นสิ จากที่ได้ยินมาคนพวกนั้นนิสัยแย่มาก ถ้าหากปล่อยให้พวกเขาได้เป็นผู้นำ วันข้างหน้าของพวกเราจะลำบากขนาดไหนแค่คิดก็รู้แล้ว”

“ดูไปแล้วจวินหาวก็เป็นคนดีนี่” หนานกงเวิ่นเทียนคิดไม่ถึง

“อืม คนเราดูแต่ภายนอกไม่ได้หรอก ไม่แน่เขาอาจจะใช้วิธีการนี้ปกป้องคนที่เพิ่งบรรลุเป็นเทพหน้าใหม่ๆก็ได้” หลิวหลีคาดเดา

“ลองไปดูกันเถอะ ถูกเพลิงเทพสิบชนิดของข้าแผดเผาไป เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฟื้นตัวหายดีแล้ว ขนาดขยับตัวก็จะยังรู้สึกปวดแสบปวดร้อน” หลิวหลีเอ่ยและเป็นเช่นนั้นจริงๆ

“ไปกันเถอะ” สองสามีภรรยาหาทางไป ประจวบกับที่สองคนนั้นสู้กันพอดี

ผมและดวงตาเหยียนซวี่เป็นสีทอง เป็นผู้สืบทอดเทพสุวรรณ แต่หลิวหลีกลับรู้สึกว่าคนผู้นี้จอมปลอม เหมือนตัวปลอมของนาง หลิวหลีที่ดูอยู่ก็รู้สึกอึดอัด อีกอย่างแค่ดูก็รู้ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนดีอะไร กะล่อน ไม่หวั่นเกรงใคร แต่คนผู้นี้กลับไม่ตรงไปตรงมาเช่นนั้น ท่าทางก็ไม่ใช่คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์อะไรคงสืบทอดตำแหน่งเทพไม่ได้ เมื่อนางวิเคราะห์ในใจเสร็จสรรพ แต่กลับไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าตนเองได้นำพาความเปลี่ยนแปลงมาให้เหยียนซวี่แล้ว เมื่อเหยียนซวี่ประลองไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างที่สำคัญอย่างยิ่งหายไปจากในร่างกาย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม เหยียนซวี่ก็ยังคงดีอกดีใจอย่างยิ่ง ในที่สุดเขาก็ได้ครองตำแหน่งลูกพี่แล้ว

“จวินหาว เจ้าแพ้แล้ว” เหยียนซวี่ปล่อยการโจมตีสุดท้ายออกไปแล้วตะโกนด้วยความลิงโลด จวินหาวใจสู้แต่กับไร้เรี่ยวแรง ทุกครั้งที่ขยับตัวเพียงนิดเดียว จวินหาวก็จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อน การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลง พอถูกเหยียนซวี่โจมตีถูกบาดแผลเก่าซ้ำๆ จนจวินหาวหลบการโจมตีกระบวนสุดท้ายไม่พ้น แต่กลับมีเงาที่ว่องไวกว่าเข้าขวางการโจมตีของจวินหาวและผลักกลับไป ทุกคนชะงักนิ่ง มองเงาสีแดงที่ปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน ถึงจะไม่คุ้นหน้านักแต่ก็ยังมีคนจำได้

“หลงหลิวหลี”

“เจ้าเป็นใคร?” เหยียนซวี่มองสาวน้อยผมแดงดวงตาแดงที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทีหวาดระแวง คนผู้นี้คือหลงหลิวหลีที่เล่าลือกันว่าบาดเจ็บหนักคนนั้นหรือ ดูแล้วไม่เป็นเช่นนั้น

“หลงหลิวหลี” หลิวหลีจ้องเหยียนซวี่ที่เต็มไปด้วยความสงสัย การโจมตีของคนผู้นี้เหมือนทรงพลังแต่ภายในขาดอะไรบางอย่างไป ไร้พลังสังหาร

“เจ้าก็คือหลงหลิวหลีหรือนี่ ทำไม ถูกใจจวินหาวเข้าเลยคิดจะเปลี่ยนใจไปรักเขาหรือ นังหนูหน้าตาสวยใช้ได้นี่ ไม่สู้มาเป็นของข้าดีกว่า” เหยียนซวี่หรี่ตามองหลิวหลีด้วยท่าทีหื่นกาม นังหนูคนนี้มีนิสัยพิเศษบางอย่างที่ดึงดูดคนไม่น้อย

“เจ้าหรือ ขอโทษด้วย ไม่เข้าตาข้าเลย” หลิวหลีเอ่ยอย่างดูแคลน

“นังหนู ตอนนี้ข้าคือพี่ใหญ่ของศิษย์ในระดับพิเศษ เจ้ากล้าขัดขืนข้าหรือ?” เหยียนซวี่หรี่ตามอง

“เรื่องนี้น่ะ ไม่เคยได้ยินมาก่อนจริง ๆแต่คนที่เจ้าโจมตีจนพ่ายแพ้ไปนั้นคือศิษย์น้องของข้า คนเป็นพี่ใหญ่อย่างข้าจึงไม่ค่อยพอใจนัก” หลิวหลีพูดด้วยท่าทีไม่พอใจ

“ศิษย์น้องหรือ?” เหยียนซวี่สับสน ข้อมูลของเขาผิดพลาดหรือนี่

“ใช่ คราวก่อนเขาแพ้ข้า เลยยอมรับข้าเป็นพี่ใหญ่ มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงไหมจวินหาว” หลิวหลีเตะจวินหาวที่นอนแอ้งแม้งบนพื้นราวกับศพ

“ใช่ ตอนนั้นท่านพี่จวินหาวกับหลิวหลีเดิมพันกันไว้ บัดนี้หลิวหลีต่างหากที่เป็นพี่ใหญ่” เหมือนหลัวหลานจะนึกอะไรออกจึงเอ่ยขึ้น คำพูดของหลิวหลีตอนนี้เป็นดั่งดวงดาวช่วยชีวิต แต่กลับไม่นึกถึงว่าจวินหาวจะเจ็บหนักขนาดนั้นแล้วนับประสาอะไรกับหลิวหลีกัน

“เจ้านี่ เอาอีกแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนเดินมา อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คิดไม่ถึงว่านังหนูจะฝืนออกหน้า เขาคาดคิดไม่ถึงมาก่อน

“วางใจเถอะ ข้ารู้ตัวเองน่า” หลิวหลีออกตัวว่านางรู้ตัวเองดี

หนานกงเวิ่นเทียนไม่พูดจา หากเชื่อนางก็บ้าแล้ว นังหนูคนนี้พูดอะไรไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เขาคอยเฝ้าไว้จะได้ช่วยนางดีกว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะทำตามพี่ใหญ่อย่างเจ้าร้องขอแล้วกัน” เหยียนซวี่ใคร่ครวญดูแล้วก็เห็นด้วย เพราะพวกเขาทั้งสองต่างก็ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ครั้งก่อน จวินหาวยังเป็นเช่นนี้ หลงหลิวหลีผู้นี้แค่เพิ่งบรรลุขอบเขตเทพสวรรค์เท่านั้น คิดว่านางเองก็คงบาดเจ็บไม่น้อย

“ใครจะเป็นฝ่ายชนะยังไม่รู้แน่ชัดเลย อย่าพูดจาโอ้อวดนักเพราะผลที่เกิดขึ้นอาจตบหน้าเจ้าได้” หลิวหลีไม่ใส่ใจ พลานุภาพของเหยียนซวี่ยังมีไม่เท่าจวินหาวด้วยซ้ำ ต่อให้นางบาดเจ็บก็ง่ายนิดเดียว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 338 ข้าต่างหากที่เป็นลูกพี่

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 338 ข้าต่างหากที่เป็นลูกพี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“น้องหญิง ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า” หนานกงเวิ่นเทียนเข้าใจ แต่เทพสวรรค์ที่เพิ่งบรรลุขั้น จะปกปิดพลังเมื่ออยู่ต่อหน้าราชาเทพ ต้องทำให้เกิดความสงสัยแน่

“ท่านพี่ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนข้าก็ไม่ได้ ใครใช้ให้ท่านพี่ถูกใจคนทะเยอทะยานอย่างข้ากันเล่า” หลิวหลีกล่าวอย่างไม่มีเหตุผล

“เจ้าเอ๊ย พวกเราต้องพยายามเลื่อนขั้นพลังบำเพ็ญเพียรให้สูงขึ้นต่างหาก” ความสามารถเท่านั้น เมื่อมีความสามารถแล้วถึงจะมีสิทธิ์พูด

“อืม บาดแผลของข้าดีขึ้นมากแล้ว ที่เหลือคงทำได้แค่ค่อยๆฟื้นตัวไป ตอนนี้ลมปราณสีน้ำนมที่เกิดขึ้นในร่างกายข้าที่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ทรงพลังอย่างยิ่ง แถมพลังในการรักษาในการฟื้นตัวก็ดีมากทีเดียว” หลิวหลีนึกถึงไอที่ไม่รู้ที่ไปที่มาในร่างกายตน และก็ไม่แน่ใจรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมัน นางรู้เพียงว่ามันมีประโยชน์กับนาง

สองสามีภรรยาสนทนากันอีกสักพัก ก็แยกย้ายกันไปฝึกฝนบำเพ็ญ หลิวหลีที่ได้รับความช่วยเหลือจากลมปราณสีน้ำนม ส่งผลให้ภายในร่างกายฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว

ส่วนจวินหาวก็ได้รับความช่วยเหลือจากหมิงเยี่ย บาดแผลไหม้พุพองตามลำตัวจึงดีขึ้นมาก บาดแผลที่เหลืออยู่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย

“ท่านลุง ข้าควรกลับได้แล้ว” จวินหาวรู้สึกว่าพี่ใหญ่อย่างตนควรกลับไปปรากฏตัวได้แล้ว ไม่เช่นนั้นคงนึกว่าเขาถูกเจ้าสำนักทำอะไรต่อมิอะไรไปแล้ว

“บาดแผลของเจ้าต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งถึงจะหาย กลับไปทำไม” หมิงเยี่ยไม่เห็นด้วย เขาเป็นญาติทางสายเลือดโดยตรงเพียงคนเดียว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรอให้ร่างกายหายดีก่อน

“ต้องกลับไปอยู่แล้ว ถ้าพี่ใหญ่อย่างข้าไม่กลับไปพวกเขาคงไม่สบายใจ” จวินหาวออกตัวว่าพี่ใหญ่อย่างเขานั้นสำคัญอย่างยิ่ง

“ก็ได้” หมิงเยี่ยเองก็เข้าใจ ที่สำนักไม่มีใครล่วงรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา ถึงแม้เขาจะคอยจับตาดูจวินหาวแต่ก็ไม่ได้ไปจำกัดความก้าวหน้าของเขา

“ท่านพี่จวินหาว เจ้าสำนักลงโทษท่านหรือ?” หลัวหลานถามอย่างร้อนใจ เป็นเพราะนางจัดการได้ไม่เรียบร้อยจึงทำให้พี่ใหญ่ต้องเดือดร้อน

“ท่านพี่จวินหาว เป็นความผิดของพวกข้าเอง พวกข้าไม่ดูหนานกงเวิ่นเทียนให้ดี” คนผมฟ้าดวงตาดำก้มศีรษะลง

“ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า ใครก็นึกไม่ถึงว่าเด็กใหม่คราวนี้จะมีเก่งกาจ” พอนึกถึงคู่นักที่รับมือยากสองคนนั้น จวินหาวก็พลันรู้สึกแสบใบหน้าขึ้นมา

“สามีภรรยาคู่นั้นเพิ่งบรรลุจริงหรือ” หลัวหลานเสนอความคิดที่แปลกแตกต่างไป เหี้ยมโหดราวเป็นยอดฝีมือที่ปลีกวิเวกมาจากดินแดนห่างไกลที่ไหนสักแห่ง

“ใช่ บนตัวพวกเขายังมีร่องรอยบางๆของสระบรรลุเทพอยู่” จวินหาวกล่าว

“มีความสามารถเช่นนี้สองสามีภรรยาคู่นี้ จะต้องมีที่ยืนในแวดวงศิษย์ระดับพิเศษแน่นอน” ไม่เหมือนพวกเขาที่ต้องได้รับการปกป้องจากท่านพี่จวินหาวถึงจะอยู่รอด

จวินหาวยิ้มเจื่อน ไม่ใช่แค่มีที่ยืนเท่านั้น แต่ว่าทัดเทียมกับเขาเลยต่างหาก

“ท่านพี่จวินหาว เหยียนซวี่ส่งคนมาบอกว่าอยากประลองฝีมือกับท่าน” ซินปิงเดินมาบอกด้วยสีหน้าเกรี้ยวโกรธ

“มันจะเกินไปแล้ว นี่เพราะเห็นท่านพี่บาดเจ็บอยู่เลยจงใจมาล่ะสิ คนพวกนั้นไร้ยางอายจริงๆ” หลัวหลานเองก็รู้สึกโกรธเช่นกัน สภาพจวินหาวในตอนนี้ลงมือทำอะไรไม่ได้ แถมเพลิงเทพของนังหนูคนนั้นก็ร้ายกาจอย่างยิ่ง คาดว่าพี่ใหญ่คงจะยังไม่หายดี

“ไม่เป็นไร” จวินหาวส่ายหน้า อันที่จริงเขายังไม่หายดีแต่จะให้คนพวกนี้ลำบากไปกับเขาด้วยไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดเหยียนซวี่ถึงเลือกที่จะโผล่มาในเวลานี้

หนานกงเวิ่นเทียนและหลิวหลีเมื่อรู้สึกว่าฟื้นตัวหายดีแล้วจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่น สุดท้ายทันทีที่ปรากฏตัวก็ได้ยินข่าวที่จวินหาวประลองกับคนชื่อเหยียนซวี่

“เหยียนซวี่รังแกคนอื่น รังแกท่านพี่จวินหาวที่ยังบาดเจ็บสาหัสไม่หายดี แบบนี้เล่นสกปรกชัด ๆ”

“นั่นสิ จากที่ได้ยินมาคนพวกนั้นนิสัยแย่มาก ถ้าหากปล่อยให้พวกเขาได้เป็นผู้นำ วันข้างหน้าของพวกเราจะลำบากขนาดไหนแค่คิดก็รู้แล้ว”

“ดูไปแล้วจวินหาวก็เป็นคนดีนี่” หนานกงเวิ่นเทียนคิดไม่ถึง

“อืม คนเราดูแต่ภายนอกไม่ได้หรอก ไม่แน่เขาอาจจะใช้วิธีการนี้ปกป้องคนที่เพิ่งบรรลุเป็นเทพหน้าใหม่ๆก็ได้” หลิวหลีคาดเดา

“ลองไปดูกันเถอะ ถูกเพลิงเทพสิบชนิดของข้าแผดเผาไป เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฟื้นตัวหายดีแล้ว ขนาดขยับตัวก็จะยังรู้สึกปวดแสบปวดร้อน” หลิวหลีเอ่ยและเป็นเช่นนั้นจริงๆ

“ไปกันเถอะ” สองสามีภรรยาหาทางไป ประจวบกับที่สองคนนั้นสู้กันพอดี

ผมและดวงตาเหยียนซวี่เป็นสีทอง เป็นผู้สืบทอดเทพสุวรรณ แต่หลิวหลีกลับรู้สึกว่าคนผู้นี้จอมปลอม เหมือนตัวปลอมของนาง หลิวหลีที่ดูอยู่ก็รู้สึกอึดอัด อีกอย่างแค่ดูก็รู้ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนดีอะไร กะล่อน ไม่หวั่นเกรงใคร แต่คนผู้นี้กลับไม่ตรงไปตรงมาเช่นนั้น ท่าทางก็ไม่ใช่คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์อะไรคงสืบทอดตำแหน่งเทพไม่ได้ เมื่อนางวิเคราะห์ในใจเสร็จสรรพ แต่กลับไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าตนเองได้นำพาความเปลี่ยนแปลงมาให้เหยียนซวี่แล้ว เมื่อเหยียนซวี่ประลองไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างที่สำคัญอย่างยิ่งหายไปจากในร่างกาย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม เหยียนซวี่ก็ยังคงดีอกดีใจอย่างยิ่ง ในที่สุดเขาก็ได้ครองตำแหน่งลูกพี่แล้ว

“จวินหาว เจ้าแพ้แล้ว” เหยียนซวี่ปล่อยการโจมตีสุดท้ายออกไปแล้วตะโกนด้วยความลิงโลด จวินหาวใจสู้แต่กับไร้เรี่ยวแรง ทุกครั้งที่ขยับตัวเพียงนิดเดียว จวินหาวก็จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อน การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลง พอถูกเหยียนซวี่โจมตีถูกบาดแผลเก่าซ้ำๆ จนจวินหาวหลบการโจมตีกระบวนสุดท้ายไม่พ้น แต่กลับมีเงาที่ว่องไวกว่าเข้าขวางการโจมตีของจวินหาวและผลักกลับไป ทุกคนชะงักนิ่ง มองเงาสีแดงที่ปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน ถึงจะไม่คุ้นหน้านักแต่ก็ยังมีคนจำได้

“หลงหลิวหลี”

“เจ้าเป็นใคร?” เหยียนซวี่มองสาวน้อยผมแดงดวงตาแดงที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทีหวาดระแวง คนผู้นี้คือหลงหลิวหลีที่เล่าลือกันว่าบาดเจ็บหนักคนนั้นหรือ ดูแล้วไม่เป็นเช่นนั้น

“หลงหลิวหลี” หลิวหลีจ้องเหยียนซวี่ที่เต็มไปด้วยความสงสัย การโจมตีของคนผู้นี้เหมือนทรงพลังแต่ภายในขาดอะไรบางอย่างไป ไร้พลังสังหาร

“เจ้าก็คือหลงหลิวหลีหรือนี่ ทำไม ถูกใจจวินหาวเข้าเลยคิดจะเปลี่ยนใจไปรักเขาหรือ นังหนูหน้าตาสวยใช้ได้นี่ ไม่สู้มาเป็นของข้าดีกว่า” เหยียนซวี่หรี่ตามองหลิวหลีด้วยท่าทีหื่นกาม นังหนูคนนี้มีนิสัยพิเศษบางอย่างที่ดึงดูดคนไม่น้อย

“เจ้าหรือ ขอโทษด้วย ไม่เข้าตาข้าเลย” หลิวหลีเอ่ยอย่างดูแคลน

“นังหนู ตอนนี้ข้าคือพี่ใหญ่ของศิษย์ในระดับพิเศษ เจ้ากล้าขัดขืนข้าหรือ?” เหยียนซวี่หรี่ตามอง

“เรื่องนี้น่ะ ไม่เคยได้ยินมาก่อนจริง ๆแต่คนที่เจ้าโจมตีจนพ่ายแพ้ไปนั้นคือศิษย์น้องของข้า คนเป็นพี่ใหญ่อย่างข้าจึงไม่ค่อยพอใจนัก” หลิวหลีพูดด้วยท่าทีไม่พอใจ

“ศิษย์น้องหรือ?” เหยียนซวี่สับสน ข้อมูลของเขาผิดพลาดหรือนี่

“ใช่ คราวก่อนเขาแพ้ข้า เลยยอมรับข้าเป็นพี่ใหญ่ มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงไหมจวินหาว” หลิวหลีเตะจวินหาวที่นอนแอ้งแม้งบนพื้นราวกับศพ

“ใช่ ตอนนั้นท่านพี่จวินหาวกับหลิวหลีเดิมพันกันไว้ บัดนี้หลิวหลีต่างหากที่เป็นพี่ใหญ่” เหมือนหลัวหลานจะนึกอะไรออกจึงเอ่ยขึ้น คำพูดของหลิวหลีตอนนี้เป็นดั่งดวงดาวช่วยชีวิต แต่กลับไม่นึกถึงว่าจวินหาวจะเจ็บหนักขนาดนั้นแล้วนับประสาอะไรกับหลิวหลีกัน

“เจ้านี่ เอาอีกแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนเดินมา อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คิดไม่ถึงว่านังหนูจะฝืนออกหน้า เขาคาดคิดไม่ถึงมาก่อน

“วางใจเถอะ ข้ารู้ตัวเองน่า” หลิวหลีออกตัวว่านางรู้ตัวเองดี

หนานกงเวิ่นเทียนไม่พูดจา หากเชื่อนางก็บ้าแล้ว นังหนูคนนี้พูดอะไรไม่ค่อยน่าเชื่อถือ เขาคอยเฝ้าไว้จะได้ช่วยนางดีกว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะทำตามพี่ใหญ่อย่างเจ้าร้องขอแล้วกัน” เหยียนซวี่ใคร่ครวญดูแล้วก็เห็นด้วย เพราะพวกเขาทั้งสองต่างก็ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ครั้งก่อน จวินหาวยังเป็นเช่นนี้ หลงหลิวหลีผู้นี้แค่เพิ่งบรรลุขอบเขตเทพสวรรค์เท่านั้น คิดว่านางเองก็คงบาดเจ็บไม่น้อย

“ใครจะเป็นฝ่ายชนะยังไม่รู้แน่ชัดเลย อย่าพูดจาโอ้อวดนักเพราะผลที่เกิดขึ้นอาจตบหน้าเจ้าได้” หลิวหลีไม่ใส่ใจ พลานุภาพของเหยียนซวี่ยังมีไม่เท่าจวินหาวด้วยซ้ำ ต่อให้นางบาดเจ็บก็ง่ายนิดเดียว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+