แม่ครัวยอดเซียน 297 แย่งความรัก

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 297 แย่งความรัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มังกรน้อยและหงส์น้อยคลอเคลียหลิวหลี แล้วหลับตาแทะเปลือกไข่ไป นี่เป็นอาหารอย่างแรกของพวกเขา จะทิ้งให้เสียเปล่าไม่ได้ จึงได้ยินเสียงกรอบแกรบของเจ้าสองตัว รวมไปถึงเอ๋าเฟิงที่ย้อนกลับมาทั้งที่อยู่ระหว่างทาง

“สองตัว” ตอนแรกเอ๋าเฟิงคิดว่าพวกนั้นคือทายาทของอสูรเทพ ไม่ว่าจะออกมามีลักษณะอย่างไรก็ล้วนเป็นอสูรเทพ ทำใจอยู่นานถึงได้กลับมา สุดท้ายกลับพบเด็กน้อยน่ารักสองตัวกำลังแทะเปลือกไข่ ตัวหนึ่งเป็นมังกร อีกตัวเป็นหงส์

“อืม สองตัว” น้ำเสียงหลิวหลีเรียบเฉย แถมยังเป็นทายาท ยังจะมาแบ่งแยกอะไรอีก ไม่น่าแปลกด้วยจำนวนที่มีอยู่น้อยนิด ส่วนพวกที่มีความสามารถก็ถูกกีดกัน การสั่งสอนของอาเลี่ยยังไม่พอ

เอ๋าเฟิงกระอักกระอ่วนเล็กน้อย สายตาของนังหนูทำเขาตัวแข็งไปหมด พวกเขาเป็นแบบนี้ล้วนเป็นเพราะสัญชาตญาณ ไม่ใช่เพราะตั้งใจจริงๆ

เอ๋าเฟิงทำเป็นไม่สนใจยื่นหน้าไปมองอสูรเทพตัวน้อยทั้งสอง ใจละลายหมดแล้ว

หลังจากที่เด็กทั้งสองกินเปลือกไข่จนหมด ก็ส่งเสียงเรอออกมาอย่างมีความสุข กลับไปคลอเคลียอยู่ในอ้อมอกของหลิวหลีและกรนเบาๆ

หลิวหลีเขี่ยท้องของมังกรน้อย ลูบศีรษะของหงส์น้อย น่ารักเสียจริง

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิวหลีก็พาเด็กทั้งสองกลับไปสถานที่ที่หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนแต่งงานกัน ปล่อยวังเซียนออกมา ไม่รับแขก

จากนั้นจึงใช้พลังเซียนเสกเตียงเล็กมาสองหลัง วางเด็กสองคนลงในเตียง หลิวหลีมองหานมอีกครั้ง อืม ตอนนั้นจื่อฉีชอบกินไข่ตุ๋น ทำไข่ตุ๋นนมสดให้เด็กน้อยสองคนดีกว่า และใช้เนื้อบดทำอาหารได้ และก็ยังมีเสื้อผ้าตัวเล็ก ยังไม่รู้เพศของพวกเขาเลย

เอ๋าเฟิงผิดหวังกลับไป

“ทำไมเห็นเด็กนั่นแล้วถึงได้ผิดหวังมากนัก เห็นตอนนั้นก็รู้แล้ว เหตุใดต้องผิดหวังเล่า” เฟิงซานเอ่ยปลอบ

“อาซาน พวกเราผิดไปแล้ว ไม่ใช่เด็กคนเดียว เป็นสองคน มังกรน้อยตัวหนึ่ง หงส์น้อยอีกตัวหนึ่ง” เอ๋าเฟิงตกตะลึง

“อะไรนะ สองตัวในไข่ใบเดียว อสูรเทพอย่างพวกเราตั้งแต่มีบันทึกก็ไม่มีเรื่องแบบนี้หรอก ไม่ได้ ข้าต้องไปดูเสียหน่อย” เฟิ่งซานตื่นเต้น ที่แท้ก็ออกมาสองตัว สองตัว

“ไม่ต้องแล้ว หลิวหลีพาไปแล้ว นังหนูนั่นไม่พอใจพวกเรามากทีเดียว” นึกถึงสายตาเย็นชาที่ทำให้คนตัวสั่นเทิ้ม ในใจของเอ๋าเฟิงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก

“ไม่พอใจ?” เฟิ่งซานเข้าใจทันที พวกเขารอคอยการมาของชีวิตใหม่นี้ ผลคือคิดว่าเป็นสายพันธุ์ประหลาด จึงเดินจากไประหว่างทาง สิ่งนี้ทำให้นังหนูไม่พอใจมาก ใครจะไปรู้ว่าเป็นอสูรเทพน้อยสองตัวนั้นไม่ใช่ตัวประหลาด

“ใช่ แววตานั้นของหลิวหลีทำให้ข้าเข้าใจ การรอคอยชีวิตใหม่ของพวกเรานั้นล้วนเป็นเรื่องเหลวไหล” เอ๋าเฟิงส่ายหน้าพูด ออกจะแตกต่างกัน พวกเขาเห็นอีกฝ่ายเป็นตัวประหลาด

“พอดูแล้ว พวกเรานี่ช่างน่าขันจริงๆ” หลิวหลีตั้งหน้าตั้งตาคอยตลอดมา รอคอยการปรากฏตัวของชีวิตใหม่นี้อย่างจริงจัง รอคอยลูกของสหายนาง แม้ในตอนนั้นพวกเขาล้วนคิดว่าเป็นตัวประหลาดแต่นางก็ยังคงรอคอยการมาถึงของเด็กเหล่านั้น สุดท้ายเมื่อพบว่าเด็กเป็นเด็กธรรมดา พวกเฃาถึงได้คาดหวังตามหลิวหลี แต่กลับถูกนังหนูกีดกันแทน

มังกรน้อยกับหงส์น้อยลืมตาขึ้นพบว่าตนเองอยู่บนเตียง พยายามมองหาหลิวหลี

“เด็กน้อยสองคนตื่นแล้วหรือ อืม บิดามารดาของพวกเจ้าไปเข้าฌานแล้ว สบายใจได้ พวกเขาไม่อยู่ น้าหลิวหลีจะดูแลพวกเจ้าเอง อืม ส่วนชื่อจริงก็รอให้พวกเขามาตั้งให้แล้วกัน ข้าจะตั้งชื่อเล่นให้พวกเจ้าแทนแล้วกัน ไหนดูสิพวกเจ้าสองคน มังกรน้อยให้ชื่อจ๋ายจ่าย ส่วนหงส์น้อยให้ชื่อเจี๋ยนเจี่ยน เป็นอย่างไร” เด็กทั้งสองพยายามบินไปหาหลิวหลีเพื่อแสดงความรักใคร่

ตั้งแต่นั้นมาเด็กสองคนก็มีชื่อเล่นเป็นของตนเอง แล้วกิจวัตรของหลิวหลีในทุกๆวันคือการจับอสูรเทพน้อย ป้อนอาหารอสูรเทพน้อย ปลอบโยนพวกเขา

ทำเอาสีหน้าของหนานกงเวิ่นเทียนเริ่มเย็นชาขึ้นทุกวัน เจ้าเด็กพวกนี้ได้ครอบครองหัวใจของภรรยาเขาไปเสียหมด ภรรยาของเขาไม่สนใจเขาเลยสักนิด ตอนนั้นเขาต้องหุนหันพลันแล่นมากแน่ๆถึงได้คิดจะมีลูก เด็กมีอะไรดีนักหนา ถึงขโมยฮูหยินของเขาไปได้

มังกรน้อยค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีฟ้า กลายเป็นมังกรเหมันต์ตัวน้อย ส่วนหงส์น้อยก็เปลี่ยนเป็นสีม่วง กลายเป็นหงส์อัสนี เด็กทั้งสองเป็นเด็กผู้ชายทั้งคู่ จู่ๆก็ชวนให้นึกถึงความยากลำบากของการแต่งงานในบ้านที่มีลูกชายสองคนในชาติก่อน แต่ทว่าอยู่ที่นี่ไม่จำเป็นต้องกังวล เด็กทั้งสองติดหลิวหลีมาก จึงไม่เป็นมิตรกับหนานกงเวิ่นเทียนนัก จนกระทั่งเด็กทั้งสองกลายร่างเป็นเด็กอ้วนตัวขาวอวบ คู่รักเอ๋าเลี่ยอิงเสวี่ยก็ยังไม่ออกจากฌาน

หลิวหลีรู้สึกว่ามารดาเลี้ยงอย่างนางนี้ช่างแสนลำบาก ต้องดูแลเด็กถึงสามคน เด็กสองคนแรกนั้นค่อนข้างโอ๋ง่าย ส่วนเด็กคนสุดท้ายที่โดนเด็กเล็กยั่วโมโหนั้นไม่ได้โอ๋ง่ายเท่าไหร่ หลิวหลีรู้สึกว่าตนเองเหนื่อยทั้งกายและใจ ช่างเป็นเด็กร้ายกาจอะไรแบบนี้

“จ๋ายจ่าย เจี๋ยนเจี่ยน พวกเจ้าอยู่ไหน มากินข้าวได้แล้ว” หลิวหลีตะโกนเรียก

“ท่านพี่ มากินข้าวได้แล้ว” ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ สามีก็ต้องโอ๋ กระทั่งอาหารก็ยังต้องเหมือนกันทั้ง 3 ชุด สิ่งที่ทำให้นางไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดีก็คือ ทั้งที่ปริมาณที่นางแบ่งให้ก็เท่ากันหมด แต่ถึงจะให้สามีของนางมากกว่าหน่อย เขาก็ยังชอบแย่งข้าวเด็กสองคน ทุกครั้งที่กินข้าวมักจะวุ่นวายไปหมด สุดท้ายก็จบลงด้วยการที่เด็กทั้งสองมองนางด้วยสายตาเศร้าสร้อย

และเป็นอย่างที่คิด หลิวหลีรู้สึกว่าตนต้องหลบไปด้านข้าง ทั้งสามคนเริ่มแล้ว ถึงแม้ทุกครั้งจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเด็กทั้งสอง แต่เด็กทั้งสองคนนี้ยิ่งโดนกดขี่ก็จะยิ่งกล้ามากขึ้น

เพราะเป็นลูกของเซียน เด็กทั้งสองเกิดมาจึงมีพลังเซียนอธนการ แต่ใช้ไม่เป็น หลิวหลีปล่อยให้หนานกงเวิ่นเทียนก่อเรื่องเพราะอยากให้เขาช่วยสอนเด็กทั้งสองเรียนรู้วิธีควบคุม ผลที่ได้น่ะหรือ นับว่ายังพอมีบ้าง เด็กทั้งสองพอจะเข้าใจวิธีการควบคุมพลังของตนเองแล้ว อีกทั้งยังถูกหลิวหลีป้อนอาหารอร่อยๆให้อยู่ทุกมื้อจนเด็กทั้งสองตัวอ้วนกลม น่ารักมากทีเดียว

“ท่านน้า น้าเขยแย่งของกินข้าอีกแล้ว” จ๋ายจ่ายฟ้อง น้าเขยแย่จริงๆ เหตุใดถึงเอาแต่แย่งอาหารเด็กกิน

“ท่านน้า น้าเขยแย่งหมูสับนึ่งของข้าไป” เจี๋ยนเจี่ยนน้ำตาคลอเบ้ามองหลิวหลีเช่นกัน

“ข้าไม่ได้กิน” หนานกงเวิ่นเทียนรีบกลืนลงท้องและมองหลิวหลีด้วยแววตาใสซื่อ

“พวกเจ้าหยุดกันสักวันไม่ได้หรือ เป็นอย่างนี้ทุกวันพวกเจ้าไม่เหนื่อยบ้างเหรอ” หลิวหลีหมดคำพูด โถ่เอ้ย แม่ล่ะเหนื่อยเหลือเกิน

“ท่านน้า ข้านวดให้” จ๋ายจ่ายรีบใช้มือเล็กๆนวดไหล่ให้หลิวหลี

“ท่านน้า ข้าทุบให้” เจี๋ยนเจี่ยนเองก็รีบกุลีกุจอมาช่วยนวดขานาง

ส่วนหนานกงเวิ่นเทียนรีบนวดศีรษะให้หลิวหลีทันที

“พวกเจ้าสามคนนี่นะ ผู้ใหญ่ก็ไม่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ เด็กก็ไม่ทำตัวเป็นเด็ก ทำตัวไม่เหมาะสมกันอยู่ตลอด” ช่างเถอะ กระทั่งท่าทางเอาอกเอาใจนางยังทำเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน นางไม่รู้จะพูดอะไรแล้วจริงๆ

“ท่านน้า ข้ากับน้องเป็นเด็กดี” จ๋ายจ๋ายกล่าว

“ท่านน้า เจี๋ยนเจี่ยนก็เป็นเด็กดี” เจี๋ยนเจี่ยนรีบออกตัวว่าเขาเป็นเด็กดีเช่นกัน

“น้องหญิง ข้าก็เป็นเด็กดี” หนานกงเวิ่นเทียนก็รีบบอกทันทีว่าตนเองก็เป็นเด็กดีเช่นกัน

“ดี พวกเจ้าเป็นเด็กดีกันหมด เด็กสองคนควรไปนั่งสมาธิได้แล้ว ห้ามอู้ล่ะ เดี๋ยวข้าจะเป็นคู่ฝึกให้พวกเจ้า” หลิวหลีพูด

“ขอรับ” เด็กทั้งสองไปบำเพ็ญเพียรอย่างว่าง่าย

“น้องหญิง ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าไม่รู้ตัวจริงๆ” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นเด็กสองคนเดินออกไปแล้วก็รีบยกมือทำท่าสาบาน เขาไม่รู้ตัวจริงๆ

“ท่านพี่ ข้าแค่ดูแลเด็กสองคนนี้ชั่วคราว สุดท้ายพวกเขาก็ต้องกลับไปอยู่กับพ่อแม่ของพวกเขา” ดังนั้นท่านไม่ต้องหึงในสิ่งที่ไม่จำเป็นพวกนี้ได้หรือไม่

“ก็ข้าควบคุมมันไม่ได้” น้องหญิงเป็นของเขา แต่กลับปันใจไปดูแลเด็กร้ายกาจสองคนนั่น ข้ารู้สึกเศร้าใจมากเข้าใจหรือไม่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 297 แย่งความรัก

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 297 แย่งความรัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มังกรน้อยและหงส์น้อยคลอเคลียหลิวหลี แล้วหลับตาแทะเปลือกไข่ไป นี่เป็นอาหารอย่างแรกของพวกเขา จะทิ้งให้เสียเปล่าไม่ได้ จึงได้ยินเสียงกรอบแกรบของเจ้าสองตัว รวมไปถึงเอ๋าเฟิงที่ย้อนกลับมาทั้งที่อยู่ระหว่างทาง

“สองตัว” ตอนแรกเอ๋าเฟิงคิดว่าพวกนั้นคือทายาทของอสูรเทพ ไม่ว่าจะออกมามีลักษณะอย่างไรก็ล้วนเป็นอสูรเทพ ทำใจอยู่นานถึงได้กลับมา สุดท้ายกลับพบเด็กน้อยน่ารักสองตัวกำลังแทะเปลือกไข่ ตัวหนึ่งเป็นมังกร อีกตัวเป็นหงส์

“อืม สองตัว” น้ำเสียงหลิวหลีเรียบเฉย แถมยังเป็นทายาท ยังจะมาแบ่งแยกอะไรอีก ไม่น่าแปลกด้วยจำนวนที่มีอยู่น้อยนิด ส่วนพวกที่มีความสามารถก็ถูกกีดกัน การสั่งสอนของอาเลี่ยยังไม่พอ

เอ๋าเฟิงกระอักกระอ่วนเล็กน้อย สายตาของนังหนูทำเขาตัวแข็งไปหมด พวกเขาเป็นแบบนี้ล้วนเป็นเพราะสัญชาตญาณ ไม่ใช่เพราะตั้งใจจริงๆ

เอ๋าเฟิงทำเป็นไม่สนใจยื่นหน้าไปมองอสูรเทพตัวน้อยทั้งสอง ใจละลายหมดแล้ว

หลังจากที่เด็กทั้งสองกินเปลือกไข่จนหมด ก็ส่งเสียงเรอออกมาอย่างมีความสุข กลับไปคลอเคลียอยู่ในอ้อมอกของหลิวหลีและกรนเบาๆ

หลิวหลีเขี่ยท้องของมังกรน้อย ลูบศีรษะของหงส์น้อย น่ารักเสียจริง

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิวหลีก็พาเด็กทั้งสองกลับไปสถานที่ที่หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนแต่งงานกัน ปล่อยวังเซียนออกมา ไม่รับแขก

จากนั้นจึงใช้พลังเซียนเสกเตียงเล็กมาสองหลัง วางเด็กสองคนลงในเตียง หลิวหลีมองหานมอีกครั้ง อืม ตอนนั้นจื่อฉีชอบกินไข่ตุ๋น ทำไข่ตุ๋นนมสดให้เด็กน้อยสองคนดีกว่า และใช้เนื้อบดทำอาหารได้ และก็ยังมีเสื้อผ้าตัวเล็ก ยังไม่รู้เพศของพวกเขาเลย

เอ๋าเฟิงผิดหวังกลับไป

“ทำไมเห็นเด็กนั่นแล้วถึงได้ผิดหวังมากนัก เห็นตอนนั้นก็รู้แล้ว เหตุใดต้องผิดหวังเล่า” เฟิงซานเอ่ยปลอบ

“อาซาน พวกเราผิดไปแล้ว ไม่ใช่เด็กคนเดียว เป็นสองคน มังกรน้อยตัวหนึ่ง หงส์น้อยอีกตัวหนึ่ง” เอ๋าเฟิงตกตะลึง

“อะไรนะ สองตัวในไข่ใบเดียว อสูรเทพอย่างพวกเราตั้งแต่มีบันทึกก็ไม่มีเรื่องแบบนี้หรอก ไม่ได้ ข้าต้องไปดูเสียหน่อย” เฟิ่งซานตื่นเต้น ที่แท้ก็ออกมาสองตัว สองตัว

“ไม่ต้องแล้ว หลิวหลีพาไปแล้ว นังหนูนั่นไม่พอใจพวกเรามากทีเดียว” นึกถึงสายตาเย็นชาที่ทำให้คนตัวสั่นเทิ้ม ในใจของเอ๋าเฟิงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก

“ไม่พอใจ?” เฟิ่งซานเข้าใจทันที พวกเขารอคอยการมาของชีวิตใหม่นี้ ผลคือคิดว่าเป็นสายพันธุ์ประหลาด จึงเดินจากไประหว่างทาง สิ่งนี้ทำให้นังหนูไม่พอใจมาก ใครจะไปรู้ว่าเป็นอสูรเทพน้อยสองตัวนั้นไม่ใช่ตัวประหลาด

“ใช่ แววตานั้นของหลิวหลีทำให้ข้าเข้าใจ การรอคอยชีวิตใหม่ของพวกเรานั้นล้วนเป็นเรื่องเหลวไหล” เอ๋าเฟิงส่ายหน้าพูด ออกจะแตกต่างกัน พวกเขาเห็นอีกฝ่ายเป็นตัวประหลาด

“พอดูแล้ว พวกเรานี่ช่างน่าขันจริงๆ” หลิวหลีตั้งหน้าตั้งตาคอยตลอดมา รอคอยการปรากฏตัวของชีวิตใหม่นี้อย่างจริงจัง รอคอยลูกของสหายนาง แม้ในตอนนั้นพวกเขาล้วนคิดว่าเป็นตัวประหลาดแต่นางก็ยังคงรอคอยการมาถึงของเด็กเหล่านั้น สุดท้ายเมื่อพบว่าเด็กเป็นเด็กธรรมดา พวกเฃาถึงได้คาดหวังตามหลิวหลี แต่กลับถูกนังหนูกีดกันแทน

มังกรน้อยกับหงส์น้อยลืมตาขึ้นพบว่าตนเองอยู่บนเตียง พยายามมองหาหลิวหลี

“เด็กน้อยสองคนตื่นแล้วหรือ อืม บิดามารดาของพวกเจ้าไปเข้าฌานแล้ว สบายใจได้ พวกเขาไม่อยู่ น้าหลิวหลีจะดูแลพวกเจ้าเอง อืม ส่วนชื่อจริงก็รอให้พวกเขามาตั้งให้แล้วกัน ข้าจะตั้งชื่อเล่นให้พวกเจ้าแทนแล้วกัน ไหนดูสิพวกเจ้าสองคน มังกรน้อยให้ชื่อจ๋ายจ่าย ส่วนหงส์น้อยให้ชื่อเจี๋ยนเจี่ยน เป็นอย่างไร” เด็กทั้งสองพยายามบินไปหาหลิวหลีเพื่อแสดงความรักใคร่

ตั้งแต่นั้นมาเด็กสองคนก็มีชื่อเล่นเป็นของตนเอง แล้วกิจวัตรของหลิวหลีในทุกๆวันคือการจับอสูรเทพน้อย ป้อนอาหารอสูรเทพน้อย ปลอบโยนพวกเขา

ทำเอาสีหน้าของหนานกงเวิ่นเทียนเริ่มเย็นชาขึ้นทุกวัน เจ้าเด็กพวกนี้ได้ครอบครองหัวใจของภรรยาเขาไปเสียหมด ภรรยาของเขาไม่สนใจเขาเลยสักนิด ตอนนั้นเขาต้องหุนหันพลันแล่นมากแน่ๆถึงได้คิดจะมีลูก เด็กมีอะไรดีนักหนา ถึงขโมยฮูหยินของเขาไปได้

มังกรน้อยค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีฟ้า กลายเป็นมังกรเหมันต์ตัวน้อย ส่วนหงส์น้อยก็เปลี่ยนเป็นสีม่วง กลายเป็นหงส์อัสนี เด็กทั้งสองเป็นเด็กผู้ชายทั้งคู่ จู่ๆก็ชวนให้นึกถึงความยากลำบากของการแต่งงานในบ้านที่มีลูกชายสองคนในชาติก่อน แต่ทว่าอยู่ที่นี่ไม่จำเป็นต้องกังวล เด็กทั้งสองติดหลิวหลีมาก จึงไม่เป็นมิตรกับหนานกงเวิ่นเทียนนัก จนกระทั่งเด็กทั้งสองกลายร่างเป็นเด็กอ้วนตัวขาวอวบ คู่รักเอ๋าเลี่ยอิงเสวี่ยก็ยังไม่ออกจากฌาน

หลิวหลีรู้สึกว่ามารดาเลี้ยงอย่างนางนี้ช่างแสนลำบาก ต้องดูแลเด็กถึงสามคน เด็กสองคนแรกนั้นค่อนข้างโอ๋ง่าย ส่วนเด็กคนสุดท้ายที่โดนเด็กเล็กยั่วโมโหนั้นไม่ได้โอ๋ง่ายเท่าไหร่ หลิวหลีรู้สึกว่าตนเองเหนื่อยทั้งกายและใจ ช่างเป็นเด็กร้ายกาจอะไรแบบนี้

“จ๋ายจ่าย เจี๋ยนเจี่ยน พวกเจ้าอยู่ไหน มากินข้าวได้แล้ว” หลิวหลีตะโกนเรียก

“ท่านพี่ มากินข้าวได้แล้ว” ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ สามีก็ต้องโอ๋ กระทั่งอาหารก็ยังต้องเหมือนกันทั้ง 3 ชุด สิ่งที่ทำให้นางไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดีก็คือ ทั้งที่ปริมาณที่นางแบ่งให้ก็เท่ากันหมด แต่ถึงจะให้สามีของนางมากกว่าหน่อย เขาก็ยังชอบแย่งข้าวเด็กสองคน ทุกครั้งที่กินข้าวมักจะวุ่นวายไปหมด สุดท้ายก็จบลงด้วยการที่เด็กทั้งสองมองนางด้วยสายตาเศร้าสร้อย

และเป็นอย่างที่คิด หลิวหลีรู้สึกว่าตนต้องหลบไปด้านข้าง ทั้งสามคนเริ่มแล้ว ถึงแม้ทุกครั้งจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเด็กทั้งสอง แต่เด็กทั้งสองคนนี้ยิ่งโดนกดขี่ก็จะยิ่งกล้ามากขึ้น

เพราะเป็นลูกของเซียน เด็กทั้งสองเกิดมาจึงมีพลังเซียนอธนการ แต่ใช้ไม่เป็น หลิวหลีปล่อยให้หนานกงเวิ่นเทียนก่อเรื่องเพราะอยากให้เขาช่วยสอนเด็กทั้งสองเรียนรู้วิธีควบคุม ผลที่ได้น่ะหรือ นับว่ายังพอมีบ้าง เด็กทั้งสองพอจะเข้าใจวิธีการควบคุมพลังของตนเองแล้ว อีกทั้งยังถูกหลิวหลีป้อนอาหารอร่อยๆให้อยู่ทุกมื้อจนเด็กทั้งสองตัวอ้วนกลม น่ารักมากทีเดียว

“ท่านน้า น้าเขยแย่งของกินข้าอีกแล้ว” จ๋ายจ่ายฟ้อง น้าเขยแย่จริงๆ เหตุใดถึงเอาแต่แย่งอาหารเด็กกิน

“ท่านน้า น้าเขยแย่งหมูสับนึ่งของข้าไป” เจี๋ยนเจี่ยนน้ำตาคลอเบ้ามองหลิวหลีเช่นกัน

“ข้าไม่ได้กิน” หนานกงเวิ่นเทียนรีบกลืนลงท้องและมองหลิวหลีด้วยแววตาใสซื่อ

“พวกเจ้าหยุดกันสักวันไม่ได้หรือ เป็นอย่างนี้ทุกวันพวกเจ้าไม่เหนื่อยบ้างเหรอ” หลิวหลีหมดคำพูด โถ่เอ้ย แม่ล่ะเหนื่อยเหลือเกิน

“ท่านน้า ข้านวดให้” จ๋ายจ่ายรีบใช้มือเล็กๆนวดไหล่ให้หลิวหลี

“ท่านน้า ข้าทุบให้” เจี๋ยนเจี่ยนเองก็รีบกุลีกุจอมาช่วยนวดขานาง

ส่วนหนานกงเวิ่นเทียนรีบนวดศีรษะให้หลิวหลีทันที

“พวกเจ้าสามคนนี่นะ ผู้ใหญ่ก็ไม่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ เด็กก็ไม่ทำตัวเป็นเด็ก ทำตัวไม่เหมาะสมกันอยู่ตลอด” ช่างเถอะ กระทั่งท่าทางเอาอกเอาใจนางยังทำเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน นางไม่รู้จะพูดอะไรแล้วจริงๆ

“ท่านน้า ข้ากับน้องเป็นเด็กดี” จ๋ายจ๋ายกล่าว

“ท่านน้า เจี๋ยนเจี่ยนก็เป็นเด็กดี” เจี๋ยนเจี่ยนรีบออกตัวว่าเขาเป็นเด็กดีเช่นกัน

“น้องหญิง ข้าก็เป็นเด็กดี” หนานกงเวิ่นเทียนก็รีบบอกทันทีว่าตนเองก็เป็นเด็กดีเช่นกัน

“ดี พวกเจ้าเป็นเด็กดีกันหมด เด็กสองคนควรไปนั่งสมาธิได้แล้ว ห้ามอู้ล่ะ เดี๋ยวข้าจะเป็นคู่ฝึกให้พวกเจ้า” หลิวหลีพูด

“ขอรับ” เด็กทั้งสองไปบำเพ็ญเพียรอย่างว่าง่าย

“น้องหญิง ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าไม่รู้ตัวจริงๆ” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นเด็กสองคนเดินออกไปแล้วก็รีบยกมือทำท่าสาบาน เขาไม่รู้ตัวจริงๆ

“ท่านพี่ ข้าแค่ดูแลเด็กสองคนนี้ชั่วคราว สุดท้ายพวกเขาก็ต้องกลับไปอยู่กับพ่อแม่ของพวกเขา” ดังนั้นท่านไม่ต้องหึงในสิ่งที่ไม่จำเป็นพวกนี้ได้หรือไม่

“ก็ข้าควบคุมมันไม่ได้” น้องหญิงเป็นของเขา แต่กลับปันใจไปดูแลเด็กร้ายกาจสองคนนั่น ข้ารู้สึกเศร้าใจมากเข้าใจหรือไม่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+