ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 167 ห้ามประพฤติผิดในกาม (4)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 167 ห้ามประพฤติผิดในกาม (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กล้ามเนื้อใบหน้าของหลินชงลั่งกระตุกเบาๆ แล้วหันไปมองนางพลางยิ้มเฝื่อนๆ “เรื่องน่าละอายในครอบครัวน่ะ วีรบุรุษอะไรกัน”

 

 

“เอ๋?” ชิวเยี่ยไป๋ทำท่าตกใจมองดูหลินชงลั่งแล้วถามต่อ “หมายความว่าอย่างไร”

 

 

หลินชงลั่งกลุ้มใจกับคนกลุ่มนั้นอยู่แล้ว และเรื่องนี้ระหว่างพวกเขาก็มิใช่ความลับอะไร หลายค่ายก็เคยรู้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย

 

 

เขาถอนใจคราหนึ่งแล้วกรอกสุราอีกจอก ฝืนยิ้มแล้วกล่าวช้าๆ

 

 

“ทะลุฟ้า คราวนี้ทะลุฟ้าจริงๆ”

 

 

ลูกสมุนของค่ายฉงฉีกลุ่มหนึ่ง เดิมทีเป็นเพียงคนงานซ่อมทำนบ เนื่องจากทนการขูดรีดของข้าราชการไม่ไหว จึงฆ่าหัวหน้างานเสียเลยแล้วหลบเข้าลุ่มน้ำตั้งตัวเป็นโจรออกปล้นชาวบ้าน ความจริงคนพวกนี้ไม่มีฝีมืออะไร จึงได้แต่ปล้นเรือสินค้าขนาดเล็ก ยามปกติก็ส่งส่วยให้เบื้องบนเพียงเล็กน้อย

 

 

เขาย่อมไม่เห็นอยู่ในสายตา แต่ไม่รู้ว่าค่ายฉงฉีที่มีสมุนเพียงยี่สิบสามสิบคนขยายจนเป็นค่ายใหญ่ร้อยกว่าคนตั้งแต่เมื่อใด แม้ศักดิ์ฐานะยังคงต่ำต้อยเช่นเดิม แต่เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งได้ข่าวว่าค่ายฉงฉีก่อเรื่องไม่ถูกต้อง ฟังว่าพวกเขาถึงกับปล้นเรือพ่อค้าหลวง ชิงของบรรณาการจนกลายเป็นคดีใหญ่โต!

 

 

เวลานั้นเขาตกใจจนลนลาน การปล้นเรือธรรมดาของทางการก็คุยด้วยยากอยู่แล้ว นี่ถึงกับปล้นเรือพ่อค้าหลวงย่อมเป็นเรื่องใหญ่ เกรงว่าราชสำนักคงส่งกองทหารมาลุยทุกค่ายแน่

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นแต่ละปีตระกูลเหมยจ่าย ‘ค่าคุ้มครอง’ ให้ค่ายในไหวหนานไม่น้อย บัดนี้ที่ถูกปล้นกลับเป็นเรือของตระกูลเหมย นี่มิใช่ละเมิดต่อคุณธรรมหรอกหรือ!

 

 

หลินชงลั่งพูดจบก็อดไม่ได้ พลันถอนใจลึกๆ ออกมาเสียงหนึ่ง “ว่าไปแล้ว ก็เป็นท่านอาเช่นข้านี่แหละที่ประมาทไปเอง จึงเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้น เรียกมหันตภัยร้ายมาเยือน”

 

 

โจรฝ่ายอธรรมบอกว่าเป็นการต่อต้านราชสำนัก แต่ทุกวันนี้แม้ราชสำนักจะมิได้รุ่งเรืองเช่นสมัยแรกสถาปนาราชวงศ์ แต่ยังคงถือว่าบ้านเมืองสงบดี พวกเขาจะไปต่อต้านทางการทำไม จะว่าไปแล้วพวกเขาก็แค่โจรกลุ่มใหญ่ มิใช่กองทัพที่ลุกฮือขึ้นแต่อย่างใด

 

 

ดังนั้นพวกเขาจึงสู้กับทางการท้องถิ่น ที่มาไล่ล่าพวกเขาส่วนมากเป็นทหารของพวกแม่ทัพจรยุทธ์ตามหัวเมืองและอำเภอ มิใช่ทหารของราชสำนัก ถ้าเจอะกับกองทัพเต็มรูปแบบ สองหมัดย่อมยากจะต้านสี่กร อีกฝ่ายมีประสบการณ์การรบโจมตีเมือง เกรงว่าพวกเขาคงต้องค่ายแตกตัวตาย อาศัยวรยุทธ์หนีเอาตัวรอดเท่านั้น

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ปลอบใจว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านอานี่นา ก็แค่พวกคนถ่อยซี้ซั้ว เพียงแต่…”

 

 

นางหยุดลงแล้วพูดต่อ “เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ตามหลักแล้วราชสำนักต้องส่งทหารมาปราบ แต่จนบัดนี้ยังไร้วี่แวว ฟังว่าก่อนหน้านี้มีคหบดีของราชทัณฑ์มาสืบคดีก็จมน้ำตายด้วย หรือว่าท่านอา…”

 

 

“ย่อมไม่ใช่!” หลินชงลั่งขมวดคิ้วสีหน้าอึมครึม “ผู้เป็นอาแม้จะบุ่มบ่าม แต่ก็รู้ดีว่าทำเช่นนี้มิได้ จะว่าไปแล้วเรื่องนี้น่าจะมีความนัยยอกย้อน คนของค่ายฉงฉีหลังก่อเรื่องนี้แล้วหัวหน้าค่ายก็มาร่ำไห้รำพันกับข้า บอกว่าพวกเขาฟังมาว่าจะมีพ่อค้ารายหนึ่งบรรทุกเงินไปซื้อสินค้าที่เป่ยซาน โดยไม่รู้ว่านั่นเป็นเรือบรรทุกเครื่องบรรณาการของตระกูลเหมย”

 

 

“อ้อ! ช่างบังเอิญขนาดนี้” ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาแล้วถามต่ออย่างอยากรู้อยากเห็น “แล้วพวกเขาจะปล้นเรือของใคร”

 

 

หลินชงลั่งคิดดูแล้วตอบว่า “ดูเหมือนจะเป็นตระกูลหลี่ของตงอั้น”

 

 

นางฟังแล้วถามลอยๆ ว่า “ตระกูลหลี่ที่ขายผ้าใช่ไหม”

 

 

ช่างบังเอิญเสียจริง คืนนี้ ไม่ คืนวานนางมิใช่พักที่บ้านตระกูลหลี่หรอกหรือ

 

 

หลินชงลั่งตอบ “ใช่แล้ว”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ยกป้านสุรารินให้หลินชงลั่ง ถอนหายใจเบาๆ “ท่านอา ในเมื่อค่ายฉงฉีพัวพันคดีใหญ่เช่นนี้ ถ้าว่ากันตามกฎเกณฑ์วงการแล้ว เกรงว่าคงปล่อยไว้ไม่ได้”

 

 

หลินชงลั่งยังไม่ทันพูด หัวหน้าค่ายสุ่ยกังตัวโตที่ใครๆ ก็เรียกว่าเหล่าเจิงก็แค่นหัวร่อ “บิดามันเถิด ตามความคิดของข้าแล้ว พวกเราเก็บกวาดกันเอง ถือว่าช่วยทางการจบเรื่องก็พอแล้ว ใครจะไปคิดว่ารองหัวหน้าค่ายฉงฉีจะอาจหาญขนาดกล้ารับประกันว่าทางการจะไม่ส่งทหารมากวาดล้าง แต่หากพวกเราลงมือกันเอง เมื่อนั้นภัยมหันต์จะมาเยือน”

 

 

“อ้อ ร้ายกาจขนาดนี้เชียว ปากเปล่าก็กล้ารับประกัน หรือเขามีความสัมพันธ์อันใดกับทางการ” ชิวเยี่ยไป๋เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

 

 

เดิมทีเรื่องนี้ถ้าขุดคุ้ยแล้วก็เป็นเรื่องภายในซึ่งไม่ควรพูดกับคนนอก แต่ประการหนึ่งวันนี้ทุกคนดื่มไปไม่น้อย ประการที่สองพวกเขาอึดอัดมานานแล้ว บวกกับศักดิ์ฐานะพิเศษของชิวเยี่ยไป๋ สำนักหอซ่อนกระบี่อยู่เหนือยุทธจักร วางตัวเป็นกลางเสมอมา ย่อมไม่มีทางทำอะไรที่เป็นภัยต่อพวกเขา

 

 

ดังนั้นหลินชงลั่งจึงรับลูกเหล่าเจิง ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ว่ากันว่าเจ้ารองหัวหน้าค่ายฉงฉีเคยช่วยชีวิตแม่ทัพเฝ้าชายแดนคนหนึ่ง และขอร้องให้แม่ทัพใหญ่ช่วยประกันชีวิตพวกเขาโดยยอมส่งของคืนทางการ หวังว่าจะทำเรื่องใหญ่ให้เล็กลงแล้วเป่าคดีไปเลย”

 

 

“ท่านอา คงมิใช่พวกเขาพูดอะไรท่านก็เชื่อหมดกระมัง” ชิวเยี่ยไป๋ร้องเชอะเบาๆ สมองหมุนจี๋

 

 

แม่ทัพเฝ้าชายแดน?

 

 

ดูท่าหลินชงลั่งก็ไม่รู้ว่าเป็นแม่ทัพคนใด โจรบ้านนอกตัวเล็กตัวน้อยถึงกับพัวพันกองทัพชายแดน กฎราชสำนักห้ามมิให้แม่ทัพเฝ้าชายแดนมีนอกมีในกับราชสำนัก การเกี่ยวพันกับกองทัพชายแดนหมายความว่าอย่างไร

 

 

พระพันปี ตระกูลเหมย ตระกูลหลี่ และยังมีข้าราชการท้องถิ่นกับซือหลี่เจียนล้วนไม่อยากให้ปิดคดี น่าแปลกอยู่แล้ว บัดนี้จู่ๆ ก็เกี่ยวโยงถึงกองทัพชายแดน…ทุกอย่างดูเหมือนค่อยๆ เรียงตัวกันเป็นรูปเป็นร่างในหัวของชิวเยี่ยไป๋ ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างที่คลุมเครือใกล้จะชัดเจน แต่กลับจับต้นชนปลายไม่ถูก

 

 

ส่วนหลินชงลั่งพูดต่อ “ย่อมไม่ใช่เช่นนั้น แต่รองนายค่ายฉงฉียอมรับประกันด้วยชีวิตและทรัพย์สินของคนทั้งค่าย ขอให้พวกเรารอสักพัก ตามหลักทั่วไปแล้วเรือสินค้าหลวงถูกปล้น ราชสำนักย่อมพิโรธ อย่างน้อยต้องมีคำสั่งทางการให้ไล่ล่าภายในสามวัน จากนั้นเคลื่อนพลแยกย้ายกันปราบปราม พวกเขาเดิมพันว่าทางการจะไม่ทำเช่นนี้ในสามวัน

 

 

ชิวเยี่ยไป๋งงงัน  ค่ายฉงฉีเทหมดหน้าตักหรือนี่!

 

 

แต่นางก็ลอบร้องเหอะในใจ  แน่ล่ะสิ ถ้าพวกเขามั่นใจในแผนก็ย่อมเดิมพันได้!

 

 

“คาดว่าพวกเขาคงเดิมพันถูกกระมัง รองนายค่ายฉงฉีช่างใจกล้าและร้ายกาจจริง!” ชิวเยี่ยไป๋กล่าวด้วยใบหน้ากึ่งยิ้ม

 

 

ถ้าเดิมพันถูก ที่พวกเขารับประกันว่าราชสำนักจะไม่ยกทัพมาปราบย่อมค่อยๆ พิสูจน์ได้เอง และคนคนนี้ก็รักษาค่ายไว้ได้

 

 

หลินชงลั่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบคนคนนี้ เหล่าเจิงก็แค่นเสียงกล่าวว่า “มารดามันเถิด ไอ้คนแซ่ซูมิใช่ตัวดีอะไร ดูแล้วเจ้าเล่ห์พิกล!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 167 ห้ามประพฤติผิดในกาม (4)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 167 ห้ามประพฤติผิดในกาม (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กล้ามเนื้อใบหน้าของหลินชงลั่งกระตุกเบาๆ แล้วหันไปมองนางพลางยิ้มเฝื่อนๆ “เรื่องน่าละอายในครอบครัวน่ะ วีรบุรุษอะไรกัน”

 

 

“เอ๋?” ชิวเยี่ยไป๋ทำท่าตกใจมองดูหลินชงลั่งแล้วถามต่อ “หมายความว่าอย่างไร”

 

 

หลินชงลั่งกลุ้มใจกับคนกลุ่มนั้นอยู่แล้ว และเรื่องนี้ระหว่างพวกเขาก็มิใช่ความลับอะไร หลายค่ายก็เคยรู้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย

 

 

เขาถอนใจคราหนึ่งแล้วกรอกสุราอีกจอก ฝืนยิ้มแล้วกล่าวช้าๆ

 

 

“ทะลุฟ้า คราวนี้ทะลุฟ้าจริงๆ”

 

 

ลูกสมุนของค่ายฉงฉีกลุ่มหนึ่ง เดิมทีเป็นเพียงคนงานซ่อมทำนบ เนื่องจากทนการขูดรีดของข้าราชการไม่ไหว จึงฆ่าหัวหน้างานเสียเลยแล้วหลบเข้าลุ่มน้ำตั้งตัวเป็นโจรออกปล้นชาวบ้าน ความจริงคนพวกนี้ไม่มีฝีมืออะไร จึงได้แต่ปล้นเรือสินค้าขนาดเล็ก ยามปกติก็ส่งส่วยให้เบื้องบนเพียงเล็กน้อย

 

 

เขาย่อมไม่เห็นอยู่ในสายตา แต่ไม่รู้ว่าค่ายฉงฉีที่มีสมุนเพียงยี่สิบสามสิบคนขยายจนเป็นค่ายใหญ่ร้อยกว่าคนตั้งแต่เมื่อใด แม้ศักดิ์ฐานะยังคงต่ำต้อยเช่นเดิม แต่เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งได้ข่าวว่าค่ายฉงฉีก่อเรื่องไม่ถูกต้อง ฟังว่าพวกเขาถึงกับปล้นเรือพ่อค้าหลวง ชิงของบรรณาการจนกลายเป็นคดีใหญ่โต!

 

 

เวลานั้นเขาตกใจจนลนลาน การปล้นเรือธรรมดาของทางการก็คุยด้วยยากอยู่แล้ว นี่ถึงกับปล้นเรือพ่อค้าหลวงย่อมเป็นเรื่องใหญ่ เกรงว่าราชสำนักคงส่งกองทหารมาลุยทุกค่ายแน่

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นแต่ละปีตระกูลเหมยจ่าย ‘ค่าคุ้มครอง’ ให้ค่ายในไหวหนานไม่น้อย บัดนี้ที่ถูกปล้นกลับเป็นเรือของตระกูลเหมย นี่มิใช่ละเมิดต่อคุณธรรมหรอกหรือ!

 

 

หลินชงลั่งพูดจบก็อดไม่ได้ พลันถอนใจลึกๆ ออกมาเสียงหนึ่ง “ว่าไปแล้ว ก็เป็นท่านอาเช่นข้านี่แหละที่ประมาทไปเอง จึงเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้น เรียกมหันตภัยร้ายมาเยือน”

 

 

โจรฝ่ายอธรรมบอกว่าเป็นการต่อต้านราชสำนัก แต่ทุกวันนี้แม้ราชสำนักจะมิได้รุ่งเรืองเช่นสมัยแรกสถาปนาราชวงศ์ แต่ยังคงถือว่าบ้านเมืองสงบดี พวกเขาจะไปต่อต้านทางการทำไม จะว่าไปแล้วพวกเขาก็แค่โจรกลุ่มใหญ่ มิใช่กองทัพที่ลุกฮือขึ้นแต่อย่างใด

 

 

ดังนั้นพวกเขาจึงสู้กับทางการท้องถิ่น ที่มาไล่ล่าพวกเขาส่วนมากเป็นทหารของพวกแม่ทัพจรยุทธ์ตามหัวเมืองและอำเภอ มิใช่ทหารของราชสำนัก ถ้าเจอะกับกองทัพเต็มรูปแบบ สองหมัดย่อมยากจะต้านสี่กร อีกฝ่ายมีประสบการณ์การรบโจมตีเมือง เกรงว่าพวกเขาคงต้องค่ายแตกตัวตาย อาศัยวรยุทธ์หนีเอาตัวรอดเท่านั้น

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ปลอบใจว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านอานี่นา ก็แค่พวกคนถ่อยซี้ซั้ว เพียงแต่…”

 

 

นางหยุดลงแล้วพูดต่อ “เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ตามหลักแล้วราชสำนักต้องส่งทหารมาปราบ แต่จนบัดนี้ยังไร้วี่แวว ฟังว่าก่อนหน้านี้มีคหบดีของราชทัณฑ์มาสืบคดีก็จมน้ำตายด้วย หรือว่าท่านอา…”

 

 

“ย่อมไม่ใช่!” หลินชงลั่งขมวดคิ้วสีหน้าอึมครึม “ผู้เป็นอาแม้จะบุ่มบ่าม แต่ก็รู้ดีว่าทำเช่นนี้มิได้ จะว่าไปแล้วเรื่องนี้น่าจะมีความนัยยอกย้อน คนของค่ายฉงฉีหลังก่อเรื่องนี้แล้วหัวหน้าค่ายก็มาร่ำไห้รำพันกับข้า บอกว่าพวกเขาฟังมาว่าจะมีพ่อค้ารายหนึ่งบรรทุกเงินไปซื้อสินค้าที่เป่ยซาน โดยไม่รู้ว่านั่นเป็นเรือบรรทุกเครื่องบรรณาการของตระกูลเหมย”

 

 

“อ้อ! ช่างบังเอิญขนาดนี้” ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาแล้วถามต่ออย่างอยากรู้อยากเห็น “แล้วพวกเขาจะปล้นเรือของใคร”

 

 

หลินชงลั่งคิดดูแล้วตอบว่า “ดูเหมือนจะเป็นตระกูลหลี่ของตงอั้น”

 

 

นางฟังแล้วถามลอยๆ ว่า “ตระกูลหลี่ที่ขายผ้าใช่ไหม”

 

 

ช่างบังเอิญเสียจริง คืนนี้ ไม่ คืนวานนางมิใช่พักที่บ้านตระกูลหลี่หรอกหรือ

 

 

หลินชงลั่งตอบ “ใช่แล้ว”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ยกป้านสุรารินให้หลินชงลั่ง ถอนหายใจเบาๆ “ท่านอา ในเมื่อค่ายฉงฉีพัวพันคดีใหญ่เช่นนี้ ถ้าว่ากันตามกฎเกณฑ์วงการแล้ว เกรงว่าคงปล่อยไว้ไม่ได้”

 

 

หลินชงลั่งยังไม่ทันพูด หัวหน้าค่ายสุ่ยกังตัวโตที่ใครๆ ก็เรียกว่าเหล่าเจิงก็แค่นหัวร่อ “บิดามันเถิด ตามความคิดของข้าแล้ว พวกเราเก็บกวาดกันเอง ถือว่าช่วยทางการจบเรื่องก็พอแล้ว ใครจะไปคิดว่ารองหัวหน้าค่ายฉงฉีจะอาจหาญขนาดกล้ารับประกันว่าทางการจะไม่ส่งทหารมากวาดล้าง แต่หากพวกเราลงมือกันเอง เมื่อนั้นภัยมหันต์จะมาเยือน”

 

 

“อ้อ ร้ายกาจขนาดนี้เชียว ปากเปล่าก็กล้ารับประกัน หรือเขามีความสัมพันธ์อันใดกับทางการ” ชิวเยี่ยไป๋เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

 

 

เดิมทีเรื่องนี้ถ้าขุดคุ้ยแล้วก็เป็นเรื่องภายในซึ่งไม่ควรพูดกับคนนอก แต่ประการหนึ่งวันนี้ทุกคนดื่มไปไม่น้อย ประการที่สองพวกเขาอึดอัดมานานแล้ว บวกกับศักดิ์ฐานะพิเศษของชิวเยี่ยไป๋ สำนักหอซ่อนกระบี่อยู่เหนือยุทธจักร วางตัวเป็นกลางเสมอมา ย่อมไม่มีทางทำอะไรที่เป็นภัยต่อพวกเขา

 

 

ดังนั้นหลินชงลั่งจึงรับลูกเหล่าเจิง ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ว่ากันว่าเจ้ารองหัวหน้าค่ายฉงฉีเคยช่วยชีวิตแม่ทัพเฝ้าชายแดนคนหนึ่ง และขอร้องให้แม่ทัพใหญ่ช่วยประกันชีวิตพวกเขาโดยยอมส่งของคืนทางการ หวังว่าจะทำเรื่องใหญ่ให้เล็กลงแล้วเป่าคดีไปเลย”

 

 

“ท่านอา คงมิใช่พวกเขาพูดอะไรท่านก็เชื่อหมดกระมัง” ชิวเยี่ยไป๋ร้องเชอะเบาๆ สมองหมุนจี๋

 

 

แม่ทัพเฝ้าชายแดน?

 

 

ดูท่าหลินชงลั่งก็ไม่รู้ว่าเป็นแม่ทัพคนใด โจรบ้านนอกตัวเล็กตัวน้อยถึงกับพัวพันกองทัพชายแดน กฎราชสำนักห้ามมิให้แม่ทัพเฝ้าชายแดนมีนอกมีในกับราชสำนัก การเกี่ยวพันกับกองทัพชายแดนหมายความว่าอย่างไร

 

 

พระพันปี ตระกูลเหมย ตระกูลหลี่ และยังมีข้าราชการท้องถิ่นกับซือหลี่เจียนล้วนไม่อยากให้ปิดคดี น่าแปลกอยู่แล้ว บัดนี้จู่ๆ ก็เกี่ยวโยงถึงกองทัพชายแดน…ทุกอย่างดูเหมือนค่อยๆ เรียงตัวกันเป็นรูปเป็นร่างในหัวของชิวเยี่ยไป๋ ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างที่คลุมเครือใกล้จะชัดเจน แต่กลับจับต้นชนปลายไม่ถูก

 

 

ส่วนหลินชงลั่งพูดต่อ “ย่อมไม่ใช่เช่นนั้น แต่รองนายค่ายฉงฉียอมรับประกันด้วยชีวิตและทรัพย์สินของคนทั้งค่าย ขอให้พวกเรารอสักพัก ตามหลักทั่วไปแล้วเรือสินค้าหลวงถูกปล้น ราชสำนักย่อมพิโรธ อย่างน้อยต้องมีคำสั่งทางการให้ไล่ล่าภายในสามวัน จากนั้นเคลื่อนพลแยกย้ายกันปราบปราม พวกเขาเดิมพันว่าทางการจะไม่ทำเช่นนี้ในสามวัน

 

 

ชิวเยี่ยไป๋งงงัน  ค่ายฉงฉีเทหมดหน้าตักหรือนี่!

 

 

แต่นางก็ลอบร้องเหอะในใจ  แน่ล่ะสิ ถ้าพวกเขามั่นใจในแผนก็ย่อมเดิมพันได้!

 

 

“คาดว่าพวกเขาคงเดิมพันถูกกระมัง รองนายค่ายฉงฉีช่างใจกล้าและร้ายกาจจริง!” ชิวเยี่ยไป๋กล่าวด้วยใบหน้ากึ่งยิ้ม

 

 

ถ้าเดิมพันถูก ที่พวกเขารับประกันว่าราชสำนักจะไม่ยกทัพมาปราบย่อมค่อยๆ พิสูจน์ได้เอง และคนคนนี้ก็รักษาค่ายไว้ได้

 

 

หลินชงลั่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบคนคนนี้ เหล่าเจิงก็แค่นเสียงกล่าวว่า “มารดามันเถิด ไอ้คนแซ่ซูมิใช่ตัวดีอะไร ดูแล้วเจ้าเล่ห์พิกล!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+