Almighty Game Designerบทที่ 187 ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าเกม

Now you are reading Almighty Game Designer Chapter บทที่ 187 ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าเกม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 187 ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าเกม

จ้าวหยุนถิงพูด “ผู้จัดการคะ ดิฉันมีคำถามค่ะ”

จ้าวหยุนถิงรับผิดชอบการดำเนินงานและการโปรโมตเกม ตอนนี้งานหลักของเธอคือรับผิดชอบการดำเนินงานรายวันของ ‘Onmyoji’ แต่เมื่อเกมใหม่ถูกปล่อยออกมา เธอต้องรับผิดชอบการโปรโมตเกมอย่างแน่นอน

เฉินโม่พยักหน้า “ถามมาได้เลยครับ”

จ้าวหยุนถิงพูด “ฉันไม่ได้กังวลเกี่ยวกับคุณภาพของเกมหรอกค่ะ แต่สิ่งที่กังวลคือเกมนี้หนักและเต็มไปด้วยการนองเลือดและความรุนแรง อย่างเช่น ซากศพในคุก กองเลือดอื่นๆ ยังมีอาชีพอย่างเนโครแมนเซอร์[1] เกมจะผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการได้หรือคะ”

เฉินโม่พูด “เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวล ผมได้พูดคุยกับแผนกตรวจสอบของคณะกรรมการเกมแล้ว เกมนี้เป็นเกม 18+ เรื่องการผ่านการตรวจสอบไม่มีปัญหา พวกคุณทุกคนไม่ต้องกังวลเรื่องการตรวจสอบเลย องค์ประกอบต่างๆ เช่น ศพ เลือด ชิ้นส่วนร่างกายอะไรพวกนี้ควรทำอย่างสมจริงที่สุดเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศโดยรวมของเกม”

ซูจิ่นอวี๋รู้สึกทึ่ง “น่าทึ่งมาก สมาชิกกิตติมศักดิ์สามารถทำอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการ”

เฉินโม่ยิ้ม “คุณก็พูดเกินไป เอาละ ทุกคนน่าจะรู้เนื้อหาของเกมนี้แล้ว เตรียมตัวให้พร้อม เจิ้งหงซี ผมจะส่งภาพรวมของเรื่องราวให้ทีหลัง ดังนั้นคุณควรเตรียมตัวให้ดี”

“เนื้อเรื่องในครั้งนี้เป็นแนวมืดมน และผู้เล่นจะต้องรู้สึกเสมอว่านี่คือโลกที่สิ้นหวัง คุณไปดูยุคมืดในยุคกลางของยุโรป พวกกาฬโรคระบาดในยุโรป การประหารด้วยการเผา การชำระวิญญาณ คุกแขวน หญิงเหล็กอะไรพวกนี้มา ทั้งหมดนี้สามารถนำมาใช้ในเกมได้ โดยเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับนรก”

เจิ้งหงซีปาดเหงื่อที่หน้าผาก “ครับ จะพยายามให้ดีที่สุด…”

………………

หลังจากอ่านร่างออกแบบแล้ว ทุกคนก็เริ่มเร่งรีบและเตรียมพร้อมสำหรับผลงาน ‘Diablo’

ขณะที่คนอื่นๆ กำลังรวบรวมข้อมูลและทำความเข้าใจกับจุดประสงค์ของการออกแบบ เฉินโม่ก็ไม่อยู่เฉย เขาเริ่มใช้ยาฟื้นความจำเพื่อเรียกคืนความทรงจำเกี่ยวกับการออกแบบหลักของ ‘Diablo’

ความยากในครั้งนี้คือ ‘Diablo’ ที่เฉินโม่กำลังจะทำนั้นใช้โครงเรื่องและรูปแบบการเล่นพื้นฐานของภาคสาม แต่จะผสมผสานองค์ประกอบศิลป์ บรรยากาศ การตั้งค่าและไฮไลท์ของภาคสองเข้าด้วยกัน ดังนั้นเขาจำเป็นต้องจำเนื้อหาของทั้งสองภาค แล้วค่อยๆ พิจารณาว่าจะเลือกสรรอย่างไร

อันดับแรก โครงเรื่องจะใช้เรื่องราวจาก ‘Diablo 3’

เนื่องจากอุกกาบาตตกลงมาจากท้องฟ้าสู่มหาวิหารทริสแทรม ฉากแรกเป็นการเอาชนะราชาโครงกระดูก Leroic ฉากที่สอง ไปที่ Caldeum เพื่อเอาชนะราชาแห่งการโกหก Belial ในฉากที่สาม ปกป้องป้อมปราการและแทรกซึมเข้าไปในแกนกลางแห่งความชั่วร้ายเพื่อเอาชนะ Azmodan และในฉากที่สี่เป็นการต่อสู้กับ Diablo เทพเจ้าแห่งการทำลายล้างบนสวรรค์ชั้นสูงสุดและเอาชนะได้ในที่สุด

เรื่องราวของ ‘Diablo 3’ มีคุณภาพสูงจริงๆ ไม่ได้แย่ไปกว่า ‘Diablo 2’ เลย แน่นอนว่าเนื่องจากรูปแบบศิลปะและการนำเสนอ เนื้อเรื่องของ ‘Diablo 3’ ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดไป แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาของโครงเรื่อง แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับเทคนิคการเล่าเรื่องและสไตล์โดยรวม

นอกจากเนื้อเรื่องหลักแล้ว ผู้เล่นยังสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่านบันทึก จดหมาย หรือเรื่องเล่าจาก NPC เพื่อเล่าเรื่องเสริม อธิบายภูมิหลังของโลก ซึ่งมีผลเสริมกับโครงเรื่องหลัก

อันดับที่สอง คลาสและระบบการต่อสู้จะอิงจาก ‘Diablo 3’ พร้อมการเปลี่ยนแปลงสมดุลบางอย่าง

ระบบทักษะของ ‘Diablo 3’ สามารถติดตั้งได้ด้วยสองทักษะหลักและสี่ทักษะลัด รวมกับสามทักษะติดตัว ระบบทักษะและโหมดการทำงานทั้งหมดนั้นได้รับการออกแบบมาอย่างดี ซึ่งดีกว่า ‘Diablo 2’

นอกจากนี้ระบบจับคู่ทักษะทั้งหมดไม่จำเป็นต้องตัดออกหรือฝึกใหม่ นี่เป็นการตั้งค่าที่ดีมากสำหรับผู้เล่นมือใหม่ เป็นการเพิ่มฐานผู้เล่นที่มีศักยภาพ

แม้ว่าระบบทักษะของ ‘Diablo 3’ จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนๆว่ามีการเปลี่ยนแปลงน้อยเกินไป มีรูปแบบการจับคู่ทักษะยอดนิยมเพียงไม่กี่รูปแบบ ไม่ค่อยมีความสร้างสรรค์ใหม่ๆ แต่ระบบทักษะของ ‘Diablo 3’ สมบูรณ์แบบจริงๆ หลังจากเพิ่มการจัดอันดับเข้าไป ผู้เล่นจะพบผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเลี่ยงไม่ได้จากการจับคู่ทักษะที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้ผู้เล่นใจร้อนต้องการเห็นความสำเร็จในทันที แต่แผนแบบนี้จะถูกผู้เล่นคนอื่นลอกเลียนแบบทำให้ระบบกลายเป็นสิ่งที่ซ้ำซากจำเจ

ดังนั้นวิธีจัดอันดับทำให้ระบบการต่อสู้ของ ‘Diablo 3’ ปรากฏขึ้นเพียงระบบเดียว

หลายคนคิดว่าระบบทักษะของ ‘Diablo 2’ นั้นดี แต่ถ้าใช้ระบบทักษะนี้เพื่อเคลียร์อันดับละก็ ผู้เล่นจะยังคงพบกับชุดทักษะที่ทรงพลังที่สุดที่สามารถใช้ได้และผลลัพธ์ก็จะเหมือนเดิม

ตราบใดที่มีเป้าหมายที่เป็นประโยชน์ เกม ‘Hack & Slash’ นี้ก็อาจกลายเป็นเรื่องซ้ำซากจำเจได้ เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์จะเลิกศึกษาด้วยตนเองและเปลี่ยนไปเรียนรู้แผน BUILD จากผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดแทน

ในประเด็นนี้เฉินโม่ต้องการปรับเปลี่ยนระบบทักษะของ ‘Diablo 3’ พร้อมปรับปรุงระบบอุปกรณ์เพื่อให้รูปแบบการเล่นของเกมนี้มีความหลากหลายมากขึ้น

อันดับที่สาม ระบบอุปกรณ์อ้างอิงจาก ‘Diablo 2’

แม้ว่าระบบอุปกรณ์ของ ‘Diablo 3’ จะมีระบบคุณลักษณะแบบสุ่มเหมือน ‘Diablo 2’ แต่ก็ไม่ถือว่าประสบความสำเร็จ ปัญหาใหญ่ที่สุดของมันคือการจำกัดเพดานอุปกรณ์ ตัวอย่างเช่น บางคลาสต้องมีอุปกรณ์บางอย่างเพื่อรองรับ BUILD ได้ ดังนั้นอุปกรณ์อื่นๆ ที่ดูดีจะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง

ในจุดนี้เฉินโม่พิจารณาเพิ่มการสุ่มของการดรอปอุปกรณ์และคุณสมบัติเพื่อขยายคลังอุปกรณ์เพิ่มเติม

แน่นอนว่านี่อาจทำให้เกมสมดุลได้ยาก คลาสที่ทรงพลัง + ชุดทักษะที่ทรงพลัง + อุปกรณ์ที่ทรงพลัง ภายใต้การผสมผสานแบบสุ่มหลายชุด ไม่มีใครรู้ว่าผู้เล่นจะสร้างตัวละครมอนสเตอร์ชนิดใด

ถึงเกมนี้จะเป็นเกมแบบผู้เล่นเดี่ยว แต่เฉินโม่ไม่มีแผนที่จะสร้างระบบประมูล ดังนั้นความเสี่ยงของการสุ่มจึงลดลงอย่างมาก และจะไม่สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเกม

อันดับที่สี่ ในส่วนความยากของเกม เฉินโม่ได้ปรับแต่งความยากของ ‘Diablo 3’ อย่างละเอียด โหมดเนื้อเรื่องเริ่มต้นมีความยากที่กำหนดไว้แล้ว โดยผู้เล่นจะต้องสัมผัสกับเรื่องราวในระดับความยากที่กำหนด

ความยากนี้ยังค่อนข้างท้าทายสำหรับผู้เริ่มต้น BOSS บางตัวต้องมีตำแหน่งและทักษะบางอย่างถึงจะผ่านด่านได้ เมื่อรวมกับรูปแบบศิลปะและมุมมองจะเพิ่มความยุ่งยากให้กับผู้เล่นมือใหม่ในเกมอย่างมาก พวกเขาอาจตายได้ด้วยการก้าวพลาดเพียงครั้งเดียว

หากผู้เล่นตายซ้ำๆ ความยากจะลดลงโดยอัตโนมัติ แต่โดยทั่วไปแล้ว ผู้เล่นไม่สามารถผ่านบทโครงเรื่องทั้งหมดได้โดยไม่มีความกดดัน

………………………

[1] เนโครแมนเซอร์ : ผู้ใช้ความตาย เป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งความตาย

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *