The Great Geneticist in Apocalypse 56 ได้กอดแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 56 ได้กอดแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Great Geneticist in Apocalypse

 

ตอนที่ 56 ได้กอดแล้วสิ

 

“ฮับ!” เอลลี่ยื่นมือออกไปเก็บผลสัมมาสองสามผลใส่ กระเป๋าเป้

 

“ไปกันต่อ” เบลซพูดแล้วทั้งคู่ก็เดินสํารวจต่อไป

 

“ระวัง!” หลังจากเดินเข้าไปอีกซักพักประสาทสัมผัสของเบลซตื่นตัวเขารู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหว

 

“ซิกซิก ซิกซิก” พุ่มไม้รอบๆสั่นไหวไปมาแมงปองตัวหนึ่งเดินออกมาเปลือกของมันเป็นสีฟ้าระยิบระยับตัวยาวประมาณศอกนึ่ง เข็มพิษที่ปลายหางชูช่อเตรียมพร้อมที่จะซัดใส่ศัตรูตลอดเวลา

 

“ประเมิน”

 

“แมงปองคริสตัล<ไร้ธาตุ>(ขาว)ระดับ8”

 

“ระวังด้วยหละเจ้านี้ที่พิษ” เบลซเตือน ในชิพก็มีข้อมูลของมัน มันเป็นสัตว์อสูรที่ไร้ธาตุแต่ว่ามีพิษร้ายแรง ถ้าคนธรรมดาถูกพิษของมันเข้าจะตายภายใน3-5นาทีต้องให้เป็นผู้วิวัฒนาการสีขาวก็ตายภายในสองสามชั่วโมง ส่วนที่สิ่งมีชีวิตสีเขียวอ่อนจะทําให้รู้สึกเจ็บร้อนเฉยๆแต่ไม่ถึงตาย ส่วนสูงกว่านั้นพิษ ระดับต่ําพวกนี้ล้วนไม่มีผล

 

“แคร้ง!” เอลลี่พุ่งเข้าไปสะบัดดาบที่เคลือบด้วยพลังธาตุลมด้วยความเร็วสูงไปยังเปลือกของมัน เกิดรอยสีขาวลึกและรอยปริแตกรอบๆแต่ว่าก็ยังไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้ จําเป็นต้องซ้ําอีกรอบถึงจะทําลายเปลือกของมันได้

 

“ซีบ” แมงปองคริสตัลซัดปลายหางออกไปโดยเล็งไปที่เอลลี่

 

“หมับ!” เบลซพุ่งเข้าไปจับเหล็กในที่ปลายหางของมัน มือลุกท่วมไปด้วยเพลิงส้มแดงประกายเขียวอ่อนไหม้ปลายหางเป็นเถ้าถ่าน

 

“กวีซซซซซซซซซซ” แมงปองคริสตัลร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะเอาก้อมโตๆทั้งสองข้างหนีบไปที่ขาทั้งสองข้างของเบลซ

 

“ไม่เจ็บเลยแฮะ” เบลซพึมพัมหลังจากเข้าวิวัฒนาการเป็นสีเขียวอ่อนระดับสีขาวแทบจะไม่ต่างจากสัตว์ทั่วๆไปในสายตาของเขา โครงสร้างทางร่างกายมันต่างกันลิบลับ เขารู้สึกว่าก้ามขนาดยักษ์ที่กําลังหนีบขาเขาอยู่ เหมือนกับกําลังนวดให้ขาของเขามากกว่า

 

“เธอจัดการได้เลยนะ” เบลซบอกกับเอลลี่

 

“อื้อ! แครก แครก ฉีก ฉีก ฉีก” เอลลี่กระหน่ําแทงไปที่หัวของแมงปองคริสตัลสี่ห้าที่ก่อนที่มันจะตาย

 

“มันน่าจะมีตัวอื่นอยู่รอบๆนี้นะ” เบลซพูด

 

“งั้นไปสํารวจต่อเถอะ” เอลลี่พูดก่อนจะรวบรวมความกล้า จับมือเบลซไว้ด้วยความเหนียมอายพลางหลบหน้า

 

เบลซรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย “วันนี้เอลลี่ทําตัวแปลกแต่ก็ดูน่ารักดีแฮะ” เบลชคิดก่อนที่จะไปสํารวจกันต่อ

 

หลังจากนั้นเบลซกับเอลลี่ก็เข้าไปสํารวจต่อแล้วก็เจอโพรงขนาดใหญ่พอที่จะเดินเข้าไปได้พวกเขาเห็นแมงปองคริสตัลสองสามตัวเข้าๆออกๆบริเวณปากโพรง

 

เบลซและเอลลี่เคลื่อนไหวเบาไปแอบในพุ่มไม้แล้วสอดส่องทันที

“เราจะเข้าไปกันดีมั้ย” เอลลี่ถาม

 

“ก็ต้องเข้าไปนั้นแหละอาจจะได้เจอของดีๆข้างในก็ได้” เบลซพูดจากเซ้นส์ของตัวเค้าเองบอกได้เลยว่าข้างในยังมีอะไรแน่ๆ และมันก็ไม่ค่อยดีที่จะมาอยู่ใกล้ๆกับฐานของเค้า เค้าจะต้องลองเข้าไปดูว่ามีอะไร

 

“จะว่าไปวันนี้เหมือนพวกมันเลื่อนระดับจากเมื่อวานพอสมควรระวังตัวด้วยหละ” เบลซกระซิบ

 

“อื้อ!”

 

“เถาโลหิต” เบลซเรียกเถาพิษโลหิตออกมาก่อนจะควบคุม ให้มันมุดไปใต้ดินตรงกับตําแหน่งของแมงปองคริสตัลทั้งสามตัวพอดี

 

“ฉีก ฉีก ฉีก” เถาพิษโลหิตแทงขึ้นมาจากพื้นดินไปยังหัวของพวกมันสามตัวแน่นอนว่าเถาพิษโลหิตระดับเขียวอ่อนซุ่ม โจมตีระดับขาวสามตัวพวกมันตายในทันที

 

เบลซและเอลลี่ช่วยกันเก็บคริสตัลและเลาะเปลือกที่เหมือนกับเกราะคริสตัลมาเก็บไว้

 

ในช่องเก็บของแล้วก็เข้าไปสํารวจในถ้ําต่อ “รอตรงนี้แปปนึงนะ” เบลซพูดพลางตบไหลเอลลี่

 

“จ๊ะ” เอลลี่ตอบเสียงใสและจริงจังก่อนจะมองรอบๆอย่างระมัดระวัง

 

ในขณะเดียวกันเบลซหยิบคริสตัลไฟที่มีประกายสีเขียวอ่อนออกมาก่อนจะ “ดูดซับ”

 

“ท่านดูดซับคริสตัลไฟ(เขียวอ่อน) ได้ค่าวิวัฒนาการ+9และ

 

หลังจากที่ส่องไปทําให้เบลซเห็นว่ายังมีทางข้างหน้าอยู่อีก และแสงยังส่องไปไม่ถึงปลายถ้ํา

 

“ทีนี้เราจะสํารวจหรือไม่สํารวจดี?” เบลซคิดตอนนี้พวกเขามีกันแค่สองคนถ้าเกิดว่ามีพวกแมงปองหรือสัตว์อสูรอะไรก็แล้วแต่ ที่มีจํานวนเยอะเค้าอาจจะไม่รอดได้ถ้าหนีไม่ทันและมันก็เป็นความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

“แต่ว่าถ้าเกิดว่ามีไม่กี่ตัวพาเพื่อนมาเยอะๆก็ไม่คุ้มเสียอีก แถมถ้ําก็แคบสู้พร้อมกันหลายๆคนไม่ได้” เบลซพิจารณาในใจ

 

“วันนี้เป็นวันที่สองของยุคมืดพวกสัตว์อสูรธรรมดาน่าจะเพิ่มระดับจะ1-5มาเป็นราวๆ1-7 ส่วนพวกตัวที่มีธาตุหรือพิเศษหน่อย ก็น่าจะยังไม่เกิน15 ถ้าไม่ไหวจริงๆก็น่าจะหนีได้ งั้นลองไปดูก่อนนิดหน่อยก็ไม่เสียหาย” หลังจากคิดไปคิดมารวมถึงเหตุผลและสถานะการณ์เข้าด้วยกันแล้วเบลซถึงตัดสินใจได้ “งั้น เราไปกันต่อดีว่าแต่ว่าต้องระวังหน่อยนะ”

“อื้อ” เอลลี่พยักหน้าแล้วค่อยๆเดินตามเบลซไป

 

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในถ้ําต่อ ด้วยระดับที่สูงและขั้นวิวัฒนาการสีเขียวอ่อนทําให้เบลซเดินจัดการแมงป่องที่เขาเห็นตามทางได้สบาย โดยให้เอลลี่เป็นคนโจมตีปลิดชีพจะได้แบ่งแต้มเลื่อนระดับให้เอลลี่มากหน่อยพวกแมงปองคริสตัลธรรมดาไม่ค่อยมีผลในการเลื่อนระดับของเบลซแล้ว

 

“จะว่าไปในที่แบบนี้ จําได้ว่าเมื่อคืนเราได้ทักษะระดับเขียวอ่อนมาหนิ ใช่!ทําไมเราถึงพึ่งนึกได้ตอนนี้!” เบลซอดไม่ได้ที่จะต้องกุมขมับถ้าเกิดเขาดูดซับทักษะภูตเงาเพลิงมาก็จะสามารถเข้าไปสํารวจได้ง่ายขึ้น

 

“รอตรงนี้แปปนึงนะ” เบลชพูดพลางตบไหลเอลลี่

 

“จ๊ะ” เอลลี่ตอบเสียงใสและจริงจังก่อนจะมองรอบๆอย่างระมัดระวัง

 

ในขณะเดียวกันเบลซหยิบคริสตัลไฟที่มีประกายสีเขียวอ่อนออกมาก่อนจะ “ดูดซับ”

 

“ท่านดูดซับคริสตัลไฟ(เขียวอ่อน) ได้ค่าวิวัฒนาการ+9และทักษะ<ภูตเงาเพลิง>”

 

“ระบบ”

 

ชื่อ เบลซ แร็คน่าร์ เหรียญชีวิต94เหรียญ

 

ระดับ13

 

สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน(61/100) 4ธาตุบวกค่าสถานะ75%

 

พลังธาตุ <ไฟ น้ํา สายฟ้า พิษ>

 

อาชีพ ไม่มี

 

อาชีพเสริม นักตัดแต่งยีน

 

ฉายา

 

<นายแห่งอสูรอเวจี+5> <มนุษย์คนแรกผู้สังหารสัตว์อสูรสองธาตุ+2>

 

Strength(แรงกาย) : 38[(15)+11.5]

 

Agility(ความว่องไว) : 34.25[(13)+11.5]

 

Vitality(พละกําลัง) : 30.75[(11)+11.5]

 

Stamina(ความทรหด) : 33/36[(14)+11.5]

 

Spirituality(จิตวิญญาณ) : 44.25/46.5[(20)+11.5]

 

ทักษะ

 

<อควาคัตเตอร์(ขาว)> <ประเมิน(ขาว)> <พิษหัวใจขาว/ เขียว>

 

<ภูติเงาเพลิง> ทําให้ร่างกายปกคลุมไปด้วยออร่าแห่งไฟ เมื่อหยุดเคลื่อนที่พลังลึกลับจะทําให้คุณกลมกลืนไปกับพื้นที่รอบๆ ใช้Spirituality 2 แต้มทุก1นาที เมื่อโจมตีครั้งแรกด้วยธาตุไฟ จะยกเลิกการซ่อนตัวและทําให้แรงขึ้นอีกเท่าตัว

 

สัตว์อสูรสงคราม

 

ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)

 

ยูทาห์แร็พเตอร์เพลิงอเวจี(ลูก)(กําลังวิวัฒนาการ) ระดับ12

 

สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว

 

พลังธาตุ เพลิง ระดับขาว

 

Strength(แรงกาย) : 22

 

Agility(ความว่องไว) : 24

 

Vitality(พละกําลัง) : 36

 

Stamina(ความทรหด) : 21/22

 

Spirituality(จิตวิญญาณ) : 8/8

 

ทักษะ

 

<เพลิงอเวจี> ใช้เพลิงจากนรกได้เพลิงแรงขึ้น7596)

 

พืชปรสิตดอกเถาพิษโลหิต ระดับ10

 

สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน (สามธาตุ+สถานะ50%)

 

พลังธาตุ <พืช โลหิต พิษ> ระดับเขียวอ่อน

 

Strength(แรงกาย) : 1.5(1)

 

Agility(ความว่องไว) : 1.5(1)

 

Vitality(พละกําลัง) : 70.5(47)

 

Stamina(ความทรหด) : 1.5(1)

 

Spirituality(จิตวิญญาณ) : 1.5(1)

ทักษะ

 

<พึ่งพาอาศัย> +4.5(3×50%)

 

<แบ่งพลังธาตุพืช> <ดูดโลหิต> <พิษกัดกร่อน>

 

“เอาหละได้มาแล้ว!” เบลซพูดอย่างดีใจก่อนจะลองใช้ทักษะดู

“วูซซซ” ร่างของเบลซปกคลุมไปด้วยแสงจางๆสีส้มแดง ก่อนจะหายตัวไป

 

“เบลซ !นายหายไปไหน?! เบลซซซ!” เอลลี่ตะโกนหาด้วยท่าทางตกใจและร้อนรน

 

“ช่ว! ให้ตายสิเงียบๆหน่อยสิเธอ ขอโทษด้วยละกันนะที่ฉันลืมบอกอะ”

 

เบลซกระโจนออกมาปิดปากเอลลีก่อนจะพูดเบา

 

“นายทําฉันกลัวนะ” เอลลี่พูดด้วยท่าทางแง่งอนปนน่าสงสาร

 

“ขอโทษนะ แต่รอบนี้ฉันจะขอลองทักษะหน่อยนะ” เบลซ พูดด้วยเสียงเบาๆนุ่มๆ

 

“ได้แต่นายต้องปลอบฉันก่อน” เอลลี่พูดเธอมองเบลซด้วยตากลมโตที่น่าหลงใหล

 

“ให้ตายเถอะจะสวยเกินไปแล้ว เราก็เขินเป็นนะเฮ้ย!” เบลซอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงก่อนจะหลบตาเล็กน้อยแล้วถามว่า “แล้วจะปลอบยังไงหละ”

 

“กะ กอดฉันหน่อยได้ไหม?” เอลลี่พูดพลางทําหน้าเขินอาย

 

“เขินจะตายอยู่แล้ว คุณเธอจะมาต้องการความอบอุ่นอะไรตอนนี้” หน้าของเขาตัวแดงกว่าเดิมก่อนจะพูดอย่างสั่นๆว่า “กะ-ก็ได้”

 

“อิ่ม หมับ” เอลลี่พยักหน้าก่อนจะกอดเบลซใบหน้าสัมผัสถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากอกของเบลซ ความจริงตั้งแต่เกิดหายนะนี้ขึ้นมันทําให้เธอกดดันมากและความรู้สึกนี้ก็มีมาตั้งแต่แรกแล้ว เธอรู้ตัวตั้งนานแล้วแต่ว่าเธอนั้นไม่กล้าเอง และเธอก็ไม่อยากเก็บมันไว้อีกต่อไป เมื่อความรู้สึกที่กลัวว่าอาจจะไม่มีโอกาสอีกในอนาคตกับเพื่อนๆของเธอหลายๆคนที่กําลังจะเป็นคู่แข่งอีก ความรู้สึกที่เก็บเอาไว้ของเธอมันระเบิดออกมา ในอนาคตที่ไม่แน่นอน อย่างน้อยๆตอนนี้เธออยากจะเก็บมันไว้เป็นความทรงจําดีๆก็พอ

 

เบลซใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดเอลลี่ไว้แม้แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น จริงๆแล้วมันเป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์ที่ตัวของเขาเองก็บอกไม่ถูกแต่ว่า มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับ

 

อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นเด็กกําพร้าก็ได้นี้เป็นความรู้สึกที่พิเศษมากๆสําหรับตัวเค้าเอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Great Geneticist in Apocalypse 56 ได้กอดแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 56 ได้กอดแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Great Geneticist in Apocalypse

 

ตอนที่ 56 ได้กอดแล้วสิ

 

“ฮับ!” เอลลี่ยื่นมือออกไปเก็บผลสัมมาสองสามผลใส่ กระเป๋าเป้

 

“ไปกันต่อ” เบลซพูดแล้วทั้งคู่ก็เดินสํารวจต่อไป

 

“ระวัง!” หลังจากเดินเข้าไปอีกซักพักประสาทสัมผัสของเบลซตื่นตัวเขารู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหว

 

“ซิกซิก ซิกซิก” พุ่มไม้รอบๆสั่นไหวไปมาแมงปองตัวหนึ่งเดินออกมาเปลือกของมันเป็นสีฟ้าระยิบระยับตัวยาวประมาณศอกนึ่ง เข็มพิษที่ปลายหางชูช่อเตรียมพร้อมที่จะซัดใส่ศัตรูตลอดเวลา

 

“ประเมิน”

 

“แมงปองคริสตัล<ไร้ธาตุ>(ขาว)ระดับ8”

 

“ระวังด้วยหละเจ้านี้ที่พิษ” เบลซเตือน ในชิพก็มีข้อมูลของมัน มันเป็นสัตว์อสูรที่ไร้ธาตุแต่ว่ามีพิษร้ายแรง ถ้าคนธรรมดาถูกพิษของมันเข้าจะตายภายใน3-5นาทีต้องให้เป็นผู้วิวัฒนาการสีขาวก็ตายภายในสองสามชั่วโมง ส่วนที่สิ่งมีชีวิตสีเขียวอ่อนจะทําให้รู้สึกเจ็บร้อนเฉยๆแต่ไม่ถึงตาย ส่วนสูงกว่านั้นพิษ ระดับต่ําพวกนี้ล้วนไม่มีผล

 

“แคร้ง!” เอลลี่พุ่งเข้าไปสะบัดดาบที่เคลือบด้วยพลังธาตุลมด้วยความเร็วสูงไปยังเปลือกของมัน เกิดรอยสีขาวลึกและรอยปริแตกรอบๆแต่ว่าก็ยังไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้ จําเป็นต้องซ้ําอีกรอบถึงจะทําลายเปลือกของมันได้

 

“ซีบ” แมงปองคริสตัลซัดปลายหางออกไปโดยเล็งไปที่เอลลี่

 

“หมับ!” เบลซพุ่งเข้าไปจับเหล็กในที่ปลายหางของมัน มือลุกท่วมไปด้วยเพลิงส้มแดงประกายเขียวอ่อนไหม้ปลายหางเป็นเถ้าถ่าน

 

“กวีซซซซซซซซซซ” แมงปองคริสตัลร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะเอาก้อมโตๆทั้งสองข้างหนีบไปที่ขาทั้งสองข้างของเบลซ

 

“ไม่เจ็บเลยแฮะ” เบลซพึมพัมหลังจากเข้าวิวัฒนาการเป็นสีเขียวอ่อนระดับสีขาวแทบจะไม่ต่างจากสัตว์ทั่วๆไปในสายตาของเขา โครงสร้างทางร่างกายมันต่างกันลิบลับ เขารู้สึกว่าก้ามขนาดยักษ์ที่กําลังหนีบขาเขาอยู่ เหมือนกับกําลังนวดให้ขาของเขามากกว่า

 

“เธอจัดการได้เลยนะ” เบลซบอกกับเอลลี่

 

“อื้อ! แครก แครก ฉีก ฉีก ฉีก” เอลลี่กระหน่ําแทงไปที่หัวของแมงปองคริสตัลสี่ห้าที่ก่อนที่มันจะตาย

 

“มันน่าจะมีตัวอื่นอยู่รอบๆนี้นะ” เบลซพูด

 

“งั้นไปสํารวจต่อเถอะ” เอลลี่พูดก่อนจะรวบรวมความกล้า จับมือเบลซไว้ด้วยความเหนียมอายพลางหลบหน้า

 

เบลซรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย “วันนี้เอลลี่ทําตัวแปลกแต่ก็ดูน่ารักดีแฮะ” เบลชคิดก่อนที่จะไปสํารวจกันต่อ

 

หลังจากนั้นเบลซกับเอลลี่ก็เข้าไปสํารวจต่อแล้วก็เจอโพรงขนาดใหญ่พอที่จะเดินเข้าไปได้พวกเขาเห็นแมงปองคริสตัลสองสามตัวเข้าๆออกๆบริเวณปากโพรง

 

เบลซและเอลลี่เคลื่อนไหวเบาไปแอบในพุ่มไม้แล้วสอดส่องทันที

“เราจะเข้าไปกันดีมั้ย” เอลลี่ถาม

 

“ก็ต้องเข้าไปนั้นแหละอาจจะได้เจอของดีๆข้างในก็ได้” เบลซพูดจากเซ้นส์ของตัวเค้าเองบอกได้เลยว่าข้างในยังมีอะไรแน่ๆ และมันก็ไม่ค่อยดีที่จะมาอยู่ใกล้ๆกับฐานของเค้า เค้าจะต้องลองเข้าไปดูว่ามีอะไร

 

“จะว่าไปวันนี้เหมือนพวกมันเลื่อนระดับจากเมื่อวานพอสมควรระวังตัวด้วยหละ” เบลซกระซิบ

 

“อื้อ!”

 

“เถาโลหิต” เบลซเรียกเถาพิษโลหิตออกมาก่อนจะควบคุม ให้มันมุดไปใต้ดินตรงกับตําแหน่งของแมงปองคริสตัลทั้งสามตัวพอดี

 

“ฉีก ฉีก ฉีก” เถาพิษโลหิตแทงขึ้นมาจากพื้นดินไปยังหัวของพวกมันสามตัวแน่นอนว่าเถาพิษโลหิตระดับเขียวอ่อนซุ่ม โจมตีระดับขาวสามตัวพวกมันตายในทันที

 

เบลซและเอลลี่ช่วยกันเก็บคริสตัลและเลาะเปลือกที่เหมือนกับเกราะคริสตัลมาเก็บไว้

 

ในช่องเก็บของแล้วก็เข้าไปสํารวจในถ้ําต่อ “รอตรงนี้แปปนึงนะ” เบลซพูดพลางตบไหลเอลลี่

 

“จ๊ะ” เอลลี่ตอบเสียงใสและจริงจังก่อนจะมองรอบๆอย่างระมัดระวัง

 

ในขณะเดียวกันเบลซหยิบคริสตัลไฟที่มีประกายสีเขียวอ่อนออกมาก่อนจะ “ดูดซับ”

 

“ท่านดูดซับคริสตัลไฟ(เขียวอ่อน) ได้ค่าวิวัฒนาการ+9และ

 

หลังจากที่ส่องไปทําให้เบลซเห็นว่ายังมีทางข้างหน้าอยู่อีก และแสงยังส่องไปไม่ถึงปลายถ้ํา

 

“ทีนี้เราจะสํารวจหรือไม่สํารวจดี?” เบลซคิดตอนนี้พวกเขามีกันแค่สองคนถ้าเกิดว่ามีพวกแมงปองหรือสัตว์อสูรอะไรก็แล้วแต่ ที่มีจํานวนเยอะเค้าอาจจะไม่รอดได้ถ้าหนีไม่ทันและมันก็เป็นความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

“แต่ว่าถ้าเกิดว่ามีไม่กี่ตัวพาเพื่อนมาเยอะๆก็ไม่คุ้มเสียอีก แถมถ้ําก็แคบสู้พร้อมกันหลายๆคนไม่ได้” เบลซพิจารณาในใจ

 

“วันนี้เป็นวันที่สองของยุคมืดพวกสัตว์อสูรธรรมดาน่าจะเพิ่มระดับจะ1-5มาเป็นราวๆ1-7 ส่วนพวกตัวที่มีธาตุหรือพิเศษหน่อย ก็น่าจะยังไม่เกิน15 ถ้าไม่ไหวจริงๆก็น่าจะหนีได้ งั้นลองไปดูก่อนนิดหน่อยก็ไม่เสียหาย” หลังจากคิดไปคิดมารวมถึงเหตุผลและสถานะการณ์เข้าด้วยกันแล้วเบลซถึงตัดสินใจได้ “งั้น เราไปกันต่อดีว่าแต่ว่าต้องระวังหน่อยนะ”

“อื้อ” เอลลี่พยักหน้าแล้วค่อยๆเดินตามเบลซไป

 

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในถ้ําต่อ ด้วยระดับที่สูงและขั้นวิวัฒนาการสีเขียวอ่อนทําให้เบลซเดินจัดการแมงป่องที่เขาเห็นตามทางได้สบาย โดยให้เอลลี่เป็นคนโจมตีปลิดชีพจะได้แบ่งแต้มเลื่อนระดับให้เอลลี่มากหน่อยพวกแมงปองคริสตัลธรรมดาไม่ค่อยมีผลในการเลื่อนระดับของเบลซแล้ว

 

“จะว่าไปในที่แบบนี้ จําได้ว่าเมื่อคืนเราได้ทักษะระดับเขียวอ่อนมาหนิ ใช่!ทําไมเราถึงพึ่งนึกได้ตอนนี้!” เบลซอดไม่ได้ที่จะต้องกุมขมับถ้าเกิดเขาดูดซับทักษะภูตเงาเพลิงมาก็จะสามารถเข้าไปสํารวจได้ง่ายขึ้น

 

“รอตรงนี้แปปนึงนะ” เบลชพูดพลางตบไหลเอลลี่

 

“จ๊ะ” เอลลี่ตอบเสียงใสและจริงจังก่อนจะมองรอบๆอย่างระมัดระวัง

 

ในขณะเดียวกันเบลซหยิบคริสตัลไฟที่มีประกายสีเขียวอ่อนออกมาก่อนจะ “ดูดซับ”

 

“ท่านดูดซับคริสตัลไฟ(เขียวอ่อน) ได้ค่าวิวัฒนาการ+9และทักษะ<ภูตเงาเพลิง>”

 

“ระบบ”

 

ชื่อ เบลซ แร็คน่าร์ เหรียญชีวิต94เหรียญ

 

ระดับ13

 

สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน(61/100) 4ธาตุบวกค่าสถานะ75%

 

พลังธาตุ <ไฟ น้ํา สายฟ้า พิษ>

 

อาชีพ ไม่มี

 

อาชีพเสริม นักตัดแต่งยีน

 

ฉายา

 

<นายแห่งอสูรอเวจี+5> <มนุษย์คนแรกผู้สังหารสัตว์อสูรสองธาตุ+2>

 

Strength(แรงกาย) : 38[(15)+11.5]

 

Agility(ความว่องไว) : 34.25[(13)+11.5]

 

Vitality(พละกําลัง) : 30.75[(11)+11.5]

 

Stamina(ความทรหด) : 33/36[(14)+11.5]

 

Spirituality(จิตวิญญาณ) : 44.25/46.5[(20)+11.5]

 

ทักษะ

 

<อควาคัตเตอร์(ขาว)> <ประเมิน(ขาว)> <พิษหัวใจขาว/ เขียว>

 

<ภูติเงาเพลิง> ทําให้ร่างกายปกคลุมไปด้วยออร่าแห่งไฟ เมื่อหยุดเคลื่อนที่พลังลึกลับจะทําให้คุณกลมกลืนไปกับพื้นที่รอบๆ ใช้Spirituality 2 แต้มทุก1นาที เมื่อโจมตีครั้งแรกด้วยธาตุไฟ จะยกเลิกการซ่อนตัวและทําให้แรงขึ้นอีกเท่าตัว

 

สัตว์อสูรสงคราม

 

ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)

 

ยูทาห์แร็พเตอร์เพลิงอเวจี(ลูก)(กําลังวิวัฒนาการ) ระดับ12

 

สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว

 

พลังธาตุ เพลิง ระดับขาว

 

Strength(แรงกาย) : 22

 

Agility(ความว่องไว) : 24

 

Vitality(พละกําลัง) : 36

 

Stamina(ความทรหด) : 21/22

 

Spirituality(จิตวิญญาณ) : 8/8

 

ทักษะ

 

<เพลิงอเวจี> ใช้เพลิงจากนรกได้เพลิงแรงขึ้น7596)

 

พืชปรสิตดอกเถาพิษโลหิต ระดับ10

 

สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน (สามธาตุ+สถานะ50%)

 

พลังธาตุ <พืช โลหิต พิษ> ระดับเขียวอ่อน

 

Strength(แรงกาย) : 1.5(1)

 

Agility(ความว่องไว) : 1.5(1)

 

Vitality(พละกําลัง) : 70.5(47)

 

Stamina(ความทรหด) : 1.5(1)

 

Spirituality(จิตวิญญาณ) : 1.5(1)

ทักษะ

 

<พึ่งพาอาศัย> +4.5(3×50%)

 

<แบ่งพลังธาตุพืช> <ดูดโลหิต> <พิษกัดกร่อน>

 

“เอาหละได้มาแล้ว!” เบลซพูดอย่างดีใจก่อนจะลองใช้ทักษะดู

“วูซซซ” ร่างของเบลซปกคลุมไปด้วยแสงจางๆสีส้มแดง ก่อนจะหายตัวไป

 

“เบลซ !นายหายไปไหน?! เบลซซซ!” เอลลี่ตะโกนหาด้วยท่าทางตกใจและร้อนรน

 

“ช่ว! ให้ตายสิเงียบๆหน่อยสิเธอ ขอโทษด้วยละกันนะที่ฉันลืมบอกอะ”

 

เบลซกระโจนออกมาปิดปากเอลลีก่อนจะพูดเบา

 

“นายทําฉันกลัวนะ” เอลลี่พูดด้วยท่าทางแง่งอนปนน่าสงสาร

 

“ขอโทษนะ แต่รอบนี้ฉันจะขอลองทักษะหน่อยนะ” เบลซ พูดด้วยเสียงเบาๆนุ่มๆ

 

“ได้แต่นายต้องปลอบฉันก่อน” เอลลี่พูดเธอมองเบลซด้วยตากลมโตที่น่าหลงใหล

 

“ให้ตายเถอะจะสวยเกินไปแล้ว เราก็เขินเป็นนะเฮ้ย!” เบลซอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงก่อนจะหลบตาเล็กน้อยแล้วถามว่า “แล้วจะปลอบยังไงหละ”

 

“กะ กอดฉันหน่อยได้ไหม?” เอลลี่พูดพลางทําหน้าเขินอาย

 

“เขินจะตายอยู่แล้ว คุณเธอจะมาต้องการความอบอุ่นอะไรตอนนี้” หน้าของเขาตัวแดงกว่าเดิมก่อนจะพูดอย่างสั่นๆว่า “กะ-ก็ได้”

 

“อิ่ม หมับ” เอลลี่พยักหน้าก่อนจะกอดเบลซใบหน้าสัมผัสถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากอกของเบลซ ความจริงตั้งแต่เกิดหายนะนี้ขึ้นมันทําให้เธอกดดันมากและความรู้สึกนี้ก็มีมาตั้งแต่แรกแล้ว เธอรู้ตัวตั้งนานแล้วแต่ว่าเธอนั้นไม่กล้าเอง และเธอก็ไม่อยากเก็บมันไว้อีกต่อไป เมื่อความรู้สึกที่กลัวว่าอาจจะไม่มีโอกาสอีกในอนาคตกับเพื่อนๆของเธอหลายๆคนที่กําลังจะเป็นคู่แข่งอีก ความรู้สึกที่เก็บเอาไว้ของเธอมันระเบิดออกมา ในอนาคตที่ไม่แน่นอน อย่างน้อยๆตอนนี้เธออยากจะเก็บมันไว้เป็นความทรงจําดีๆก็พอ

 

เบลซใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดเอลลี่ไว้แม้แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น จริงๆแล้วมันเป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์ที่ตัวของเขาเองก็บอกไม่ถูกแต่ว่า มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับ

 

อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นเด็กกําพร้าก็ได้นี้เป็นความรู้สึกที่พิเศษมากๆสําหรับตัวเค้าเอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+