The Great Geneticist in Apocalypse 69 เจอนักเลงแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 69 เจอนักเลงแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่69 เจอนักเลงแล้วสิ

แอดเกิดอาการจําผิดนึกว่าวันนี้ลงไปแล้วต้องขออภัยด้วยครับ^”

เนื่องจากความตัวใหญ่และน่ากลัวของซีฟอสถ้าเกิดอยู่ใกล้ๆพวกเบลซผู้รอดชีวิตหรือสัตว์อสูรตัวอื่นๆคงไม่กล้าเข้าใกล้พวกเขาแน่ เบลซเลยสั่งให้มันอยู่ห่างจากเขาไปไม่เกิน 1 กิโลเมตรเมื่อเขาเรียกมันผ่านสายสัมพันธ์มันสามารถมาหาเค้าได้ไม่เกิน1นาที15 วินาที

“ถ้าเกิดว่าเจอพวกวิวัฒนาการหรือผู้รอดชีวิตก็บอกฉันด้วยหละ” เบลซสั่ง

“กร้าววว” ซีฟอสพยักหน้าก่อนจะบินออกไป

หลังจากที่แยกกับซีฟอสแล้วเบลซก็ขึ้นรถบัสไป

รถบัสขับต่อไปไม่นานก็มาถึงที่แถวๆบ้านของเบลซ

ยังไงซะถ้าเกิดว่าจะต้องช่วยคนเขาก็อยากจะช่วยคนที่สนิทหน่อยอย่างเช่นเพื่อนบ้านที่เขาสนิทด้วยมากกว่าอย่างน้อยๆก็รู้จักนิสัยใจคอกันพอสมควรแม้ว่าช่วงเวลาที่เกิดยุคมืดขึ้นพวกเขาจะอยู่นอกอาคารซะส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีผู้คนอยู่ในบ้านแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเลยด้วยความที่ที่นี่มีคนจํานวนไม่มากจึงไม่ค่อยมีสัตว์อสูรด้านนอกมากนัก

เบลซตั้งความหวังไว้ว่าจะยังคงมีผู้รอดชีวิตอยู่ในละแวกนี้
เนื่องจากเวลานี้ผ่านมาสามวแล้วนนับตั้งแต่วันแห่งหายนะได้เกิดขึ้นสัตว์อสูรก็หลากหลายมากขึ้นนอกจากหนูกลายพันธ์แล้วก็ยังมีสัตว์อสูรตัวอื่นๆอีกเช่นหอยทากที่มีเปลือกรูปทรงประหลาดมีสี ออกชมพูเข้มๆหรือสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายกบตัวใหญ่

“ประเมิน” เบลซยืนมือไปก่อนจะสั่งในใจ

“หอยทากมาเจ็นต้า(ขาว)ระดับ8”

“เขียดใบไม้ยักษ์(ขาว)ระดับ7”

“หนูกลายพันธ์(ขาว)ระดับ8”

“สัตว์อสูรธรรมดาๆ ตอนนี้พัฒนามาเป็นระดับ7-8แล้ว”เบลซพิมพ์ในใจถึง ความเร็วในการวิวัฒนาการของพวกมัน

ต้องรู้ไว้ก่อนว่าเมื่อวันแรกของวันแห่งหายนะนั้นพวกสัตว์อสูรธรรมดาทั่วๆไปมีระดับมาที่สุดแค่5!

หลังจากให้จางมู่ยิงศรปราณจัดการสัตว์อสูรที่อยู่รอบๆไม่ให้เกะกะเบลซก็กล่าวว่า

“เอมิเลีย เอลลี่ ฉันจะเข้าไปในบ้านพวกคุณเฝ้ารถบัสด้วยนะ จางมู่ ชินมาช่วยฉัน”หลังจากที่พูดจบเบลซรีบวิ่งไปที่บันไดรถบัสทันที

เอลลี่ เอมิเลียและเหมียนเหมียนต่างเฝ้าอยู่ในรถ

เบลซและเพื่อนลงมาจากรถบัสฆ่าสัตว์อสูร 9 ตัวที่เข้ามาขวางทางของพวกเขาในขณะที่มุ่งหน้าไปที่บ้านหลังที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านของเขา

เบลซ์เคาะประตูและตะโกนเสียงดัง“คุณลุงคุณป้าไลล่ายังมีใครอยู่ไหม”

“หนูยังมีชีวิตอยู่! หนูอยู่นี้พี่ชาย!”ไม่นานจากภายในบ้านก็มีเสียงร้องไห้ดีใจของหญิงสาวคนหนึ่งดังออกมา

หลังจากฟังเสียงขนย้ายสิ่งของหลังประตูซักพักประตูก็เปิดออกมีหญิงสาวผมยาวผูกหางม้าหน้าอกเล็กๆและทรวดทรงเต็มไปด้วยพลังความอ่อนเยาว์เป็นสาวน่ารักๆอายุ 15 ปี

ทันทีที่เด็กสาวเห็นเบลซเธอรีบโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเขาและร้องไห้ออกมา“พี่ชาย!หนูรู้ว่าพี่จะต้องมาช่วยหนู!”

เบลซตบไหล่ไลล่าและถามว่า “คุณป้าและคุณลุงล่ะอยู่ไหน?”

ไลล่าเป็นนักเรียนที่เบลซเป็นครูสอนพิเศษให้ฟรีเพราะตอนที่เขาพึ่งย้ายมาใหม่ๆก็ได้รับการต้อนรับจากพ่อแม่ของเธออย่างประทับใจและเป็นกันเองไม่น้อยแถมยังช่วยและแนะนําเขาไม่น้อยเรียกได้ว่าเป็นคุณลุงคุณป้าที่ใจดีมากๆแม้ว่าปกติไลล่าจะซนมากแต่เธอก็เคารพรักเบลซมากทําให้พ่อแม่ของเด็กสาวไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเธอเชื่อฟังเบลซ์เสมอแม้จะมีเถียงเค้าบ้างในเวลาที่เธอไม่พอใจ

ไลล่ายกใบหน้าที่เปื้อนน้ําตาของเธอและพูดว่า“หนูโทรศัพท์หาพวกเขาแล้วแต่ไม่มีสัญญาณเลยแถมไฟก็ดับด้วยข้างนอกก็มีพวกตัวประหลาดหนูกลัวจังเลย”
ไลล่าดูน่ารักขึ้นมาทันทีเมื่อเทียบกับเวลาปกติแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างภูตน้อยแสนซนกับตอนนี้

เมื่อโลกเปลี่ยนไปคนส่วนใหญ่ได้กลายเป็นอาหารของสัตว์อสูร ไล่ล่าซ่อนตัวอยู่ในห้องมองออกไปนอกหน้าต่างมองดูคนที่วิ่งออกไปด้านนอกถูกกินโดยสัตว์เธอโทรหาคนรู้จักก็ไม่มีแม้แต่ สัญญาณเธอกลัวและทําอะไรไม่ถูกสองสามวันที่ผ่านมาได้แต่กินขนมและอาหารที่ค้างอยู่ในตู้เย็นด้วยความหวาดกลัวตอนที่เธอได้ยินเสียงเบลซด้านหน้าบ้านหัวใจของเธอสงบลงเล็กน้อย

เบลซได้พูดขึ้นว่า “หนูควรมาพร้อมกับพี่ในเวลานี้ที่นี้ไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ระยะยาว” (แอดมิน : -*- ไอพี่หมี!!!!)

“พี่ชายรอหนูแปปนึงนะไลล่าไปที่ห้องของเธอสวมกระเป๋าเป้สะพายหลังของเธอใส่หมวกเบสบอลและสวมรองเท้าผ้าใบจากนั้นก็วิ่งไปที่ด้านข้างของเบลซ

“เสร็จแล้วใช่ไหม ไปกันเถอะ!”เบลซอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย “ช่างรู้จักเตรียมพร้อมจริงๆ”แล้ววิ่งลงมาพร้อมกับไลล่าลงมาชั้นล่าง

หลังจากที่วิ่งลงมาชั้นล่างรวมกับจางมู่และชินทั้งสี่รีบวิ่งเข้าไปในรถบัสฝากไลล่าไว้ในรถแล้วออกไปสํารวจบ้านอื่นๆต่อแต่ก็ต้องผิดหวังเนื่องจากไม่มีใครอยู่เลย

แล้วเบลซก็พูดกับเอมิเลียว่า “ตอนนี้ออกจากที่นี่ได้แล้ว ไปสํารวจที่อื่น!”

หลังจากสํารวจรอบๆพวกเขาก็ได้ขนเฟอร์นิเจอร์กลับไปจํานวนไม่น้อยพร้อมกับอุปกรณ์ทั่วๆไปอย่างอุปกรณ์ช่างจํานวนหนึ่งและ อาหารบางส่วนอีกด้วย

“โกร็วววววววว” ในขณะที่เสียงกําลังสํารวจของซีฟอสดังขึ้นในจิตใจของเบลซและมันได้ความรู้สึกบางอย่างผ่านสายสัมพันธ์มาได้ว่า “พบผู้รอดชีวิตแล้ว!”

“งั้นเดี๋ยวฉันจากที่ตําแหน่งของนาย”เบลซส่งความคิดกลับไปแน่นอนว่าเจ้าดาบน้อยเป็นสัตว์อสูรสงครามของเค้าเค้ารู้ตําแหน่งของมันตลอดไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม

เบลมองมาที่เพื่อนๆแล้วพูดว่า “เจ้าดาบน้อยเจอผู้รอดชีวิตแล้ว และเราควรจะต้องไปที่นั้นดูหน่อยอย่างน้อยๆก็น่าจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับสองสามวันที่ผ่านมา”

“งั้นไปกันแต่ว่าตรงไหนหละ?” เอมิเลียถาม

เบลซบอกทางให้กับเอมิเลียขณะที่ไลล่ากําลังแนะนําตัวกับทุกคน

“หนูชื่อไลล่า แองเจล่าค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักพี่ๆทุกคนนะคะ” ไลล่ากล่าวแนะนําตัวด้วยน้ําเสียงใสแจ๋วจากนั้นเธอหันไปสบตากับกระต่ายน้อยเหมียนเหมียนจนต้องอุทานออกมาว่า“น่ารักจัง!” แล้ว เธอก็เข้าไปอุ้มมันมากอดพลางลูบๆดึงๆเล่นไปมา

“ไม่นะอย่าทําแบบนั้นจิอา อาจักจี้นะไม่ ไม่ ไม่ หม่าม้าช่วยหนูด้วยยยย”เหมียนเหมียนส่งข้อความขอความช่วยเหลือให้เอมิเลีย เธอเลยหันกลับมาแล้วตอบว่า

“ก็หน้ารักดีออก กระต่ายตัวนั้นของพี่เองเล่นกับมันได้ตามสบายเลยนะจ๊ะ”

“ม่ายยยยยยยย”

หลังจากนั้นไม่นานเบลซก็เจอเจ้าดาบน้อยที่เกาะอยู่บนกําแพงตี มันสะบัดหัวไปที่อีกฝั่งหนึ่งของกําแพง

เบลซและเพื่อนๆลงจากรถบัสยกเว้นไลล่าและเดินไปยังกําแพงอีกฝั่งที่เจ้าดาบน้อยบอก

ทุกคนเห็นกลุ่มคนที่แต่งกายวิจิตรพิสดารย้อมสีผม ถือท่อนไม้และไม้เบสบอลในมือ

บนถนนสายนี้เบลซไม่เห็นสัตว์อสูรเลยเพราะผู้คนไม่ค่อยใช้ทางเส้นนี้ผ่านทางเพราะเป็นทางเปลี่ยวและมีพวกนักเลงอยู่เยอะ
ผู้คนหลายสิบคนเห็นพวกเบลซเข้าพวกเขารีบวิ่งเข้ามาอย่างกระชั้นชิด

ไม่นานก็วิ่งไปด้านอ้อมหน้าอ้อมหลังปีดกั้นเส้นทางพวกเขาทันที

“หยุดเดี๋ยวนี้! ฉันบอกให้หยุด!”

“ฆ่า!” ข้อมือของเบลซสะบัดเถาพิษโลหิตทั้งเจ็ดกําลังจะผุดออกมาจาก แขน

“ไม่พวกเขาเป็นคนนะ”เอมิเลียคว้าแขนห้ามเขาไว้เบลซขมวดคิ้ว

เหมือนเอมิเลียจะยังไม่ได้ได้สัมผัสกับความโหดร้ายของโลกนี้ยัง ไม่เคยสัมผัสถึงด้านมืดของจิตใจคนอย่างน้อยๆเธอก็ควรมีเซ้นในการปกป้องตัวเองบ้างในขณะที่เอลลี่จับด้ามดาบเตรียมพร้อมจางมู่ถือคันธนูส่วนชินก็มีออว่าธาตุดินล้อมรอบ

ชายหนุ่ม 7 คนที่ติดอาวุธด้วยมีดพร้าก็เดินเข้ามา

“ลูกพี่! 2คนนั้นสวยสุดไปเลย” คนที่ย้อมผมสีแดงสวมแหวนใส่จมูกอายุประมาณ 17 ปีมองมาทางเอลลี่และเอมิเลียด้วยสายตาลามกตื่นกาม เขาพูด และเลียริมฝีปากของเขาคนที่ยืนติดกับเขาเป็นผู้ชายสูง190 เซนติเมตร อ้วนลงพุงถือมีดพร้าอยู่ใน
มือคนที่แต่งตัวประหลาดที่เป็นผู้นํามองไปที่ทุกคนแล้วพูดเสียงลึกว่า “ผมเป็นลูกพี่ของกลุ่มเด็กแว้นนี้!ทิ้งอาวุธและอาหารลงซะแล้วผมจะปล่อยพวกคุณไป”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Great Geneticist in Apocalypse 69 เจอนักเลงแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 69 เจอนักเลงแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่69 เจอนักเลงแล้วสิ

แอดเกิดอาการจําผิดนึกว่าวันนี้ลงไปแล้วต้องขออภัยด้วยครับ^”

เนื่องจากความตัวใหญ่และน่ากลัวของซีฟอสถ้าเกิดอยู่ใกล้ๆพวกเบลซผู้รอดชีวิตหรือสัตว์อสูรตัวอื่นๆคงไม่กล้าเข้าใกล้พวกเขาแน่ เบลซเลยสั่งให้มันอยู่ห่างจากเขาไปไม่เกิน 1 กิโลเมตรเมื่อเขาเรียกมันผ่านสายสัมพันธ์มันสามารถมาหาเค้าได้ไม่เกิน1นาที15 วินาที

“ถ้าเกิดว่าเจอพวกวิวัฒนาการหรือผู้รอดชีวิตก็บอกฉันด้วยหละ” เบลซสั่ง

“กร้าววว” ซีฟอสพยักหน้าก่อนจะบินออกไป

หลังจากที่แยกกับซีฟอสแล้วเบลซก็ขึ้นรถบัสไป

รถบัสขับต่อไปไม่นานก็มาถึงที่แถวๆบ้านของเบลซ

ยังไงซะถ้าเกิดว่าจะต้องช่วยคนเขาก็อยากจะช่วยคนที่สนิทหน่อยอย่างเช่นเพื่อนบ้านที่เขาสนิทด้วยมากกว่าอย่างน้อยๆก็รู้จักนิสัยใจคอกันพอสมควรแม้ว่าช่วงเวลาที่เกิดยุคมืดขึ้นพวกเขาจะอยู่นอกอาคารซะส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีผู้คนอยู่ในบ้านแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเลยด้วยความที่ที่นี่มีคนจํานวนไม่มากจึงไม่ค่อยมีสัตว์อสูรด้านนอกมากนัก

เบลซตั้งความหวังไว้ว่าจะยังคงมีผู้รอดชีวิตอยู่ในละแวกนี้
เนื่องจากเวลานี้ผ่านมาสามวแล้วนนับตั้งแต่วันแห่งหายนะได้เกิดขึ้นสัตว์อสูรก็หลากหลายมากขึ้นนอกจากหนูกลายพันธ์แล้วก็ยังมีสัตว์อสูรตัวอื่นๆอีกเช่นหอยทากที่มีเปลือกรูปทรงประหลาดมีสี ออกชมพูเข้มๆหรือสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายกบตัวใหญ่

“ประเมิน” เบลซยืนมือไปก่อนจะสั่งในใจ

“หอยทากมาเจ็นต้า(ขาว)ระดับ8”

“เขียดใบไม้ยักษ์(ขาว)ระดับ7”

“หนูกลายพันธ์(ขาว)ระดับ8”

“สัตว์อสูรธรรมดาๆ ตอนนี้พัฒนามาเป็นระดับ7-8แล้ว”เบลซพิมพ์ในใจถึง ความเร็วในการวิวัฒนาการของพวกมัน

ต้องรู้ไว้ก่อนว่าเมื่อวันแรกของวันแห่งหายนะนั้นพวกสัตว์อสูรธรรมดาทั่วๆไปมีระดับมาที่สุดแค่5!

หลังจากให้จางมู่ยิงศรปราณจัดการสัตว์อสูรที่อยู่รอบๆไม่ให้เกะกะเบลซก็กล่าวว่า

“เอมิเลีย เอลลี่ ฉันจะเข้าไปในบ้านพวกคุณเฝ้ารถบัสด้วยนะ จางมู่ ชินมาช่วยฉัน”หลังจากที่พูดจบเบลซรีบวิ่งไปที่บันไดรถบัสทันที

เอลลี่ เอมิเลียและเหมียนเหมียนต่างเฝ้าอยู่ในรถ

เบลซและเพื่อนลงมาจากรถบัสฆ่าสัตว์อสูร 9 ตัวที่เข้ามาขวางทางของพวกเขาในขณะที่มุ่งหน้าไปที่บ้านหลังที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านของเขา

เบลซ์เคาะประตูและตะโกนเสียงดัง“คุณลุงคุณป้าไลล่ายังมีใครอยู่ไหม”

“หนูยังมีชีวิตอยู่! หนูอยู่นี้พี่ชาย!”ไม่นานจากภายในบ้านก็มีเสียงร้องไห้ดีใจของหญิงสาวคนหนึ่งดังออกมา

หลังจากฟังเสียงขนย้ายสิ่งของหลังประตูซักพักประตูก็เปิดออกมีหญิงสาวผมยาวผูกหางม้าหน้าอกเล็กๆและทรวดทรงเต็มไปด้วยพลังความอ่อนเยาว์เป็นสาวน่ารักๆอายุ 15 ปี

ทันทีที่เด็กสาวเห็นเบลซเธอรีบโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเขาและร้องไห้ออกมา“พี่ชาย!หนูรู้ว่าพี่จะต้องมาช่วยหนู!”

เบลซตบไหล่ไลล่าและถามว่า “คุณป้าและคุณลุงล่ะอยู่ไหน?”

ไลล่าเป็นนักเรียนที่เบลซเป็นครูสอนพิเศษให้ฟรีเพราะตอนที่เขาพึ่งย้ายมาใหม่ๆก็ได้รับการต้อนรับจากพ่อแม่ของเธออย่างประทับใจและเป็นกันเองไม่น้อยแถมยังช่วยและแนะนําเขาไม่น้อยเรียกได้ว่าเป็นคุณลุงคุณป้าที่ใจดีมากๆแม้ว่าปกติไลล่าจะซนมากแต่เธอก็เคารพรักเบลซมากทําให้พ่อแม่ของเด็กสาวไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเธอเชื่อฟังเบลซ์เสมอแม้จะมีเถียงเค้าบ้างในเวลาที่เธอไม่พอใจ

ไลล่ายกใบหน้าที่เปื้อนน้ําตาของเธอและพูดว่า“หนูโทรศัพท์หาพวกเขาแล้วแต่ไม่มีสัญญาณเลยแถมไฟก็ดับด้วยข้างนอกก็มีพวกตัวประหลาดหนูกลัวจังเลย”
ไลล่าดูน่ารักขึ้นมาทันทีเมื่อเทียบกับเวลาปกติแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างภูตน้อยแสนซนกับตอนนี้

เมื่อโลกเปลี่ยนไปคนส่วนใหญ่ได้กลายเป็นอาหารของสัตว์อสูร ไล่ล่าซ่อนตัวอยู่ในห้องมองออกไปนอกหน้าต่างมองดูคนที่วิ่งออกไปด้านนอกถูกกินโดยสัตว์เธอโทรหาคนรู้จักก็ไม่มีแม้แต่ สัญญาณเธอกลัวและทําอะไรไม่ถูกสองสามวันที่ผ่านมาได้แต่กินขนมและอาหารที่ค้างอยู่ในตู้เย็นด้วยความหวาดกลัวตอนที่เธอได้ยินเสียงเบลซด้านหน้าบ้านหัวใจของเธอสงบลงเล็กน้อย

เบลซได้พูดขึ้นว่า “หนูควรมาพร้อมกับพี่ในเวลานี้ที่นี้ไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ระยะยาว” (แอดมิน : -*- ไอพี่หมี!!!!)

“พี่ชายรอหนูแปปนึงนะไลล่าไปที่ห้องของเธอสวมกระเป๋าเป้สะพายหลังของเธอใส่หมวกเบสบอลและสวมรองเท้าผ้าใบจากนั้นก็วิ่งไปที่ด้านข้างของเบลซ

“เสร็จแล้วใช่ไหม ไปกันเถอะ!”เบลซอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย “ช่างรู้จักเตรียมพร้อมจริงๆ”แล้ววิ่งลงมาพร้อมกับไลล่าลงมาชั้นล่าง

หลังจากที่วิ่งลงมาชั้นล่างรวมกับจางมู่และชินทั้งสี่รีบวิ่งเข้าไปในรถบัสฝากไลล่าไว้ในรถแล้วออกไปสํารวจบ้านอื่นๆต่อแต่ก็ต้องผิดหวังเนื่องจากไม่มีใครอยู่เลย

แล้วเบลซก็พูดกับเอมิเลียว่า “ตอนนี้ออกจากที่นี่ได้แล้ว ไปสํารวจที่อื่น!”

หลังจากสํารวจรอบๆพวกเขาก็ได้ขนเฟอร์นิเจอร์กลับไปจํานวนไม่น้อยพร้อมกับอุปกรณ์ทั่วๆไปอย่างอุปกรณ์ช่างจํานวนหนึ่งและ อาหารบางส่วนอีกด้วย

“โกร็วววววววว” ในขณะที่เสียงกําลังสํารวจของซีฟอสดังขึ้นในจิตใจของเบลซและมันได้ความรู้สึกบางอย่างผ่านสายสัมพันธ์มาได้ว่า “พบผู้รอดชีวิตแล้ว!”

“งั้นเดี๋ยวฉันจากที่ตําแหน่งของนาย”เบลซส่งความคิดกลับไปแน่นอนว่าเจ้าดาบน้อยเป็นสัตว์อสูรสงครามของเค้าเค้ารู้ตําแหน่งของมันตลอดไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม

เบลมองมาที่เพื่อนๆแล้วพูดว่า “เจ้าดาบน้อยเจอผู้รอดชีวิตแล้ว และเราควรจะต้องไปที่นั้นดูหน่อยอย่างน้อยๆก็น่าจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับสองสามวันที่ผ่านมา”

“งั้นไปกันแต่ว่าตรงไหนหละ?” เอมิเลียถาม

เบลซบอกทางให้กับเอมิเลียขณะที่ไลล่ากําลังแนะนําตัวกับทุกคน

“หนูชื่อไลล่า แองเจล่าค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักพี่ๆทุกคนนะคะ” ไลล่ากล่าวแนะนําตัวด้วยน้ําเสียงใสแจ๋วจากนั้นเธอหันไปสบตากับกระต่ายน้อยเหมียนเหมียนจนต้องอุทานออกมาว่า“น่ารักจัง!” แล้ว เธอก็เข้าไปอุ้มมันมากอดพลางลูบๆดึงๆเล่นไปมา

“ไม่นะอย่าทําแบบนั้นจิอา อาจักจี้นะไม่ ไม่ ไม่ หม่าม้าช่วยหนูด้วยยยย”เหมียนเหมียนส่งข้อความขอความช่วยเหลือให้เอมิเลีย เธอเลยหันกลับมาแล้วตอบว่า

“ก็หน้ารักดีออก กระต่ายตัวนั้นของพี่เองเล่นกับมันได้ตามสบายเลยนะจ๊ะ”

“ม่ายยยยยยยย”

หลังจากนั้นไม่นานเบลซก็เจอเจ้าดาบน้อยที่เกาะอยู่บนกําแพงตี มันสะบัดหัวไปที่อีกฝั่งหนึ่งของกําแพง

เบลซและเพื่อนๆลงจากรถบัสยกเว้นไลล่าและเดินไปยังกําแพงอีกฝั่งที่เจ้าดาบน้อยบอก

ทุกคนเห็นกลุ่มคนที่แต่งกายวิจิตรพิสดารย้อมสีผม ถือท่อนไม้และไม้เบสบอลในมือ

บนถนนสายนี้เบลซไม่เห็นสัตว์อสูรเลยเพราะผู้คนไม่ค่อยใช้ทางเส้นนี้ผ่านทางเพราะเป็นทางเปลี่ยวและมีพวกนักเลงอยู่เยอะ
ผู้คนหลายสิบคนเห็นพวกเบลซเข้าพวกเขารีบวิ่งเข้ามาอย่างกระชั้นชิด

ไม่นานก็วิ่งไปด้านอ้อมหน้าอ้อมหลังปีดกั้นเส้นทางพวกเขาทันที

“หยุดเดี๋ยวนี้! ฉันบอกให้หยุด!”

“ฆ่า!” ข้อมือของเบลซสะบัดเถาพิษโลหิตทั้งเจ็ดกําลังจะผุดออกมาจาก แขน

“ไม่พวกเขาเป็นคนนะ”เอมิเลียคว้าแขนห้ามเขาไว้เบลซขมวดคิ้ว

เหมือนเอมิเลียจะยังไม่ได้ได้สัมผัสกับความโหดร้ายของโลกนี้ยัง ไม่เคยสัมผัสถึงด้านมืดของจิตใจคนอย่างน้อยๆเธอก็ควรมีเซ้นในการปกป้องตัวเองบ้างในขณะที่เอลลี่จับด้ามดาบเตรียมพร้อมจางมู่ถือคันธนูส่วนชินก็มีออว่าธาตุดินล้อมรอบ

ชายหนุ่ม 7 คนที่ติดอาวุธด้วยมีดพร้าก็เดินเข้ามา

“ลูกพี่! 2คนนั้นสวยสุดไปเลย” คนที่ย้อมผมสีแดงสวมแหวนใส่จมูกอายุประมาณ 17 ปีมองมาทางเอลลี่และเอมิเลียด้วยสายตาลามกตื่นกาม เขาพูด และเลียริมฝีปากของเขาคนที่ยืนติดกับเขาเป็นผู้ชายสูง190 เซนติเมตร อ้วนลงพุงถือมีดพร้าอยู่ใน
มือคนที่แต่งตัวประหลาดที่เป็นผู้นํามองไปที่ทุกคนแล้วพูดเสียงลึกว่า “ผมเป็นลูกพี่ของกลุ่มเด็กแว้นนี้!ทิ้งอาวุธและอาหารลงซะแล้วผมจะปล่อยพวกคุณไป”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+