The Great Geneticist in Apocalypse 67 ได้อาชีพอาชูร่าแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 67 ได้อาชีพอาชูร่าแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่67 ได้อาชีพอาชูร่าแล้วสิ

“เอาหละเริ่มการสืบทอดได้แล้ว ก่อนอื่นข้าจะบอกก่อนว่าพลังของอาชูร่านั้นน่าหวั่งเหรงเป็นอย่างมากดังนั้นข้าจะผนึกพลังส่วนใหญ่ของมันเอาไว้ก่อน เมื่อเจ้าวิวัฒนาการสู่อีกขั้นผนึกจะค่อยๆ คลายออกเองทีละขั้น ทักษะของอาชูร่าก็เช่นกัน <บทบรรเลงแห่งโลหิต> นั้นเป็นทักษะที่ให้พลังมากเกินไปเจ้าในตอนนี้ถ้าใช้มันทั้งๆแบบนั้นร่างกายของเจ้าคงรับไม่ไหวจนระเบิดตัวตายเลยหละ ดังนั้นข้าจะผนึกมันเอาไว้เช่นเดียวกันและจะค่อยๆคลายออกตามขั้นวิวัฒนาการของเจ้า” เสียงนั้นกล่าวในขณะที่ โลหิตที่เต็มไปด้วยอักขระสีทองประมาณหนึ่งกําปั้นลอยออกมาจากหมอก และเข้าไปในตรงกลางหน้าอกของเบลซ

“ท่านได้รับการสืบทอดพิเศษ ถูกจัดหมวดหมู่อยู่ในอาชีพ!”

“ท่านได้เปลี่ยนอาชีพหลักเป็นอาชูร่า!”

“กรีสสสสสสสสสส” ออร่าสีแดงโลหิตไหลออกมาจากร่างของเบลซ มันดูน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย1000เท่า แรงกดดันและรังสีสังหารที่ปล่อยออกมานั้น เพียงพอที่จะทําให้สิ่งมีชีวิตระดับเดียวกันนั้นหายใจแทบไม่ออก เส้นผมจากดําก็กลายเป็นแดงโลหิต นัยน์ตาที่ควรจะเป็นสีดําแบบคนเอเชียกลายเป็นสี แดงสดเหมือนจอมมารที่พึ่งตื่นขึ้นมาจากขุมนรกอเวจี

“ควบคุมให้ข้า” เสียงนั้นพูดผนึกวงกลมสีทองหลายชั้นถูกส่งออกมาจากดวงตาคู่นั้นและเข้าควบคุมพลังที่คลุ้มคลั่งของเบลซ ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวนั้นหายไป ดวงตากลับมาเป็นสีดําเหมือนเดิม และเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

“แฮก แฮก แฮก เกือบไปแล้วไหมเล่า” เบลซล้มตัวลงและหอบอย่างหนัก เหงื่อท่วมตัวเหมือนพึ่งอาบน้ํามา จากประสบการณ์เมื่อกี้ทําให้เขารู้เลยว่าเหตุใด เสียงนั้นถึงย้ํานักย้ําหน้าว่าพลังมันควบคุมได้ยากเอามากๆ

มันไม่ใช่แค่ยากแล้ว! นี้มันโคตรพ่อโคตรแม่อภิมหายากชัดๆ! ทันทีที่พลังของมันปะทุออกมานั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ชั่วร้าย และ กระหายในอํานาจ เรียกได้ว่ามันแทบจะรวมอารมณ์ด้านลบทุกอย่าง อย่างมหาศาลเอาไว้จนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่มีสิ่งได้ เหมือนการจะควบคุมจิตใจไม่ให้ถูกมันครอบงํานั้นยากซะจนแทบจะเป็นไปไม่ได้

“ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นก็ได้ด้วยระดับของเจ้าตอนนี้ไม่มีทางควบคุมมันได้ แต่ว่าข้าผนึกพลังของมันตามที่ข้าบอกไปแล้ว พลังที่เจ้าใช้ได้ตอนนี้ไม่ถึง1ในพันเสียด้วยซ้ํา ตอนนี้ด้วยจิตใจของเจ้าควรจะสามารถควบคุมมันได้”

“งั้นขอลองหละนะครับ” เบลซพูดพลางโค้งตัวลงเล็กน้อย

“ตามใจเจ้า”

“วูซซ!” เบลซลองเร่งพลังของอาชูร่าอีกครั้ง ครั้งนี้กลิ่นอายของพลังอันเป็น เอกลักษณ์ยังคงเหมือนเดิมเพียงแต่เบาบางลงมากแต่มันก็น่ากลัวพอจะทําให้คู่ต่อสู้ของเขารู้สึกถึงความหวาดกลัวได้ พลังของเขารู้สึกว่าเพิ่มขึ้นมาแค่2เท่า เท่านั้นเส้นผมยังคงเป็นสีดําแต่ดวงตาของเขายังเปลี่ยนเป็นสีแดงอยู่ดี

“วูบบ วูบบ วูบบ” เบลซลองเหวี่ยงง่าวไปมาครั้งนี้เขาสามารถควบคุมพลังได้เป็นอย่างดี

“แต่ว่าคงใช้ตลอดไม่ได้แฮะ” เบลซ คิดทุกครั้งที่เขาใช้พลังอารมณ์ด้านลบ จะค่อยๆสะสมไปเรื่อยแต่ว่าด้วยจิตใจ องเขาเมื่อหยุดใช้และไปพักอารมณ์ด้านลบมันจะค่อยๆหายไปเองแล้วค่อยใช่ใหม่ หากใช้นานไปก็ยังมีโอกาสที่จะควบคุมพลังไม่ได้
“เฮอะๆ พลังนี้ถึงเราจะผนึกไว้ให้เจ้าใช้ได้อย่างปลอดภัยแต่ก็อย่าตะบี้ตะบันใช้ตลอดเวลาหละ ควรพักแล้วก็หาความสุขใส่ตัวแล้วก็ชําระอารมณ์ด้านลบออกบ่อยๆด้วย แต่ว่าเมื่อเจ้าใช้ไปเรื่อยๆจนชินเจ้าก็จะค่อยๆใช้มันได้นาน ขึ้นเองนั้นแหละ” เจ้าของเสียงนั้น เหมือนรู้ว่าเบลซกําลังคิดอะไรอยู่จึงแนะนําไป

“ขอบคุณครับ”

“เอาหละได้เวลาสืบทอดต่อแล้ว ต่อไปเป็น ไขกระดูกมังกรโลหิต” เสียงนั้นพูดจากนั้นกระดูกสีหยกแดงท่อนหนึ่งกลายเป็นของเหลวสีแดงสดก็เข้าไปในตัวของเบลซแต่ครั้งนี้ของเหลวนั้น เข้าไปหลอมรวมกับกระดูกของเขา

“ก๊อบ แกร๊บ” เบลซบิดตัวไปมาเขา รู้สึกว่าไขกระดูกของเขาถูกผลัดเปลี่ยนเม็ดเลือดที่ไขกระดูกสร้างออกมาใหม่นั้นมีคุณภาพมากกว่าไขกระดูกเก่าอย่างเทียบไม่ติด เขารู้สึกว่าคุณภาพเลือดของเขาในตอนนี้ดีกว่าแต่ก่อนมาก ตัวกระดูกเองก็แข็งขึ้นมากด้วย

“เนื่องจากอาชูร่านั้นมีพลังด้านลบที่เป็นเอกลักษณ์แต่ว่าหลักๆแล้วพลังของอาชูร่านั้นเป็นธาตุโลหิตการที่เจ้าเป็นมนุษย์นั้นทําให้เจ้ามีสายเลือดที่ไม่ดี และทําให้ร่างกายได้รับภาระมากกว่าที่ควรเวลาใช้พลังนี้แน่นอนว่าไขกระดูกมังกรโลหิตนี้จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้เจ้าได้และนอกจากนี้มังกรโลหิตยังเป็นสัตว์อสูรธาตุโลหิตที่มีสายเลือดระดับศักดิ์สิทธิ์ดังนั้นนอกจากจะมีเลือดที่ดีขึ้นแล้ว เลือดที่ผลิตออกมาใหม่ยังเป็นเลือดที่มีส่วนผสมของมังกร เจ้าจะสามารถใช้ทักษะมังกรได้และได้รับพลังธาตุ โลหิตด้วยแต่ว่าเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิต4ธาตุเท่านั้นดังนั้นเป็นกรณีพิเศษ ข้าจะลบธาตุ ธาตุหนึ่งของเจ้าและใส่ธาตุโลหิตเข้าไปแทนให้”

“ธาตุพิษครับ” เบลซพูดทันทีโดยที่แทบจะไม่ต้องคิดเพราะธาตุพิษเป็นธาตุที่เขาแทบจะไม่ได้ใช้ในการต่อสู้ นอกจากนี้เม็ดพิษของทักษะ<พิษหัวใจขาว/ เขียว>ของเขานั้นยังสร้างมาจากร่างกายอีกด้วยถึงแม้พลังธาตุจะหายไป แต่ก็ยังคงใช้ทักษะนี้ได้อยู่

“ได้” ทันใดนั้นพลังงานสีเขียวเข้มไหลออกมาจากร่างของเบลซและถูกแทนที่ด้วยพลังงานรูปร่างมังกรสีเลือด

“เอาหละอย่างสุดท้าย ทักษะของอาชู ร่า <บทบรรเลงแห่งโลหิต>” บอลแสงสีทองที่เต็มไปด้วยอักขระสีเลือดลอยออกมาจากหมอกและหายเข้าไปในหัวของเบลซ

“ข้าลงผนึกไว้ที่ทักษะเช่นเดียวกัน<บทบรรเลงแห่งโลหิตนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายทักษะและมีรูปแบบไม่ตายตัว มันขึ้นอยู่กับคุณสมบัติทางร่างกายของเจ้าทุกครั้งที่เจ้าวิวัฒนาการทักษะจะค่อยๆปลดออกตามศักยภาพของเจ้า” เสียงนั้นอธิบายก่อนจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่า “การสืบทอดเสร็จสิ้นเจ้าก็ไปได้แล้ว” ทันทีที่พูดจบวิสัยทัศน์ของเบลซก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

เบลซมองไปรอบๆเขาพบว่านี่คือที่เดิมทีเขาเข้ามาจากโรงฝึกเพียงแต่ว่ามันไม่มีหลุมที่มีกระดูกสีโลหิตเหมือนตอนแรกแต่ว่าเป็นทางเข้าที่สร้างมาจากหินเปล่าๆ เบลซเดินออกไปยังทางเดิมที่เค้าเข้ามา

“แอ๊ดดด” ประตูทางเข้าลับถูกเปิดอีกครั้งเบลซเดินออกมาเขาเห็นโฮมุนครูสนักดาบที่ยืนรออยู่ข้างหน้าเมื่อเขาเห็นเบลซ เขาก็เดินมาแล้วพูดว่า “โฮ เจ้าผ่านด้วยหรอเนี่ย ยินดีด้วยนะ”

“ขอบคุณครับ” เบลซตอบก่อนที่จะมองไปยังท้องฟ้าพระอาทิตย์ใกล้ขึ้นแล้ว

“เหมือนว่าจะไม่ได้นอนแล้วแฮะ” เบลซพึมพํา

“โกร็ววววว” ซีฟอสคํารามอย่างดีใจ เมื่อมันเห็นเบลซกลับออกมามันกระพือปีก บินสั้นๆเข้ามาหาเขาก่อนจะก้มหัวลงทําตาโตเหมือนเด็กๆ

“เป็นอะไรฮะ” เบลซหัวเราะก่อนจะลูบหัวมันด้วยความรักก่อนจะกลับบ้านไป อาบน้ํา

“สดชื่น ” หลังจากอาบน้ําเสร็จเบลซยืดเหยียดอย่างผ่อนคลายแม้ว่าจะไม่ช่วยให้เขาหายจากความรู้สึกอยากนอนแต่ก็ทําให้ไม่รู้สึกง่วงมากแค่รู้สึกเหนื่อยล้าเฉยๆ แต่ยังไงด้วยสภาพแบบนี้เขาคงจะออกไปสํารวจไม่ไหวคงจะต้องนอนพักจริงๆ

“เบลซ เมื่อคืนนายหายไปไหนมากหนะ?” ชินที่พึ่งตื่นนอนขึ้นมาเห็นเบลซที่พึ่งออกมาจากห้องน้ํา เจาจําได้ว่าตั้งแต่เมื่อคืนยันเขาเข้านอน เขาไม่เห็นเบลซกลับมาเลย

เรย์ดินและจางมู่ก็งัวเงียตื่นขึ้นมาตาม และก็ถามเบลซแบบเดียวกัน

เบลซก็ไม่ได้ต้องปิดบังอะไรและบอกไปตรงๆรวมถึงอธิบายเกี่ยวกับการทดสอบเพื่อรับอาชีพแต่ว่าไม่ได้บอกว่าเค้าไปทดสอบอาชีพอะไร

“อย่างนี้นี่เองก็ว่าอยู่ว่าทําไมจางม่ถึงได้จริงจังกับโรงฝึก” ชินพูด

“งั้นแสดงว่าเมื่อคืนนายก็ไม่ได้นอนเลยหนะสิ?” เรย์ลินซักถาม

“ใช่” เบลซพยักหน้าถึงแม้หน้าของเขาจะดูสดชื่นแต่ว่าขอบตาดําอย่างชัดเจนจากการไม่นอนและความรู้สึกเหนื่อยล้าสะสมจากการทดสอบอาชูร่าอยู่หลายวันแม้ว่าที่นี้จะผ่านไปแค่คืนเดียวก็ตาม

“งั้นก็ไปนอนซะตอนเช้าเราก็แค่สํารวจเฉยๆหนิ เดี๋ยวฉันจะทําส่วนของนายแทนให้” เรย์ลินอาสา

เบลซยิ้มก่อนจะตอบว่า “ขอบใจมากนะแต่ไม่เป็นไรวันนี้เราจะไม่สํารวจรอบๆฐาน”

“เอ่า! แล้วจะสํารวจที่ไหนหละ?”

“เมืองออโรร่า” เบลซพูด

“ฉันเข้าใจแล้ว” เรย์ลินตอบอย่างมีนัยยะรู้ว่าเบลซคิดจะทําอะไร

“เดี๋ยวเราจะเริ่มออกไปกันตอนเที่ยงๆ ให้ทุกคนเตรียมรถบัสด้วย” เบลซ์บอก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Great Geneticist in Apocalypse 67 ได้อาชีพอาชูร่าแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 67 ได้อาชีพอาชูร่าแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่67 ได้อาชีพอาชูร่าแล้วสิ

“เอาหละเริ่มการสืบทอดได้แล้ว ก่อนอื่นข้าจะบอกก่อนว่าพลังของอาชูร่านั้นน่าหวั่งเหรงเป็นอย่างมากดังนั้นข้าจะผนึกพลังส่วนใหญ่ของมันเอาไว้ก่อน เมื่อเจ้าวิวัฒนาการสู่อีกขั้นผนึกจะค่อยๆ คลายออกเองทีละขั้น ทักษะของอาชูร่าก็เช่นกัน <บทบรรเลงแห่งโลหิต> นั้นเป็นทักษะที่ให้พลังมากเกินไปเจ้าในตอนนี้ถ้าใช้มันทั้งๆแบบนั้นร่างกายของเจ้าคงรับไม่ไหวจนระเบิดตัวตายเลยหละ ดังนั้นข้าจะผนึกมันเอาไว้เช่นเดียวกันและจะค่อยๆคลายออกตามขั้นวิวัฒนาการของเจ้า” เสียงนั้นกล่าวในขณะที่ โลหิตที่เต็มไปด้วยอักขระสีทองประมาณหนึ่งกําปั้นลอยออกมาจากหมอก และเข้าไปในตรงกลางหน้าอกของเบลซ

“ท่านได้รับการสืบทอดพิเศษ ถูกจัดหมวดหมู่อยู่ในอาชีพ!”

“ท่านได้เปลี่ยนอาชีพหลักเป็นอาชูร่า!”

“กรีสสสสสสสสสส” ออร่าสีแดงโลหิตไหลออกมาจากร่างของเบลซ มันดูน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย1000เท่า แรงกดดันและรังสีสังหารที่ปล่อยออกมานั้น เพียงพอที่จะทําให้สิ่งมีชีวิตระดับเดียวกันนั้นหายใจแทบไม่ออก เส้นผมจากดําก็กลายเป็นแดงโลหิต นัยน์ตาที่ควรจะเป็นสีดําแบบคนเอเชียกลายเป็นสี แดงสดเหมือนจอมมารที่พึ่งตื่นขึ้นมาจากขุมนรกอเวจี

“ควบคุมให้ข้า” เสียงนั้นพูดผนึกวงกลมสีทองหลายชั้นถูกส่งออกมาจากดวงตาคู่นั้นและเข้าควบคุมพลังที่คลุ้มคลั่งของเบลซ ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวนั้นหายไป ดวงตากลับมาเป็นสีดําเหมือนเดิม และเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

“แฮก แฮก แฮก เกือบไปแล้วไหมเล่า” เบลซล้มตัวลงและหอบอย่างหนัก เหงื่อท่วมตัวเหมือนพึ่งอาบน้ํามา จากประสบการณ์เมื่อกี้ทําให้เขารู้เลยว่าเหตุใด เสียงนั้นถึงย้ํานักย้ําหน้าว่าพลังมันควบคุมได้ยากเอามากๆ

มันไม่ใช่แค่ยากแล้ว! นี้มันโคตรพ่อโคตรแม่อภิมหายากชัดๆ! ทันทีที่พลังของมันปะทุออกมานั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ชั่วร้าย และ กระหายในอํานาจ เรียกได้ว่ามันแทบจะรวมอารมณ์ด้านลบทุกอย่าง อย่างมหาศาลเอาไว้จนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่มีสิ่งได้ เหมือนการจะควบคุมจิตใจไม่ให้ถูกมันครอบงํานั้นยากซะจนแทบจะเป็นไปไม่ได้

“ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นก็ได้ด้วยระดับของเจ้าตอนนี้ไม่มีทางควบคุมมันได้ แต่ว่าข้าผนึกพลังของมันตามที่ข้าบอกไปแล้ว พลังที่เจ้าใช้ได้ตอนนี้ไม่ถึง1ในพันเสียด้วยซ้ํา ตอนนี้ด้วยจิตใจของเจ้าควรจะสามารถควบคุมมันได้”

“งั้นขอลองหละนะครับ” เบลซพูดพลางโค้งตัวลงเล็กน้อย

“ตามใจเจ้า”

“วูซซ!” เบลซลองเร่งพลังของอาชูร่าอีกครั้ง ครั้งนี้กลิ่นอายของพลังอันเป็น เอกลักษณ์ยังคงเหมือนเดิมเพียงแต่เบาบางลงมากแต่มันก็น่ากลัวพอจะทําให้คู่ต่อสู้ของเขารู้สึกถึงความหวาดกลัวได้ พลังของเขารู้สึกว่าเพิ่มขึ้นมาแค่2เท่า เท่านั้นเส้นผมยังคงเป็นสีดําแต่ดวงตาของเขายังเปลี่ยนเป็นสีแดงอยู่ดี

“วูบบ วูบบ วูบบ” เบลซลองเหวี่ยงง่าวไปมาครั้งนี้เขาสามารถควบคุมพลังได้เป็นอย่างดี

“แต่ว่าคงใช้ตลอดไม่ได้แฮะ” เบลซ คิดทุกครั้งที่เขาใช้พลังอารมณ์ด้านลบ จะค่อยๆสะสมไปเรื่อยแต่ว่าด้วยจิตใจ องเขาเมื่อหยุดใช้และไปพักอารมณ์ด้านลบมันจะค่อยๆหายไปเองแล้วค่อยใช่ใหม่ หากใช้นานไปก็ยังมีโอกาสที่จะควบคุมพลังไม่ได้
“เฮอะๆ พลังนี้ถึงเราจะผนึกไว้ให้เจ้าใช้ได้อย่างปลอดภัยแต่ก็อย่าตะบี้ตะบันใช้ตลอดเวลาหละ ควรพักแล้วก็หาความสุขใส่ตัวแล้วก็ชําระอารมณ์ด้านลบออกบ่อยๆด้วย แต่ว่าเมื่อเจ้าใช้ไปเรื่อยๆจนชินเจ้าก็จะค่อยๆใช้มันได้นาน ขึ้นเองนั้นแหละ” เจ้าของเสียงนั้น เหมือนรู้ว่าเบลซกําลังคิดอะไรอยู่จึงแนะนําไป

“ขอบคุณครับ”

“เอาหละได้เวลาสืบทอดต่อแล้ว ต่อไปเป็น ไขกระดูกมังกรโลหิต” เสียงนั้นพูดจากนั้นกระดูกสีหยกแดงท่อนหนึ่งกลายเป็นของเหลวสีแดงสดก็เข้าไปในตัวของเบลซแต่ครั้งนี้ของเหลวนั้น เข้าไปหลอมรวมกับกระดูกของเขา

“ก๊อบ แกร๊บ” เบลซบิดตัวไปมาเขา รู้สึกว่าไขกระดูกของเขาถูกผลัดเปลี่ยนเม็ดเลือดที่ไขกระดูกสร้างออกมาใหม่นั้นมีคุณภาพมากกว่าไขกระดูกเก่าอย่างเทียบไม่ติด เขารู้สึกว่าคุณภาพเลือดของเขาในตอนนี้ดีกว่าแต่ก่อนมาก ตัวกระดูกเองก็แข็งขึ้นมากด้วย

“เนื่องจากอาชูร่านั้นมีพลังด้านลบที่เป็นเอกลักษณ์แต่ว่าหลักๆแล้วพลังของอาชูร่านั้นเป็นธาตุโลหิตการที่เจ้าเป็นมนุษย์นั้นทําให้เจ้ามีสายเลือดที่ไม่ดี และทําให้ร่างกายได้รับภาระมากกว่าที่ควรเวลาใช้พลังนี้แน่นอนว่าไขกระดูกมังกรโลหิตนี้จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้เจ้าได้และนอกจากนี้มังกรโลหิตยังเป็นสัตว์อสูรธาตุโลหิตที่มีสายเลือดระดับศักดิ์สิทธิ์ดังนั้นนอกจากจะมีเลือดที่ดีขึ้นแล้ว เลือดที่ผลิตออกมาใหม่ยังเป็นเลือดที่มีส่วนผสมของมังกร เจ้าจะสามารถใช้ทักษะมังกรได้และได้รับพลังธาตุ โลหิตด้วยแต่ว่าเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิต4ธาตุเท่านั้นดังนั้นเป็นกรณีพิเศษ ข้าจะลบธาตุ ธาตุหนึ่งของเจ้าและใส่ธาตุโลหิตเข้าไปแทนให้”

“ธาตุพิษครับ” เบลซพูดทันทีโดยที่แทบจะไม่ต้องคิดเพราะธาตุพิษเป็นธาตุที่เขาแทบจะไม่ได้ใช้ในการต่อสู้ นอกจากนี้เม็ดพิษของทักษะ<พิษหัวใจขาว/ เขียว>ของเขานั้นยังสร้างมาจากร่างกายอีกด้วยถึงแม้พลังธาตุจะหายไป แต่ก็ยังคงใช้ทักษะนี้ได้อยู่

“ได้” ทันใดนั้นพลังงานสีเขียวเข้มไหลออกมาจากร่างของเบลซและถูกแทนที่ด้วยพลังงานรูปร่างมังกรสีเลือด

“เอาหละอย่างสุดท้าย ทักษะของอาชู ร่า <บทบรรเลงแห่งโลหิต>” บอลแสงสีทองที่เต็มไปด้วยอักขระสีเลือดลอยออกมาจากหมอกและหายเข้าไปในหัวของเบลซ

“ข้าลงผนึกไว้ที่ทักษะเช่นเดียวกัน<บทบรรเลงแห่งโลหิตนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายทักษะและมีรูปแบบไม่ตายตัว มันขึ้นอยู่กับคุณสมบัติทางร่างกายของเจ้าทุกครั้งที่เจ้าวิวัฒนาการทักษะจะค่อยๆปลดออกตามศักยภาพของเจ้า” เสียงนั้นอธิบายก่อนจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่า “การสืบทอดเสร็จสิ้นเจ้าก็ไปได้แล้ว” ทันทีที่พูดจบวิสัยทัศน์ของเบลซก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

เบลซมองไปรอบๆเขาพบว่านี่คือที่เดิมทีเขาเข้ามาจากโรงฝึกเพียงแต่ว่ามันไม่มีหลุมที่มีกระดูกสีโลหิตเหมือนตอนแรกแต่ว่าเป็นทางเข้าที่สร้างมาจากหินเปล่าๆ เบลซเดินออกไปยังทางเดิมที่เค้าเข้ามา

“แอ๊ดดด” ประตูทางเข้าลับถูกเปิดอีกครั้งเบลซเดินออกมาเขาเห็นโฮมุนครูสนักดาบที่ยืนรออยู่ข้างหน้าเมื่อเขาเห็นเบลซ เขาก็เดินมาแล้วพูดว่า “โฮ เจ้าผ่านด้วยหรอเนี่ย ยินดีด้วยนะ”

“ขอบคุณครับ” เบลซตอบก่อนที่จะมองไปยังท้องฟ้าพระอาทิตย์ใกล้ขึ้นแล้ว

“เหมือนว่าจะไม่ได้นอนแล้วแฮะ” เบลซพึมพํา

“โกร็ววววว” ซีฟอสคํารามอย่างดีใจ เมื่อมันเห็นเบลซกลับออกมามันกระพือปีก บินสั้นๆเข้ามาหาเขาก่อนจะก้มหัวลงทําตาโตเหมือนเด็กๆ

“เป็นอะไรฮะ” เบลซหัวเราะก่อนจะลูบหัวมันด้วยความรักก่อนจะกลับบ้านไป อาบน้ํา

“สดชื่น ” หลังจากอาบน้ําเสร็จเบลซยืดเหยียดอย่างผ่อนคลายแม้ว่าจะไม่ช่วยให้เขาหายจากความรู้สึกอยากนอนแต่ก็ทําให้ไม่รู้สึกง่วงมากแค่รู้สึกเหนื่อยล้าเฉยๆ แต่ยังไงด้วยสภาพแบบนี้เขาคงจะออกไปสํารวจไม่ไหวคงจะต้องนอนพักจริงๆ

“เบลซ เมื่อคืนนายหายไปไหนมากหนะ?” ชินที่พึ่งตื่นนอนขึ้นมาเห็นเบลซที่พึ่งออกมาจากห้องน้ํา เจาจําได้ว่าตั้งแต่เมื่อคืนยันเขาเข้านอน เขาไม่เห็นเบลซกลับมาเลย

เรย์ดินและจางมู่ก็งัวเงียตื่นขึ้นมาตาม และก็ถามเบลซแบบเดียวกัน

เบลซก็ไม่ได้ต้องปิดบังอะไรและบอกไปตรงๆรวมถึงอธิบายเกี่ยวกับการทดสอบเพื่อรับอาชีพแต่ว่าไม่ได้บอกว่าเค้าไปทดสอบอาชีพอะไร

“อย่างนี้นี่เองก็ว่าอยู่ว่าทําไมจางม่ถึงได้จริงจังกับโรงฝึก” ชินพูด

“งั้นแสดงว่าเมื่อคืนนายก็ไม่ได้นอนเลยหนะสิ?” เรย์ลินซักถาม

“ใช่” เบลซพยักหน้าถึงแม้หน้าของเขาจะดูสดชื่นแต่ว่าขอบตาดําอย่างชัดเจนจากการไม่นอนและความรู้สึกเหนื่อยล้าสะสมจากการทดสอบอาชูร่าอยู่หลายวันแม้ว่าที่นี้จะผ่านไปแค่คืนเดียวก็ตาม

“งั้นก็ไปนอนซะตอนเช้าเราก็แค่สํารวจเฉยๆหนิ เดี๋ยวฉันจะทําส่วนของนายแทนให้” เรย์ลินอาสา

เบลซยิ้มก่อนจะตอบว่า “ขอบใจมากนะแต่ไม่เป็นไรวันนี้เราจะไม่สํารวจรอบๆฐาน”

“เอ่า! แล้วจะสํารวจที่ไหนหละ?”

“เมืองออโรร่า” เบลซพูด

“ฉันเข้าใจแล้ว” เรย์ลินตอบอย่างมีนัยยะรู้ว่าเบลซคิดจะทําอะไร

“เดี๋ยวเราจะเริ่มออกไปกันตอนเที่ยงๆ ให้ทุกคนเตรียมรถบัสด้วย” เบลซ์บอก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+