The Great Geneticist in Apocalypse 63 เข้าทดสอบอาชูร่าแล้วสิ (ช่วงแรก)

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 63 เข้าทดสอบอาชูร่าแล้วสิ (ช่วงแรก) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่63 เข้าทดสอบอาชูร่าแล้วสิ (ช่วงแรก)

เบลซเดินไปที่ร้านตีเหล็กเช่นเคยเค้าเดินเข้าไปในร้านไปหาโฮมุนครูสช่างตีเหล็ก

“โย่ลุง”

“อะไรไอหนู มาเอาชุดเกราะใช่ไหม เอ้านี่!” โฮมุนครูสยกกล่องขนาดใหญ่ขึ้นมาบนเคานท์เตอร์ เมื่อเปิดออกมาก็ พบกับเกราะฟลล์ เพลท(Fullplate)แบบเกิดจากการต่อกันของแผ่น เกราะหลายๆแผ่นเหมือนเปลือกของพวกแมงหรือแมลงที่มีสีฟ้าใสเป็น ประกายเหมือนคริสตัลและมีความแวววาวและเหนียวเหมาะกับการรับแรงกระแทกยิ่งกว่าเหล็กเพียงแต่ว่ามันขาดหมวกเกราะไปส่วนชิ้นที่เหลือก็ครบ

ใช่แล้วนี่คือเกราะที่เกิดจากการหลอมรวมเปลือกคริสตัลของแมงป่องคริสตัลกับทรายเหล็กครามแถมที่เบลซให้ช่าง ตีเหล็กใช้ยังเป็นเปลือกของนางพญาแมงป่องคริสตัลเหมันต์ด้วยโลหะที่ผสมเข้าไปก็เป็นทรายเหล็กครามจากอสูรทรายครามเรื่องคุณภาพไม่ต้องพูดถึง

“เกราะแมงป่องครามเหมันต์เกราะเขียวอ่อน <น้ําแข็ง> ระดับ 15”

“สุดยอด!” เบลซตาเป็นประกายด้วยความดีใจก่อนจะเอาเกราะขึ้นมาสวม

“ดูแลมันให้ดีๆหละ” โฮมุนครูสช่างตีเหล็กพูดเหมือนเคย

“ครับ” เบลซตอบจากนั้นเขาก็ไปที่โรงฝึกโดยมีเจ้าดาบน้อยยืนรออยู่ข้างนอก

“โอ้! มาแล้ว แล้วคําตอบหละ?” โฮมนครูสครูฝึกดาบถาม

“ช่วยพาผมไปทดสอบที่ครับ”

“ตามนั้นเอาหละตามฉันมา” โฮมุนครูสนักดาบพูดก่อนจะพาเบลซไปที่ผนังฝั่ง หนึ่งของโรงฝึกเขาเลื่อนชุดเกราะอัศวินที่ตกแต่งออกและขยับกลไกบางอย่างเกิดเป็นทางเข้าลับเปิดออกมาจากกําแพง เป็นทางลึกๆโล่งๆมืดสนิทไม่สามารถหาจุดสิ้นสุดของทางเดินได้

“มีอะไรแบบนี้ด้วยหรอไม่มีข้อมูลจากในชิพเลย” เบลซรู้สึกแปลกใจแต่ก็ ควบคุมอาการเป็นอย่างดี

“เข้าไปได้เลยโชคดีหละ” โฮมุนครูสครูฝึกดาบพูด

“ขอบคุณครับ” เบลซตอบก่อนจะเข้าไปยังทางเข้าที่เต็มไปด้วยความมืดมิดสติของเค้าพร่าเลือนจนไม่รู้ว่าเดินไปไหนกันแน่

ไม่นานเบลซก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ตรงปากทางเข้าอะไรซักอย่างคล้ายกับ ถ้ํานี้ไม่ลึกอย่างที่เขาคิดเอาไว้มันลึก แค่30เมตร เบลซเรียกง่าวประกายเพลิงออกมาให้แสงสว่าง เขาเดินหน้าลึก เข้าไปเรื่อยๆ ตอนนี้เขาเหมือนกับตะเกียงเดินได้ยังไงยังงั้น แม้ว่ามันจะไม่ ลึกแต่กลับกว้างเอามากๆ เพดานนั้นสูงอย่างน้อย30เมตร กว้าง 20 เมตรไม่ เหมือนกับว่าเค้าเข้ามาในห้องลับของโรงฝึกเลย ข้างหน้าเบลซเห็นหลุมที่ยักษ์เบลซก้มลงมองเห็นศพของอะไร บางอย่างคล้ายมนุษย์ที่นอนตายอยู่ในส่วนลึกสุดของถ้ํา ศพนั้นเหลือแต่โครงก ระดูกนอนพิงกําแพงอยู่อีกอย่างโครงกระดูกนี่ใสเหมือนคริสตัล มีสีแดงฉานและมีอักขระสีทองฝังอยู่อย่างกับว่ามัน เป็นศพของพระเจ้า!แต่บางส่วนตรงอกซ้ายของมันแตกออก ปรากฏว่าเจ้าของโครงกระดูกนี้ตายเพราะโดนโจมตีเข้าที่ อกทะลุหัวใจ!

ง้าวในมือเบลซ ที่ส่องแสงออกมามันกลายเป็นแสง 7 สีและแสงพวกนั้นก็ถูกโครงกระดูกดูดซึมเอาไป

“มนุษย์” เสียงของผู้หญิงที่แค่ได้ฟังก็รับรู้ได้ถึงความสมบูรณ์แบบ แบบที่ไม่สามารถใช้คําอื่นมาอธิบายได้ แม้ว่าผู้ หญิงจะเสียงสวยแค่ไหนแต่ก็มีหลายๆ แบบและมีเสียงที่ต่างกันออกไปเพราะว่าพวกเธอนั้นเพียงแค่เข้าใกล้คําว่า สมบูรณ์แบบแต่ไม่สมบูรณ์แบบโดยสมบูรณ์แต่เสียงที่เบลซได้ยินนี้ไม่สามารถหาจุดต่างมากน้อยได้เลยเรียกได้อย่างเดียวว่าสมบูรณ์ไร้ที่ติ!

“ใครหนะ!?” เบลซกระชับง้าวขึ้นก่อนจะมองไปรอบๆ

เสียงนั้นไม่ได้ตอบคําถามของเบลซ แต่กลับพูดว่า

“นับว่าใช้ได้ที่แข็งแกร่งได้ขนาดนี้ในเวลาเพียงสามวัน!เนื่องจากเจ้าได้ผ่าน เงื่อนไขของข้า!เจ้าสมควรที่จะได้รับสืบ ทอดพลังของเขา! แต่ก่อนอื่นนั้นเจ้าต้องผ่านการทดสอบของข้าก่อน! แค่ การพิสูจน์ว่าเจ้าโชคดีที่ได้รับพลังจากสิ่งต่างๆมามากมายมันยังไม่พอ การที่ จะมาเป็นผู้สืบทอดและรับพลังของเขาไปนั้นเจ้าต้องมีความกล้าที่ไม่รู้ จบ ความกระหายเลือดและแน่นอนการตัดสินใจที่ชาญฉลาดด้วย!”

เบลซยิ้มออกมาและพูดขึ้น “งั้นแสดงการทดสอบมาและข้าจะผ่านมันให้หมดเพื่อพิสูจน์ว่าข้าคู่ควรที่จะเป็นอาชูร่า!”

“ดีมาก!” เสียงนั้นตอบกลับมา

“การทดสบแรกที่จะทดสอบคือ ความกล้า!”

ลําแสงสีแดงฉานส่องออกมาจากกระดูกเริ่มครอบคลุมเข้าไปที่ตัวเบลซทันที เบลซเห็นแค่ตรงหน้าเขาเริ่มมืดจากนั้นเขาจึงปิดตาตัวเอง

หลังจากที่เปิดตามาใหม่เขาก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่บนหน้าผาที่ไม่มีหลุม ไม่มี

ทางเลยที่เขาจะกลับไปขึ้นมาได้! มีเพียงสะพานซึ่งมีความกว้างแค่ครึ่งเท้าตรงหน้าเค้าสะพานนี้เชื่อมต่อตรงไปกับยอดเขาที่อยู่ห่างไปอย่างน้อย 1 กิโลเมตร!

ลมพัดกรรโชกแรงทําให้สะพานนั้นสั้นไปมาเหมือนกับงูตัวยาวแค่มองไปที่ด้านล่างสะพานก็ทําให้คนกลัวได้แล้ว บางคนอาจจะหันหน้าหนีทันทีที่เห็นมันแม้ว่าเบลซจะรู้ว่า นี้เป็นแค่การจําลอง แต่หัวใจของเขาก็ยังคงเต้นรัวแทบจะระเบิดออกมาจากอก! ก็ธรรมดาคนทั่วไปคงรู้สึกแบบเดียวกันถ้าใครกล้าบอกว่าไม่รู้สึกอะไรแปลว่าคนนั้นคงป่วยทางจิตแน่ๆ

“เป้าหมายของเจ้าต้องไปยังอีกฝั่งภายใน 2 นาทีเจ้าไม่สามารถพลาดได้ไม่งั้นเจ้าไม่สามารถทําการทดสอบอาชูร่าได้อีกตลอดชีวิต!เสียงนั้นได้ดังขึ้นในหัวของเบลซอีกครั้ง” ซูดดดด“เบลซสุด ลมหายใจเข้าลึกๆและเล็งไปยังทิศทางที่เขาจะไปทันใดนั้นเขาก็หลับตาและพุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว!โดยอาศัยประสาทสัมผัสของสิ่งมีชีวิตระดับเขียวอ่อนในการร่างกายตนเองให้ไปข้างหน้าโดยที่ยังทรงตัวเอาไว้ได้

ตึกๆๆ! ตอนนี้เขาไม่คิดอะไรในหัวเลยซักนิดนอกจากพยายามคิดให้ตัวเองวิ่งให้ตรงที่สุด! ถ้าดูจากระดับความเร็วทั่วไปของเขาในตอนนี้เค้าสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 10 เมตร/วินาทีหมายความว่าเค้าสามารถวิ่งได้ 1,000 เมตรใน 100 วินาที!การจะวิ่งไปบนสะพานนี่ไม่ใช่อะไรที่ง่ายเลยแม้ว่าจะไม่มีเวลาจํากัดเถอะตอนนี้เบลซมีเวลาแค่ 2 นาที(120วินาที)เพื่อผ่าน! เนื่องจากยังไงเขาก็ต้องผ่านการทดสอบนี้ เขาเลยปิดตาและไม่คิดอะไรคอยแต่วิ่งไปข้างหน้าไปเรื่อยๆการทดสอบนี้มันขึ้นอยู่กับความกล้าไม่ใช่รึไง? การวิ่งผ่านสะพานเล็กๆนี่ด้วยการปิดตานั้นถือว่ากล้าหาญพอแล้วใช่มั้ย? แน่นอนเบลซยังคงกล้าทําแบบนี้แค่ในการทดสอบที่ไม่มี บทลงโทษเท่านั้นแหละลมเองก็พัดเข้ามาในตาทั้งสองข้างแต่เบลซไม่ได้สนใจเลยซักนิดเค้าไม่สนใจทุกอย่างและที่เขาสนมีแค่ตอนที่เขาวิ่งไปข้างหน้าแค่นั้นเขาไม่กล้าเปิดตาขึ้นมาเลยแม้แต่ นิดเดียวเค้ารู้ว่าถ้าเค้าเปิดตาออกแล้วมองลงไปข้างล่างนั้นจะทําให้เค้ากลัวราวกับอยู่ในนรก

50 วินาที

80 วินาที

100 วินาที!

เบลซยังคงวิ่งทิ้งช่วงอีกเล็กน้อยก่อนจะเปิดตาขึ้นอีกครั้งและพบว่าตัวเอง นอยู่อีกฝั่งของสะพานเค้าได้มาถึงที่สุดสิ้นสุดสะพานบนยอดภูเขาแล้ว!”ไม่เลว!เจ้าผ่านการทดสอบแรก!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Great Geneticist in Apocalypse 63 เข้าทดสอบอาชูร่าแล้วสิ (ช่วงแรก)

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 63 เข้าทดสอบอาชูร่าแล้วสิ (ช่วงแรก) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่63 เข้าทดสอบอาชูร่าแล้วสิ (ช่วงแรก)

เบลซเดินไปที่ร้านตีเหล็กเช่นเคยเค้าเดินเข้าไปในร้านไปหาโฮมุนครูสช่างตีเหล็ก

“โย่ลุง”

“อะไรไอหนู มาเอาชุดเกราะใช่ไหม เอ้านี่!” โฮมุนครูสยกกล่องขนาดใหญ่ขึ้นมาบนเคานท์เตอร์ เมื่อเปิดออกมาก็ พบกับเกราะฟลล์ เพลท(Fullplate)แบบเกิดจากการต่อกันของแผ่น เกราะหลายๆแผ่นเหมือนเปลือกของพวกแมงหรือแมลงที่มีสีฟ้าใสเป็น ประกายเหมือนคริสตัลและมีความแวววาวและเหนียวเหมาะกับการรับแรงกระแทกยิ่งกว่าเหล็กเพียงแต่ว่ามันขาดหมวกเกราะไปส่วนชิ้นที่เหลือก็ครบ

ใช่แล้วนี่คือเกราะที่เกิดจากการหลอมรวมเปลือกคริสตัลของแมงป่องคริสตัลกับทรายเหล็กครามแถมที่เบลซให้ช่าง ตีเหล็กใช้ยังเป็นเปลือกของนางพญาแมงป่องคริสตัลเหมันต์ด้วยโลหะที่ผสมเข้าไปก็เป็นทรายเหล็กครามจากอสูรทรายครามเรื่องคุณภาพไม่ต้องพูดถึง

“เกราะแมงป่องครามเหมันต์เกราะเขียวอ่อน <น้ําแข็ง> ระดับ 15”

“สุดยอด!” เบลซตาเป็นประกายด้วยความดีใจก่อนจะเอาเกราะขึ้นมาสวม

“ดูแลมันให้ดีๆหละ” โฮมุนครูสช่างตีเหล็กพูดเหมือนเคย

“ครับ” เบลซตอบจากนั้นเขาก็ไปที่โรงฝึกโดยมีเจ้าดาบน้อยยืนรออยู่ข้างนอก

“โอ้! มาแล้ว แล้วคําตอบหละ?” โฮมนครูสครูฝึกดาบถาม

“ช่วยพาผมไปทดสอบที่ครับ”

“ตามนั้นเอาหละตามฉันมา” โฮมุนครูสนักดาบพูดก่อนจะพาเบลซไปที่ผนังฝั่ง หนึ่งของโรงฝึกเขาเลื่อนชุดเกราะอัศวินที่ตกแต่งออกและขยับกลไกบางอย่างเกิดเป็นทางเข้าลับเปิดออกมาจากกําแพง เป็นทางลึกๆโล่งๆมืดสนิทไม่สามารถหาจุดสิ้นสุดของทางเดินได้

“มีอะไรแบบนี้ด้วยหรอไม่มีข้อมูลจากในชิพเลย” เบลซรู้สึกแปลกใจแต่ก็ ควบคุมอาการเป็นอย่างดี

“เข้าไปได้เลยโชคดีหละ” โฮมุนครูสครูฝึกดาบพูด

“ขอบคุณครับ” เบลซตอบก่อนจะเข้าไปยังทางเข้าที่เต็มไปด้วยความมืดมิดสติของเค้าพร่าเลือนจนไม่รู้ว่าเดินไปไหนกันแน่

ไม่นานเบลซก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ตรงปากทางเข้าอะไรซักอย่างคล้ายกับ ถ้ํานี้ไม่ลึกอย่างที่เขาคิดเอาไว้มันลึก แค่30เมตร เบลซเรียกง่าวประกายเพลิงออกมาให้แสงสว่าง เขาเดินหน้าลึก เข้าไปเรื่อยๆ ตอนนี้เขาเหมือนกับตะเกียงเดินได้ยังไงยังงั้น แม้ว่ามันจะไม่ ลึกแต่กลับกว้างเอามากๆ เพดานนั้นสูงอย่างน้อย30เมตร กว้าง 20 เมตรไม่ เหมือนกับว่าเค้าเข้ามาในห้องลับของโรงฝึกเลย ข้างหน้าเบลซเห็นหลุมที่ยักษ์เบลซก้มลงมองเห็นศพของอะไร บางอย่างคล้ายมนุษย์ที่นอนตายอยู่ในส่วนลึกสุดของถ้ํา ศพนั้นเหลือแต่โครงก ระดูกนอนพิงกําแพงอยู่อีกอย่างโครงกระดูกนี่ใสเหมือนคริสตัล มีสีแดงฉานและมีอักขระสีทองฝังอยู่อย่างกับว่ามัน เป็นศพของพระเจ้า!แต่บางส่วนตรงอกซ้ายของมันแตกออก ปรากฏว่าเจ้าของโครงกระดูกนี้ตายเพราะโดนโจมตีเข้าที่ อกทะลุหัวใจ!

ง้าวในมือเบลซ ที่ส่องแสงออกมามันกลายเป็นแสง 7 สีและแสงพวกนั้นก็ถูกโครงกระดูกดูดซึมเอาไป

“มนุษย์” เสียงของผู้หญิงที่แค่ได้ฟังก็รับรู้ได้ถึงความสมบูรณ์แบบ แบบที่ไม่สามารถใช้คําอื่นมาอธิบายได้ แม้ว่าผู้ หญิงจะเสียงสวยแค่ไหนแต่ก็มีหลายๆ แบบและมีเสียงที่ต่างกันออกไปเพราะว่าพวกเธอนั้นเพียงแค่เข้าใกล้คําว่า สมบูรณ์แบบแต่ไม่สมบูรณ์แบบโดยสมบูรณ์แต่เสียงที่เบลซได้ยินนี้ไม่สามารถหาจุดต่างมากน้อยได้เลยเรียกได้อย่างเดียวว่าสมบูรณ์ไร้ที่ติ!

“ใครหนะ!?” เบลซกระชับง้าวขึ้นก่อนจะมองไปรอบๆ

เสียงนั้นไม่ได้ตอบคําถามของเบลซ แต่กลับพูดว่า

“นับว่าใช้ได้ที่แข็งแกร่งได้ขนาดนี้ในเวลาเพียงสามวัน!เนื่องจากเจ้าได้ผ่าน เงื่อนไขของข้า!เจ้าสมควรที่จะได้รับสืบ ทอดพลังของเขา! แต่ก่อนอื่นนั้นเจ้าต้องผ่านการทดสอบของข้าก่อน! แค่ การพิสูจน์ว่าเจ้าโชคดีที่ได้รับพลังจากสิ่งต่างๆมามากมายมันยังไม่พอ การที่ จะมาเป็นผู้สืบทอดและรับพลังของเขาไปนั้นเจ้าต้องมีความกล้าที่ไม่รู้ จบ ความกระหายเลือดและแน่นอนการตัดสินใจที่ชาญฉลาดด้วย!”

เบลซยิ้มออกมาและพูดขึ้น “งั้นแสดงการทดสอบมาและข้าจะผ่านมันให้หมดเพื่อพิสูจน์ว่าข้าคู่ควรที่จะเป็นอาชูร่า!”

“ดีมาก!” เสียงนั้นตอบกลับมา

“การทดสบแรกที่จะทดสอบคือ ความกล้า!”

ลําแสงสีแดงฉานส่องออกมาจากกระดูกเริ่มครอบคลุมเข้าไปที่ตัวเบลซทันที เบลซเห็นแค่ตรงหน้าเขาเริ่มมืดจากนั้นเขาจึงปิดตาตัวเอง

หลังจากที่เปิดตามาใหม่เขาก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่บนหน้าผาที่ไม่มีหลุม ไม่มี

ทางเลยที่เขาจะกลับไปขึ้นมาได้! มีเพียงสะพานซึ่งมีความกว้างแค่ครึ่งเท้าตรงหน้าเค้าสะพานนี้เชื่อมต่อตรงไปกับยอดเขาที่อยู่ห่างไปอย่างน้อย 1 กิโลเมตร!

ลมพัดกรรโชกแรงทําให้สะพานนั้นสั้นไปมาเหมือนกับงูตัวยาวแค่มองไปที่ด้านล่างสะพานก็ทําให้คนกลัวได้แล้ว บางคนอาจจะหันหน้าหนีทันทีที่เห็นมันแม้ว่าเบลซจะรู้ว่า นี้เป็นแค่การจําลอง แต่หัวใจของเขาก็ยังคงเต้นรัวแทบจะระเบิดออกมาจากอก! ก็ธรรมดาคนทั่วไปคงรู้สึกแบบเดียวกันถ้าใครกล้าบอกว่าไม่รู้สึกอะไรแปลว่าคนนั้นคงป่วยทางจิตแน่ๆ

“เป้าหมายของเจ้าต้องไปยังอีกฝั่งภายใน 2 นาทีเจ้าไม่สามารถพลาดได้ไม่งั้นเจ้าไม่สามารถทําการทดสอบอาชูร่าได้อีกตลอดชีวิต!เสียงนั้นได้ดังขึ้นในหัวของเบลซอีกครั้ง” ซูดดดด“เบลซสุด ลมหายใจเข้าลึกๆและเล็งไปยังทิศทางที่เขาจะไปทันใดนั้นเขาก็หลับตาและพุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว!โดยอาศัยประสาทสัมผัสของสิ่งมีชีวิตระดับเขียวอ่อนในการร่างกายตนเองให้ไปข้างหน้าโดยที่ยังทรงตัวเอาไว้ได้

ตึกๆๆ! ตอนนี้เขาไม่คิดอะไรในหัวเลยซักนิดนอกจากพยายามคิดให้ตัวเองวิ่งให้ตรงที่สุด! ถ้าดูจากระดับความเร็วทั่วไปของเขาในตอนนี้เค้าสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 10 เมตร/วินาทีหมายความว่าเค้าสามารถวิ่งได้ 1,000 เมตรใน 100 วินาที!การจะวิ่งไปบนสะพานนี่ไม่ใช่อะไรที่ง่ายเลยแม้ว่าจะไม่มีเวลาจํากัดเถอะตอนนี้เบลซมีเวลาแค่ 2 นาที(120วินาที)เพื่อผ่าน! เนื่องจากยังไงเขาก็ต้องผ่านการทดสอบนี้ เขาเลยปิดตาและไม่คิดอะไรคอยแต่วิ่งไปข้างหน้าไปเรื่อยๆการทดสอบนี้มันขึ้นอยู่กับความกล้าไม่ใช่รึไง? การวิ่งผ่านสะพานเล็กๆนี่ด้วยการปิดตานั้นถือว่ากล้าหาญพอแล้วใช่มั้ย? แน่นอนเบลซยังคงกล้าทําแบบนี้แค่ในการทดสอบที่ไม่มี บทลงโทษเท่านั้นแหละลมเองก็พัดเข้ามาในตาทั้งสองข้างแต่เบลซไม่ได้สนใจเลยซักนิดเค้าไม่สนใจทุกอย่างและที่เขาสนมีแค่ตอนที่เขาวิ่งไปข้างหน้าแค่นั้นเขาไม่กล้าเปิดตาขึ้นมาเลยแม้แต่ นิดเดียวเค้ารู้ว่าถ้าเค้าเปิดตาออกแล้วมองลงไปข้างล่างนั้นจะทําให้เค้ากลัวราวกับอยู่ในนรก

50 วินาที

80 วินาที

100 วินาที!

เบลซยังคงวิ่งทิ้งช่วงอีกเล็กน้อยก่อนจะเปิดตาขึ้นอีกครั้งและพบว่าตัวเอง นอยู่อีกฝั่งของสะพานเค้าได้มาถึงที่สุดสิ้นสุดสะพานบนยอดภูเขาแล้ว!”ไม่เลว!เจ้าผ่านการทดสอบแรก!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+