The Great Geneticist in Apocalypse 62 ซีฟอสวิวัฒนาการเสร็จแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 62 ซีฟอสวิวัฒนาการเสร็จแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Great Geneticist in Apocalypse

 

ตอนที่62 ซีฟอสวิวัฒนาการเสร็จแล้วสิ

 

สาเหตุหลักๆที่วันนี้เบลซให้ทุกคนพักตั้งแต่กลางวันก็เพราะว่าจะได้ผ่อนคลายกันแต่ก็ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียวเพราะทุนคนก็ยังทำงานกันอยู่แต่ว่าเป็นแบบชิวๆ อย่างเพิ่งหยิ่งหยิงก็ยังรดน้ำต้นไม้เหมือนกันงานอดิเรก เรย์ลินก็ออกไปหาผลไม้ปากินเล่นแล้วก็เก็บเมล็ดกลับมาปลูกเอลลี่ที่พึ่งได้ธาตุน้ำแข็งมาก็มาแช่แข็งพวกเนื้อสัตว์อสูรไม่ให้เน่าเสีย คนอื่นๆก็ไปโรงฝึกเรียนทักษะกัน ส่วนเบลซเค้ารู้สึกว่าเจ้าดาบน้อยใกล้จะวิวัฒนาการเสร็จแล้วและวันนี้เค้าก็จะลองทดสอบอาชีพลับ “อาชูร่า” ดูเพราะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่โฮมุนครูสนักดาบบอกไว้

 

เบลซเดินไปที่ร้านตีเหล็กเขาเดินไปพร้อมกับน้ำทรายเหล็กครามและเปลือกคริสตัลของนางพญาแมงปองคริสตัลเหมันต์ไปให้ช่างตีเหล็กช่วยหลอมชุดเกราะให้

 

“100 เหรียญชีวิตเหรียญชีวิต” โฮมุนครูสช่างตีเหล็กตอบ

 

“ถ้าไม่มีวัสดุให้จะแพงขนาดไหนเนี่ย” เบลซคิดในใจแต่มันก็คุ้มค่าที่จะได้เกราะระดับเขียวอ่อนด้วยราคาเพียง100ชีวิตบวกกับเอาวัสดุไปให้ทำ ถ้าเกิดว่าไม่เอาวัสดุมาให้มันคงจะเป็นเกราะเขียวอ่อนธรรมดาๆไม่ได้ทำจากวัสดุที่พิเศษและแพงหูฉี

 

“วันนี้ยังไม่มีคิว นายสามารถมาเอาได้เลยประมาณเย็นๆ” โฮมุนครูสช่างตีเหล็กพูดแล้วก็หอบวัสดุที่เบลซให้ไปใต้ถุนบ้านและเริ่มหลอมวัสดุต่างๆ

 

“เฮ่อออ จนอีกแล้วเรา” เบลซถอนหายใจกับเหรียญชีวิตของเขาที่ตอนนี้เหลือเพียง13เหรียญ 

 

เบลซเดินเล่นดูพวกสัตว์เลี้ยงลูกแมงปองคริสตัลก็ยังอยู่ที่ส่วนอสูรทรายครามเนื่องจากมันเข้าใจว่าได้รับการปกป้องแล้วจึงนอนอาบแดดอยู่บนทรายเหล็กครามอย่างสบายใจ บ้างก็นอนอยู่ในเสาศิลาที่เจาะเป็นรู

 

เบลซนั่งรอเจ้าดาบน้อยวิวัฒนาการเสร็จอยู่ที่หน้าไข่ของมันเนี่ยแหละ

 

“นายทำอะไรของนายหนะ มันใกล้ฟักแล้วหรอ?” จางม่ถาม

 

“อิ่ม แต่เขาเรียกวิวัฒนาการต่างหากไม่ใช่ฟัก”เบลซแก้

 

“อ่ะๆ ยังไงก็อยากปล่อยเวลาเสียเปล่าหละฉันไปซ้อมธนูต่อหละ” จางม่พูดแล้วก็ไปโรงฝึกต่อ

 

“เมื่อไหร่นายจะออกมานะ” เบลซคิดหลักๆแล้วคือเขารู้สึกคิดถึงมันเวลาต่อสู้แล้วไม่มีมันอยู่ด้วยเขารู้สึกว่าเหมือนมันขาดอะไรไป เพราะตั้งแต่วันแรกเขาก็สู้กับมันจนชินไปแล้ว

 

พอตกบ่ายเพิ่งหยิ่งหยิงกับสาวๆก็ช่วยกันทำอาหาร ครั้งนี้มีมันฝรั่งบดด้วยเพราะว่าเรย์ลินไปเจอมาหลายหัวและแน่นอนว่าเก็บบางส่วนไว้ปลูก

 

หลังจากทานอาหารเสร็จเบลซก็กลับไปนั่งรอเจ้าดาบน้อยต่อ

 

เวลาผ่านไปเรื่อยๆที่ละชั่วโมง ที่ละชั่วโมงจนกระทั่งพระอาทิตย์กลายเป็นสีส้มเกือบลับขอบฟ้า เวลาตอนนี้ราว4-5โมงเย็นแล้ว

 

“แครก!” หลังจากที่เบลซนั่งรอมานานในที่สุดไข่ก็มีเสียงปริแตกจากข้างใน

 

“แครก! แครก!” เกิดไขรอยร้าวขึ้นและลามมาเรื่อยๆเบลซมองด้วยความตื่นเต้นแต่ว่าไม่ได้รีบไปแกะออกเพราะว่ากลัวจะไปรบกวนกระบวนการวิวัฒนาการของมันเลยจะรอให้มันแกะไข่ออกมาเอง

 

“แครก! แครก! แครก!” เปลือกไข่บางส่วนหลุดออกมาเบลซเห็นบางส่วนของมัน มันมีเกล็ดสีแดงสดและหนามแหลมบางส่วนแต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นส่วนไหนของร่างกาย

 

“โกร็วววว” เสียงร้องแบบเดิมที่เบลซคุ้นเคยก็ดังออกมาจากไข่ถึงแม้ว่าน้ำเสียงดูต่ำลงแต่เบลซก็จำได้

 

“อ้าวววว” ในที่สุดเปลือกไข่ทั้งหมดก็แตกออกมันพุ่งเข้ามาเอาหัวถูหน้าของเบลซเหมือนเดิมเบลซลูบหัวมันเบาๆก่อนจะดูร่างของมันที่เปลี่ยนไปมาก

 

แขนของมันตอนนี้กลายเป็นปีกขนที่มีมาตอนแรกหายไปส่วนขนตรงหลังถูกแทนที่ด้วยหนามปลายหางเป็นรูปหัวหอกที่มีหนามรอบ กรงเล็บที่ขาทั้งสี่ของมันยาวเท่ากันอย่างสมดุล เกล็ดของมันเป็นสีแดงสดทั้งตัวดวงตาสีเหลืองอัมพัน หัวของมันมีเขางอกออกมาสองเขา และตัวของมันใหญ่ขึ้นมาก มันสูงประมาณ3เมตรและยาวประมาณ5เมตรรวมกับหางอีก5-6เมตรเป็นราวๆ1011เมตรหากนับตั้งแต่หัวจรดปลายหาง

 

“ระบบ”

 

ชื่อ เบลซ แร็คนาร์ เหรียญชีวิต13เหรียญ

 

ระดับ13

 

สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน(61/100) 4ธาตุบวกค่าสถานะ75%

 

พลังธาตุ <ไฟ น้ำ สายฟ้า พิษ>

 

อาชีพ ไม่มี

 

อาชีพเสริม นักตัดแต่งยืน

 

ฉายา

 

<นายแห่งอสูรอเวจี+5> <มนุษย์คนแรกผู้สังหารสัตว์อสูรสองธาตุ+2>

 

Strength(แรงกาย) : 38[(15)+11.5]

 

Agility(ความว่องไว) : 34.25[(13)+11.5]

 

Vitality(พละกำลัง) : 30.75[(11)+11.5]

 

Stamina(ความทรหด) : 33/36[(14)+11.5]

 

Spirituality (จิตวิญญาณ) : 44.25/46.5[(20)+11.5]

 

ทักษะ

 

 (อควาคัตเตอร์(ขาว)> <ประเมิน(ขาว)> <พิษหัวใจขาว/เขียว> <ภูติเงาเพลิง>

 

สัตว์อสูรสงคราม

 

ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)

 

ไวเวิร์นวายุเพลิงโลกันต์(ลูก) ระดับ12

 

สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน 2ธาตุบวกค่าสถานะ35%

 

พลังธาตุ เพลิง ลม

 

Strength(แรงกาย) : 29.7(22)

 

Agility(ความว่องไว) : 32.4(24)

 

Vitality(พละกำลัง) : 48.6(36)

 

Stamina(ความทรหด) : 29.7/29.7(22)

 

Spirituality จิตวิญญาณ) : 10.8/10.8(8)

 

ทักษะ

 

เพลิงอเวจี> เพลิงนรก ความแรงธาตุเพลิง+75%

 

<ปีกสายลม(เขียวอ่อน)> เพิ่มความเร็ว50% และสามารถสะบัดคมสายลมใส่ศัตรูได้ใช้Spiritualityครั้งละ1แต้ม

 

(มังกรวายุผงาดโลกันต์(เขียวอ่อน)> [ทักษะมังกร] ชัดมังกรเปลวเพลิงที่ถูกหนุนด้วยมังกรสายลมใส่ศัตรู +พลังโจมตีธาตุเพลิง225% ใช่spirituality 4 แต้มต่อครั้ง

 

พืชปรสิตดอกเถาพิษโลหิต ระดับ10

 

สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน (สามธาตุเสถานะ50%)

 

พลังธาตุ <พืช โลหิต พิษ> ระดับเขียวอ่อน

 

Strength(แรงกาย) : 1.5(1)

 

Agility(ความว่องไว) : 1.5(1)

 

Vitality(พละกำลัง) : 70.5(47)

 

Stamina(ความทรหด) : 1.5(1)

 

Spirituality (จิตวิญญาณ) : 1.5(1)

 

ทักษะ

 

<พึ่งพาอาศัย> 44.5(3×5096)

 

<แบ่งพลังธาตุพืช> <ดูดโลหิต> <พิษกัดกร่อน>

 

“สุดยอดไปเลย” เบลซอดไม่ได้ที่จะชม

 

เข้าไม่คิดว่ามันจะเริ่มวิวัฒนาการในเส้นทางของมังกรเร็วขนาดนี้

 

ถ้าถามว่าสัตว์อสูรสายเลือดมังกรนั้นแข็งแกร่งอย่างไร?

 

ชัดเจนว่าคือโครงสร้างร่างกายและทักษะ แม้ค่าสถานะจะเท่ากันกับสัตว์อสูรสายเลือดระดับสูงประเภทอื่นๆ แต่ว่ามังกรมีเกล็ดที่แข็งแรง บินได้ เร็ว แรงเยอะ ฟื้นฟูตัวเองก็เร็ว ปฏิกิริยาก็ฉับไวกว่า หรือง่ายๆก็คือเป็นที่สายพันธ์ของพวกมันที่ทำให้มีจุดเด่นแบบนี้ แล้วไม่ต้องพูดถึงทักษะทักษะตั้งแต่ที่เบลซเจอมาในระดับเขียวอ่อนยังไม่มีทักษะไหนเพิ่มพลังโจมตีเกิน100%เลยแต่ทักษะ มังกรวายุผงาดโลกันต์กลับเกิน200%เข้าไปแล้ว

 

แม้ว่าชีฟอสจะเป็นแค่ไวเวิร์นก็ตามถึงจะเป็นสายพันธ์ปลายแถวแม้จะสู้มังกรจริงๆไม่ได้แต่งกรก็คือมังกรแล้วมันก็ยังมีโอกาสวิวัฒนาการอีกเยอะ ไม่แน่มันอาจจะเป็นมังกรตัวแรกของโลกนี้เลยก็ได้ (TL ถึงจะอวยตัวเองไปไหน!)

 

“เอาหละวันนี้ไหนๆก็ไม่ได้ไปไหน นายเองก็ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายนานแล้วไปบินเล่นกันหน่อยไหม?”

 

“โกร็ววว” ซีฟอสร้องออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้นเบลซกระโดดไปนั่งอยู่บนหลังมันหนามที่อยู่บนหลังเป็นเหมือนกับพนักพิงให้เบลซพอดี

 

“ พืบ พืบ” ซีฟอสกระพือปีกก่อนจะลองส่งตัวเองบินขึ้นฟ้า

 

“ยาฮูวววว” เบลซร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

 

“โคร่ม!” หลังจากขึ้นไปสี่ห้าวิซีฟอสก็เสียการทรงตัวและ

 

“บะโถ่ บินไม่เป็นก็บอกกันก่อนสิเสียงฟอร์มหมด”

 

“กรู้วววว” ซีฟอสทำหน้าจ๋อยถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะดูไม่เด็กแล้วแต่จริงๆแล้วก็ยังเป็นเด็กอยู่ 

 

“เอาเถอะ! ไม่เป็นไรไปฝึกบินกัน” เบลซพูดและคิดในใจ “ยังไงฉันก็จะต้องฝึกเจ้าดาบน้อยให้บินได้ให้ได้”

 

“ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ” ซีฟอสเดินออกนอกฐานไปด้วยความเร็วสูงมันไปที่เนินสูงๆห่างจากฐานราวๆ500เมตร

 

เนื่องจากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ระดับที่สูงที่สุดของสัตว์อสูรยังคงอยู่แค่ระดับเขียวอ่อนและคงอยู่ไปอีกพักนึงเลยดังนั้นรังสีมังกรของซีฟอสทำให้พวกสัตว์อสูรทั้งหลายไม่กล้าออกมาโจมตีและอยู่ของใครของมันไปเงียบๆ

 

“เอาหละเป้าหมายแรกนายจะต้องร่อนต่ำๆจากที่นี้ไปที่ฐานให้ได้” เบลซบอก

 

“โกรัวววว” ซีฟอสขานรับก่อนจะสยายปืนดันตัวเองให้อยู่สูงกว่าพื้นดินราวๆ4-5เมตรแล้วร่อนไปข้างหน้า

 

“กางปีกตึงอีกนึดนึง รักษาการทรงตัวด้วย นึกถึงท่าทางของนกเวลาบินบนท้องฟ้า” เบลซพยายามอธิบายเพื่อให้มันจับความรู้สึกได้ง่ายขึ้น

 

หลังจากพยายามอยู่สี่ห้ารอบในที่สุดเจ้าดาบน้อยก็ทำการร่อนระยะกลางๆได้และเริ่มที่จะบินระยะสั้นๆได้แล้วแต่ว่าพระอาทิตย์ดันตกก่อนเลยทำให้ต้องกลับฐาน

 

แน่นอนว่าทุกคนรู้เรื่องที่เจ้าดาบน้อยวิวัฒนาการเสร็จแล้วก็นะเล่นร่อนๆไปร่อนมาซะขนาดนั้นและมันก็กระตุ้นทำให้หลายๆคนอยากมีสัตว์อสูรสงครามเป็นของตัวเอง

 

“มันน่าอิจฉาเกินไปแล้วโว้ยยยย!” จางม่พูดถึงแม้ว่าเขาจะไม่อิจฉาจริงๆก็เถอะแต่เขาก็ยอมรับว่าเขาอยากได้สัตว์อสูรสงครามตัว

 

“จะว่าไปแล้วมันจะกินอะไรหละเนี่ย ตัวออกจะใหญ่ขนาดนี้” เพิ่งหยิงหยิงถาม

 

“ไม่ต้องห่วงหรอกมันหากินเองได้ เรื่องกินของมันฉันจะจัดการเอง” เบลซตอบ

 

แล้วทุกคนก็กินข้าวเย็นและก็พักผ่อนกันในยามค่ำคืน ในขณะที่เบลซเดินไปที่ร้านตีเหล็ก

 

ตอนนี้สถานะเยอะหน่อยนะแต่แอดเพิ่มคำให้จาก1400-1600คำ ตอนนี้ใส่ไป1700คำกว่าๆ ชดเชยให้ละ

 

เอารูปเจ้าดาบน้อยเวอร์ชั่นไวเวิร์นไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Great Geneticist in Apocalypse 62 ซีฟอสวิวัฒนาการเสร็จแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 62 ซีฟอสวิวัฒนาการเสร็จแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Great Geneticist in Apocalypse

 

ตอนที่62 ซีฟอสวิวัฒนาการเสร็จแล้วสิ

 

สาเหตุหลักๆที่วันนี้เบลซให้ทุกคนพักตั้งแต่กลางวันก็เพราะว่าจะได้ผ่อนคลายกันแต่ก็ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียวเพราะทุนคนก็ยังทำงานกันอยู่แต่ว่าเป็นแบบชิวๆ อย่างเพิ่งหยิ่งหยิงก็ยังรดน้ำต้นไม้เหมือนกันงานอดิเรก เรย์ลินก็ออกไปหาผลไม้ปากินเล่นแล้วก็เก็บเมล็ดกลับมาปลูกเอลลี่ที่พึ่งได้ธาตุน้ำแข็งมาก็มาแช่แข็งพวกเนื้อสัตว์อสูรไม่ให้เน่าเสีย คนอื่นๆก็ไปโรงฝึกเรียนทักษะกัน ส่วนเบลซเค้ารู้สึกว่าเจ้าดาบน้อยใกล้จะวิวัฒนาการเสร็จแล้วและวันนี้เค้าก็จะลองทดสอบอาชีพลับ “อาชูร่า” ดูเพราะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่โฮมุนครูสนักดาบบอกไว้

 

เบลซเดินไปที่ร้านตีเหล็กเขาเดินไปพร้อมกับน้ำทรายเหล็กครามและเปลือกคริสตัลของนางพญาแมงปองคริสตัลเหมันต์ไปให้ช่างตีเหล็กช่วยหลอมชุดเกราะให้

 

“100 เหรียญชีวิตเหรียญชีวิต” โฮมุนครูสช่างตีเหล็กตอบ

 

“ถ้าไม่มีวัสดุให้จะแพงขนาดไหนเนี่ย” เบลซคิดในใจแต่มันก็คุ้มค่าที่จะได้เกราะระดับเขียวอ่อนด้วยราคาเพียง100ชีวิตบวกกับเอาวัสดุไปให้ทำ ถ้าเกิดว่าไม่เอาวัสดุมาให้มันคงจะเป็นเกราะเขียวอ่อนธรรมดาๆไม่ได้ทำจากวัสดุที่พิเศษและแพงหูฉี

 

“วันนี้ยังไม่มีคิว นายสามารถมาเอาได้เลยประมาณเย็นๆ” โฮมุนครูสช่างตีเหล็กพูดแล้วก็หอบวัสดุที่เบลซให้ไปใต้ถุนบ้านและเริ่มหลอมวัสดุต่างๆ

 

“เฮ่อออ จนอีกแล้วเรา” เบลซถอนหายใจกับเหรียญชีวิตของเขาที่ตอนนี้เหลือเพียง13เหรียญ 

 

เบลซเดินเล่นดูพวกสัตว์เลี้ยงลูกแมงปองคริสตัลก็ยังอยู่ที่ส่วนอสูรทรายครามเนื่องจากมันเข้าใจว่าได้รับการปกป้องแล้วจึงนอนอาบแดดอยู่บนทรายเหล็กครามอย่างสบายใจ บ้างก็นอนอยู่ในเสาศิลาที่เจาะเป็นรู

 

เบลซนั่งรอเจ้าดาบน้อยวิวัฒนาการเสร็จอยู่ที่หน้าไข่ของมันเนี่ยแหละ

 

“นายทำอะไรของนายหนะ มันใกล้ฟักแล้วหรอ?” จางม่ถาม

 

“อิ่ม แต่เขาเรียกวิวัฒนาการต่างหากไม่ใช่ฟัก”เบลซแก้

 

“อ่ะๆ ยังไงก็อยากปล่อยเวลาเสียเปล่าหละฉันไปซ้อมธนูต่อหละ” จางม่พูดแล้วก็ไปโรงฝึกต่อ

 

“เมื่อไหร่นายจะออกมานะ” เบลซคิดหลักๆแล้วคือเขารู้สึกคิดถึงมันเวลาต่อสู้แล้วไม่มีมันอยู่ด้วยเขารู้สึกว่าเหมือนมันขาดอะไรไป เพราะตั้งแต่วันแรกเขาก็สู้กับมันจนชินไปแล้ว

 

พอตกบ่ายเพิ่งหยิ่งหยิงกับสาวๆก็ช่วยกันทำอาหาร ครั้งนี้มีมันฝรั่งบดด้วยเพราะว่าเรย์ลินไปเจอมาหลายหัวและแน่นอนว่าเก็บบางส่วนไว้ปลูก

 

หลังจากทานอาหารเสร็จเบลซก็กลับไปนั่งรอเจ้าดาบน้อยต่อ

 

เวลาผ่านไปเรื่อยๆที่ละชั่วโมง ที่ละชั่วโมงจนกระทั่งพระอาทิตย์กลายเป็นสีส้มเกือบลับขอบฟ้า เวลาตอนนี้ราว4-5โมงเย็นแล้ว

 

“แครก!” หลังจากที่เบลซนั่งรอมานานในที่สุดไข่ก็มีเสียงปริแตกจากข้างใน

 

“แครก! แครก!” เกิดไขรอยร้าวขึ้นและลามมาเรื่อยๆเบลซมองด้วยความตื่นเต้นแต่ว่าไม่ได้รีบไปแกะออกเพราะว่ากลัวจะไปรบกวนกระบวนการวิวัฒนาการของมันเลยจะรอให้มันแกะไข่ออกมาเอง

 

“แครก! แครก! แครก!” เปลือกไข่บางส่วนหลุดออกมาเบลซเห็นบางส่วนของมัน มันมีเกล็ดสีแดงสดและหนามแหลมบางส่วนแต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นส่วนไหนของร่างกาย

 

“โกร็วววว” เสียงร้องแบบเดิมที่เบลซคุ้นเคยก็ดังออกมาจากไข่ถึงแม้ว่าน้ำเสียงดูต่ำลงแต่เบลซก็จำได้

 

“อ้าวววว” ในที่สุดเปลือกไข่ทั้งหมดก็แตกออกมันพุ่งเข้ามาเอาหัวถูหน้าของเบลซเหมือนเดิมเบลซลูบหัวมันเบาๆก่อนจะดูร่างของมันที่เปลี่ยนไปมาก

 

แขนของมันตอนนี้กลายเป็นปีกขนที่มีมาตอนแรกหายไปส่วนขนตรงหลังถูกแทนที่ด้วยหนามปลายหางเป็นรูปหัวหอกที่มีหนามรอบ กรงเล็บที่ขาทั้งสี่ของมันยาวเท่ากันอย่างสมดุล เกล็ดของมันเป็นสีแดงสดทั้งตัวดวงตาสีเหลืองอัมพัน หัวของมันมีเขางอกออกมาสองเขา และตัวของมันใหญ่ขึ้นมาก มันสูงประมาณ3เมตรและยาวประมาณ5เมตรรวมกับหางอีก5-6เมตรเป็นราวๆ1011เมตรหากนับตั้งแต่หัวจรดปลายหาง

 

“ระบบ”

 

ชื่อ เบลซ แร็คนาร์ เหรียญชีวิต13เหรียญ

 

ระดับ13

 

สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน(61/100) 4ธาตุบวกค่าสถานะ75%

 

พลังธาตุ <ไฟ น้ำ สายฟ้า พิษ>

 

อาชีพ ไม่มี

 

อาชีพเสริม นักตัดแต่งยืน

 

ฉายา

 

<นายแห่งอสูรอเวจี+5> <มนุษย์คนแรกผู้สังหารสัตว์อสูรสองธาตุ+2>

 

Strength(แรงกาย) : 38[(15)+11.5]

 

Agility(ความว่องไว) : 34.25[(13)+11.5]

 

Vitality(พละกำลัง) : 30.75[(11)+11.5]

 

Stamina(ความทรหด) : 33/36[(14)+11.5]

 

Spirituality (จิตวิญญาณ) : 44.25/46.5[(20)+11.5]

 

ทักษะ

 

 (อควาคัตเตอร์(ขาว)> <ประเมิน(ขาว)> <พิษหัวใจขาว/เขียว> <ภูติเงาเพลิง>

 

สัตว์อสูรสงคราม

 

ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)

 

ไวเวิร์นวายุเพลิงโลกันต์(ลูก) ระดับ12

 

สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน 2ธาตุบวกค่าสถานะ35%

 

พลังธาตุ เพลิง ลม

 

Strength(แรงกาย) : 29.7(22)

 

Agility(ความว่องไว) : 32.4(24)

 

Vitality(พละกำลัง) : 48.6(36)

 

Stamina(ความทรหด) : 29.7/29.7(22)

 

Spirituality จิตวิญญาณ) : 10.8/10.8(8)

 

ทักษะ

 

เพลิงอเวจี> เพลิงนรก ความแรงธาตุเพลิง+75%

 

<ปีกสายลม(เขียวอ่อน)> เพิ่มความเร็ว50% และสามารถสะบัดคมสายลมใส่ศัตรูได้ใช้Spiritualityครั้งละ1แต้ม

 

(มังกรวายุผงาดโลกันต์(เขียวอ่อน)> [ทักษะมังกร] ชัดมังกรเปลวเพลิงที่ถูกหนุนด้วยมังกรสายลมใส่ศัตรู +พลังโจมตีธาตุเพลิง225% ใช่spirituality 4 แต้มต่อครั้ง

 

พืชปรสิตดอกเถาพิษโลหิต ระดับ10

 

สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน (สามธาตุเสถานะ50%)

 

พลังธาตุ <พืช โลหิต พิษ> ระดับเขียวอ่อน

 

Strength(แรงกาย) : 1.5(1)

 

Agility(ความว่องไว) : 1.5(1)

 

Vitality(พละกำลัง) : 70.5(47)

 

Stamina(ความทรหด) : 1.5(1)

 

Spirituality (จิตวิญญาณ) : 1.5(1)

 

ทักษะ

 

<พึ่งพาอาศัย> 44.5(3×5096)

 

<แบ่งพลังธาตุพืช> <ดูดโลหิต> <พิษกัดกร่อน>

 

“สุดยอดไปเลย” เบลซอดไม่ได้ที่จะชม

 

เข้าไม่คิดว่ามันจะเริ่มวิวัฒนาการในเส้นทางของมังกรเร็วขนาดนี้

 

ถ้าถามว่าสัตว์อสูรสายเลือดมังกรนั้นแข็งแกร่งอย่างไร?

 

ชัดเจนว่าคือโครงสร้างร่างกายและทักษะ แม้ค่าสถานะจะเท่ากันกับสัตว์อสูรสายเลือดระดับสูงประเภทอื่นๆ แต่ว่ามังกรมีเกล็ดที่แข็งแรง บินได้ เร็ว แรงเยอะ ฟื้นฟูตัวเองก็เร็ว ปฏิกิริยาก็ฉับไวกว่า หรือง่ายๆก็คือเป็นที่สายพันธ์ของพวกมันที่ทำให้มีจุดเด่นแบบนี้ แล้วไม่ต้องพูดถึงทักษะทักษะตั้งแต่ที่เบลซเจอมาในระดับเขียวอ่อนยังไม่มีทักษะไหนเพิ่มพลังโจมตีเกิน100%เลยแต่ทักษะ มังกรวายุผงาดโลกันต์กลับเกิน200%เข้าไปแล้ว

 

แม้ว่าชีฟอสจะเป็นแค่ไวเวิร์นก็ตามถึงจะเป็นสายพันธ์ปลายแถวแม้จะสู้มังกรจริงๆไม่ได้แต่งกรก็คือมังกรแล้วมันก็ยังมีโอกาสวิวัฒนาการอีกเยอะ ไม่แน่มันอาจจะเป็นมังกรตัวแรกของโลกนี้เลยก็ได้ (TL ถึงจะอวยตัวเองไปไหน!)

 

“เอาหละวันนี้ไหนๆก็ไม่ได้ไปไหน นายเองก็ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายนานแล้วไปบินเล่นกันหน่อยไหม?”

 

“โกร็ววว” ซีฟอสร้องออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้นเบลซกระโดดไปนั่งอยู่บนหลังมันหนามที่อยู่บนหลังเป็นเหมือนกับพนักพิงให้เบลซพอดี

 

“ พืบ พืบ” ซีฟอสกระพือปีกก่อนจะลองส่งตัวเองบินขึ้นฟ้า

 

“ยาฮูวววว” เบลซร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

 

“โคร่ม!” หลังจากขึ้นไปสี่ห้าวิซีฟอสก็เสียการทรงตัวและ

 

“บะโถ่ บินไม่เป็นก็บอกกันก่อนสิเสียงฟอร์มหมด”

 

“กรู้วววว” ซีฟอสทำหน้าจ๋อยถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะดูไม่เด็กแล้วแต่จริงๆแล้วก็ยังเป็นเด็กอยู่ 

 

“เอาเถอะ! ไม่เป็นไรไปฝึกบินกัน” เบลซพูดและคิดในใจ “ยังไงฉันก็จะต้องฝึกเจ้าดาบน้อยให้บินได้ให้ได้”

 

“ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ” ซีฟอสเดินออกนอกฐานไปด้วยความเร็วสูงมันไปที่เนินสูงๆห่างจากฐานราวๆ500เมตร

 

เนื่องจากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ระดับที่สูงที่สุดของสัตว์อสูรยังคงอยู่แค่ระดับเขียวอ่อนและคงอยู่ไปอีกพักนึงเลยดังนั้นรังสีมังกรของซีฟอสทำให้พวกสัตว์อสูรทั้งหลายไม่กล้าออกมาโจมตีและอยู่ของใครของมันไปเงียบๆ

 

“เอาหละเป้าหมายแรกนายจะต้องร่อนต่ำๆจากที่นี้ไปที่ฐานให้ได้” เบลซบอก

 

“โกรัวววว” ซีฟอสขานรับก่อนจะสยายปืนดันตัวเองให้อยู่สูงกว่าพื้นดินราวๆ4-5เมตรแล้วร่อนไปข้างหน้า

 

“กางปีกตึงอีกนึดนึง รักษาการทรงตัวด้วย นึกถึงท่าทางของนกเวลาบินบนท้องฟ้า” เบลซพยายามอธิบายเพื่อให้มันจับความรู้สึกได้ง่ายขึ้น

 

หลังจากพยายามอยู่สี่ห้ารอบในที่สุดเจ้าดาบน้อยก็ทำการร่อนระยะกลางๆได้และเริ่มที่จะบินระยะสั้นๆได้แล้วแต่ว่าพระอาทิตย์ดันตกก่อนเลยทำให้ต้องกลับฐาน

 

แน่นอนว่าทุกคนรู้เรื่องที่เจ้าดาบน้อยวิวัฒนาการเสร็จแล้วก็นะเล่นร่อนๆไปร่อนมาซะขนาดนั้นและมันก็กระตุ้นทำให้หลายๆคนอยากมีสัตว์อสูรสงครามเป็นของตัวเอง

 

“มันน่าอิจฉาเกินไปแล้วโว้ยยยย!” จางม่พูดถึงแม้ว่าเขาจะไม่อิจฉาจริงๆก็เถอะแต่เขาก็ยอมรับว่าเขาอยากได้สัตว์อสูรสงครามตัว

 

“จะว่าไปแล้วมันจะกินอะไรหละเนี่ย ตัวออกจะใหญ่ขนาดนี้” เพิ่งหยิงหยิงถาม

 

“ไม่ต้องห่วงหรอกมันหากินเองได้ เรื่องกินของมันฉันจะจัดการเอง” เบลซตอบ

 

แล้วทุกคนก็กินข้าวเย็นและก็พักผ่อนกันในยามค่ำคืน ในขณะที่เบลซเดินไปที่ร้านตีเหล็ก

 

ตอนนี้สถานะเยอะหน่อยนะแต่แอดเพิ่มคำให้จาก1400-1600คำ ตอนนี้ใส่ไป1700คำกว่าๆ ชดเชยให้ละ

 

เอารูปเจ้าดาบน้อยเวอร์ชั่นไวเวิร์นไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+