The Great Geneticist in Apocalypse 71 พบผู้รอดชีวิตแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 71 พบผู้รอดชีวิตแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย The Great Geneticist in Apocalypse

ตอนที่71 พบผู้รอดชีวิตแล้วสิ

“อืมม เอาความจริงนอกจากเพื่อนในหอแล้วพวกเราก็ไม่รู้จักกับใครอีกเลย” เอมิเลียพูดเอลลี่ก็พยักหน้าตาม

เบลซมองไปที่จางมู่และชิ้น “พวกเรา ก็ด้วย” พวกเขาตอบ

“ช่วยไม่ได้งั้นค้นหาแถวนี้ก่อนส่วนเจ้าดาบน้อยไปตามหาคนอื่นต่อ” เบลซสั่งการอีกครั้ง

“ฟรีบ ฟรีบ” ซีฟอสบินออกไปอีกรอบ

พวกเบลซยังคงค้นตึกและได้รับ ทรัพยากรต่างๆแม้จะไม่มากแต่ก็ยังถือว่ามากสําหรับพวกเขาไม่กี่คน แม้จะเจอสัตว์อสูรบ้างแต่ก็ล้วนเป็นพวกธรรมดาซึ่งไม่มีปัญหาอะไรสําหรับพวกเขา :

หลังจากค้นขึ้นรถบัสค้นเสร็จแล้วก็ขึ้นรถบัส หลังจากค้นไปค้นมาอยู่สามสี่ที่ขณะที่เขากําลังสํารวจไปยังที่ต่างๆนั้นเอง เบลซสังเกตเห็นอาคารหลังหนึ่งบนชั้นที่ค่อนข้างสูงมีกลุ่มคนอยู่ ในขณะที่มีกลุ่มสัตว์อสูรล้อมอยู่ที่ชั้นล่าง นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยศพกองอยู่ที่พื้น จากที่สังเกตเหมือนพวกมันจะไร้หนทางในการขึ้นไปชั้นบน ซึ่งเป็นอะไรที่แปลก เบลซเดาเอาว่าน่าจะมีสิ่งกีดขวางจํานวนมากอยู่ที่ชั้นบน พวกเขาเหมือนจะเห็น เบลซและโบกไม้โบกมือขอความช่วยเหลือเช่นเดียวกัน

“เราจะไปช่วยพวกเขาไหม?”เอมิเลียถาม

“อืมไปช่วยก่อนก็ได้แล้วค่อยว่ากันว่าจะเอายังไงต่อ” เบลซพูด

“ตามนั้น” จางม่พูดพร้อมกับง้างคันธนูรอ

“ฆ่า” เบลซ์สะบัดมือเถาพิษโลหิตต่างกระจายกันออกไปฆ่าพวกสัตว์อสูรรอบๆและปิดกั้นทางออกของพวกมันไว้ ในขณะที่เพื่อนๆก็ช่วยๆกันกวาดล้างพวกมัน

หลังจากจัดการพวกมันเสร็จเบลซ และหลังจากกําจัดสิ่งกีดขวางเสร็จและก็พังปรตูเหล็กหนาก็ขึ้นไปชั้นบนได้อย่างง่ายดาย

หลังจากขึ้นมาชั้นบนเบลซเห็นประตูขนาดใหญ่เขาลองผลักดูก็เดาได้ว่าอีกฝั่งคงมีของมาขวางเอาไว้และยังมีแผ่นไม้ตอกกันประตูไว้อีกด้วย

“ขอเข้าไปนะครับ” เบลซตะโกนก่อนที่จะชักจ้าวออกมา

“เพลิงอัสนี” เบลซกระทั่งด้ามง้าวไปที่ประตู

“ตู้มมมมม” ประตูเปิดออกเบลซเดิน เขาไปเขาเห็นคนยี่สิบกว่าคนกําลังจ้อง มองพวกเขาด้วยท่าทางหวาดระแวง

“พะ พวกคุณเป็นใคร” ชายหนุ่มอายุราวๆยี่สิบปีถามด้วยเสียงสั่นๆ

“ฉันหรอ?” “อืมมมมม นั้นสินะเรายังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย”เบลซคิดแล้วพูดตัดกลับไปว่า

“ยินดีที่ได้รู้จักฉันชื่อ เบลซ ไม่ต้อง ขอบคุณก็ได้ที่ฉันช่วยช่วยฉันบอกได้ ไหมว่าสองสามวันมานี้มีข่าวคราวอะไร บ้างรึปล่าว? มีคนผ่านไปผ่านมาแถวนี้ บ้างไหม?” เบลซถามสิ่งที่เค้าอยาก รู้มากที่สุดในตอนนี้คือข่าวสารถึงแม้ว่า คนพวกนี้จะอยู่แต่ในตึกแต่ว่าพวกเขาก็ ยังมองไปนอกหน้าต่างและอาจเห็นผู้ วิวัฒนาการคนอื่นหรือคนของรัฐบาล ผ่านไปผ่านมาบ้าง

มีผู้ใหญ่คนหนึ่งรวบรวมความกล้าลุกขึ้นมาตอบ “พวกเราเห็นคนผ่านไปมาบ้าง แต่ว่าถูกพวกมันจับกินหมดหลังจะที่พวกมันมาล้อมพวกเราอยู่ข้างล่างก็ไม่มีใครมาแถวนี้อีก”

“งั้นแสดงว่าพวกเขาแทบจะไม่รู้อะไรเลยสินะ” เบลซคิดแล้วตอบไปว่า

“เอาหละพวกคุณมีสองทางเลือก ทางแรกพวกคุณอยู่กันเอาเองพวกเราจะไม่เอาอาหารหรือทรัพยากรอื่นๆไปและจะจากไปทันที ทางที่สองผมเป็นเจ้าของฐานพวกคุณสามารถมาอาศัยอยู่ในฐานของผมได้แต่ว่าพวกคุณจะต้องทํางาน แน่นอนว่าผมจะให้อาหารและค่าจ้างตามสมควรด้วย แน่นอนว่าผมไม่ต้องการคนเห็นแก่ตัว”

“ผมเลือกทางที่สอง

“ผมด้วย”

“ฉันด้วย”

โดยแทบไม่ต้องคิดพวกเขาเลือกอย่างหลังในทันที ถ้าระหว่างให้รอความตายหรือความหวังลมๆแล้งว่าจะมีคนมาช่วยสู้ไปกับคนที่มีพลังพอจะปกป้อง พวกเขาดีกว่าถึงแม้ว่า“คน”ที่พวกเขาเห็นจะมีพลังที่ไม่เหมือน“คน” ก็ตาม
“งั้นแรกช่วยกันขนอาหารและของใช้ที่ จําเป็นไปกันก่อน” เบลซพูดจากนั้นมอง ไปที่เอมิเลียแล้วพูดว่า “คุณช่วยขับรถบัสมาที่หน้าตึกอีกเล็กน้อยด้วยให้ชินไป ด้วยเผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน” ทั้งคู่พยักหน้าแล้วเดินออกไปจากห้อง

“เอาหละเริ่มกันดีกว่าผมอาจจะไปช่วยคนอื่นๆต่อ รีบๆกันหน่อยก็แล้วกันนะครับ” เบลซพูดด้วยท่าทางที่ดูเป็นมิตร

“เข้าใจแล้ว” ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งพูดแล้วคนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปเก็บสัมภาระ

“โกหัวววว” ซีฟอสส่งความรู้สึกมาที่เบลซอีกครั้ง

“เจออีกกลุ่มแล้วหรอ เดี๋ยวฉันตามไป” เบลซสั่งจากนั้นก็บอกให้เร่งขนสัมภาระ และเร่งเก็บทรัพยากรอย่างรวดเร็ว

หลังจากรีบเก็บของใส่กระเป๋าเสร็จเรียบร้อยเบลซ์รีบนําผู้รอดชีวิตขึ้นรถบัส และมุ่งหน้าหาผู้รอดชีวิตอีกกลุ่ม

เมื่อเบลซมาถึงก็เห็นซีฟอสอีกเช่นเคย มันหันไปทางบ้านหลังหนึ่ง

บ้านหลังนั้นส่วนของหน้าบ้านนั้นพัง ละเทะซ้ํายังมีต้นไม้และเสาไฟฟ้าล้มทับหน้าบ้าน แต่ก็เพราะอย่างนั้นพวกเขาเลยรอดมาได้

เบลซและพวกทําการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตเช่นเคย และได้รับผู้รอดชีวิตเข้ามีอีกห้าคนเป็นครอบครัวพ่อแม่กับลูกสามคน

เมื่อรวมกับชุดก่อนและตัวพวกเขาเองกับสัมภาระแลทะรัพยากรอื่นๆก็เกือบเต็มคันรถแล้วเบลซเลยให้พวกเอมิเลีย และคนอื่นๆกลับไปกันก่อน ส่วนตัวเค้าเองยังอยากจะสํารวจอีกซักหน่อยแต่ว่า

“ให้ฉันไปด้วย ไปคนเดียวมันอันตรายนะ” เป็นเอลลี่ที่ขอมาอีกรอบ

“ก็ได้แต่ว่าต้องเชื่อฟังผมหละ” เบลซเน้นย้ํา

“นายทําอย่างกับฉันไม่เคยไปกับนายงั้นแหละ” เอลลี่พูดด้วยน้ําเสียงที่คลุม เครือ

ซึ่งนั้นมันทําให้ชินกับจางม่มองผมแปลก “ให้ตายเถอะ!” เบลซคิดในใจ ก่อนจะพูดว่า“พวกนายไปได้แล้ว!”

“ที่จริงก็อายใช่ไหมหละ” จางมู่แซว

“ใช่มั้ย ใช่มั้ย มีแฟนแล้วทิ้งเพื่อนเลยนะ” ชินทําท่าน้อยอกน้อยใจแล้วรถบัสก็ขับออกไป

“ฟะ แฟนหรอ?” เอลลี่สะดุ้งและทําท่าทางเขินอาย

“ให้ตายเถอะไอพวกนี้หนิ” เบลซสบถกันจะบอกเอลลี่ว่า “ไปกันเถอะ เจ้าดาบน้อย มานี่”

“โกร็ววววว” ซีฟอสบินลงมาจากที่ซ่อนถึงแม้ว่ามันจะตัวใหญ่และเด่น จนไม่มีทางที่จะสามารถปกปิดการมาของมันได้ แต่เบลซก็ยังอยากจะให้คนเห็นมันน้อยที่สุด

“นายน่าจะบินจนเริ่มชินแล้วนะลองบินสูงๆดูละกัน เริ่มจากหาฝูงสัตว์อสูรก่อน” เบลซสั่ง สาเหตุที่เขาต้องหาฝูงใหญ่ๆก็เพราะว่าหัวหน้าฝูงสัตว์อสูร ยิ่งมีสมาชิกเยอะก็ยิ่งอันตรายมาก ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาแต่ประเด็นที่สําคัญกว่าก็คือฝูงที่ใหญ่จะมีการวิวัฒนาการที่ไวกว่า เพราะว่าเมื่อสัตว์อสูรในฝูงล่าเหยื่อได้ มันก็จะแบ่ งบางส่วนให้จ่าฝูงถ้าหากมีจํานวนสมา ชิกมากก็เท่ากับว่าพวกระดับสูงของฝูงก็ จะมีอาหารซึ่งเต็มไปด้วยพลังงานมาก ส่งผลทําให้พวกมันวิวัฒนาการได้ไวขึ้น

ดังนั้นถ้าหากอยากอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ อย่างไม่ยากลําบากมากก็ควรจะสลายฝูงพวกนี้บ่อยๆ ถึงแม้จะไม่สามารถหยุดการวิวัฒนาการได้แต่ว่าก็ช่วยชะลอไปได้มาก เรียกได้ว่าเป็นการประวิงเวลาเพิ่มให้พวกเขาได้เตรียมตัวหรือมีเวลา ในการหาคริสตัลมาวิวัฒนาการมากขึ้น

“พรึบ พรึบ พรึบ” ซีฟอสกางปีกทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าที่อยู่เหนือพื้นดิน ราวๆ8-9เมตรถึงจะยังเรียกไม่ได้สูงมากแต่ก็สูงกว่าแต่ก่อนเยอะ

เบลซนั่งอยู่บนหลังของเจ้าดาบน้อย พร้อมกับมองลงไปข้างล่างโดยมีเอลลี่อยู่ในอ้อมกอดด้วยแก้มที่แดงระเรื่อ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Great Geneticist in Apocalypse 71 พบผู้รอดชีวิตแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 71 พบผู้รอดชีวิตแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย The Great Geneticist in Apocalypse

ตอนที่71 พบผู้รอดชีวิตแล้วสิ

“อืมม เอาความจริงนอกจากเพื่อนในหอแล้วพวกเราก็ไม่รู้จักกับใครอีกเลย” เอมิเลียพูดเอลลี่ก็พยักหน้าตาม

เบลซมองไปที่จางมู่และชิ้น “พวกเรา ก็ด้วย” พวกเขาตอบ

“ช่วยไม่ได้งั้นค้นหาแถวนี้ก่อนส่วนเจ้าดาบน้อยไปตามหาคนอื่นต่อ” เบลซสั่งการอีกครั้ง

“ฟรีบ ฟรีบ” ซีฟอสบินออกไปอีกรอบ

พวกเบลซยังคงค้นตึกและได้รับ ทรัพยากรต่างๆแม้จะไม่มากแต่ก็ยังถือว่ามากสําหรับพวกเขาไม่กี่คน แม้จะเจอสัตว์อสูรบ้างแต่ก็ล้วนเป็นพวกธรรมดาซึ่งไม่มีปัญหาอะไรสําหรับพวกเขา :

หลังจากค้นขึ้นรถบัสค้นเสร็จแล้วก็ขึ้นรถบัส หลังจากค้นไปค้นมาอยู่สามสี่ที่ขณะที่เขากําลังสํารวจไปยังที่ต่างๆนั้นเอง เบลซสังเกตเห็นอาคารหลังหนึ่งบนชั้นที่ค่อนข้างสูงมีกลุ่มคนอยู่ ในขณะที่มีกลุ่มสัตว์อสูรล้อมอยู่ที่ชั้นล่าง นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยศพกองอยู่ที่พื้น จากที่สังเกตเหมือนพวกมันจะไร้หนทางในการขึ้นไปชั้นบน ซึ่งเป็นอะไรที่แปลก เบลซเดาเอาว่าน่าจะมีสิ่งกีดขวางจํานวนมากอยู่ที่ชั้นบน พวกเขาเหมือนจะเห็น เบลซและโบกไม้โบกมือขอความช่วยเหลือเช่นเดียวกัน

“เราจะไปช่วยพวกเขาไหม?”เอมิเลียถาม

“อืมไปช่วยก่อนก็ได้แล้วค่อยว่ากันว่าจะเอายังไงต่อ” เบลซพูด

“ตามนั้น” จางม่พูดพร้อมกับง้างคันธนูรอ

“ฆ่า” เบลซ์สะบัดมือเถาพิษโลหิตต่างกระจายกันออกไปฆ่าพวกสัตว์อสูรรอบๆและปิดกั้นทางออกของพวกมันไว้ ในขณะที่เพื่อนๆก็ช่วยๆกันกวาดล้างพวกมัน

หลังจากจัดการพวกมันเสร็จเบลซ และหลังจากกําจัดสิ่งกีดขวางเสร็จและก็พังปรตูเหล็กหนาก็ขึ้นไปชั้นบนได้อย่างง่ายดาย

หลังจากขึ้นมาชั้นบนเบลซเห็นประตูขนาดใหญ่เขาลองผลักดูก็เดาได้ว่าอีกฝั่งคงมีของมาขวางเอาไว้และยังมีแผ่นไม้ตอกกันประตูไว้อีกด้วย

“ขอเข้าไปนะครับ” เบลซตะโกนก่อนที่จะชักจ้าวออกมา

“เพลิงอัสนี” เบลซกระทั่งด้ามง้าวไปที่ประตู

“ตู้มมมมม” ประตูเปิดออกเบลซเดิน เขาไปเขาเห็นคนยี่สิบกว่าคนกําลังจ้อง มองพวกเขาด้วยท่าทางหวาดระแวง

“พะ พวกคุณเป็นใคร” ชายหนุ่มอายุราวๆยี่สิบปีถามด้วยเสียงสั่นๆ

“ฉันหรอ?” “อืมมมมม นั้นสินะเรายังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย”เบลซคิดแล้วพูดตัดกลับไปว่า

“ยินดีที่ได้รู้จักฉันชื่อ เบลซ ไม่ต้อง ขอบคุณก็ได้ที่ฉันช่วยช่วยฉันบอกได้ ไหมว่าสองสามวันมานี้มีข่าวคราวอะไร บ้างรึปล่าว? มีคนผ่านไปผ่านมาแถวนี้ บ้างไหม?” เบลซถามสิ่งที่เค้าอยาก รู้มากที่สุดในตอนนี้คือข่าวสารถึงแม้ว่า คนพวกนี้จะอยู่แต่ในตึกแต่ว่าพวกเขาก็ ยังมองไปนอกหน้าต่างและอาจเห็นผู้ วิวัฒนาการคนอื่นหรือคนของรัฐบาล ผ่านไปผ่านมาบ้าง

มีผู้ใหญ่คนหนึ่งรวบรวมความกล้าลุกขึ้นมาตอบ “พวกเราเห็นคนผ่านไปมาบ้าง แต่ว่าถูกพวกมันจับกินหมดหลังจะที่พวกมันมาล้อมพวกเราอยู่ข้างล่างก็ไม่มีใครมาแถวนี้อีก”

“งั้นแสดงว่าพวกเขาแทบจะไม่รู้อะไรเลยสินะ” เบลซคิดแล้วตอบไปว่า

“เอาหละพวกคุณมีสองทางเลือก ทางแรกพวกคุณอยู่กันเอาเองพวกเราจะไม่เอาอาหารหรือทรัพยากรอื่นๆไปและจะจากไปทันที ทางที่สองผมเป็นเจ้าของฐานพวกคุณสามารถมาอาศัยอยู่ในฐานของผมได้แต่ว่าพวกคุณจะต้องทํางาน แน่นอนว่าผมจะให้อาหารและค่าจ้างตามสมควรด้วย แน่นอนว่าผมไม่ต้องการคนเห็นแก่ตัว”

“ผมเลือกทางที่สอง

“ผมด้วย”

“ฉันด้วย”

โดยแทบไม่ต้องคิดพวกเขาเลือกอย่างหลังในทันที ถ้าระหว่างให้รอความตายหรือความหวังลมๆแล้งว่าจะมีคนมาช่วยสู้ไปกับคนที่มีพลังพอจะปกป้อง พวกเขาดีกว่าถึงแม้ว่า“คน”ที่พวกเขาเห็นจะมีพลังที่ไม่เหมือน“คน” ก็ตาม
“งั้นแรกช่วยกันขนอาหารและของใช้ที่ จําเป็นไปกันก่อน” เบลซพูดจากนั้นมอง ไปที่เอมิเลียแล้วพูดว่า “คุณช่วยขับรถบัสมาที่หน้าตึกอีกเล็กน้อยด้วยให้ชินไป ด้วยเผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน” ทั้งคู่พยักหน้าแล้วเดินออกไปจากห้อง

“เอาหละเริ่มกันดีกว่าผมอาจจะไปช่วยคนอื่นๆต่อ รีบๆกันหน่อยก็แล้วกันนะครับ” เบลซพูดด้วยท่าทางที่ดูเป็นมิตร

“เข้าใจแล้ว” ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งพูดแล้วคนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปเก็บสัมภาระ

“โกหัวววว” ซีฟอสส่งความรู้สึกมาที่เบลซอีกครั้ง

“เจออีกกลุ่มแล้วหรอ เดี๋ยวฉันตามไป” เบลซสั่งจากนั้นก็บอกให้เร่งขนสัมภาระ และเร่งเก็บทรัพยากรอย่างรวดเร็ว

หลังจากรีบเก็บของใส่กระเป๋าเสร็จเรียบร้อยเบลซ์รีบนําผู้รอดชีวิตขึ้นรถบัส และมุ่งหน้าหาผู้รอดชีวิตอีกกลุ่ม

เมื่อเบลซมาถึงก็เห็นซีฟอสอีกเช่นเคย มันหันไปทางบ้านหลังหนึ่ง

บ้านหลังนั้นส่วนของหน้าบ้านนั้นพัง ละเทะซ้ํายังมีต้นไม้และเสาไฟฟ้าล้มทับหน้าบ้าน แต่ก็เพราะอย่างนั้นพวกเขาเลยรอดมาได้

เบลซและพวกทําการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตเช่นเคย และได้รับผู้รอดชีวิตเข้ามีอีกห้าคนเป็นครอบครัวพ่อแม่กับลูกสามคน

เมื่อรวมกับชุดก่อนและตัวพวกเขาเองกับสัมภาระแลทะรัพยากรอื่นๆก็เกือบเต็มคันรถแล้วเบลซเลยให้พวกเอมิเลีย และคนอื่นๆกลับไปกันก่อน ส่วนตัวเค้าเองยังอยากจะสํารวจอีกซักหน่อยแต่ว่า

“ให้ฉันไปด้วย ไปคนเดียวมันอันตรายนะ” เป็นเอลลี่ที่ขอมาอีกรอบ

“ก็ได้แต่ว่าต้องเชื่อฟังผมหละ” เบลซเน้นย้ํา

“นายทําอย่างกับฉันไม่เคยไปกับนายงั้นแหละ” เอลลี่พูดด้วยน้ําเสียงที่คลุม เครือ

ซึ่งนั้นมันทําให้ชินกับจางม่มองผมแปลก “ให้ตายเถอะ!” เบลซคิดในใจ ก่อนจะพูดว่า“พวกนายไปได้แล้ว!”

“ที่จริงก็อายใช่ไหมหละ” จางมู่แซว

“ใช่มั้ย ใช่มั้ย มีแฟนแล้วทิ้งเพื่อนเลยนะ” ชินทําท่าน้อยอกน้อยใจแล้วรถบัสก็ขับออกไป

“ฟะ แฟนหรอ?” เอลลี่สะดุ้งและทําท่าทางเขินอาย

“ให้ตายเถอะไอพวกนี้หนิ” เบลซสบถกันจะบอกเอลลี่ว่า “ไปกันเถอะ เจ้าดาบน้อย มานี่”

“โกร็ววววว” ซีฟอสบินลงมาจากที่ซ่อนถึงแม้ว่ามันจะตัวใหญ่และเด่น จนไม่มีทางที่จะสามารถปกปิดการมาของมันได้ แต่เบลซก็ยังอยากจะให้คนเห็นมันน้อยที่สุด

“นายน่าจะบินจนเริ่มชินแล้วนะลองบินสูงๆดูละกัน เริ่มจากหาฝูงสัตว์อสูรก่อน” เบลซสั่ง สาเหตุที่เขาต้องหาฝูงใหญ่ๆก็เพราะว่าหัวหน้าฝูงสัตว์อสูร ยิ่งมีสมาชิกเยอะก็ยิ่งอันตรายมาก ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาแต่ประเด็นที่สําคัญกว่าก็คือฝูงที่ใหญ่จะมีการวิวัฒนาการที่ไวกว่า เพราะว่าเมื่อสัตว์อสูรในฝูงล่าเหยื่อได้ มันก็จะแบ่ งบางส่วนให้จ่าฝูงถ้าหากมีจํานวนสมา ชิกมากก็เท่ากับว่าพวกระดับสูงของฝูงก็ จะมีอาหารซึ่งเต็มไปด้วยพลังงานมาก ส่งผลทําให้พวกมันวิวัฒนาการได้ไวขึ้น

ดังนั้นถ้าหากอยากอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ อย่างไม่ยากลําบากมากก็ควรจะสลายฝูงพวกนี้บ่อยๆ ถึงแม้จะไม่สามารถหยุดการวิวัฒนาการได้แต่ว่าก็ช่วยชะลอไปได้มาก เรียกได้ว่าเป็นการประวิงเวลาเพิ่มให้พวกเขาได้เตรียมตัวหรือมีเวลา ในการหาคริสตัลมาวิวัฒนาการมากขึ้น

“พรึบ พรึบ พรึบ” ซีฟอสกางปีกทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าที่อยู่เหนือพื้นดิน ราวๆ8-9เมตรถึงจะยังเรียกไม่ได้สูงมากแต่ก็สูงกว่าแต่ก่อนเยอะ

เบลซนั่งอยู่บนหลังของเจ้าดาบน้อย พร้อมกับมองลงไปข้างล่างโดยมีเอลลี่อยู่ในอ้อมกอดด้วยแก้มที่แดงระเรื่อ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+