The Great Geneticist in Apocalypse 79 สร้างกับดักแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 79 สร้างกับดักแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่79 สร้างกับดักแล้วสิ

หลังจากที่เบลซประกาศสิ้นสุดการทดสอบ นักสู้ทั้ง8คนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน

เบลซเดินไปหาชนด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มหลังจากเห็นว่ารั้วหนามศิลาถูกสร้างขึ้นมาล้อมกําแพงหนามศิลาเป็นแนวป้องกันชั้นที่สอง

“ขอบใจที่เหนื่อยนะช่วยได้มากเลย” เบลซพูดพลางยิ้ม

“นายควรให้ค่าจ้างฉันนะ” ชินตบอกตัวเอง

“ไม่เกี่ยวโว้ยยย” เบลซ์โพล่งทันที

“เอาหละเข้าเรื่องได้แล้ว” เบลซกลับมาพูดแบบปกติเขากระแอมสองครั้งแล้วพูด
“ความจริงแนวป้องกันสองชั้นก็ทําให้อุ่นใจมากขึ้นแต่ว่า….”

ชินหน้าซีดทันทีก่อนจะพูดอย่างตะกุกตะกัก “มะ-ไม่ใช่วะ-ว่านายจะให้ชั้นทําแนวป้องกันอีกชั้นนะ?”

“อืมม จริงๆก็ประมาณนั้นแหละแต่ว่ารอบนี้เป็นกับดัก” เบลซพูดถึงแบบกับดักที เขาจะให้ชินช่วยสร้าง

“ไอเดียดี!” ในอดไม่ได้ที่จะชมหลังจากฟังกับดักที่เบลซ์บอก

“งั้นก็ไปกันดีกว่า หุหุ” เบลซ์ตอบอย่างมีนัยยะ

ทั้งคู่เดินออกมานอกแนวป้องกันที่สองจากนั้นเบลซทําการมาร์คตําแหน่งแล้วเริ่มทําการขุด โดยตําแหน่งที่เบลซ่เลือกคือใต้แนวป้องกันที่สอง

ชินเอาพลัวมาด้วยและด้วยความคุ้นเคยกับดินซึ่งเป็นพลังธาตุประจําตัวทําให้เขาสามารถขุดเดินได้อย่างง่ายได้และรวดเร็ว ในขุดรูขนาดเล็กเอาไว้จํานวนมาก มันเป็นรูที่ชันและลึกหากตกลงไปหละก็ไม่มีทางขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

“ในช่วงที่พวกมันบุกเข้ามาทําลายแนวป้องกันจะต้องแออัดและชุลมุนแน่ ดังนั้นถ้าเกิดเราขุดรูเล็กๆเอาไวใต้รั้วหนามศิลา เมื่อพวกมันพังรั้วลงมา รั้วจะมีส่วนช่วยในการปิดบังรูเอาไว้ เมื่อสัตว์อสูรถูกเบียดๆกัน ก็จะต้องเผลอเหยียบลงรูหรือไม่ก็ถูกผลัดบ้างดันบ้างจนเหยียบลงรูแน่ แต่ก็จะไม่เกิดอะไรและเดินผ่านไปเฉยๆ แต่สําหรับสัตว์อสูรตัวเล็ก โดยเฉพาะพวกลูกสัตว์อสูรที่ชอบซน นั้นหาร่วงลงไปด้วยขนาดตัวของพวกมันอย่าหวังว่าจะได้ขึ้นมา แถมสัตว์อสูรใหญ่ๆก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้เพราะท่ารูเอาไว้เล็กนี้เรียกได้ว่า เป็นกับดักที่คุ้มค่ามาก ไม่ต้องลงทุน ขณะป้องกันฐานก็ยังได้รับสัตว์อสูรมาด้วย พวกเขาสามารถขุนให้มันโตเพื่อเอามากินได้ และถ้าเกิดว่าพวกมันเป็นวันเด็กมากๆขนาดยังไม่ลืมตา พวกมันก็พอจะมีโอกาสเป็นสัตว์อสูรสงครามของผู้วิวัฒนาการบางคนหรือว่าเลี้ยงไว้หาผลประโยชน์ใช้สอยบางอย่างด้วย หากจับได้ลูกสัตว์อสูรสมบัติ” เบลซยิ้มที่มุมปากเมื่อคิดถึงจํานวนของสัตว์อสูรที่เขาจะดักจับได้หลังจากการป้องกันฐานเสร็จเรียบร้อย

เบลซเดินกลับมาในฐานเบลซก็เก็บรายละเอียดบนกําแพงอีกเล็กน้อย เช่นจุดกําบัง จุดที่จะยิงส่วน ความกว้างเวลาเดิน ฯลฯ เพื่อให้กาแพงหนามศิลามีประสิทธิภาพสูงสุด

“เอาหละเท่านี้ก็ครบแล้วยังไงก็ขอบคุณมากนะ” เบลซกล่าว เค้าต้องขอบคุณจริงๆ ถ้าเกิดว่าไม่มีชิ้นเกรงว่างานสร้างแนวป้องกันคงจะยังไม่คืบหน้าไปไหน

“ไม่เป็นไรหรอกเพื่อนแต่พาชั้นไปปั้มระดับหน่อยสิ”

“ได้ยังไงฉันว่าจะเคลียร์ฝูงจํานวนราวๆ50ตัวที่อยู่รอบๆอีกสองสามฝูงอยู่แล้ว มาด้วยกันเลยก็ได้ เนื่องจากพวกเอลลี่กับเรย์ลินที่พึ่งออกไปนอนพักอยู่ ไปบอกจางมู่กับอิโนะให้เฝ้าฐานไปก่อน”

“อ็ม” จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปบอกจางมู่กับอิโนะแล้วก็ขี่เจ้าดาบน้อยออกไปจากฐาน

“มีสัตว์อสรบินได้นี้มันดีจริงๆโว้ยย ฉันอยากจะได้ซักตัวบ้าง” ชินบ่นพลางอ้าแขนรับลมเย็นที่เขามาปะทะอย่างสบายใจ

“นั้นแล้วแต่โชคของนาย” เบลซ์ตอบขณะที่เอนตัวนอนอยู่บนหลังของเจ้าดาบน้อย

“กรู้ววว” ซีฟอสร้องเสียงต่ําๆ

“ถึงแล้ว” เบลซบอกจางมู่ทั้งคู่มองลงไปข้างล่างที่อยู่ห่างออกทางซ้ายไปราวๆ200เมตร

เป็นบึงอีกครั้งแต่ครั้งนี้จึงเป็นอะไรที่ดูพิเศษเอามากๆ ในบึงๆนี้มีดอกบัวอยู่ราวๆ50ดอก

แต่เอ๋? ดอกบัวมันผิดปกติยังไง?

เบลซ์และชิ้นมองไปที่ดอกสีชมพูบัวแทนที่พวกมันจะกระจายๆออกไปทั่วบึง แต่กลับรวมอยู่แค่ที่เดียวแล้วพวกมันก็เคลื่อนที่ได้

ถ้าสังเกตดีๆอีกหละก็จะพบว่าตรงกลางที่ควรจะเป็นเกสรบัวและฝักบัวสีเหลืองสวยกลับเป็นสีเขียวและมีจุดกลมๆสีเหลืองอยู่สองจุด

หน้าของกบ!! เมื่อมันขึ้นมาจากน้ําเบลซ์และชิ้นก็เห็นรูปร่างของมันได้อย่างชัด
เจน

มันเป็นกบตัวใหญ่ราวๆ1เมตร มีสีเขียวและรูปร่างปกติเหมือนกบทั่วๆไปแต่แค่ตัวใหญ่เฉยๆแต่ที่พิเศษก็คือพวกมันมีกลีบดอกบัวเรียงกันเป็นแผงคอที่เหมือนกับราชสีห์ประมาณ1-2ชั้น

“ประเมิน” เบลซยื่นมือออกไปทางพวกสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายกบทันที

“โลตัสฟร็อก ระดับ8”

“โลตัสฟร็อก ระดับ7”

“โลตัสฟร็อก ระดับ8”

“โลตัสฟร็อก ระดับ6-8 x63 ตัว”

“เหมือนฝูงจะไม่มีหัวหน้าฝูงนะ” เบลซพูดด้วยความสบายใจเพราะสัตว์อสูรฝูงนี้ยังเป็นเพียงกลุ่มสัตว์อสูรธรรมดาๆเท่านั้นยังไม่ตัวที่วิวัฒนาการเป็นสีเขียวอ่อนจะว่าไป

ยังไม่มีตัวที่มีพลังธาตุเลยด้วยซ้ํา แต่ก็อย่างว่าเพราะว่าพวกมันเป็นสัตว์อสูรที่สายเลือดธรรมดาๆ

“พวกนี้แทบไม่มีผลอะไรกับระดับของฉันกับเจ้าดาบน้อยแล้วนายไล่จัดการได้เลย” เบลซ่บอก

“งั้นขอบใจมาก ค่าเลื่อนระดับของช้านนนน” แล้วชินก็กระโดดลงจากหลังของเข้า ดาบน้อยลงไปในบึงและเริ่มทําการสังหารหมู่ในทันที

ผ่านไปราวๆ20นาที่ชิ้นโบกมือบอกเบลซว่าจัดการหมดแล้ว

เจ้าดาบน้อยก็บินลงมารับเบลซมองไปที่บึงที่ตอนนี้ถูกย้อมไปด้วยสีแดงซากที่ถูกทุบบี้แบนจนไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นส่วนไหนแต่ว่าในบึงน้ําสีแดงนั้นเองเบลซก็สังเกตเห็นจุดสีด่าเล็กๆหลายจุดติดกันลอยเป็นแพอยู่ซึ่งเบลซก็สามารถเดาได้ทันทีว่ามันคืออะไร

ไข่กับ! ไข่สัตว์อสูร!!

เบลซ์เข้าไปใกล้และก็ใช่อย่างที่เค้าคิดเป็นไข่ใส่ๆที่มีขนาดเท่าไข่ไก่และภายในก็มีจุดสีดํา

แต่แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับไข่กบปกติไข่กบที่ขนาดเท่าไข่ไกนี้ก็ถือว่าเป็นไข่กบยักษ์!

เบลซสามารถเห็นด้วยลูกอ๊อดที่อยู่ข้างในได้อย่างชัดเจนและเขาก็พบกับข่าวร้ายอย่างหนึ่ง

แน่นอนว่าสัตว์อสูรเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่งแต่ธรรมชาติย่อมมีกฎของมันเมื่อมันแข็งแกร่งขึ้นอัตราการเกิดของมันก็จะน้อยลงหรือพูดง่ายๆว่าให้กาเนิดตัวอ่อนยากนั้นแหละ

ถึงแม้ว่าจะเป็นกบที่ปกติจะออกไข่7000-8000ฟองและครั้งหนึ่งจะมีลูกๆของพวกมันจะฟักออกมาราวๆ 70%หรือ4900-5600ตัว

ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นแต่เมื่อกะจากสายตาเบลซกลับเห็นไข่เพียงแค่ประมาณ1000ฟองเท่านั้นและเมื่อมองเขาไปที่นัยตาของพวกตัวอ่อนกลับพบว่าตาของพวกมันเป็นสีขาวโพลนไร้ซึ่งพลังชีวิต หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือไข่ที่ฟักออกมาน่าจะไม่สมบูรณ์และตัวอ่อนก็ตายไปก่อนแล้ว

แต่เบลซยังคงไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้นทุกฟองหลังจากควานหาอยู่นานเบลซก็พบกับไข่ฟองหนึ่งที่ตัวอ่อนตาเป็นสีดําใสแจ๋วเต็มไปด้วยพลังชีวิต เบลซยิ้มที่มุมปากทันทีที่เห็นมัน

หลังจากคุยหาอยู่นานจนแต่ใจว่าครบแล้วเบลซสามารถหาไข่ที่ตัวอ่อนยังมีชีวิตอยู่ได้ถึง20ฟอง! ซึ่งก็ถือว่าปกติในบรรดาสัตว์อสูรที่ให้กําเนิดตัวอ่อนครั้งละมากๆ

แต่ถึงจะน้อยขนาดนั้นในโลกของจางหลงก็ยังถูกคลื่นของสัตว์อสูรถล่มจนดับสูญไปอยู่ดี เพราะว่าสัตว์อสูรหนึ่งตัวก็แข็งแกร่งกว่ามนุษย์มากแล้ว แค่ตัวเดียวก็สามารถสังหารมนุษย์ไปได้หลายคนและถึงแม้ว่าอัตราการให้กําเนิดจะน้อยแล้วแต่จํานวนที่มนุษย์ฆ่าไปได้ก็ยังนับว่าน้อยกว่าเมื่อเทียบกับอัตราการเกิดของพวกมันอยู่ดี

ส่วนสาเหตุที่พวกเบลซสามารถจัดการกับพวกมันได้มากและน่าจะพอๆกับอัตราการให้กําเนิดของรอบๆบริเวณฐานก็รู้ๆอยู่ว่าเค้าต้องสะสมความแข็งแกร่งมากขนาดไหนและการที่มนุษย์คนอื่นจะมาถึงระดับพวกเค้าจะมีซักกี่คนกันเชียว? เมื่อเทียบกับสัตว์อสูรที่มีอยู่ทุกที่บนโลก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Great Geneticist in Apocalypse 79 สร้างกับดักแล้วสิ

Now you are reading The Great Geneticist in Apocalypse Chapter 79 สร้างกับดักแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่79 สร้างกับดักแล้วสิ

หลังจากที่เบลซประกาศสิ้นสุดการทดสอบ นักสู้ทั้ง8คนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน

เบลซเดินไปหาชนด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มหลังจากเห็นว่ารั้วหนามศิลาถูกสร้างขึ้นมาล้อมกําแพงหนามศิลาเป็นแนวป้องกันชั้นที่สอง

“ขอบใจที่เหนื่อยนะช่วยได้มากเลย” เบลซพูดพลางยิ้ม

“นายควรให้ค่าจ้างฉันนะ” ชินตบอกตัวเอง

“ไม่เกี่ยวโว้ยยย” เบลซ์โพล่งทันที

“เอาหละเข้าเรื่องได้แล้ว” เบลซกลับมาพูดแบบปกติเขากระแอมสองครั้งแล้วพูด
“ความจริงแนวป้องกันสองชั้นก็ทําให้อุ่นใจมากขึ้นแต่ว่า….”

ชินหน้าซีดทันทีก่อนจะพูดอย่างตะกุกตะกัก “มะ-ไม่ใช่วะ-ว่านายจะให้ชั้นทําแนวป้องกันอีกชั้นนะ?”

“อืมม จริงๆก็ประมาณนั้นแหละแต่ว่ารอบนี้เป็นกับดัก” เบลซพูดถึงแบบกับดักที เขาจะให้ชินช่วยสร้าง

“ไอเดียดี!” ในอดไม่ได้ที่จะชมหลังจากฟังกับดักที่เบลซ์บอก

“งั้นก็ไปกันดีกว่า หุหุ” เบลซ์ตอบอย่างมีนัยยะ

ทั้งคู่เดินออกมานอกแนวป้องกันที่สองจากนั้นเบลซทําการมาร์คตําแหน่งแล้วเริ่มทําการขุด โดยตําแหน่งที่เบลซ่เลือกคือใต้แนวป้องกันที่สอง

ชินเอาพลัวมาด้วยและด้วยความคุ้นเคยกับดินซึ่งเป็นพลังธาตุประจําตัวทําให้เขาสามารถขุดเดินได้อย่างง่ายได้และรวดเร็ว ในขุดรูขนาดเล็กเอาไว้จํานวนมาก มันเป็นรูที่ชันและลึกหากตกลงไปหละก็ไม่มีทางขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

“ในช่วงที่พวกมันบุกเข้ามาทําลายแนวป้องกันจะต้องแออัดและชุลมุนแน่ ดังนั้นถ้าเกิดเราขุดรูเล็กๆเอาไวใต้รั้วหนามศิลา เมื่อพวกมันพังรั้วลงมา รั้วจะมีส่วนช่วยในการปิดบังรูเอาไว้ เมื่อสัตว์อสูรถูกเบียดๆกัน ก็จะต้องเผลอเหยียบลงรูหรือไม่ก็ถูกผลัดบ้างดันบ้างจนเหยียบลงรูแน่ แต่ก็จะไม่เกิดอะไรและเดินผ่านไปเฉยๆ แต่สําหรับสัตว์อสูรตัวเล็ก โดยเฉพาะพวกลูกสัตว์อสูรที่ชอบซน นั้นหาร่วงลงไปด้วยขนาดตัวของพวกมันอย่าหวังว่าจะได้ขึ้นมา แถมสัตว์อสูรใหญ่ๆก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้เพราะท่ารูเอาไว้เล็กนี้เรียกได้ว่า เป็นกับดักที่คุ้มค่ามาก ไม่ต้องลงทุน ขณะป้องกันฐานก็ยังได้รับสัตว์อสูรมาด้วย พวกเขาสามารถขุนให้มันโตเพื่อเอามากินได้ และถ้าเกิดว่าพวกมันเป็นวันเด็กมากๆขนาดยังไม่ลืมตา พวกมันก็พอจะมีโอกาสเป็นสัตว์อสูรสงครามของผู้วิวัฒนาการบางคนหรือว่าเลี้ยงไว้หาผลประโยชน์ใช้สอยบางอย่างด้วย หากจับได้ลูกสัตว์อสูรสมบัติ” เบลซยิ้มที่มุมปากเมื่อคิดถึงจํานวนของสัตว์อสูรที่เขาจะดักจับได้หลังจากการป้องกันฐานเสร็จเรียบร้อย

เบลซเดินกลับมาในฐานเบลซก็เก็บรายละเอียดบนกําแพงอีกเล็กน้อย เช่นจุดกําบัง จุดที่จะยิงส่วน ความกว้างเวลาเดิน ฯลฯ เพื่อให้กาแพงหนามศิลามีประสิทธิภาพสูงสุด

“เอาหละเท่านี้ก็ครบแล้วยังไงก็ขอบคุณมากนะ” เบลซกล่าว เค้าต้องขอบคุณจริงๆ ถ้าเกิดว่าไม่มีชิ้นเกรงว่างานสร้างแนวป้องกันคงจะยังไม่คืบหน้าไปไหน

“ไม่เป็นไรหรอกเพื่อนแต่พาชั้นไปปั้มระดับหน่อยสิ”

“ได้ยังไงฉันว่าจะเคลียร์ฝูงจํานวนราวๆ50ตัวที่อยู่รอบๆอีกสองสามฝูงอยู่แล้ว มาด้วยกันเลยก็ได้ เนื่องจากพวกเอลลี่กับเรย์ลินที่พึ่งออกไปนอนพักอยู่ ไปบอกจางมู่กับอิโนะให้เฝ้าฐานไปก่อน”

“อ็ม” จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปบอกจางมู่กับอิโนะแล้วก็ขี่เจ้าดาบน้อยออกไปจากฐาน

“มีสัตว์อสรบินได้นี้มันดีจริงๆโว้ยย ฉันอยากจะได้ซักตัวบ้าง” ชินบ่นพลางอ้าแขนรับลมเย็นที่เขามาปะทะอย่างสบายใจ

“นั้นแล้วแต่โชคของนาย” เบลซ์ตอบขณะที่เอนตัวนอนอยู่บนหลังของเจ้าดาบน้อย

“กรู้ววว” ซีฟอสร้องเสียงต่ําๆ

“ถึงแล้ว” เบลซบอกจางมู่ทั้งคู่มองลงไปข้างล่างที่อยู่ห่างออกทางซ้ายไปราวๆ200เมตร

เป็นบึงอีกครั้งแต่ครั้งนี้จึงเป็นอะไรที่ดูพิเศษเอามากๆ ในบึงๆนี้มีดอกบัวอยู่ราวๆ50ดอก

แต่เอ๋? ดอกบัวมันผิดปกติยังไง?

เบลซ์และชิ้นมองไปที่ดอกสีชมพูบัวแทนที่พวกมันจะกระจายๆออกไปทั่วบึง แต่กลับรวมอยู่แค่ที่เดียวแล้วพวกมันก็เคลื่อนที่ได้

ถ้าสังเกตดีๆอีกหละก็จะพบว่าตรงกลางที่ควรจะเป็นเกสรบัวและฝักบัวสีเหลืองสวยกลับเป็นสีเขียวและมีจุดกลมๆสีเหลืองอยู่สองจุด

หน้าของกบ!! เมื่อมันขึ้นมาจากน้ําเบลซ์และชิ้นก็เห็นรูปร่างของมันได้อย่างชัด
เจน

มันเป็นกบตัวใหญ่ราวๆ1เมตร มีสีเขียวและรูปร่างปกติเหมือนกบทั่วๆไปแต่แค่ตัวใหญ่เฉยๆแต่ที่พิเศษก็คือพวกมันมีกลีบดอกบัวเรียงกันเป็นแผงคอที่เหมือนกับราชสีห์ประมาณ1-2ชั้น

“ประเมิน” เบลซยื่นมือออกไปทางพวกสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายกบทันที

“โลตัสฟร็อก ระดับ8”

“โลตัสฟร็อก ระดับ7”

“โลตัสฟร็อก ระดับ8”

“โลตัสฟร็อก ระดับ6-8 x63 ตัว”

“เหมือนฝูงจะไม่มีหัวหน้าฝูงนะ” เบลซพูดด้วยความสบายใจเพราะสัตว์อสูรฝูงนี้ยังเป็นเพียงกลุ่มสัตว์อสูรธรรมดาๆเท่านั้นยังไม่ตัวที่วิวัฒนาการเป็นสีเขียวอ่อนจะว่าไป

ยังไม่มีตัวที่มีพลังธาตุเลยด้วยซ้ํา แต่ก็อย่างว่าเพราะว่าพวกมันเป็นสัตว์อสูรที่สายเลือดธรรมดาๆ

“พวกนี้แทบไม่มีผลอะไรกับระดับของฉันกับเจ้าดาบน้อยแล้วนายไล่จัดการได้เลย” เบลซ่บอก

“งั้นขอบใจมาก ค่าเลื่อนระดับของช้านนนน” แล้วชินก็กระโดดลงจากหลังของเข้า ดาบน้อยลงไปในบึงและเริ่มทําการสังหารหมู่ในทันที

ผ่านไปราวๆ20นาที่ชิ้นโบกมือบอกเบลซว่าจัดการหมดแล้ว

เจ้าดาบน้อยก็บินลงมารับเบลซมองไปที่บึงที่ตอนนี้ถูกย้อมไปด้วยสีแดงซากที่ถูกทุบบี้แบนจนไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นส่วนไหนแต่ว่าในบึงน้ําสีแดงนั้นเองเบลซก็สังเกตเห็นจุดสีด่าเล็กๆหลายจุดติดกันลอยเป็นแพอยู่ซึ่งเบลซก็สามารถเดาได้ทันทีว่ามันคืออะไร

ไข่กับ! ไข่สัตว์อสูร!!

เบลซ์เข้าไปใกล้และก็ใช่อย่างที่เค้าคิดเป็นไข่ใส่ๆที่มีขนาดเท่าไข่ไก่และภายในก็มีจุดสีดํา

แต่แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับไข่กบปกติไข่กบที่ขนาดเท่าไข่ไกนี้ก็ถือว่าเป็นไข่กบยักษ์!

เบลซสามารถเห็นด้วยลูกอ๊อดที่อยู่ข้างในได้อย่างชัดเจนและเขาก็พบกับข่าวร้ายอย่างหนึ่ง

แน่นอนว่าสัตว์อสูรเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่งแต่ธรรมชาติย่อมมีกฎของมันเมื่อมันแข็งแกร่งขึ้นอัตราการเกิดของมันก็จะน้อยลงหรือพูดง่ายๆว่าให้กาเนิดตัวอ่อนยากนั้นแหละ

ถึงแม้ว่าจะเป็นกบที่ปกติจะออกไข่7000-8000ฟองและครั้งหนึ่งจะมีลูกๆของพวกมันจะฟักออกมาราวๆ 70%หรือ4900-5600ตัว

ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นแต่เมื่อกะจากสายตาเบลซกลับเห็นไข่เพียงแค่ประมาณ1000ฟองเท่านั้นและเมื่อมองเขาไปที่นัยตาของพวกตัวอ่อนกลับพบว่าตาของพวกมันเป็นสีขาวโพลนไร้ซึ่งพลังชีวิต หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือไข่ที่ฟักออกมาน่าจะไม่สมบูรณ์และตัวอ่อนก็ตายไปก่อนแล้ว

แต่เบลซยังคงไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้นทุกฟองหลังจากควานหาอยู่นานเบลซก็พบกับไข่ฟองหนึ่งที่ตัวอ่อนตาเป็นสีดําใสแจ๋วเต็มไปด้วยพลังชีวิต เบลซยิ้มที่มุมปากทันทีที่เห็นมัน

หลังจากคุยหาอยู่นานจนแต่ใจว่าครบแล้วเบลซสามารถหาไข่ที่ตัวอ่อนยังมีชีวิตอยู่ได้ถึง20ฟอง! ซึ่งก็ถือว่าปกติในบรรดาสัตว์อสูรที่ให้กําเนิดตัวอ่อนครั้งละมากๆ

แต่ถึงจะน้อยขนาดนั้นในโลกของจางหลงก็ยังถูกคลื่นของสัตว์อสูรถล่มจนดับสูญไปอยู่ดี เพราะว่าสัตว์อสูรหนึ่งตัวก็แข็งแกร่งกว่ามนุษย์มากแล้ว แค่ตัวเดียวก็สามารถสังหารมนุษย์ไปได้หลายคนและถึงแม้ว่าอัตราการให้กําเนิดจะน้อยแล้วแต่จํานวนที่มนุษย์ฆ่าไปได้ก็ยังนับว่าน้อยกว่าเมื่อเทียบกับอัตราการเกิดของพวกมันอยู่ดี

ส่วนสาเหตุที่พวกเบลซสามารถจัดการกับพวกมันได้มากและน่าจะพอๆกับอัตราการให้กําเนิดของรอบๆบริเวณฐานก็รู้ๆอยู่ว่าเค้าต้องสะสมความแข็งแกร่งมากขนาดไหนและการที่มนุษย์คนอื่นจะมาถึงระดับพวกเค้าจะมีซักกี่คนกันเชียว? เมื่อเทียบกับสัตว์อสูรที่มีอยู่ทุกที่บนโลก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+