การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) 101

Now you are reading การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) Chapter 101 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ช่วงเช้า

 

ฉันกำลังรอให้เซบาสกลับมาโดยไม่ได้นอนเลย

 

ฉันมีเรื่องที่จำเป็นต้องสืบไม่ว่ายังไงก็ตาม

 

“นี่ท่านตื่นตลอดคืนเลยหรอครับ”

 

“อา, ข้านอนไม่ได้หน่ะ”

 

หลังจากพูดคุยกันสั้นๆ, เซบาสก็ส่งเอกสารกองนึงให้ฉัน

 

พวกมันคือข้อมูลลับทางการทหาร

 

จากเรื่องราวของรีเบคก้า, โซเนียนั้นแทบจะไม่ทิ้งให้เธออยู่คนเดียวเลย มันเป็นเรื่องยากที่จะคิดว่าเธอติดต่อกับคนอื่น

 

ยกเว้นแค่วันที่เธอเจอกับฉัน เธอบอกว่าเธออาจจะบังเอิญเจอพวกเราในตอนที่เธอออกไปจ่ายตลาดแต่พิจารณาจากช่วงเวลาที่ฉันอยู่กับเธอ, มันก็ไม่มีที่ท่าว่าเธอจะติดต่อกับคนอื่นเลย เธอกับฉันอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา

 

“ถ้าเธอไม่ได้ติดต่อกับใคร, แล้วเธอสื่อสารกับหน่วยของเธอได้ยังไง”

 

“มันน่าจะมีวิธีการพิเศษที่ใช้กันในกองทัพครับ”

 

“นั่นสินะ”

 

ในขณะที่พูดคุยกัน, ฉันก็ไล่ดูเอกสาร โซเนียเกี่ยวข้องกับกอร์ดอน เธอต้องมีบันทึกบางอย่างในกองทัพแน่ๆ เบาะแสจะต้องซ่อนอยู่ในนี้

 

หลังจากไล่ดูพวกมันอยู่พักนึง, ฉันก็สังเกตเห็นเอกสารบางอย่าง

 

“นี่สินะ……”

 

“ขอดูหน่อยได้ไหมครับ แผนการฉุกเฉินในกรณีที่เมืองหลวงจักรวรรดิตกอยู่ในกำมือของศัตรูสินะครับ”

 

“มันคือข้อมูลที่มีพวกระดับสูงในกองทัพเพียงบางส่วนที่รู้ และสถานที่นั้นก็คือจุดนัดพบในกรณีที่เมืองหลวงจักรวรรดิถูกรุกราน”

 

สิ่งที่เขียนในหน้าถัดไปก็คือแผนที่ พื้นที่ที่ถูกวงเอาไว้นั้นตรงกับจุดที่พบเห็นรีเบคก้า

 

มันไม่ใช่แค่จุดสองจุด, พวกมันทั้งหมดสอดคล้องกับแผนยกเว้นอันสุดท้าย มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญสินะ

 

จุดที่พบเห็นซ้อนทับกับแผนที่นี้ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ทันสังเกตแต่จุดร่วมของสถานที่ทั้งหมดนี้ก็คือว่าพวกมันเหมาะที่จะเป็นจุดรวมพล ความจริงที่ว่ารีเบคก้าได้เห็นสถานที่เหล่านี้ชวนให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ

 

“มีแค่รายงานการพบเห็นครั้งสุดท้ายที่ไม่เป็นไปตามแผนงั้นหรอ”

 

“นั่นสินะครับ, จุดที่สมควรจะเป็นจุดนัดพบก็คือ…..หอนาฬิกาที่มองเห็นได้จากประตูฝั่งใต้ ในกรณีที่ข้อมูลการพบเห็นไม่ตรงกับแผนจุดรวมพล, ผู้คนในพื้นที่ที่รู้เรื่องนี้ก็จะไปรวมตัวกันในสถานที่ที่สมควรไป”

 

“เข้าใจหล่ะ นี่คือเหตุผลที่มีนักล่าตามมาเยอะขนาดนี้สินะ”

 

เซบาสพยักหน้าอย่างคล้อยตาม

 

โดยปกติแล้ว, เซบาสกับซิกน่าจะสามารถฝ่าการสอดส่องของศัตรูได้ ฉันคิดเอาไว้แบบนั้นแต่ศัตรูกลับมีมากกว่าที่พวกเราคาดเอาไว้มาก

 

ซึ่งมันก็เข้าใจได้ ฝ่ายอื่นได้รวบรวมกำลังทั้งหมดและมุ่งหน้าไปที่นั่น

 

“กอร์ดอนคงรู้เรื่องนี้อยู่แล้วแต่ซานดร้าก็ด้วยหรอเนี่ย……”

 

“ขุมอำนาจขององค์หญิงซานดร้าเองก็มีพวกระดับสูงของกองทัพอยู่ เธอต้องได้ข้อมูลมาจากตรงนั้นแน่นอนครับ”

 

“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะแต่นี่เป็นข้อมูลที่ปกติแล้วคงไม่พูดออกมาเว้นเสียแต่ว่าเธอจะเป็นคนถาม พูดอีกนัยนึงก็คือ, เธอสนใจเรื่องการปิดล้อมเมืองหลวงจักรวรรดิ หรืออย่างเลวร้ายที่สุด, เธอก็อาจจะวางแผนโจมตีเมืองหลวงด้วยตัวเอง”

 

ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วเอนพิงพนักเก้าอี้

 

ตอนนี้ฉันพอมองเห็นภาพกว้างๆแล้ว

 

“ขุมอำนาจของลีโอไม่มีคนที่นั่งเก้าอี้ระดับสูงของกองทัพ กองทหารรักษาการณ์จักรวรรดิเป็นของก็ทัพก็จริงอยู่แต่พวกเขาขาดผู้บังคับบัญชาที่ทำหน้าที่บัญชาการพวกเขา ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุที่ข้อมูลพวกนี้มาไม่ถึงพวกเราสินะ”

 

“พวกเขาคงไม่แบ่งปันข้อมูลแบบนี้ให้กับคนที่อาจจะกลายเป็นศัตรูในภายหลังหรอกครับ ตอนนี้พวกเรารู้แล้วว่าจำนวนของศัตรูสูงกว่าที่พวกเราคาดเอาไว้ แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจความหมายของขีดจำกัดเวลาที่ผู้หญิงคนนั้นให้อยู่ดีครับ”

 

ขีดจำกัดเวลา 5 นาทีนั่น

 

ตอนแรก, ฉันคิดว่าที่เธอไม่สามารถอยู่นานได้ก็เพราะคนของซานดร้าอาจจะเจอตัวพวกเธอ

 

เพราะฉะนั้นฉันถึงล่วงหน้าไปที่จุดนัดพบก่อน ในกรณีที่ฉุกเฉินจริงๆ, ฉันคิดว่าจะใช้เวทมนตร์เพื่อหลบหนีนักล่า

 

แต่ว่าเหตุการณ์มันไม่ใช่แบบนั้น

 

“มันเขียนเอาไว้ตรงนี้, ในกรณีที่มีการโจมตีในช่วงเวลากลางคืนจากกองกำลังผู้บุกรุก, ให้ตัดสินใจว่าเวลาเที่ยงคืนจะเป็นเวลาที่พวกเขาทำตามแผน โซเนียอ่านออกว่าหน่วยลอบเร้นจะเคลื่อนไหวเวลาเที่ยงคืนตรงและน่าจะคาดเอาไว้ว่าพวกเขาจะใช้เวลาอย่างน้อยห้านาทีในการมาถึง”

 

“เธอมองค่อนข้างขาดเลยนะครับ เธอใช้พวกเราซื้อเวลาให้เธอด้วยการปล่อยให้พวกเราคอยดึงดูดความสนใจนักล่า แต่เธอจะตัดสินใจยังไงกันครับถ้าพวกเราเลือกที่จะไม่ไปที่นั่น”

 

ฉันถอนหายใจอีกครั้งให้กับคำพูดของเซบาส

 

โซเนียเองก็คงพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่ว่าซานดร้าอาจจะรู้แผนการลับ พูดอีกนัยนึงก็คือ, เธอรู้ว่าสถานที่นัดพบน่าจะถูกฝั่งนั้นอ่านออก

 

ในแง่นี้, เธอต้องเสริมกำลังป้องกันให้สถานที่นัดพบ

 

นั่นคือสาเหตุที่เธอเรียกพวกเรามาเพื่อใช้เป็นตัวล่อ

 

“…..เธอน่าจะพิจารณาเอาไว้แล้วว่าพวกเราอาจจะไม่มาแต่เธอก็ยังเดิมพันกับพวกเรา เธอล้วงข้อมูลจากข้าแล้วก็ได้สิ่งที่เธอต้องการไปจริงๆ”

 

“ดูเหมือนว่าท่านจะถูกใช้งานซะเต็มที่เลยนะครับ”

 

ฉันพยักหน้าให้เซบาส เหตุผลที่โซเนียออกมาน่าจะไม่ใช่เพื่อติดต่อหน่วยลอบเร้นแต่เป็นการมองหาเหยื่อล่อ

 

บางทีเธอน่าจะติดต่อกับลีโอถ้าเธอไม่ได้พบกับฉัน

 

“นั่นสินะ แต่ว่า……การให้เวลาห้านาทีในการไปหาพวกเธอก็ถือว่าเสี่ยงสำหรับเธอเหมือนกัน”

 

“ครับ, ถ้าหน่วยลอบเร้นไปถึงช้ากว่าพวกเราพวกเขาก็จะเสียทั้งรีเบคก้าและจดหมายไป”

 

มันคือเหยื่อล่อที่ดีที่สุดแต่โซเนียคงคิดที่จะส่งตัวเธอให้กับพวกเราพร้อมกับจดหมายด้วย

 

มันคงจะดีถ้าพวกเราสามารถไปได้ทันเวลาแต่ถ้าพวกเราทำไม่ได้เธอก็แค่ทำตามแผนการของเธอ

 

โซเนียเคลื่อนไหวด้วยวิธีที่เธอสามารถปรับตัวได้ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงก็ตาม แต่, ในกรณีที่พวกเราไปถึงทันเวลานั้น, ตัวโซเนียก็จะตกอยู่ในจุดที่อันตราย

 

แม้ว่าจะรู้ถึงเรื่องนั้น, เธอก็ยังเรียกพวกเราออกมา พวกเราเป็นตัวล่อก็จริงแต่พวกเรายังเป็นหลักประกันในการคุ้มครองรีเบคก้าด้วย

 

“แสดงว่าเธอทำไปทั้งหมดนี่ก็เพื่อรีเบคก้าสินะ…..”

 

“ในส่วนของเธอนั้นถือว่าทำได้ค่อนข้างยอดเยี่ยมเลยครับ ถึงยังไงทหารของกอร์ดอนก็คงจะไม่สนใจความปลอดภัยของท่านรีเบคก้าอยู่แล้ว พวกเขาคงไม่ฆ่าเธอแต่พวกเขาก็จะไม่ทำอะไรเพื่อปกป้องเธอเหมือนกัน ในแง่นี้, เธอจำเป็นต้องฝากฝังท่านรีเบคก้าเอาไว้กับคนที่จะปกป้องเธอ นักฆ่าขององค์หญิงซานดร้ากับองค์กรจะไม่มีวันไว้ชีวิตเธอแน่ ต่อให้พวกเราไปแล้วไม่เจอพวกเธอ, เธอก็น่าจะโน้มน้าวให้พวกเขาปกป้องรีเบคก้าอยู่ดี”

 

“……ครั้งนี้พวกเราโดนจัดการซะอยู่หมัดเลยนะ”

 

“อย่ากังวลไปเลยครับ ความได้เปรียบของเราเป็นรองมาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าท่านไม่ได้คิดจะวางแผนโจมตีเมืองหลวง, ท่านก็คงไม่รู้ข้อมูลพวกนี้หรอก พวกเราไม่มีโอกาสชนะในครั้งนี้ครับ”

 

“พวกเราแพ้เพราะมีข้อมูลไม่เพียงพอ สำหรับเรื่องครั้งนี้คงแก้ตัวอะไรไม่ได้เลย……ยิงไปกว่านั้น, ข้าไม่ได้ใช้ไพ่ตายของข้าด้วยซ้ำ”

 

ฉันไม่ได้ใช้พลังของซิลเวอร์ในครั้งนี้

 

เหตุผลก็เพราะว่าถ้าฉันใช้พลังพวกนั้นในสถานการณ์ที่มีนักฆ่ากระจายอยู่ทั่วทุกที่, มันก็จะนำไปสู่การเปิดเผยความลับของฉัน ภายในระยะบาเรียของฉันก็อีกเรื่องนึงแต่ฉันไม่มีทางรับรู้ถึงสายตาที่อยู่ไกลกว่านั้นได้เลย

 

นี่คือสาเหตุที่ฉันวิ่งโดยไม่ใช้เวทมนตร์ช่วยเหลือ

 

หลังจากนั้น, ฉันยังสามารถขโมยจดหมายมาจากโซเนียได้แต่ฉันก็ไม่ทำ ฉันไม่อยากเปิดเผยความลับของฉัน

 

แต่ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องรึเปล่านะ?

 

“เป้าหมายของกอร์ดอนคือสงครามอย่างแน่นอน ในทันทีที่เขาได้จดหมาย, เขาก็เข้าใกล้มันไปอีกก้าวนึงแล้ว สงครามกับทางใต้, พูดอีกนัยนึงก็คือ, เขาอยากเริ่มสงครามกลางเมือง พอมาคิดถึงเรื่องนี้……..ตอนนั้นถ้าข้าใช้เวทมนตร์ไปจะดีกว่ารึเปล่านะ?”

 

“ก่อนหน้านี้ข้าบอกท่านไปแล้วนี่ครับ มันมีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างเปิดเผยตัวกับถูกเปิดโปง องค์จักรพรรดิ, ขุนนาง, รัฐมนตรี, และผู้คนที่พอมีอายุเคยเห็นจักรพรรดิผู้บ้าคลั่งที่เคยสร้างความเสียหายให้เมืองหลวงในวัยเด็ก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาค่อนข้างรู้สึกไม่ดีกับเวทมนตร์โบราณ แต่ว่า, ที่ซิลเวอร์ได้รับอนุญาตให้ใช้มันก็เพราะเขาเป็นพันธมิตรของจักรวรรดิ แต่เรื่องราวจะแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงถ้าท่านเพิ่มการเป็นราชวงศ์เข้าไปด้วย ทุกคนจะคิดว่าจักรพรรดิคลั่งกลับมาแล้ว นี่คือสาเหตุที่ทำไมข้อมูลนี้ถึงต้องเปิดเผยในสถานที่และจังหวะเวลาที่เหมาะสมครับ การเปิดเผยมันสุ่มสี่สุ่มห้าถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ดีเลย ถ้าท่านถูกเปิดโปง, มันก็จะชักจูงความคิดของผู้คนไปสู่ความสับสนและอย่างเลวร้ายที่สุดท่านก็อาจจะถูกจับกุมโดยไม่ให้โอกาสแก้ตัวเลย”

 

“ข้าก็รู้อยู่หรอก…..”

 

“ถ้าเช่นนั้นคำตอบก็ชัดเจนแล้วครับ ต่อให้โอกาสถูกเปิดโปงจะน้อย, แต่การที่ท่านไม่ได้ใช้เวทมนตร์ในตอนนั้นถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว และการเอาตัวเองไปยุ่งกับสงครามกลางเมืองก็ไม่มีความหมายอะไรด้วย ต่อให้พวกเราได้รับจดหมายมา, ความเป็นไปได้ที่สงครามกลางเมืองจะเกิดขึ้นก็ยังคงมีอยู่ แต่ถ้าท่านยืนกรานว่าจะใช้มันก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่ด้วยการที่ท่านบอกทุกอย่างกับองค์ชายลีโอนาร์ดและใช้เวทมนตร์เพื่อเคลื่อนย้ายไปด้วยกันกับเขา”

 

“ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก มันไม่ใช่ความลับที่จะปกปิดเอาไว้ได้ตลอดไป สุดท้ายแล้ว, ตัวตนของข้าก็จะถูกเปิดเผยหรือไม่ข้าก็จะเปิดเผยสู่สาธารณะเอง ในตอนนั้น, ผลลัพธ์จะแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับว่าลีโอรู้เรื่องรึเปล่า ซึ่งลีโอยังไม่ควรที่จะรู้เรื่องนี้ มันต้องเป็นแบบนั้นเท่านั้น”

 

มันคงจะไม่เป็นอะไรถ้าเขาเนียนเก่งแต่ถ้าท่านพ่อถามเขา, ลีโอคงไม่สามารถโกหกเขาได้แน่ และนั่นก็จะนำไปสู่เหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดซึ่งนั่นก็คือการที่พวกเราทั้งคู่ถูกลงโทษ

 

อย่างไรก็ตาม, ถ้าเขาไม่รู้เรื่องมันก็จะไม่มีเหตุให้ลงโทษเขา ถ้าพวกเขาจะลงโทษเขาแค่เพราะเป็นน้องชายของข้า, ทั้งราชวงศ์ก็ต้องถูกลงโทษด้วย ท่านพ่อคงไม่ทำเรื่องไร้เหตุผลแบบนั้นหรอก

 

“ถ้างั้นก็ช่วยถือซะว่าไม่มีทางเลือกแล้วกันครับ จดหมายไม่ได้ไปอยู่ในมือองค์หญิงซานดร้า นี่ถือว่าไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด พวกเราควรมองไปข้างหน้ามากกว่าการมานึกเสียใจกับเรื่องในอดีตครับ”

 

“ข้ารู้ ครั้งนี้จดหมายหลุดมือพวกเราไปแต่ครั้งหน้าจะไม่ใช่แบบนี้แน่ ข้าจะต้องชิงไหวพริบกับโซเนียให้ได้”

 

“ต้องมั่นใจแบบนี้แหล่ะครับ ถ้างั้น, ก่อนอื่นก็ช่วยกรุณาไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ สิ่งที่องค์ชายกอร์ดอนมุ่งหมายก็คือสงคราม เขาน่าจะเก็บจดหมายเอาไว้กับตัวเพื่อให้เวลาทางใต้เตรียมตัวทำสงคราม สำหรับตอนนี้, พวกเรายังมีเวลาอยู่”

 

ฉันพยักหน้าให้เซบาส

 

กอร์ดอนได้จดหมายไปแต่การสืบสวนทางใต้ยังคงเป็นงานของลีโอ การให้ลีโอยื่นจดหมายนั้นคือวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการเริ่มสงคราม

 

ถ้าเขายื่นจดหมายในทันทีทางใต้ก็จะไม่มีเวลาเตรียมตัว ที่ฉันหมดความอดทนก็เพราะจดหมายถูกชิงไปแต่มันน่าจะอีกสักพักก่อนที่ทางใต้จะเตรียมการเสร็จ กอร์ดอนจะต้องรอให้พวกเขาพร้อมแล้วค่อยส่งจดหมายมาให้พวกเราแน่ๆ จากนั้นเขาก็จะได้รับบทบาทหลักในสงครามกับทางใต้

 

นี่คงจะเป็นแผนการของกอร์ดอน

 

แต่มันก็แค่นั้น

 

พวกเรายังมีโอกาสฟื้นฟูอยู่ ถ้าสงครามปะทุขึ้น, ลีโอเองก็สร้างความสำเร็จได้และถ้าเขาทำได้ดี, เขาก็จะสามารถยับยั้งการเคลื่อนไหวของกอร์ดอนได้

 

ปัญหาก็คือโซเนีย…..

 

“ศัตรูงั้นหรอ…..”

 

ฉันนึกถึงใบหน้าที่เศร้าสร้อยของโซเนีย

 

ฉันคิดว่าที่เธอรับใช้กอร์ดอนนั้นไม่ได้มาจากใจจริง

 

ในตอนที่พวกเราเจอคนของกอร์ดอน, เธอบอกว่าเธอเป็นหนึ่งในคนของเขาแต่เธอก็ยังพูดด้วยว่าก่อนหน้านั้นเธอไม่ได้มองว่าตัวเองเป็น

 

เธอน่าจะมีเหตุผลที่ต้องร่วมมือกับกอร์ดอนสินะ

 

มีเรื่องมากมายที่ต้องกังวล

 

อย่างไรก็ตาม, อย่างที่เซบาสพูด, ตอนนี้มันคือเวลาพักผ่อน

 

ฉันคิดเช่นนั้นแล้วไปนอนที่เตียง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด