การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) 99

Now you are reading การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) Chapter 99 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อัลคุงออกมาเดินลาดตระเวนหรอ?”

 

“ก็นะ, ประมาณนั้นแหล่ะ”

 

หลังจากออกมาจากร้านนั้น, ฉันก็เดินไปตามถนนด้วยกันกับโซเนีย

 

ซึ่งนี่เป็นเพราะโซเนียยังต้องเดินจ่ายตลาดต่อ

 

นอกจากนี้, เพื่อไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับปัญหามากกว่านี้, ฉันจึงขอให้โซเนียสวมฮู้ดเอาไว้และให้ฉันเป็นคนซื้อของที่จำเป็นให้เธอ

 

“ประมาณนั้นหรอ?”

 

“ข้าแค่มาพักหายใจแถวนี้หน่ะ ช่วงนี้หัวข้าตันๆคิดอะไรไม่ค่อยออก”

 

“เพราะงั้นขอบตาก็เลยดำแบบนั้นสินะ?”

 

“อืม, ก็นะ”

 

ฉันเอามือไปจับที่ใต้ตาของฉัน

 

ฉันไม่ทันรู้ตัวเลยเพราะไม่ได้ดูกระจกแต่หน้าของฉันคงจะซีดด้วย ถึงยังไงช่วงนี้ฉันก็อยู่ตลอดทั้งคืนเลย

 

“เจ้ากำลังจัดการงานที่ยุ่งยากอยู่สินะ?”

 

“ข้าดูเหมือนคนแบบนั้นหรอ? ผู้คนที่นี่เรียกข้าว่าเจ้าชายไร้ค่านะรู้รึเปล่า?”

 

“เจ้าชายไร้ค่าหรอ?”

 

“เจ้าไม่รู้หรอ? ข้าเป็นเจ้าชายที่ถูกน้องชายฝาแฝดดูดด้านดีๆไปหมด, เจ้าชายไร้ค่าที่เป็นตัวตลกแห่งเมืองหลวงจักรวรรดิยังไงหล่ะ”

 

ไม่มีใครในเมืองหลวงจักรวรรดิที่ไม่รู้จักชื่อเสียงของฉัน

 

การที่พูดแบบนี้ก็หมายความว่าเธอมาจากข้างนอก

 

เอาเถอะ, เธอก็ดูไม่เหมือนคนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อยู่แล้วแถมเหมือนนักเดินทางมากกว่าด้วย

 

“ก็อย่างที่เห็นข้าไม่คุ้นเคยกับเมืองหลวงจักรวรรดิ แต่ว่าอัลคุงถูกคนพูดแบบนั้นจริงๆหรอ? เจ้าหน้าที่เมื่อสักครู่นี้ก็ดูเคารพเจ้าดีไม่ใช่รึไง?”

 

“มันเป็นเพราะน้องชายของข้าคือหนึ่งในผู้มีสิทธิได้ครองบัลลังก์หน่ะ เจ้าหน้าที่คนนั้นมาจากขุมอำนาจของน้องชายข้าเขาก็เลยทำแบบนั้นเพื่อภาพลักษณ์ มันไม่มีทางที่เขาจะเคารพข้าจากใจจริงหรอก”

 

ฉันมองท้องฟ้าในขณะที่พูดออกมาแบบนั้น

 

ยกเว้นเหล่าคนที่ฉันสามารถเรียกได้ว่าสนิท, นี่มันถือเป็นเรื่องปกติ ก่อนหน้านี้ฉันได้ทำสิ่งที่สมกับเป็นราชวงศ์ไปแต่เรื่องแบบนั้นก็ถูกมองแค่เป็นเรื่องธรรมดา และถ้าเกิดการที่ฉันขอยืมความช่วยเหลือจากการ์ดเมืองถูกมองในแง่ลบมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย

 

ผู้คนคงจะบอกว่าถ้าฉันเป็นราชวงศ์ก็ควรทำตัวให้เหมาะสมตั้งแต่แรกแล้วสิ, ชื่อเสียงในแง่ไม่ดีของฉันมันใหญ่เกินไปแล้ว ผู้คนจะไม่เปลี่ยนเจตคติที่มีต่อฉันแค่เพราะฉันทำเรื่องดีๆในช่วงนี้

 

ต่อให้ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้จะมองฉันในด้านดี, แต่มันก็อยู่แค่ชั่วคราว มันไม่ส่งผลกับเจตคติโดยรวมของผู้คนที่มีต่อฉัน

 

เจตคติเช่นนี้และฉายาเจ้าชายไร้ค่าจะไม่จางหายไปเว้นเสียแต่ว่าฉันได้สร้างความสำเร็จครั้งใหญ่

 

ฉันไม่ได้สนใจหรอกว่ามันจะหายไปรึเปล่าและฉันก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำให้มันหายไปด้วย ในอดีตมันอาจจะสะสางไปได้ง่ายๆแต่ตอนนี้มันทับถมมามากเกินไปแล้ว

 

“ถูกทำแบบนี้นี่ เจ้าไม่รู้สึกแย่หรอ?”

 

“ข้าไม่รู้สิ พูดตามตรง, ข้าชินไปแล้วหล่ะ”

 

“งั้นหรอ…..แสดงว่าพวกเราคล้ายกันสินะ”

 

โซเนียพูดแบบนั้นออกมาในขณะที่สัมผัสหูของเธอ

 

หูที่ยาวครึ่งๆกลางๆ, คือสัญลักษณ์ของครึ่งเอลฟ์

 

โซเนียต้องถูกกดขี่มาเยอะเพราะมันแน่ๆ ไม่มีทางที่สภาพแวดล้อมรอบตัวเธอจะเหมือนกับฉัน

 

ของฉันมันเป็นเพราะผลลัพธ์จากการกระทำของฉันในขณะที่ของโซเนียมันเป็นเพราะชาติกำเนิด

 

“พวกเราไม่เหมือนกันซักหน่อย ถ้าเจ้าชินกับมันแล้วก็แสดงว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าจริงๆ เป็นข้าคงทนไม่ไหวหรอก ไม่ว่าจะยังไง, ข้าก็ยังเป็นเจ้าชายอยู่ดี…..ข้าถูกสายเลือดของตัวเองคอยปกป้องตั้งแต่ตอนที่ข้าเกิดแล้ว”

 

“งั้นหรอ…..แต่พอได้ยินแบบนี้มันทำให้รู้สึกเหมือนว่าเจ้าเกลียดการเป็นเจ้าชายยังไงไม่รู้สิ?”

 

“ใช่ข้าเกลียด ทั้งฐานะนี้และตัวข้าเองที่ยอมรับมัน ถ้าข้าทิ้งมันไปได้ข้าก็คงจะยินดีมากเลย ข้ารู้ว่ามันดูเอาแต่ใจที่คิดแบบนี้ ซึ่งมันก็คือสาเหตุที่ข้าเกลียดตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ความปราถนาที่อยากจะใช้ชีวิตตามความต้องการนั้นมาจากเรื่องนี้

 

เหมือนกับคนปกติที่ชื่นชมในบางสิ่งพิเศษ ฉันโหยหาความรู้สึกเช่นนั้น

 

มันจะดีแค่ไหนกันนะถ้าฉันเริ่มต้นชีวิตกับครอบครัวธรรมดาในบ้านธรรมดาแทนที่จะเป็นปราสาท

 

ฉันอยากใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนคนปกติที่นี่ แต่ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ทำแบบนั้น ต่อให้ฉันทิ้งตำแหน่งในฐานะเจ้าชายไป, สายเลือดก็จะไม่มีทางปล่อยฉันไป ท่านพ่อของฉันน่าจะให้ฉันแต่งงานเข้าบ้านขุนนางซักที่โดยไม่ปราณีแน่ๆ

 

สายเลือดราชวงศ์นั้นทรงอำนาจ มีคนเก่งๆมากมายเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก มันให้กำเนิดคนที่มีพลังเวทย์แข็งแกร่งอย่างฉันหรือซานดร้า, คนที่มีพรสวรรค์ในด้านทักษะดาบและศิลปะการต่อสู้เหมือนท่านพี่ลีเซหรือกอร์ดอน, และยังรวมถึงคนที่เก่งหลายอย่างเหมือนลีโอ

 

มันคือผลลัพธ์จากการที่พวกเราสืบทอดสายเลือดอันยอดเยี่ยมมายุคต่อยุค ตอนนี้, สายเลือดของราชวงศ์จักรวรรดินั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะปล่อยไปง่ายๆแล้ว

 

“งั้นหรอ ถ้างั้นพวกเราก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ ข้าเองก็เกลียดชาติกำเนิดของตัวเองเหมือนกัน ข้าไม่ต้องการสายเลือดเอลฟ์ในตัวข้า ข้าแค่อยากใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่อนุญาตให้ข้าทำได้”

 

“…….ดูเหมือนว่าพวกเราจะมีจุดที่คล้ายกันแปลกๆยังไงไม่รู้นะ”

 

“นั่นสินะ เอาเถอะ, ยังไงข้าก็ได้รับสิ่งที่พวกเขาให้มาแล้ว มันอาจจะลำบากในตอนที่ข้ายังเด็กแต่ข้าก็สามารถผ่านมันมาได้เพราะผู้คนใจดีที่อยู่รอบตัวข้า พวกเขาเป็นคนใจดีเหมือนกับอัลคุงนั่นแหล่ะ…….แต่ในตอนที่ข้าออกมาข้าก็ยังถูกกดขี่อยู่ดีหล่ะนะ”

 

พอพูดจบ, โซเนียก็ยิ้มออกมา

 

มันคือรอยยิ้มที่ทั้งสดใสและน่ารัก อาการนอนไม่พอและความคิดในแง่ลบของฉันสดใสขึ้นแค่เพราะได้เห็นมัน

 

นึกไม่ถึงเลยว่าฉันจะสดชื่นขึ้นแค่เพราะได้เห็นรอยยิ้มของเด็กสาวที่พึ่งได้เจอกันวันนี้

 

“ขอบใจนะ ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้วหล่ะ”

 

“แต่ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ?”

 

“รอยยิ้มของเจ้าสวยมากเลย”

 

ในตอนที่ฉันบอกความรู้สึกจริงๆออกไป, โซเนียก็น่าแดงขึ้นมา

 

พอเห็นเธอเป็นแบบนี้ฉันก็หัวเราะเธอแล้วโซเนียก็ขมวดคิ้วใส่ฉัน

 

“จ, เจ้าแกล้งข้านี่……”

 

“เปล่าซะหน่อย เจ้าทำให้ข้ารู้สึกสดชื่นขึ้นมาอีกครั้งจริงๆ”

 

“ให้ตายเถอะ…..นี่เจ้าพูดแบบนี้กับผู้หญิงตลอดเลยใช่ไหมหล่ะ?”

 

“นั่นก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้าหล่ะนะ”

 

“อัลคุงนี่มีพรสวรรค์ในด้านการจีบผู้หญิงจังเลยนะ……”

 

“ก็นะ, ขอบใจ”

 

ฉันเดินต่อพลางหัวเราะไปด้วย

 

การคุยกับโซเนียนี่สนุกจริงๆ ส่วนนึงคงเป็นเพราะว่าโซเนียค่อนข้างมีสัมผัสที่ไวต่อความรู้สึกในด้านการรักษาระยะระหว่างผู้คน

 

เธอมักจะสังเกตคู่สนทนาอยู่บ่อยๆและตอนนี้เธอก็รู้ว่าฉันกำลังอารมณ์ดี บางทีเธอน่าจะทำไปโดยไม่รู้ตัว

 

มันเป็นความคิดอันน่าเศร้าที่สภาพแวดล้อมที่เธอใช้ชีวิตอยู่นั้นหล่อหลอมให้เธอทำมันแต่ตอนนี้ฉันก็รู้สึกยินดีกับมันจริงๆ

 

การสนทนาที่รักษาอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่ให้โกรธได้ตลอดเวลานั้นถือว่ายอดเยี่ยมมาก

 

“ว่าแต่, ข้ายังไม่ได้ถามเจ้าเลยว่าทำไมถึงนอนไม่พอ เจ้าเล่นอะไรถึงนอนจนดึกดื่นขนาดนั้นหรอ?”

 

“เล่นหรอ?”

 

“ข้าพูดผิดหรอ? มันไม่ใช่แบบนั้นสินะ?”

 

“อ่า, ก็นะ มันคือการเล่นรูปแบบนึงนั่นแหล่ะ ข้าทำสิ่งที่เหมือนกับการเล่นคลายปริศนา แต่ข้าไม่สามารถแก้มันได้ช่วงนี้ข้าก็เลยนอนไม่พอ”

 

“เพราะงั้นเจ้าก็เลยอารมณ์ไม่ดีสินะ?”

 

“ข้าดูอารมณ์ไม่ดีหรอ?”

 

“ตอนนี้ไม่ใช่หรอกแต่ตอนแรกที่เจอเจ้าที่ร้านเจ้าดูหงุดหงิดมากๆเลยหล่ะ”

 

“ก็นะ, แต่ส่วนนึงก็เพราะพ่อค้าคนนั้นแหล่ะ”

 

แต่มันไม่ใช่แค่เพราะเรื่องนั้น

 

ฉันอารมณ์ไม่ดีอยู่จริงๆ

 

หงุดหงิดเพราะตัวเองไม่สามารถหาคำตอบในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อได้

 

“คนที่ให้ปริศนาเจ้าต้องเป็นตัวปัญหาไม่เบาแน่ๆเลย ถึงทำให้อัลคุงลำบากแบบนี้ได้”

 

“ไม่, ข้าไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก ข้าแค่หงุดหงิดตัวเองนะ ก็นะ, ข้าไม่รู้จริงๆแต่…..ข้าคิดว่าคำตอบอยู่ใกล้ๆนี้แหล่ะแต่ข้าไม่สามารถเอื้อมไปหามันได้เลย ข้าคิดว่าข้าต้องพลาดอะไรบางอย่างไปและถ้าข้าสามารถหามันเจอได้ข้าก็จะสามารถไขคำตอบได้แต่ข้ายังไม่มีโอกาสที่จะทำแบบนั้นหน่ะสิ นี่คือสาเหตุที่ทำให้ข้ายิ่งหงุดหงิดที่ไม่สามารถคิดเรื่องนั้นได้”

 

“แล้วผู้คนรอบตัวเจ้ารู้รึเปล่าหล่ะ?”

 

“น่าจะไม่นะ คนที่ให้ปริศนาข้าเก่งมาก พูดตามตรง, ข้าค่อนข้างมั่นใจในสติปัญญาของตัวเองแต่ตอนนี้ความมั่นใจนั้นพังไม่เหลือแล้วหล่ะ คำตอบดูเหมือนจะอยู่ใกล้แต่จริงๆแล้วมันยังอยู่ห่างออกไป นี่คือสิ่งที่ทำให้ข้าอยากออกมาทำหัวให้โล่งแล้วตัดสินใจออกมาที่นี่”

 

“เข้าใจหล่ะ อัลคุงนี่เป็นคนขยันจังเลยนะ ถ้าเป็นข้า, ถ้าเกิดรู้ว่าทำไม่ได้ข้าก็คงจะตัดใจไปแล้ว

 

โซเนียพูดด้วยรอยยิ้มสดใส

 

ก็นะ, เธอดูเหมือนคนที่น่าจะพูดแบบนั้นแหล่ะ

 

แต่เรื่องนี้มันต่างออกไป

 

รีเบคก้ากับจดหมายที่เธอมีนั้นส่งผลกระทบกับการพัฒนาในอนาคตอย่างมาก คนที่ได้รับมันเป็นคนแรกจะสามารถตัดสินใจกระแสของสถานการณ์ในอนาคตนับจากนี้ได้

 

ไม่ว่ายังไง, ศึกนี้จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด

 

ในขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น, โซเนียก็ชี้ไปที่แผงขายของ

 

เธอน่าจะอยากให้ฉันไปซื้ออะไรบางอย่างจากแผงนั้น

 

พวกเราจ่ายตลาดกันต่อในขณะที่พูดคุยกันตามปกติโดยมีโซเนียชี้นิ้วไปยังสิ่งที่เธอต้องการด้วยนิ้วของเธอ

 

“ไงพี่ชาย, วันนี้มาเดทหรอ?”

 

“พวกเราดูเหมือนแบบนั้นหรอ?”

 

“อา ถือซะว่าเป็นบริการพิเศษจากลุงคนนี้แล้วกัน รับไปสิ”

 

หลังจากการแลกเปลี่ยน, พ่อค้าก็ส่งน้ำผลไม้มาให้ฉันขวดนึงเป็นของแถม

 

โซเนีย, ที่นึกไม่ถึงว่าถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนรักของฉัน, ตื่นตระหนกและพยายามโบกมือปฏิเสธแต่พ่อค้าก็แค่โบกมือกลับ

 

“เอ่อ, พ่อค้าคนนั้นเขายัดเยียดมาหน่ะ…..ข้าก็บอกไปแล้วนะว่าพวกเราไม่ใช่คนรักกัน”

 

“เอาเถอะหน่า, มันเป็นบริการพิเศษนี่รับๆไปละกัน”

 

“มันเป็นเพราะอัลคุงไม่ยอมปฏิเสธเขาตั้งแต่แรกต่างหากหล่ะ! มันก็เหมือนกับพวกเรากำลังหลอกเขาไม่ใช่รึไง!”

 

“อย่าอารมณ์เสียสิ อร่อยนะ”

 

“โถ่…….”

 

น้ำผลไม้นี้เจือจางกว่าที่ฉันดื่มในปราสาท

 

แต่, รสชาติของมันดีกว่าหลายเท่า บางทีที่รสชาตมันดีกว่าน่าจะเป็นเพราะฉันออกมาซื้อด้วยตัวเองแทนที่จะเป็นสิ่งที่นำมาเสิร์ฟให้ฉัน

 

“ก็นะ อร่อยจริงๆนั่นแหล่ะ”

 

โซเนียที่ก่อนหน้านี้เอาแต่บ่นเองก็กำลังดื่มน้ำผลไม้ด้วยอารมณ์ดี

 

วันหลังฉันต้องไปขอบคุณพ่อค้าคนนี้สินะ

 

“ว่าแต่, อัลคุงคิดว่าน้องชายเป็นคนยังไงหรอ?”

 

“น้องชายของข้าหรอ? เจ้าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเขาหล่ะ?”

 

“เจ้าบอกว่าเจ้าถูกเขาแย่งส่วนดีๆไปหมดก็แสดงว่าเขาต้องเป็นคนที่เก่งมากๆเลยไม่ใช่หรอ?”

 

“ก็นะ, เขาคลี่คลายปัญหาทางใต้ได้และตอนนี้เขาก็มีชื่อเสียงโด่งดังที่นี่ในฐานะเจ้าชายผู้กล้า”

 

“…..แค่นี้แหล่ะ แค่จากสีหน้าของเจ้าข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าคิดยังไง

 

“หืม? เจ้าหมายความว่ายังไง?”

 

“ข้ากำลังคิดจะถามเจ้าว่าเจ้าชอบเขารึเปล่าแต่คำตอบมันแสดงอยู่บนหน้าเจ้าแล้ว ในตอนที่ข้าพูดถึงน้องชายของเจ้า, เจ้าดูภูมิใจมากเลยนะรู้ตัวรึเปล่า”

 

พอได้ยินโซเนียพูดอย่างนั้น, ฉันก็ก้มหน้าลง

 

นี่สีหน้าฉันออกขนาดนั้นเลยหรอ? ฉันไม่เคยรู้ตัวเลย

 

แน่นอนว่า, ฉันภูมิใจที่มีลีโอเป็นน้องชาย แต่ฉันไม่เคยได้ยินใครพูดแบบนี้กับฉันมาก่อนเลย

 

ถึงยังไง, มันก็ต้องเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทางใต้หล่ะนะ คดีนั้นเป็นคดีใหญ่จริงๆ แถมยังเป็นตอนที่ลีโอประกาศออกมากับฉันด้วยตัวเองว่าจะเป็นจักรพรรดิคนต่อไปด้วย

 

เห้อ, ฉันนี่ภูมิใจในตัวเจ้านั่นจังเลยนะ

 

“นั่นสินะ ข้ายอมรับ ข้าไม่รู้ว่าจะมีใครที่ทั้งใจดีและแข็งแกร่งแบบเขารึเปล่า”

 

“งั้นหรอ….ถ้างั้นเขาก็น่าจะเป็นคนที่ไว้ใจได้สินะ”

 

โซเนียพึมพำแล้วคว้าถุงที่ฉันกำลังถือจากด้านข้าง แล้วหันหลังกลับมุ่งหน้าเข้าไปในตรอกที่อยู่ข้างหลัง

 

พอเห็นเธอทำแบบนั้นฉันก็รีบตามไปด้วยความรีบร้อนแต่โซเนียก็วางถุงลงที่พื้นอย่างกระทันหัน

 

แล้วจู่ๆก็พุ่งเข้ามากอดฉัน

 

“เห้ย!? ทำอะไรของเจ้าเนี่ย!?”

 

“วันนี้เวลาเที่ยงคืน ข้าจะพารีเบคก้าไปที่หอนาฬิกาที่สามารถมองเห็นได้จากประตูฝั่งใต้ พาองค์ชายลีโอนาร์ดไปที่นั่นซะ”

 

“!?”

 

ฉันประหลาดใจและดวงตาก็เบิกกว้าง

 

ฉันเคยรู้สึกประหลาดใจแบบนี้ล่าสุดตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

 

หลังจากที่โซเนียกระซิบประโยคนั้นเข้ามาในหูของฉัน, เธอก็แยกจากฉันอย่างอ่อนโยนแล้วหยิบถุงของเธอขึ้นมา

 

“โซ, โซเนีย! นี่เจ้าคือ!?”

 

“เข้าเชื่อในตัวเจ้านะอัลคุง ข้าจะให้เวลาเจ้า 5 นาที แค่ห้านาทีจากเวลาเที่ยงคืนโอเคไหม? ถ้าเจ้าไม่สามารถมาได้ทันเวลาข้าก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ไพ่ตายของข้า…..ได้โปรดอย่าทำให้ข้าต้องใช้มันเลยนะโอเคไหม”

 

หลังจากที่เธอพูดแบบนั้น, โซเนียก็วิ่งหนีไป

 

ฉันยื่นมือออกไปหาเธอแต่ก็มีแค่อากาศที่ผ่านเข้ามา

 

มือของฉันไม่สามารถคว้าตัวโซเนียได้

 

จากนั้นฉันก็ค่อยๆสงบจิตใจของตัวเอง มีแค่คนเดียวที่จะพูดถึงรีเบคก้าแบบนั้น

 

“โซเนียเป็นนักกลยุทธ์ของรีเบคก้าหรอเนี่ย…..?”

 

ฉันจ้องไปยังทิศทางที่โซเนียจากไป

 

ฉันคาดหวังให้โซเนียเดินกลับมาหาฉันด้วยท่าทีสบายๆแต่นั่นคงจะไม่เกิดขึ้น

 

มันไม่ใช่คำพูดล้อเล่นของเด็กสาวร่าเริง

 

ฉันควรจะใช้กำลังหยุดเธอแต่ฉันกลับรู้สึกอึ้งจนไม่ทันคิดถึงเรื่องนั้น

 

“….ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปตามนั้นสินะ”

 

แถมยังไม่มีร่องรอยให้สาวไปหาเธอด้วย

 

ฉันทำได้แค่เชื่อใจโซเนียแล้วไปตามนัด

 

ฉันตัดสินใจแบบนั้นแล้วรีบกลับไปที่ปราสาท

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด