การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) 126

Now you are reading การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) Chapter 126 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าหญิงลำดับสองซานดร้า เลคส์ แอดเลอร์ ข้าขอสั่งให้เจ้าถูกกักบริเวณโดยไม่มีกำหนด และจนกว่าจะได้รับคำอนุญาตจากข้า, เจ้าจะไม่ได้ออกจากห้องของเจ้าในตำหนักใน, เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พบกับคนอื่นด้วย และแน่นอนว่า, สิทธิในการเข้าร่วมสงครามผู้สืบทอดของเจ้า—ตอนนี้ได้ถูกถอดถอนแล้ว”

 

ความวุ่นวายทางใต้จบลงแล้ว

 

ตอนนี้พวกเราอยู่ในช่วงเก็บกวาดและคนแรกที่หลุดจากการแข่งขันก็คือซานดร้า

 

“ฝ่าบาท….ดยุคครูเกอร์เป็นลุงของข้าก็จริงค่ะแต่ที่สำคัญกว่านั้น, ข้าเป็นราชวงศ์นะคะ ข้าไม่เคยมีความคิดที่จะเป็นกบฏกับจักรวรรดิ ข้าขออภัยที่ไม่ทันรู้ตัวเรื่องแผนการของดยุคครูเกอร์แต่ข้าไม่เคยร่วมมือกับเขาค่ะ”

 

“ข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้า แต่ว่า, สถานการณ์ก็ยังคงเหมือนเดิม เจ้ายังคงมีสายเลือดเดียวกับดยุคครูเกอร์และความจริงก็คือดยุคครูเกอร์สนับสนุนเจ้า ความจริงเหล่านี้จะไม่มีวันเปลี่ยนไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรออกมา ต่อจากนี้ข้าจะขอพูดในฐานะพ่อของเจ้านะ, เพราะฉะนั้นตั้งใจฟังให้ดี…..ยอมตัดใจจากบัลลังก์ซะเถอะ, ซานดร้า”

 

สำหรับซานดร้า, คำพูดพวกนี้ก็เหมือนกับถูกตัดสินโทษประหาร

 

เธอถูกบอกว่าจะไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิขึ้นครองบัลลังก์อีกต่อไปต่อหน้าขุนนางที่มีอิทธิพลมากมาย, ที่มารวมตัวกันที่นี่

 

สีหน้าของซานดร้าบูดบึ้งจากความอัปยศที่ได้รับ จากนั้นเธอก็จ้องท่านพ่อตาเขม็งแล้วพูด

 

“นี่ท่าน….เกลียดท่านแม่ขนาดนั้นเลยหรอคะ?”

 

“นี่มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวหรอกนะ”

 

“ไม่ค่ะ, ท่านพ่อ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ ท่านเชื่อข่าวลือโง่ๆที่ว่าท่านแม่เป็นคนลอบสังหารสนมลำดับสองจริงๆหรอคะ!? ข้ารู้ว่าตั้งแต่ตอนนั้นมาท่านก็ไม่ได้มองข้าในฐานะลูกสาวอีกแล้ว!”

 

ซานดร้าก้าวออกมาข้างหน้า

 

อัศวินหลวงที่ยืนอยู่ข้างๆยื่นมือไปจับดาบของพวกเขาแต่ท่านพ่อก็หยุดเอาไว้

 

“ข้าคิดว่าเจ้าเป็นลูกสาวของข้า ถ้าข้าไม่สนใจเจ้า, ข้าคงจะจับเจ้าแต่งงานกับขุนนางคนอื่นไปตั้งนานแล้ว”

 

“โกหกหน้าด้านๆเลยนะคะ! มีครั้งไหนบ้างที่ท่านมองข้าหรือท่านแม่, แล้วไม่มีความโกรธอยู่ในดวงตาของท่าน! ข้าพยายามบอกท่านมาหลายครั้งแล้วตั้งแต่วันนั้น! คนที่ลอบสังหารสนมลำดับสองไม่ใช่ท่านแม่ค่ะ! ทำไมท่านถึงยอมรับเรื่องนั้นไม่ได้หล่ะคะ”

 

“ซานดร้า เหตุการณ์นี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสนมลำดับสองนะ”

 

“ถ้าท่านคิดว่าข้าเป็นลูกจริงๆท่านก็ควรเชื่อคำพูดของข้าค่ะ! บาปของลุงต้องมาตกอยู่กับข้าที่เป็นหลานแบบนี้มันไม่ดูไร้เหตุผลเกินไปหน่อยหรอคะ!”

 

“ซานดร้า….โทษกักบริเวณที่เจ้าได้รับมาจากความใจดีของข้านะ”

 

“ไม่เห็นจะใจดีตรงไหนเลยค่ะ! ข้าทุ่มเททุกอย่างหมดหน้าตักเพื่อให้ได้กลายเป็นว่าที่จักรพรรดินีนะคะ!”

 

“….เป็นไปอย่างที่ข้าคิด, เจ้าไม่เหมาะสมกับตำแหน่งจักรพรรดินีหรอก ยอมตัดใจซะเถอะ”

 

ท่านพ่อพูดอย่างอ้างว้าง

 

น้ำหนักของคำพูดพวกนี้แตกต่างจากสิ่งที่เขาเคยพูดมาก่อน

 

ท่านพ่อมองตรงไปที่ซานดร้าแล้วพูด

 

“คนที่คิดแต่เรื่องของตัวเองไม่สามารถขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ จักรพรรดิต้องคิดถึงประเทศเป็นอันดับแรก, ผู้คนเป็นอันดับสอง, และตัวเองเป็นอย่างสุดท้าย ความชั่วร้ายที่ดยุคครูเกอร์ได้ก่อเอาไว้กลายเป็นเรื่องที่ประชาชนของพวกเรารับรู้แล้ว เขาร่วมมือกับองค์กรที่ทำการลักพาตัวลูกๆของประชาชน นี่คือเรื่องที่เด่นชัดและเจ้าก็ไม่ได้เข้าใจมันเลย”

 

“ข้าเข้าใจค่ะ!”

 

“ถ้าเจ้าเข้าใจจริงๆ….ทำไมเจ้าถึงพูดแต่เรื่องของตัวเองหล่ะ? สภาพของประเทศและความรู้สึกของประชาชน ไม่ว่าเจ้าจะมองจากด้านไหนก็ตาม, ความจริงที่เจ้ามุ่งหมายบัลลังก์นั้นเป็นสิ่งที่อภัยให้ไม่ได้ สายเลือดของคนที่เคยก่อกบฏ, คนที่มีความเชื่อมโยงกับอาชญากรรมที่กระทบต่อความเจ็บปวดของประชาชน แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้น, มันก็ยังคงเป็นความจริงที่เจ้ามีความเกี่ยวข้องกับพวกเขา ตอนนี้ประชาชนกำลังโกรธอยู่ พวกเขาต้องการคนมาถูกลงโทษ ที่หัวของเจ้ายังไม่หลุดเพราะเรื่องนี้ก็ถือว่ามันเป็นความเมตตาแล้ว”

 

“ท, ท่านพ่อคะ….ข้า, คือว่าข้าหน่ะ…..”

 

“ตัดใจซะ ข้าไม่อยากได้ยินอะไรจากคนที่คิดแต่เรื่องของตัวเองอีก”

 

ในตอนที่พูดจบ, ท่านพ่อก็ใช้มือของเขาออกคำสั่งกับอัศวินหลวง

 

จากนั้นอัศวินหลวงสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของซานดร้า

 

เมื่อเห็นแบบนี้, ซานดร้าก็จ้องพวกเขาตาเขม็ง

 

“กล้าดียังไง! เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน? ข้าเป็นถึงองค์หญิงเลยนะ!? ปล่อยตัวข้าซะ!”

 

“ขออภัยด้วยครับ องค์หญิง”

 

“หนอย! เจ้า! ข้าไม่ยกโทษให้พวกเจ้าแน่! ปล่อยข้าไปนะ!! ท่านพ่อ! ท่านพ่อคะ! ท่านพ่ออออออ!!!!”

 

ท่านพ่อถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วเอนตัวพิงบัลลังก์

 

ต่อมาสายตาของเขาก็จ้องไปที่กอร์ดอน

 

“เห็นซานดร้าโดนแบบนี้แล้ว….เจ้ามีอะไรจะพูดไหม? กอร์ดอน?”

 

“ไม่ครับ”

 

“ดี….คุมลูกน้องของตัวเองไม่อยู่, ทำให้ขบวนผู้ส่งสารตกอยู่ในอันตราย, และเริ่มสงครามเต็มตัวกับทางใต้ บทลงโทษสำหรับความผิดพวกนี้ไม่ใช่เบาๆหรอกนะ, รู้ใช่ไหม?”

 

“ครับ ทั้งหมดมันเป็นเพราะความไม่ใส่ใจของข้าเอง ข้ายอมรับบทลงโทษทุกรูปแบบครับ”

 

การได้เห็นกอร์ดอนทำตัวว่าง่ายนั้นเป็นภาพที่หายาก

 

อย่างไรก็ตาม, ในบางแง่, นี่อาจเป็นเพราะเขายังพอมีลู่ทางเบี่ยงเบนความผิดอยู่ก็ได้

 

เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะแม่ทัพถูกลอบสังหาร มันสามารถเถียงได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอยู่นอกการควบคุมของกอร์ดอน

 

“ถ้าเขายืดออกยอมรับการลงโทษบทลงโทษที่เขาได้รับก็คงจะไม่หนัก นี่น่าจะเป็นสิ่งที่กอร์ดอนเล็งเอาไว้”

 

และในความเป็นจริง, มันก็ไม่ได้จบที่เรื่องใหญ่อะไร เอาเถอะ, มันสามารถพูดได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่เนื่องจากสงครามกับทางใต้เกิดขึ้นจริงๆแต่กอร์ดอนไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่เขาจะถูกลงโทษเพราะมัน

 

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะสำนึกอยู่บ้างสินะ แต่ลงโทษก็คือลงโทษ เจ้าจะถูกส่งไปเข้าร่วมกับกองทัพชายแดนเหนือ เจ้าจะไม่ได้กลับมาที่นี่เป็นเวลาสองเดือน จงไปแล้วเตือนสติตัวเองด้วยสิ่งที่กำลังปกป้องประเทศของเจ้าอย่างแนวหน้าซะ”

 

“….เข้าใจแล้วครับ”

 

กอร์ดอนกัดฟันพูด

 

กอร์ดอนเคยถูกบอกให้ไปบัญชาการกองทัพชายแดนเหนือ แต่เขาก็ปฏิเสธไปเพราะสงครามผู้สืบทอดและการป้องกันทางเหนือมีความสำคัญน้อยกว่า แต่ฉันรู้เหตุผลที่แท้จริงที่เขาปฏิเสธ เขาไม่อยากถูกเอาไปเปรียบเทียบกับท่านพี่ลีเซที่บัญชาการแนวป้องกันอีกชายแดนนึง

 

การถูกส่งไปประจำการในที่ที่เขาเคยปฏิเสธนั้นคือความอัปยศสำหรับกอร์ดอนและไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขาจะไม่ได้เป็นผู้บัญชาการด้วย

 

เหตุผลที่เขาไม่ได้ถูกส่งไปทางใต้น่าจะเป็นเพราะว่าท่านพ่อระวังเรื่องความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นในตอนที่ทางใต้กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟู

 

มีประเทศมหาอำนาจขนาบชายแดนฝั่งตะวันตกและตะวันออกของเรา เขาไม่ได้ถูกส่งไปที่นั่นเพราะกอร์ดอนใช้งานยากดังนั้นการส่งเขาไปชายแดนเหนือที่ซึ่งเขาจะได้รับความอัปยศมากที่สุดจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

 

“จบการลงโทษเอาไว้เพียงเท่านี้ เอาหล่ะ, ทุกคนดูเหมือนจะเหนื่อยกันมามากสินะ ด้วยความช่วยเหลือจากพวกเจ้าทุกคน, ความเสียหายจึงลดลงมาน้อยมาก”

 

ท่านพ่อพูดเช่นนั้นแล้วขอบคุณทุกคนที่อยู่ที่นี่

 

เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ในตอนนี้แต่เอริคกำลังรับมือกับประเทศอื่นๆในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเขาต้องคอยป้องกันประเทศอื่นๆไม่ให้ช่องโหว่วจากความไม่สงบในจักรวรรดิมารุกรานพวกเรา มันอาจจะดูไม่หวือหวาแต่ก็ถือเป็นงานที่สำคัญ

 

ดังนั้นลีโออาจจะได้คะแนนในครั้งนี้แต่เอริคเองก็ได้คะแนนเหมือนกัน

 

ซานดร้าถูกตัดสิทธิ์, พวกเราตีคู่ขึ้นมาขนาบกับกอร์ดอนหรือบางทีอาจจะนำเขาไปแล้วก็ได้ แต่ว่าพวกเรายังคงอยู่ห่างจากเอริค

 

“โดยเฉพาะเอริคที่ไม่ได้อยู่ที่นี่กับลีโอนาร์ด, พวกเจ้าทำได้ดีมาก”

 

“ข้าแค่ทำในสิ่งที่เจ้าชายสมควรทำครับ”

 

“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก ในตอนสุดท้ายเจ้าได้ร่ายเวทมนตร์ใหญ่ออกมาด้วยไม่ใช่หรอ? ร่างกายของเจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?”

 

“ครับ ไม่มีปัญหาเลยครับ”

 

“ดีแล้วหล่ะ…..ครั้งนี้อาร์โนลด์เองก็ดูเหมือนจะพยายามหนักเหมือนกันใช่ไหม? ทำได้ดีมาก”

 

ท่านพ่อมองมาที่ฉัน

 

เขาน่าจะกำลังพูดถึงเรื่องนาร์เบ ริทเทอร์

 

ฉันยิ้มเจื่อนๆแล้วเกาศรีษะในขณะที่เรียบเรียงความคิดก่อนที่จะพูดออกมา

 

“ครับ, จริงๆแล้วข้าก็ไม่ได้ทำอะไรมากนักหรอก หลายๆอย่างผ่านไปได้ด้วยดีในครั้งนี้ สุดท้ายแล้ว [สงครามก็ไม่ได้เกิดขึ้น] จะบอกว่าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีก็คงจะได้ใช่ไหมครับ?”

 

ดูเหมือนว่าฉันจะถูกปัดตกจากการได้รับคำชม, หลังจากที่พูดเรื่องพวกนี้ออกมา

 

พวกรัฐมนตรีที่กำลังรอฟังคำตอบของฉันพากันขมวดคิ้ว ซึ่งนี่เป็นเพราะพวกเขาทุกคนรู้สิ่งที่ท่านพ่อจะพูดต่อไป

 

เขาพึ่งบอกกับซานดร้าเรื่องความสำคัญของประชาชน พูดอีกนัยนึงก็คือ, ท่านพ่อรู้ดีว่าประชาชนของเรามองสถานการณ์นี้ยังไง

 

และด้วยเหตุนี้เอง, มันจึงชัดเจนว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดจากนี้จะเป็นยังไง

 

“เจ้าบอกว่าสงครามไม่ได้เกิดขึ้นหรอ…..? เจ้าโง่! [สงครามเกิดขึ้นแล้วต่างหากหล่ะ]! จากมุมมองของเรา, มันอาจจะเป็นแค่การต่อสู้เล็กๆแต่มีเมืองนึงกลายเป็นแนวหน้าเลยนะ! สำหรับพวกเขา, สิ่งที่เกิดขึ้นคือสงครามใหญ่! [สงครามเกิดขึ้น] ต่างหากหล่ะเจ้าลูกโง่!!”

 

“ข, ข้าพลั้งปากไป….โปรดอภัยให้ข้าด้วยครับ”

 

“เจ้ามันไม่ได้เข้าใจอะไรเลย! บทบาทของพวกเราคือการบริหารประเทศนี้เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องมาแบกรับความรู้สึกแบบนั้น! ถ้าเจ้าเอาแต่มองเรื่องต่างๆจากมุมสูงเจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากซานดร้าหรอก! เจ้าอยากจะถูกลงโทษอีกคนรึไง! คราวหลังจะพูดอะไรก็หัดคิดให้ดีๆก่อน!!”

 

ในขณะที่กำลังถูกดุ, ฉันก็ก้มหน้ามองพื้น

 

เอาเถอะ, มันก็แน่แหล่ะนะที่เขาจะโกรธ อย่างไรก็ตาม, ฉันได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว

 

จักรพรรดิได้ยอมรับแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่เกลเลสคือสงคราม, ไม่ใช่แค่การต่อสู้เล็กๆ

 

พูดอีกนัยนึงก็คือ, มันหมายความว่า [สงครามต่อไป] ในสัญญาของพวกเรากับกอร์ดอนได้จบลงแล้ว

 

ฉันเหลือบมองกอร์ดอน บางทีเขาน่าจะรู้สึกตัวเพราะเขาจ้องฉันกลับมาตาเขม็ง

 

ฉันแสยะยิ้มให้กอร์ดอนที่เป็นเช่นนี้

 

สมน้ำหน้า ฉันไม่มีวันปล่อยให้สัญญาเจ้าปัญหาแบบนั้นเป็นชนักติดหลังหรอก

 

อย่างไรก็ตาม, ราคาสำหรับสิ่งนี้ก็สูงพอตัว เพราะคำบ่นของท่านพ่อไม่มีทีท่าว่าจะจบลงเลย

 

ในขณะที่กำลังคิดว่ามันเป็นราคาที่ค่อนข้างแพง, ฉันก็ฟังเขาบ่นต่อไปในขณะที่เฝ้าภาวนาให้มันรีบจบไวๆ

 

….

 

งานเลี้ยงที่ไม่มีใครให้พูดถึงนั้นเป็นงานเลี้ยงที่น่าเบื่อ

 

งานเลี้ยงได้ถูกจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้กับบทสรุปของความวุ่นวายทางใต้

 

เหมือนกับตอนที่ลีโอกลับมาหลังจากกำจัดปีศาจ, ฉันไม่ได้มีคนสนิทที่นี่

 

และเป็นอีกครั้ง, ที่ฉันมาอยู่ริมกำแพงของสถานที่จัดงานในขณะที่หวังให้ท่านพ่อรีบกลับเร็วๆเพื่อที่ฉันจะได้กลับไปได้เหมือนกัน

 

ในขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น, ท่านพ่อก็ลุกขึ้นพร้อมกับยกแก้วของเขา

 

“ขอบคุณที่มารวมตัวกันคืนนี้ ข้าจะมอบรางวัลให้กับเหล่าผู้กล้าที่คลี่คลายความวุ่นวายทางใต้ในวันอื่นแต่คืนนี้ข้าอยากจะชนแก้วให้พวกเขาก่อน”

 

ในตอนที่พูดจบ, ท่านพ่อก็ยกแก้วขึ้นให้กับผู้เข้าร่วม

 

จากนั้นเขาก็เริ่มพูด

 

“ทุกคนคิดว่าสงครามทางใต้จะเกิดขึ้น ข้าอยากจะขอชนแก้วให้คนแรกสำหรับเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงิน, ฟีเน่ ฟ็อน ไคลเนลต์ที่กล้าเสนอตัวเข้าร่วมขบวนผู้ส่งสาร! เชียร์!!”

 

“ชนแก้วให้กับเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงิน!!”

 

“ชนแก้วให้กับท่านฟีเน่!!”

 

ทุกคนในงานเลี้ยงยกแก้วของพวกเขาขึ้น

 

ชื่อของฟีเน่และเสียงเชียร์ดังต่อเนื่องในงานเลี้ยง

 

“คนต่อไป, ข้าจะขอยกแก้วให้เหล่าทหารที่น่าภาคภูมิใจของข้า การโจมตีทีเผลอด้วยจำนวนเพียงน้อยนิด, ครั้งนี้ถือว่าเป็นภารกิจที่อันตรายจริงๆ ทหารเพียงหน่วยเดียวที่สามารถทำภารกิจแบบนี้ให้สำเร็จได้คงจะมีแค่พวกเขาอย่างแน่นอน! ขอยกสิทธินี้ให้แด่หน่วยทหารระดับสูงของกองทัพจักรวรรดิของข้า! ยกแก้วให้นาร์เบ ริทเทอร์!! เชียร์!!”

 

“แด่อัศวินแผลเป็น!”

 

“ชนแก้วให้นาร์เบ ริทเทอร์!!”

 

เหตุการณ์นี้ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของนาร์เบ ริทเทอร์ไปอย่างสมบูรณ์

 

ทุกคนได้จดจำแล้วว่าถึงแม้พวกเขาจะเป็นทหาร, แต่พวกเขาก็เป็นอัศวินในเวลาเดียวกัน

 

ภาคีอัศวินเพียงหนึ่งเดียวในกองทัพจักรวรรดิ นับจากนี้ไป, พวกเขาจะเป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น

 

คนสุดท้ายก็น่าจะเป็นลีโอสินะ หลังจากนั้น, ท่านพ่อก็น่าจะกลับ

 

ในขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น

 

เรื่องที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น

 

“ข้าอยากจะยกแก้วสุดท้ายให้ลูกชายของข้า! ลีโอนาร์ดที่เสนอแผนการลอบโจมตีด้วยทหารจำนวนน้อยกับข้าและดำเนินการได้อย่างงดงาม! ในท้ายที่สุดแล้ว, เขายังสามารถช่วยขุนนางทางใต้ทุกคนด้วยการใช้เวทมนตร์ขนาดใหญ่! การกระทำของเขานั้นคงพูดได้สั้นๆเลยว่ามหัศจรรย์!”

 

“แน่นอนครับ! ข้ารู้สึกชื่นชมในตัวองค์ชายลีโอนาร์ดอย่างสุดหัวใจ!”

 

“นี่อาจจะทำให้องค์ชายลีโอนาร์ดกลายเป็นคนที่เข้าใกล้ตำแหน่งมงกุฎราชกุมารมากที่สุดก็ได้!”

 

ทุกคนเริ่มพูดสรรเสริญ

 

อย่างไรก็ตาม, ท่านพ่อยังพูดไม่จบ

 

มันยังมีต่ออีก

 

“แล้วก็—ลูกชายอีกคนของข้าที่สนับสนุนลีโอนาร์ด อาร์โนลด์ได้ไปโน้มน้าวนาร์เบ ริทเทอร์ที่เข้มงวดจนยอมเสนอตัวรับภารกิจ เขาเองก็มีสิทธิได้รับแก้วเหมือนกัน, ถูกไหม?”

 

“เอ๊ะ…?”

 

ฉันคิดไม่ถึงว่าชื่อของฉันจะถูกกล่าวขึ้นมาดังนั้นฉันจึงส่งเสียงอุทานโง่ออกมา

 

อย่างไรก็ตาม, ท่านพ่อมองตรงมาที่ฉัน

 

สายตาของเขาไม่ได้ล้อเล่น

 

“เดี๋ย, ท, ท่านพ่อ? ข้าไม่ได้…..”

 

“ข้าพูดขนาดนี้เจ้าก็จะไม่ยอมรับรางวัลงั้นหรอ รับแก้วไปเถอะหน่า นาร์เบ ริทเทอร์เข้าเฝ้าข้า ในตอนที่ข้าชื่นชมพวกเขา, พวกเขาต่างก็พูดเหมือนกันหมด [พวกข้าต่อสู้เพื่อองค์ชายลีโอนาร์ดครับ] พวกเขากล่าวมาเช่นนี้ การทำให้พวกเขาพูดออกมาถึงขนาดนี้ได้ไม่เรียกว่ายอดเยี่ยมก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ความเป็นห่วงที่เจ้ามีให้น้องชายได้ดึงพลังของพวกเขาออกมาจนถึงขีดสุด ความสำเร็จของเจ้าไม่ได้มีความสำคัญด้อยไปกว่าลีโอนาร์ดเลย”

 

ในขณะที่พูด, ท่านพ่อก็ยกแก้วสูงขึ้นกว่าตอนแรก

 

จากนั้นเขาก็ประกาศออกมาเสียงดัง

 

“มาชนแก้วกันเถอะ! แด่เจ้าชายของจักรวรรดิเรา! ทำได้ดีมากลูกๆของข้า! ข้ารู้สึกภูมิใจจริงๆ! มาทำให้เรื่องนี้เป็นที่รู้กันไปทั่วจักรวรรดิกันเถอะ! ความสำเร็จนี้เป็นของพวกเขา! ชนแก้วให้กับ [คู่หูเจ้าชายแฝด] !!!!”

 

หลังจากที่ท่านพ่อพูดแบบนั้น, ทุกคนก็ส่งเสียงเชียร์ดังลั่น [คู่หูเจ้าชายแฝด]

 

หลังจากนั้น, ชื่อของฉันกับลีโอก็ดังก้องไปทั่วทั้งงาน

 

“แด่เจ้าชายลีโอนาร์ด!”

 

“แด่เจ้าชายอาร์โนลด์!”

 

“แด่คู่หูเจ้าชายแฝดแห่งจักรวรรดิ!!”

 

“เชียร์!”

 

“จักรวรรดิจงเจริญ!!”

 

ไม่, ไม่, ขอฉันพักหน่อยเถอะนะ

 

งานเลี้ยงที่ไม่มีใครพูดถึงนั้นน่าเบื่อแต่งานเลี้ยงที่ฉันเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจมันทำให้ฉันลำบากใจสุดๆ

 

ขุนนางสาวที่ไม่น่าจะมาสนใจฉันแน่ๆกำลังเข้าหาฉัน ขุนนางผู้ชายที่ฉันไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำก็เข้ามาคุยกับฉันเหมือนเป็นเพื่อนกัน

 

ในตอนที่ฉันพยายามหนีจากพวกเขา, ฉันก็เจอลีโอที่กำลังสูดอากาศอยู่ข้างนอก

 

“อ้ะ, ท่านพี่ เหนื่อยหน่อยนะครับ”

 

“อา, เจ้าเองก็เหนื่อยเหมือนกันนี่ คือว่ามันอาจจะกระทันหันไปหน่อยแต่ขอโทษนะ”

 

“เอ๊ะ?”

 

ฉันขอโทษแล้วละเลงผมที่ลีโอจัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบจนยุ่งเหยิง, ฉันทิ้งลีโอเอาไว้ตรงนั้นเป็นเหยื่อล่อแล้วชิ่งออกจากงานเลี้ยง

 

สนุกกับพวกเขาแทนข้าด้วยหล่ะ

 

“เดี๋ยวนะครับ!? ท่านพี่!!?? เหวอ! เดี๋ยวก่อน, ข้าไม่ใช่ท่านพี่นะ! ข้าลีโอนาร์ดต่างหากหล่ะ!”

 

“โทษทีนะลีโอ! ยกโทษให้ข้าด้วย! แม้แต่ข้าก็มีสถานการณ์ที่ช่วยเจ้าไม่ได้เหมือนกัน!”

 

ในขณะที่กระซิบเช่นนั้น, ฉันก็โยนทุกอย่างให้น้องชายแล้วหนีออกจากฉากไป

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด