การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) 73

Now you are reading การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) Chapter 73 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บัสเซา, หนึ่งในเมืองทางใต้ของจักรวรรดิ ในบรรดาคฤหาสน์ของขุนนางทางใต้, คฤหาสน์ในเมืองนี้น่าจะถูกนับได้ว่าอยู่ล่างสุดในแง่ของขนาด

 

นี่คือสถานที่ของลอร์ดที่ดูแลพื้นที่ที่หมู่บ้านของลินเฟียตั้งอยู่และคนที่น่าจะให้ความช่วยเหลือพวกเขาได้, เอิร์ล เดนนิส ฟ็อน ซิทเทอร์ไฮม์

 

“แสดงว่า…..ดยุคครูเกอร์ไม่ได้คิดจะช่วยข้า ถูกไหม?”

 

“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นครับ”

 

พอได้ฟังคำตอบของผู้ส่งสารที่รับใช้สเวน ฟ็อน ครูเกอร์, เดนนิสก็ทำสีหน้าเหมือนพึ่งกินหนอนแมลงเข้าไป

 

“แล้วจะให้ข้าทำยังไง?”

 

“เขาอยากให้ท่านรับผิดว่าเป็นคนบงการของเรื่องนี้ ทั้งหมดจะเป็นความรับผิดชอบของท่านครับ”

 

พอพูดจบผู้ส่งสารก็ยิ้มออกมา

 

เขาเชื่อจนหมดใจว่าเดนนิสจะยอมรับข้อตกลงนี้

 

“เพื่อเขตใต้สินะ……”

 

“ใช่แล้วครับ รวมทั้งตัวท่านด้วย, หนึ่งในสามของดยุคทางใต้ร่วมมือกับดยุคครูเกอร์ เขาอยากให้ท่านสละตัวเองเพื่อปกป้องเพื่อนขุนนางทางใต้ของพวกเราครับ”

 

มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง

 

เดนนิสสูดหายใจเข้าลึกๆ

 

เดนนิสพึ่งจะอายุแค่ 33 ปี เขากลายเป็นลอร์ดเมื่อสิบปีก่อนแต่ตอนนี้เขารู้สึกอับอายกับเรื่องนั้น

 

ตอนแรก, เขาแค่ทำตามความต้องการของพ่อ

 

แค่หนึ่งปีหลังจากที่จักรพรรดิประกาศว่าผู้อพยพทุกคนเป็นประชาชนของจักรวรรดิ, ท่านพ่อของเขาก็จากไป ในตอนนั้น, ท่านพ่อได้บอกเขาว่าผู้อพยพจะไม่มีวันถูกนับเป็นประชาชนในดินแดนของพวกเขา

 

พ่อของเดนนิสเคยได้รับบาดเจ็บจากผู้อพยพที่ก่อความวุ่นวายซึ่งส่งผลให้เขาเป็นอัมพาต เขามีอคติกับพวกผู้อพยพเพราะเรื่องนี้และเดนนิสน้อยก็เข้าใจเขาดี

 

จากนั้นไม่กี่ปีต่อมา, ความจริงก็ล่วงรู้ถึงดยุคครูเกอร์ ถ้าข่าวไปถึงเมืองหลวง, สถานะลอร์ดของเขาก็คงจะจบลงและเขาก็จะถูกบังคับให้ช่วยดยุคด้วยปฏิบัติการลักพาตัวของเขา

 

ตอนนี้มีฐานสำหรับองค์กรลักพาตัวอยู่ใต้คฤหาสน์ของเขาพร้อมกับอัศวินจากดยุคครูเกอร์ที่เดินลาดตระเวณรอบคฤหาสน์เพื่อยืนยันความภัคดีของเขา

 

เขายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้มาจนถึงจุดที่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้แล้วและตอนนี้เขาก็กำลังถูกทิ้ง

 

“ถ้าข้าเชื่อฟัง, จะช่วยรับรองความปลอดภัยให้ผู้คนของข้าได้รึเปล่า?”

 

“แน่นอนครับ”

 

คำพูดของคนส่งสารนั้นมีกลิ่นของคำโกหกโชยมา

 

ในอดีต, เดนนิสเคยพยายามเข้าหาจักรพรรดิเพราะความรู้สึกผิดของเขา ในตอนนั้น, ดินแดนของเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ก็ถูกพวกขุนนางทางใต้รังแกอย่างหนัก พืชผลของพวกเขาถูกทำลาย, พื้นดินไม่สามารถให้ผลผลิตที่น่าพึงพอใจได้, และคนของเขาก็อดอยากเพราะการกระจายพืชผลถูกขัดขวาง

 

หลังจากนั้น, เดนนิสก็ไปขอโทษดยุคครูเกอร์และสาบานว่าจะเป็นพวกกับเขา มันคือการทำเพื่อปกป้องคนของเขา

 

เขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าดยุคครูเกอร์จะทำเรื่องเลวร้ายอะไรกับคนของเขาถ้าเขาตัดสินใจทรยศในครั้งนี้

 

นี่คือสาเหตุที่เดนนิสตัดสินใจที่จะยอมแพ้

 

“ถ้างั้นก็ได้ครับ ข้าจะรับความผิดทั้งหมดในฐานะคนบงการเอง”

 

“ขอบคุณนะครับ, ข้าจะไม่ลืมความเสียสละที่ท่านทำให้กับทางใต้เลย”

 

“ถ้าจะพูดเรื่องพวกนั้นหล่ะก็ช่างมันเถอะ บอกว่าทั้งหมดนี้เพื่อดยุคครูเกอร์น่าจะเข้ากว่าไหม? เขาควบคุมเขตใต้ส่วนใหญ่และทำตัวเหมือนพระราชามาซักพักแล้ว นี่คิดวางแผนจะทำอะไรกันแน่?”

 

“นั่นไม่ใช่กงการอะไรของท่านครับ”

 

“ใช่สิ ถึงยังไงข้าก็เป็นเหมือนหินที่ดยุคครูเกอร์ใช้ไต่เต้าขึ้นไป นี่เขาวางแผนจะก่อจราจลหรอ?”

 

“เห้อ….เจ้านายของข้าไม่มีความคิดเช่นนั้นหรอก บอกว่าทั้งหมดนี้เพื่อบัลลังน่าจะถูกกว่าครับ”

 

“งั้นหรอ…..แต่ถ้าจนมุมจริงๆเขาก็คงวางแผนเริ่มก่อกบฎทางเขตใต้แล้วผลักดันให้องค์หญิงซานดร้าขึ้นครองบัลลังก์สินะ ถ้าเป็นแบบนั้นดยุคก็จะกลายเป็นญาติคนสนิทขอบผู้ครองบัลลังก์ ที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้คือสนมลำดับห้า เธอต้องวางคนของดยุคครูเกอร์เอาไว้ในนั้นแล้ว และแน่นอนว่า, นี่มันไม่ใช่การแย่งชิงอำนาจ มันคือการยึดอำนาจต่างหากหล่ะ”

 

สำหรับการวิเคราะห์อันแสนขมขื่นของเดนนิสนั้น, คนส่งสารไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย ซึ่งนี่เป็นเพราะมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเมื่อดูจากประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิ อย่างไรก็ตาม, จักรพรรดิที่พึ่งพาญาติของตัวเองแบบนี้จะอยู่ได้ไม่นาน สุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะสูญเสียอำนาจและถูกขุนนางคนอื่นรุมทึ้งทั้งเป็น

 

ดยุคครูเกอร์เองก็น่าจะคิดถึงเรื่องนี้ได้ไม่ใช่หรอ

 

เขาคือคนที่บริหารองค์กรลักพาตัวและรวบรวมขุนนางทางใต้หลายคนมาเข้ากับขุมอำนาจของเขา, เขาต้องคิดเรื่องแบบนี้เอาไว้แล้วแน่ๆ

 

แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว ในขณะที่เดนนิสกำลังคิดสมเพสตัวเองอยู่นั้น, คมดาบก็ทะลุออกมาจากหน้าอกของคนส่งสารอย่างกระทันหัน

 

“อึ้ก……”

 

“เหวอ!?”

 

“อภัยให้ข้าด้วยค่ะ….นายท่าน”

 

อัศวินสาวพูด

 

สำหรับเดนนิส, หญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนที่เกือบจะเหมือนสีส้มคนนี้ไม่ใช่แค่อัศวินธรรมดา

 

“รีเบคก้า!? นี่เจ้าคิดจะทำอะไรหน่ะ!?”

 

“ท่านห้ามไปเชื่อฟังคำพูดของมันนะคะ! พวกมันวางแผนจะฆ่านายท่านค่ะ!”

 

“อะไรนะ!?”

 

“พวกมันจะฆ่าท่านหลังจากที่เขียนจดหมายสารภาพและส่งไปให้องค์ชายลีโอนาร์ด! ได้โปรดเถอะค่ะ, ท่านต้องรีบหนีแล้ว!”

 

ในตอนที่มองไปรอบๆ, เขาก็เห็นว่ามีอัศวินอีกหลายคนอยู่ในห้องนอกจากรีเบคก้า

 

พวกเขาคืออัศวินกลุ่มน้อยในคฤหาสน์ที่สาบานว่าจะภัคดีกับดยุคบ้านซิทเทอร์ไฮม์

 

“ไปเข้าพวกกับองค์ชายลีโอนาร์ดกันเถอะค่ะ, พวกเราจะเปิดโปงการกระทำอันชั่วร้ายของเจ้าดยุคนั่น! เขาคือเจ้าชายที่ไม่ยอมตัดใจทอดทิ้งเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในราชรัฐอัลบราโทร! เขาจะต้องช่วยพวกเราแน่ๆ!”

 

“……”

 

เดนนิสเงียบไปพักนึงหลังจากได้ฟังคำขอของรีเบคก้า

 

เขาน่าจะหนีไปจากเมืองนี้ได้

 

แต่พวกเขาจะหนีได้จริงๆหรอ?

 

มันไม่มีทางที่ดยุคจะไม่ระมัดระวังการทรยศในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้และเขาก็รู้ด้วยว่าเดนนิสเคยพยายามทรยศเขามาก่อน

 

มันจะต้องมีการลอบโจมตีในระหว่างทางที่เขาไปเข้าร่วมกับเจ้าชายลีโอนาร์ดอย่างแน่นอน

 

เดนนิสมองสถานการณ์แบบนั้นออกแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

จากนั้นเขาก็หัวเราะให้กับความโง่เขลาของตัวเอง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า….ข้านี่เป็นคนที่ไร้ค่าจังเลยนะ”

 

“นายท่านคะ?”

 

“….อัศวินริเบคก้า ข้าจะขอมอบภารกิจให้”

 

พอพูดจบ, เดนนิสก็เดินไปเหยียบพื้นที่อยู่มุมห้อง

 

หลังจากนั้น, มันก็เปิดออกและเผยให้เห็นจดหมายที่อยู่ข้างใน มันคือจดหมายที่เดนนิสเคยเขียนอธิบายวีรกรรมอันชั่วร้ายทั้งหมดของดยุคครูเกอร์และขุนนางทางใต้คนอื่นๆ

 

ทั้งหมดนี้คือลายมือของเขาพร้อมกับตราประทับเลือดพิเศษที่ใช้ในการเขียนสัญญาสำคัญ ซึ่งการมีอยู่ของตราประทับนี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถอของจดหมาย

 

“เอาจดหมายนี้ไปแล้วเดินทางไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิ”

 

“ไม่เอาค่ะ!? นี่ท่านกำลังจะบอกให้ข้าหนีไปคนเดียวหรอ!?”

 

“เจ้าคือลูกสาวของเพื่อนสนิทของข้า สำหรับข้าที่ไม่มีลูกนั้น, เจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากลูกสาวของข้า…..นี่คือเหตุผลที่ข้าไว้ใจเจ้า ช่วยมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงแล้วส่งจดหมายฉบับนี้ให้จักรพรรดิทีเถอะ”

 

“ไม่ค่ะ! ได้โปรดให้ข้าอยู่เคียงข้างท่านเถอะนะคะ!”

 

“ไม่ได้ เจ้ายังเด็กอยู่ นี่มันไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าควรจะเอาชีวิตมาทิ้งนะ”

 

พอพูดจบ, เดนนิสก็หยิบดาบที่วางพิงอยู่ข้างกำแพงขึ้นมา

 

ในตอนที่เห็นเขา, รีเบคก้าก็ตระหนักได้ว่าเดนนิสกำลังวางแผนที่จะตาย

 

มันผ่านมากว่าสิบปีแล้วตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเธอจากไปในตอนที่เธอยังเด็กและลอร์ดที่ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองคนใหม่ของเธอก็กำลังจะมาตายในตอนนี้อีก

 

รีเบคก้าไม่สามารถยอมรับเรื่องนั้นได้

 

“ข้าก็จะสู้ด้วย! ข้าจะตอบแทนที่ท่านเป็นคนเลี้ยงข้ามา!”

 

“ข้าไม่ได้เลี้ยงเจ้าให้มาตายนะ! จงมีชีวิตอยู่….ช่วยทำตามคำขออันน่าสมเพชของข้าเถอะ”

 

“ไม่ค่ะ! ข้าทำไม่ได้! อย่างน้อยก็ช่วยหนีไปด้วยกันกับข้าเถอะนะคะนายท่าน!”

 

“ข้าทอดทิ้งเด็กมาหลายคนแล้ว…..ข้าคิดว่าข้าคงใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้แล้วหล่ะ แน่นอนว่า, นี่ไม่ใช่การตายที่มีเกียรติ มันไม่มีเกียรติเหลืออยู่ในบ้านหลังนี้อีกแล้ว แต่, อย่างน้อยที่สุดข้าก็ขอเติมเต็มหน้าที่ของข้าในฐานะขุนนางซักหน่อยเถอะ”

 

พอพูดจบ, เดนนิสก็มองอัศวินของเขานอกจากรีเบคก้า

 

สีหน้าของพวกเขามุ่งมั่น พวกเขาเตรียมใจสละชีวิตเพื่อปล่อยให้เจ้านายของพวกเขารอดมาตั้งแต่แรกแล้ว อย่างไรก็ตาม, ถ้าตัวลอร์ดบอกว่าเขามีสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างสุดท้ายก็คงไม่มีใครในกลุ่มพวกเขาที่จะออกปากห้าม

 

“หน้าที่ของขุนนางอะไรกัน….ความตายมันนับเป็นหน้าที่ของท่านด้วยหรอคะ!?”

 

“ผิดแล้ว มันคือการช่วยเหลือต่างหากหล่ะ เด็กทุกคนที่ถูกลักพาตัวในเขตใต้นี้จะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่เป็นเวลาพักนึง ซึ่งมันก็เพื่อกำหนดมูลค่าของตัวเด็ก ยังมีเด็กอีกหลายคนที่อยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ แล้วตัวข้าจะหนีไปได้ยังไงกัน ถูกไหม?”

 

“แต่ว่า….ข้าเองก็เป็นอัศวินของท่านนะคะ!”

 

“ภารกิจของอัศวินคือการทำตามคำสั่งของเจ้านาย ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเห็นแก่ตัวอีกต่อไปแล้ว ไปซะ! อัศวินรีเบคก้า!”

 

เสียงของเขาหนักแน่นแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน

 

ในการรับคำสั่งนั้น, รีเบคก้าได้ปาดน้ำตาออกในขณะที่คุกเข่าลงแล้วรับจดหมาย

 

จากนั้น, เสียงเท้าก็ดังมาจากข้างนอก

 

เดนนิสที่ได้ยินเสียงก็ออกคำสั่งสุดท้าย

 

“หนีออกไปทางหน้าต่าง ในขณะที่พวกเรากำลังสู้อยู่, ให้เผยแพร่คำพูดออกไปว่ามีการกบฎและใช้ช่วงเวลาที่สับสนหนีไปที่เมืองหลวงซะ!”

 

“ค่ะ…..”

 

พอรับคำสั่งมาแล้ว, รีเบคก้าก็ไปยืนรอจังหวะตรงหน้าต่าง

 

จากนั้นเดนนิสก็ถีบประตูออกแล้วเริ่มเข้าปะทะกับอัศวินของดยุคครูเกอร์ที่กำลังตื่นตกใจ

 

ด้วยหลังของเขาที่ตราตรึงอยู่ในสายตาของเธอ, รีเบคก้าก็กระโดดออกไปทางหน้าต่าง

 

จากนั้น

 

“กบฎ! มีการก่อกบฎที่คฤหาสน์ของลอร์ด! ทุกคน, รีบหนีไปซะ—!!”

 

พอออกมาจากคฤหาสน์, รีเบคก้าก็ตะโกนสุดเสียงแล้วเริ่มต้นการเดินทางไกลไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิ

 

…..

 

“อึ้กกก!!”

 

เดนนิสฟันอัศวินไปคนแล้วคนเล่า

 

จนในที่สุดเขาก็มาถึงใต้ดินของคฤหาสน์

 

มีอัศวินที่สาบานว่าจะภัคดีกับเขามากว่าที่คิดเอาไว้และตอนนี้พวกเขาก็กำลังต่อสู้กับอัศวินของดยุคครูเกอร์ที่เดินพล่านอยู่ทั่วคฤหาสน์เหมือนกับเป็นสถานที่ของตัวเองอย่างดุเดือด

 

“เหวออ!!??”

 

“อย่ามาขวางทางข้า!”

 

พ่อค้าทาสที่ล้มก้นจ้ำเบ้าถูกเดนนิสตัดหัวโดยไม่ลังเล

 

พวกเขาคือพ่อค้าที่สมคบคิดกับบ้านครูเกอร์ซึ่งมาที่นี่เพื่อประเมินราคาของทาสเด็ก

 

เดนนิสไม่มีความเห็นอกเห็นใจพวกเขาเลยซักนิด

 

หลังจากนั้น, เดนนิสกับอัศวินกลุ่มเล็กๆที่เข้าร่วมกับเขาก็มาถึงคุกที่เอาไว้ขังเด็ก

 

มีเด็กจำนวนนึงที่ถูกใส่ปลอกคอแล้วถูกเอาตัวไปไว้ในคุกที่มีแสงสลัวๆ

 

หลังจากเห็นคุกที่ไม่น่าอภิรมย์และเด็กๆที่ตัวซูบผอม, เดนนิสก็รู้สึกว่าตัวเขาน่าจะมาที่นี่ให้เร็วกว่านี้

 

“ไม่เป็นไรนะ! ข้ามาช่วยพวกเจ้าแล้ว!”

 

จากนั้นเดนนิสก็เอากุญแจออกมาจากศพการ์ดแล้วเปิดประตูคุก

 

อย่างไรก็ตาม, พวกเด็กๆไม่ยอมขยับตัวราวกับว่าพวกเขาถูกสต๊าฟเอาไว้

 

เมื่อเห็นแบบนี้, เดนนิสจึงชักดาบออกมาแล้วค่อยๆเข้าไปในคุก

 

“ไม่เป็นไรนะ….ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปจากที่นี่….”

 

“จริงหรอคะ…..?”

 

เด็กสาวคนนึงพึมพำออกมา

 

เธออายุประมาณสิบขวบพร้อมกับมีดวงตาสองสี, สีแดงกับน้ำเงิน

 

เนื่องจากเดาได้ว่าเธอคือเด็กจากหมู่บ้านผู้ลี้ภัย, เดนนิสจึงเม้มปากแน่น

 

“ใช่แล้ว, ข้ามาช่วยจริงๆ…..”

 

“ข้าจะได้กลับหมู่บ้านรึเปล่าคะ…..?”

 

“อืม, ได้กลับสิ…..”

 

“ข้าจะได้เจอพี่ลินรึเปล่า…..?”

 

“อืม, ได้เจอสิ มีเจ้าชายใจดีที่ชื่อว่าเจ้าชายลีโอนาร์ดกำลังมาช่วยเจ้า เขาจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดีแน่นอน”

 

พอพูดจบ, เดนนิสก็ค่อยๆเข้าไปหาเด็กสาว

 

จากนั้นเขาก็โอบกอดเด็กสาวที่เนื้อตัวสกปรก

 

“ขอโทษนะ……ข้าขอโทษจริงๆ…..”

 

“ข้าอยากกลับบ้าน…..ข้าอยากกลับจังเลย….”

 

ในขณะที่กำลังลูบผมของเด็กสาวที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น, เดนนิสก็พยักหน้า

 

เดนนิสเงยหน้าขึ้นแล้วบอกเด็กคนอื่นๆ

 

“ทุกคน, ข้าจะพาพวกเจ้ากลับบ้านเอง ข้าสาบาน”

 

เด็กๆตอบกลับคำพูดของเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

 

อย่างไรก็ตาม

 

“ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าทำแบบนั้นหรอก”

 

“อึ้กก……”

 

ชายชุดดำคนนึงปรากฎตัวขึ้นข้างหลังเขาและแทงทะลุหน้าอกของเดนนิส

 

เดนนิสไอออกมาเป็นเลือดและเรียกพลังทั้งหมดของเขาเพื่อชักดาบออกมาแล้วฟันชายคนนั้น

 

อย่างไรก็ตาม, การโจมตีของเขานั้นไม่พลาดเป้า

 

ชายคนนี้คือครูฝึกที่สอนเด็กที่เป็นพรสวรรค์เป็นนักฆ่า เขาไม่ใช่ศัตรูที่สามารถเอาชนะด้ายด้วยทักษะดาบดาษๆ

 

ไม่ต้องพูดถึงหน้าอกที่ถูกแทงทะลุ, มันชัดเจนแล้วว่าตอนนี้เขามาถึงประตูแห่งความตายแล้ว

 

แต่, เดนนิสก็ยังไม่ยอมแพ้

 

แต่ถึงอย่างนั้น

 

มันมีกำแพงที่เรียกว่าความสามารถที่แท้จริงซึ่งเขาคงไม่มีทางเอาชนะได้ไม่ว่าเขาจะมุ่งมั่นแค่ไหนก็ตาม

 

เดนนิสวิ่งไปหาชายคนนั้นอย่างไม่กลัวตาย

 

“ย้ากกก!!!”

 

“เป็นภาพที่ไม่น่าดูเอาซะเลย”

 

ครูฝึกตัดศรีษะของเดนนิสในตอนที่เขาพุ่งผ่าน

 

คอของเขาลอยขึ้นฟ้า, จากนั้นมันก็ตกลงมาแล้วกลิ้งไปหาเด็กสาวที่มีตาสองสี

 

พอเห็นศรีษะของชายที่บอกว่าเขามาช่วยเธอ, เด็กสาวก็อึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าไปพักนึง

 

อย่างไรก็ตาม, ในตอนที่เธอสบตากับเดนนิส, ความฝันอันริบหรี่ของเธอก็ถูกขยี้ด้วยความกลัวและความสิ้นหวังที่ครอบงำจิตใจของเธอ

 

“ม่ายยยยยยยย!!!!!!!”

 

เสียงร้องของเด็กสาวดังก้องไปทั่วพื้นที่

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ดวงตาของเด็กสาวก็เปล่งแสงและจากนั้นคุกก็ถูกปกคลุมด้วยอะไรบางอย่างที่มีสีดำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด