การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) 92

Now you are reading การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) Chapter 92 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อย่างนี้นี่เอง, แบบนั้นมันภัยพิบัติชัดๆเลยนะครับ”

 

“ใช่ไหมหล่ะ? สองคนนั้นรับมือยากมากจนข้าอยากให้ใครซักคนชื่นชมข้าที่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ด้วยถึงแม้ว่ามันจะแค่เล็กน้อยก็เถอะ”

 

ในขณะที่บทสนทนาเช่นนี้ดำเนินอยู่ในห้องของฉัน, ฉันก็มองเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ

 

แต่ละอย่างนั้นมีรายละเอียดสำคัญเขียนเอาไว้และมีเครื่องหมายสีแดงถูกทำเอาไว้ที่เอกสารแต่ละแผ่นด้วย

 

ซึ่งสัญลักษณ์พวกนี้เป็นตัวบ่งบอกว่าเรื่องที่เขียนเอาไว้ในเอกสารได้รับการแก้ไขแล้ว

 

ในช่วงที่ฉันไม่อยู่, ฟีเน่ได้ทุ่มเทอยากหนักและทำหน้าที่ตรวจสอบพวกมัน เอกสารพวกนี้พูดได้เลยว่าเป็นผลลัพธ์จากความพยายามของฟีเน่

 

“รับชาไหมคะ”

 

“ขอบใจนะ”

 

ฟีเน่รินชาดำให้ฉันด้วยรอยยิ้มกว้างแล้วเสิร์ฟให้พร้อมกับขนม

 

นี่คืองานที่เธอไม่ยอมส่งมอบให้เซบาส

 

เซบาสเองก็ไม่ได้พยายามจะเสนอความช่วยเหลืออีกแล้วและรับชาจากเธออย่างเชื่อฟัง

 

“หืม? ฟีเน่ ปัญหานี้คลี่คลายไปแล้วหรอ?”

 

“อ้ะ, หมายถึงคดีปล้นใช่ไหมคะ ขอโทษด้วยค่ะแต่หลังจากสืบสวนมาหลายๆอย่าง, ข้าคิดว่าพวกเราพักคดีนี้ไปก่อนดีกว่า……”

 

“พักหรอ?”

 

“เดี๋ยวข้าเป็นคนอธิบายเองครับ”

 

พอพูดจบ, เซบาสก็จิบชาดำของเขาอย่างสง่างามแล้วเริ่มอธิบาย

 

สรุปง่ายๆ, มีพ่อค้าส่วนนึงมาหาพวกเราและขอความช่วยให้จัดการกับโจรคนนึง

 

อย่างไรก็ตาม, พอสืบดูดีๆ, ดูเหมือนว่าพวกพ่อค้าจะเป็นพวกน่าสงสัยที่มีแต่ข่าวเสียๆ

 

อีกความจริงที่ถูกค้นพบก็คือเมื่อไหร่ก็ตามที่พ่อค้าพวกนี้ถูกปล้น จะมีเงินและของมีค่ากระจายไปให้คนที่เมืองชั้นนอก

 

ยิ่งไปกว่านั้น, จากข้อมูลที่เห็น, ดูเหมือนโจรจะมีลักษณะเหมือนเด็ก อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนแม้กระทั่งการ์ดเมืองกับทหารจากกองรักษาการเมืองหลวงก็จับโจรไม่ได้

 

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเหตุผลที่พวกเขามาหาขุมอำนาจของลีโอเพื่อขอความช่วยเหลือโดยแลกกับสัญญาว่าจะร่วมมือกับพวกเรา”

 

“โจรที่สามารถหลบเลี่ยงการ์ดเมืองและทหารรักษาการณ์เมืองหลวงได้ จะให้จับโจรแบบนี้คงต้องใช้กำลังคนเยอะอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ, แถมถ้าเราจับเขาความไม่พอใจของผู้คนจะเพิ่มขึ้นด้วย เพราะเหตุนี้เอง, ข้าก็เลยแนะนำให้ท่านฟีเน่เลื่อนการเคลื่อนไหวของเราไปก่อน”

 

“เข้าใจหล่ะ ดูเหมือนจะเป็นคนที่น่าสนใจอยู่นะ”

 

กองรักษาการณ์เมืองหลวงกับการ์ดเมืองนั้นไม่ใช่พวกเพิกเฉยต่อหน้าที่

 

ต่อให้เหยื่อเป็นพ่อค้าที่ชั่วร้าย, พวกเขาก็จะไม่ปล่อยคดีแบบนี้ไป มันเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่สำหรับโจรที่สามารถหนีการตามจับอย่างจริงจังของพวกเขาด้วย

 

“เป็นนักฆ่ารึเปล่า?”

 

“ข้าว่าไม่น่าใช่ครับ ตัดสินจากสภาพของที่เกิดเหตุและคำให้การของพยานแล้ว, กลไกการทำงานของโจรนั้นค่อนข้างบุ่มบ่าม ข้าคิดว่าไม่น่าใช่ผลงานของคนที่ถูกฝึกเป็นนักฆ่าหรอกครับ น่าจะเป็น,”

 

“นักผจญภัยสินะ?”

 

“ครับ พิจารณาจากวิธีการที่หยาบๆและบุ่มบ่ามแล้ว, ข้าเชื่อว่าน่าจะเป็นผลงานของนักผจญภัยแรงค์สูง”

 

อย่างไรก็ตาม, ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีนักผจญภัยแรงค์สูงคนไหนที่ดูเหมือนเด็กเลย

 

แต่, ความจริงที่ว่าโจรสามารถหลบเลี่ยงกองทหารรักษาการณ์ของเมืองหลวงและการ์ดเมืองได้ก็ยังคงอยู่

 

“ลีโอจะตามหาผู้หญิงที่ชื่อว่ารีเบคก้าที่มีความสัมพันธ์กับเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ ทั้งหมดที่เขารู้เกี่ยวกับเธอก็คือเป็นอัศวินหญิงที่อยู่ช่วงวัยรุ่นกลางๆ”

 

“ชื่อรีเบคก้าก็ใช้กันเยอะอยู่ นี่คงจะไม่ใช่งานง่ายๆนะครับ”

 

“นั่นสินะ ที่เป็นปัญหายิ่งกว่าก็คือ, พวกเราไม่สามารถใช้วิธีการที่โจ่งแจ้งในการตามหาเธอได้ พวกเราจะยอมให้ขุมอำนาจอื่นรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด แต่ว่า, ถ้าขนาดขององค์กรลักพาตัวใหญ่เท่ากับที่พวกเราคิดไว้ตอนนี้พวกมันก็น่าจะตามล่าเธออยู่”

 

“นั่นสินะครับ, พวกนั้นคงรู้ว่าลอร์ดบัสเซาตัดสินใจขัดขืนพวกเขาเพราะพวกนั้นคงจะมีหูมีตาอยู่ทุกที่”

 

ถ้าพวกเขาได้รับรายงานว่าหนึ่งในอัศวินที่ไว้ใจของลอร์ดออกไปจากบัสเซา, พวกเขาจะต้องตามล่าเธอแน่ๆ

 

ถึงยังไงวัตถุประสงค์ของเธอก็มองออกง่ายๆอยู่แล้ว

 

“เป้าหมายของเธอคือการเข้าหาจักรพรรดิอย่างแน่นอน เธอพกจดหมายเอาไว้กับตัวซึ่งน่าจะเป็นจดหมายสารภาพของลอร์ด ถ้ามันไปถึงมือของท่านพ่อการกระทำผิดของขุนนางทางใต้ก็จะถูกเปิดเผย พวกเราต้องหาตัวรีเบคก้าคนนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

 

“ในการที่จะทำแบบนั้นพวกเราจำเป็นต้องเกณฑ์คนเพิ่ม, ถูกไหมครับ?”

 

“ใช่ ครั้งนี้ลินเฟียไม่ได้อยู่กับพวกเราและข้าก็อยากได้คนที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ถ้าเป็นไปได้, คงจะดีที่สุดถ้าพวกเรามีใครซักคนที่มีพลังพอที่จะจัดการกับนักฆ่าได้หรือไม่ก็ขอเป็นนักฆ่าที่สามารถทำงานให้พวกเราจากเงามืดได้”

 

“ไม่คิดว่าความต้องการมันมากเกินไปหน่อยหรอครับ”

 

“ก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าจะให้สำเร็จพวกเราก็ต้องใช้คนที่มีความสามารถประมาณนั้น ไม่มีวิธีไหนแล้วที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับขุมอำนาจของเราได้ดีกว่าวิธีนี้”

 

“แต่พวกเราจะไปเกณฑ์คนแบบนั้นได้ยังไงหล่ะคะ?”

 

พอได้ฟังคำถามของฟีเน่, ฉันก็ชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว

 

“พวกเรารู้จักคนที่ตรงคุณสมบัติอยู่แล้วแถมยังว่างอยู่ด้วยนะ”

 

พอพูดจบ, ฉันก็ออกเดินทางในทันที

 

“ให้ตายเถอะ……เจ้าดึงข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ในวันที่การกักบริเวณถูกยกเลิกพอดีเลยเนี่ยนะ…..?”

 

เอลน่าบ่นภายใต้ฮู้ดคลุมหน้าของเธอ

 

ด้วยการขอร้องจากท่านพี่, ลีโอ, และเยอร์เกน การกักบริเวณของเอลน่าจึงถูกยกเลิก อย่างไรก็ตาม, เธอยังไม่สามารถกลับเข้าภาคีอัศวินหลวงได้ หรือพูดอีกนัยนึงก็คือ, ในเมื่อไม่มีหน้าที่ให้ปฏิบัติ, ตอนนี้เอลน่าจึงว่างอยู่

 

“ขอโทษนะ, แต่พวกเรามีกำลังคนไม่พอจริงๆ ข้าไม่สามารถปล่อยให้คนที่มีความสามารถอยู่เฉยๆได้หรอก”

 

“แต่, ให้ข้ามาคุ้มกันสินค้าของพ่อค้านิสัยไม่ดีเนี่ยนะ……”

 

“ไม่ต้องห่วงหน่า พวกเราจะกำจัดเขาในตอนที่เสร็จเรื่องนี้แล้ว”

 

“จริงนะ?”

 

“เซบาสน่าจะแอบลักลอบเข้าไปในออฟฟิศของพวกเขาแล้ว ตอนนี้เขาน่าจะคว้าหลักฐานบางอย่างได้แล้วส่งมอบให้การ์ดเมืองไปแล้วหล่ะ

 

“ถ้าแบบนั้นก็โอเค”

 

เอลน่ามองเกวียนด้วยสีหน้าโล่งอก

 

ตอนนี้พวกเรากำลังขนย้ายสินค้าของพ่อค้านิสัยไม่ดีที่ว่าอยู่ ตอนนี้สินค้าได้รับการคุ้มกันจากเอลน่าพร้อมด้วยคนคุ้มกันอื่นๆจากขุมอำนาจของพวกเรา ตอนแรกพ่อค้าเสนอที่จะส่งคนของพวกเขามาด้วยแต่พวกเราก็บอกไปว่ามันไม่จำเป็น

 

ถึงยังไงมันก็คงจะเป็นปัญหาเอาได้ถ้าพวกเขาอยู่กับพวกเรา ถ้าพวกเขาเป็นหนึ่งในพ่อค้ารายใหญ่ของเมืองหลวงจักรวรรดิพวกเขาก็คงจะยืนกรานที่จะส่งคนของตัวเองมาด้วยแต่ครั้งนี้พวกเรากำลังจัดการกับพ่อค้าชั้นกลาง

 

พวกเขาฝากสินค้าของพวกเขาเอาไว้กับพวกเราอย่างเชื่อฟังเนื่องจากพวกเขาโดนปล้นหนักมากและบริษัทของพวกเขาก็ไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างปกติอีกต่อไป

 

แต่ก็นะ, ดูเหมือนว่าพ่อค้าพวกนี้จะได้รับของผ่านวิธีการสกปรกบางอย่างดังนั้นพวกเขาจึงโทษอะไรไม่ได้นอกจากตัวเอง

 

ฉันแกล้งทำตัวเป็นพ่อค้าแล้วยืนอยู่เกวียนหน้าสุด

 

“เอาหล่ะ…..ออกเดินทางได้! ฟังให้ดีนะ, เจ้าพวกโง่! ห้ามปล่อยให้สินค้าของข้าถูกขโมยหล่ะ! จงปกป้องสินค้าของข้าด้วยชีวิตของพวกเจ้า! ของพวกนี้มีค่ายิ่งกว่าชีวิตที่ต่ำต้อยของพวกเจ้าอีกรู้เอาไว้ซะด้วย!”

 

ในขณะที่แกล้งทำตัวเป็นพ่อค้านิสัยไม่ดี, พวกเราก็เดินทางไปตามถนนเวลากลางคืนของเมืองหลวงจักรวรรดิ

 

พวกเราขนของพวกนี้มาจากคลังไปที่ร้านค้าแต่การโจมตีน่าจะมาในระหว่างการขนย้าย

 

พวกเขาสามารถทำการเคลื่อนย้ายสินค้าในช่วงกลางวันได้แต่ดูเหมือนว่าจะมีสินค้าบางตัวที่เสี่ยงเกินกว่าจะเคลื่อนย้ายเวลากลางวันด้วย

 

ด้วยเหตุผลนี้เอง, พวกเราจึงดำเนินการที่เมืองหลวงจักรวรรดิในช่วงเวลากลางคืน

 

“ตั้งสติให้ดีหน่อย! อย่าแม้แต่คิดที่จะแอบงีบเชียวหล่ะ! ไม่อยากได้ค่าจ้างแล้วรึไง!?”

 

“เห้อ…..จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้จริงๆหรอ?”

 

“มันทำให้ข้าดูเหมือนคนนิสัยไม่ดีใช่ไหมหล่ะ?”

 

“อา, ถ้าข้าไม่รู้จักเจ้าอาจจะหลงเชื่อจริงๆก็ได้”

 

ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของเอลน่าอย่างพึงพอใจ

 

ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วหล่ะ

 

ถึงยังไงถ้าโจรรู้สึกผิดสังเกตเขาก็อาจจะไม่ยอมปรากฎตัวก็ได้

 

ในขณะที่ฉันกำลังคิดเช่นนี้, คนคุ้มกันสองคนที่เดินนำหน้าพวกเราก็ล้มฟุบลงไปอย่างกระทันหัน

 

“มาจนได้สินะ”

 

“เป็นพ่อค้าหนุ่มหรอเนี่ย? เจ้าหนู, ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ทิ้งของของเจ้าแล้วรีบเผ่นไปซะ”

 

พอพูดจบ, ชายตัวเล็กที่สวมฮูดคลุมก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับหอก อย่างไรก็ตาม, สิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่นั้นมีแค่น้ำเสียงของเขา

 

ส่วนสูงของเขาน่าจะแค่ประมาณ 100 เซนติเมตรเท่านั้น หอกในมือของเขายังสูงกว่าเขาอีก

 

ถ้าฉันมองแค่ร่างกายอย่างเดียวเขาก็คงดูเหมือนเด็กจริงๆแต่น้ำเสียงของเขานั้นแก่กว่าฉันมาก อะไรกันเนี่ย? ความรู้สึกแปลกๆนี่มัน

 

“เจ้าคือโจรที่คอยทำลายธุรกิจของข้าในช่วงนี้สินะ?”

 

“สินค้าของเจ้าหรอ ล้อเล่นรึไง? โจรในที่นี้ก็คือเจ้าต่างหากหล่ะ ข้าแค่เอาของที่เป็นของข้ากลับคืนมาเท่านั้น”

 

“ข้ารับของพวกนี้มาอย่างถูกกฏหมายนะ”

 

“หรอ ถ้างั้นก็คงไม่ต้องพูดอะไรกันแล้ว ตอนนี้ข้าจะชิงของพวกนี้มาจากเจ้า!”

 

จากนั้นชายคนนั้นก็กระโดดเข้าใส่ฉัน

 

ซึ่งเอลน่าก็พุ่งเข้ามาปกป้องฉันแล้วป้องกันการโจมตีที่คมกริบของชายคนนั้นเอาไว้ได้

 

“หืม? รับหอกของข้าได้ด้วยหรอเนี่ย ฝีมือไม่เบาเลยไม่ใช่รึไง?”

 

“ข้าเองก็ไม่ได้รับการโจมตีที่คมกริบแบบนี้มาตั้งนานแล้วเหมือนกัน น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถสูสีกับท่านลีเซล็อตต์ได้แต่ดูเหมือนข้าจะได้ลบล้างความเสียใจกับเจ้าที่นี่แทนสินะ”

 

พอพูดจบ, เอลน่าก็กระหน่ำโจมตีแล้วกดดันชายคนนั้นกลับไป

 

คนคุ้มกันคนอื่นๆเองก็พยายามที่จะเคลื่อนไหวแต่เอลน่าก็ห้ามพวกเขาเอาไว้

 

“ไม่ต้องเข้ามา! มาก็มีแต่จะขวางมือขวางเท้าเปล่าๆ!”

 

“เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งใช้ได้เลยนี่ ชักถูกใจแล้วสิ ถึงยังไงถ้ามีแต่แมลงเม่าก็คงจะทำลายความสนุกกันซะเปล่าๆ”

 

พอพูดจบ, ชายคนนั้นก็ตั้งหอกขึ้น

 

จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

 

“ข้าออมมือไม่ได้แล้วนะเพราะฉะนั้นอย่าพลาดตายไปซะหล่ะ”

 

“นั่นมันคำพูดของข้าต่างหาก ถ้าเกิดเจ้ามาตายที่นี่มันจะมีปัญหากับข้าเอาได้เพราะฉะนั้นพยายามรักษาชีวิตเอาไว้ให้ดีหล่ะ”

 

“เหอะ…..ช่างโง่จริงๆ!!”

 

ด้วยสัญญาณนี้เอง, การประลองความเร็วก็เริ่มขึ้น

 

แรงลมจากการปะทะกันแต่ละครั้งได้สร้างความเสียหายให้กับอาคารที่อยู่รอบๆ นี่เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่เอลน่าต้องเอาจริงเลยหรอ? หมอนี่เป็นใครกันแน่เนี่ย?

 

ชายคนนี้กลบจุดด้อยเรื่องระยะโจมตีที่สั้นของเขาด้วยหอกและกระหน่ำโจมตีใส่เอลน่าอย่างงดงาม นี่เขาเป็นคนแคระหรืออะไรแบบนั้นรึเปล่า? ไม่สิ, เขาตัวเล็กเกินไป

 

ในขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิดอยู่, เอลน่าก็แทงหอกใส่ชายคนนั้น

 

ซึ่งเขาก็เอี้ยวตัวหลบมันได้หลังจากนั้นก็พุ่งเข้ามาหาฉันอย่างกระทันหัน

 

“ขอโทษนะแม่หนู, แต่นี่มันไม่ใช่การดวล! ย้ากก!!”

 

ในขณะที่ตะโกนออกมาแบบนั้น, หอกของชายคนนั้นก็พุ่งตรงมาหาฉัน

 

อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนว่าเอลน่าจะคาดเอาไว้แล้วและเตะตัดขาชายคนนั้นด้วยการเตะกวาด

 

“อ่อนหัด!”

 

“อะไรกัน!?”

 

เอลน่าโจมตีเขาที่เสียการทรงตัวแต่เขาก็สามารถใช้หอกรับการโจมตีของเธอเอาไว้ได้แล้วถูกซัดกระเด็นไปไกล

 

ชายคนนั้นถูกซัดกระเด็นเข้าไปในกองฟางที่อยู่ไม่ไกลนัก

 

“เยี่ยมมาก”

 

“ไม่ใช่ นี่มันแปลกๆนะ”

 

“แปลกหรอ?”

 

“คิดจะดูถูกข้ารึไง ต่อสู้กับข้าทั้งๆที่ยืนอยู่บนของแบบนั้นเนี่ยนะ”

 

พอมองไปที่เขา, ฉันก็เห็นแท่งไม้สองแท่งกลิ้งออกมาจากชายคนนั้น

 

อย่าบอกนะว่าเขายืนอยู่บนไม้พวกนั้นตลอดการต่อสู้? แถมยังรับมือกับเอลน่าได้ด้วยนี่นะ?

 

ไม่หน่า, ถ้าเอาไม้พวกนี้ออกไปแล้ว, เขาไม่ยิ่งตัวเตี้ยลงไปอีกรึไง?

 

ในตอนที่คำถามพวกนี้ผุดขึ้นมาในหัว, ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นมาจากกองฟาง

 

อย่างไรก็ตาม, รูปลักษณ์ของเขานั้นห่างไกลจากสิ่งที่ฉันจินตนาการเอาไว้จริงๆ

 

“เล่นกันซะหนักเลยนะ, แม่หนู”

 

“……”

 

“…..”

 

“หืม? อะไร?”

 

เจ้าตัวน่าจะยังไม่รู้ตัว

 

ตอนนี้ฮู้ดคลุมของเขาเลื่อนลงมาแล้วและแท่งไม้ที่เขายืนอยู่ก็ไม่มีดังนั้นตัวตนที่แท้จริงของเขาจึงถูกเปิดเผย

 

ซึ่งตัวตนของเขาก็คือ,

 

“ลูกหมีหรอ?”

 

“เหวอ!? ซวยแล้ว!?”

 

แม้ว่าการพูดของเขาจะปกติ, แต่รูปลักษณ์ของเขาก็คือหมีตัวเล็กๆนั่นเอง

 

ขนปุยๆสีน้ำตาล, ดวงตาสีดำ, รูปลักษณ์ของเขาดูไม่ต่างจากหมีตัวนึงเลย

 

ชายคนนั้นสวมฮู้ดกลับไปแต่มันก็สายเกินไปแล้ว

 

มันดูบ้าบอมาตั้งแต่แรกแล้วที่มีคนยืนบนขาเสริมในขณะที่เอาฮู้ดคลุมหน้าตัวเองเอาไว้ ตอนนี้ภาพลักษณ์ของเขาไม่เหลือความคุกคามอยู่เลย

 

“ชิ! ช่วยไม่ได้นะ! วันนี้ข้าจะยอมปล่อยไปก็แล้วกัน!”

 

“อ้ะ! กลับมานี่นะ!”

 

“อย่าไปไล่เขา”

 

เอลน่าดูไม่พอใจในตอนที่ฉันห้ามเธอ

 

ดูเหมือนว่าเอลน่าอยากจะล้างตากับเขาแต่เธอก็ยอมหยุดเนื่องจากเธอเข้าใจดีว่าเราบรรลุจุดประสงค์แล้ว

 

มันน่าตกใจก็จริงแต่พวกเรารู้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็คือการตามหาเขา

 

จากการเคลื่อนไหวของเขาที่จะแจกจ่ายของที่ขโมยมากับเงินไปยังเมืองชั้นนอก, พวกเราจึงรู้พื้นที่ปฏิบัติการของเขา

 

“ตอนนี้กลับกันก่อนเถอะ แล้วก็เอาตัวคนที่หมดสติไปไว้บนเกวียน”

 

ฉันออกคำสั่ง

 

ด้วยความไม่พอใจที่ยังค้างคาอยู่, เอลน่าจ้องมาที่ฉันแล้วหันไปมองตรงทิศที่ชายคนนั้นหายตัวไป

 

ดูเหมือนการปะทะในครั้งนี้จะจุดไฟในฐานะนักรบของเธอเข้าแล้วสินะ

 

“ถ้าจับเขาได้ต้องให้ข้าล้างตากับเขานะ”

 

“นั่นมันขึ้นอยู่กับเขาไม่ใช่รึไง”

 

ในขณะที่คุยกันเรื่องนี้, พวกเราก็เริ่มออกเดินทางกลับผ่านถนนยามค่ำคืนของเมืองหลวง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด