การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) 82

Now you are reading การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) Chapter 82 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ย้อนเวลากลับไปเล็กน้อย

 

ประมาณช่วงที่ลีโอเข้าร่วมกับทหารกลุ่มที่สองซึ่งถูกแยกออกไปในตอนที่แนวหน้าแตกและฝ่ากองทัพโครงกระดูกมุ่งหน้าไปยังบัสเซา

 

ในที่สุดลีเซก็มองเห็นบัสเซาจากระยะไกลๆแล้ว

 

“มีมอนส์เตอร์อยู่ทุกที่เลย”

 

“แต่ในนั้น, มีบางอย่างพยายามทะลวงมันอยู่นะ”

 

เธอไม่มั่นใจเนื่องจากพวกเขายังอยู่ในระยะที่ค่อนข้างไกล

 

แต่ถึงอย่างนั้น, ลีเซก็มั่นใจว่าลีโออยู่ตรงนั้น

 

ในขณะที่เธอเร่งความเร็วม้า, ลีเซก็หลับตา

 

น้องชายที่กัดฟันดิ้นรนห้ามเธอเอาไว้ น้องชายที่ยึดถือในสิ่งที่เขาเชื่อ แม้กระทั่งตอนนี้เขาก็น่าจะยังคงพยายามอย่างหนักเพื่อทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง

 

ด้วยเหตุนี้เองจึงมีแค่สิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้ในฐานะพี่สาวของเขา

 

“พวกเราบุกเข้าไปเลย!”

 

“ครับ, ท่านจอมพล!”

 

ในตอนที่ลีเซบุกเข้าไป, ทหารม้าพันคนก็ตามหลังเธอไป

 

พวกเขาไม่ใช่ทั้งนักผจญภัยหรืออัศวิน พวกเขาคือหน่วยทหารม้าระดับสูงที่ต่อสู้ภายใต้คำสั่งของลีเซมานานแล้ว

 

เธอไม่จำเป็นต้องกล่าวสุนทรพจน์ยืดยาวเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจให้พวกเขา

 

พวกเขาทุกคนคือทหารที่ยอมถวายชีวิตเพื่อเธอ ต่อให้เธอบอกให้พวกเขาไปตาย, พวกเขาก็ยินดีที่จะทำตาม

 

“หัวหน้าหน่วย! พวกเราจะใช้ไอ้นั่นกัน!”

 

“รับทราบครับ!”

 

พอได้รับคำสั่ง, หัวหน้าหน่วยก็ยกมือขวาขึ้น

 

เมื่อเห็นสัญญาณ, ทหารม้าร้อยคนที่อยู่แนวหลังก็ขึ้นมาข้างหน้า

 

พวกเขาแต่ละคนถือหน้าไม้เอาไว้ อย่างไรก็ตาม, สิ่งที่พวกเขาถืออยู่ในตอนนี้ไม่ใช่แค่หน้าไม้ทั่วๆไป

 

มีท่อทรงกลมติดเอาไว้ที่ส่วนล่างของหน้าไม้และมีอัญมณีเล็กๆฝั่งเอาไว้ที่ใจกลางของมัน

 

“ ‘หน้าไม้หมุนเวียนเวทย์รุ่นต้นแบบ’ เตรียมพร้อมแล้วครับนายหญิง!”

 

“ดี กำจัดทุกอย่างที่เข้ามาขวางทางของข้า”

 

 

“รับทราบครับ! เล็งมอนส์เตอร์ที่อยู่ข้างหน้า! ไม่จำเป็นต้องตั้งใจเล็งเป็นพิเศษ! ข้างหน้าพวกเรามีแค่ศัตรูเท่านั้น! ลั่นไกแล้วกระหน่ำลูกศรใส่เป้าหมาย!—เตรียมพร้อม! ยิงได้!!”

 

เพื่อตอบสนองคำสั่งของหัวหน้าหน่วย, ทหารร้อยคนก็ลั่นไกในเวลาเดียวกัน

 

ด้วยการกดไกลงไป, ลูกศรก็ยิงออกมาจากหน้าไม้อย่างต่อเนื่องพร้อมกับใช้พลังเวทย์ที่เก็บอยู่ข้างในอัญมณี

 

ท่อทรงกลมที่เก็บธนูเอาไว้ซึ่งติดอยู่ที่ส่วนล่างของหน้าไม้นั้นจะทำการหมุนเวียนลูกศรไปที่ส่วนบนโดยอัตโนมัติ, ทำให้เกิดฟังก์ชันยิงรัวขึ้นมา

 

การยินลูกศรด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อนี้ยินโดนโครงกระดูกไปตัวแล้วตัวเล่า, และขยี้ร่างกายของพวกมัน

 

ด้วยการเปิดฉากรบเช่นนี้เอง, ลีเซก็พุ่งเข้าไป

 

“มันเป็นอาวุธที่ดีแต่ปัญหาคือตอนที่พวกเรายิงเสร็จแล้ว”

 

“นั่นเป็นปัญหาของผู้พัฒนา ทั้งหมดที่พวกเราทำได้มีแค่สั่งมันมาทดสอบ”

 

ข้อเสียของหน้าไม้หมุนเวียนเวทย์คือเมื่อพลังเวทย์ที่เก็บเอาไว้ข้างในอัญมณีหมดมันจะไม่สามารถยิงออกไปได้ด้วยเรี่ยวแรงของมนุษย์และหลังจากนั้นก็จะใช้ได้แค่ในฐานะอาวุธทื่อๆ

 

ลีเซกำลังทดสอบอาวุธชิ้นนี้ในกองหลังด้วยกันกับการฝึกฝนทหารใหม่

 

แต่เธอก็ได้โอกาสทดสอบภาคสนามอย่างคาดไม่ถึงโดยการใช้มันในสนามรบจริงที่นี่

 

“ในตอนที่เขียนรายงานสำหรับเหตุการณ์นี้, บอกให้พวกเขาทำที่บรรจุด้านล่างแบบเปลี่ยนได้ด้วยเถอะครับ ถ้ามันเป็นอาวุธที่ใช้งานได้แค่ครั้งเดียวประโยชน์ของมันจะมีจำกัดมากๆ”

 

“นั่นสินะ, ทำให้มันเป็นอาวุธต่อต้านมอนส์เตอร์ด้วยก็คงจะดี”

 

“เป็นความคิดที่ดีครับ”

 

ในขณะที่กำลังพูดคุยกันเช่นนี้, ลีเซกับหัวหน้าหน่วยก็ยกอาวุธของพวกเขาขึ้นและกรุยทางให้คนของพวกเขา

 

เนื่องจากหน้าไม้หมุนเวียนถูกสร้างขึ้นมาให้ใช้กับมนุษย์ดังนั้นประสิทธิภาพของมันกับโครงกระดูกจึงยังต้องพัฒนาอีกมาก และเนื่องจากโครงกระดูกยังคงดาหน้าเข้ามาอย่างไม่รู้จักเจ็บปวด, กว่าที่กองหลักของพวกมันจะถูกทำลาย, หน้าไม้หมุนเวียนก็ถือว่าไม่เหมาะกับการใช้ต่อกรพวกมันเลยจริงๆ

 

“เห้อ…..ข้าไม่ได้ทำแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะ”

 

ชักนำลูกน้องกลุ่มเล็กๆและบุกเข้าไปในดงศัตรู

 

ในอดีตเธอมักจะทำแบบนี้อยู่บ่อยๆแต่สำหรับตอนนี้มันมีโอกาสอยู่แค่ไม่กี่ครั้งที่เธอจะทำได้ ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าไม่มีศัตรูที่เธอต้องทำถึงขั้นนั้น, แค่ตำแหน่งของเธอก็ไม่ยอมให้เธอทำแล้ว

 

ด้วยการสัมผัสความมุ่งร้ายของศัตรูจากระยะประชิด, เธอก็มุ่งหน้าต่อไป และโดยไม่ปล่อยให้ศัตรูได้พักเลยสักนิด, เธอก็ก้าวย่ำบนเส้นทางที่เปราะบางสู่ชัยชนะ

 

ใช่แล้ว

 

“ที่นี่คือสนามรบ……..!”

 

ในตอนที่พูดออกมา, ลีเซก็เผยรอยยิ้มอันดุร้ายในขณะที่ฟาดฟันกองทัพของศัตรู

 

เมื่อเห็นแบบนี้, หัวหน้าหน่วยที่รับใช้ลีเซมานานก็นึกถึงภาพของเจ้าหญิงแม่ทัพที่โรมรันทั่วสนามรบซึ่งเป็นที่เกรงกลัวของนานาประเทศ

 

ในตอนที่มงกุฎราชกุมารจากไป, เธอได้สูญเสียความดุร้ายนี้และให้ความสำคัญแค่กับการปกป้องชายแดน

 

นี่คือภาพของลีเซที่เคยเฉิดฉายอยู่บนสนามรบ

 

“หัวหน้าหน่วย! มีอะไรรึเปล่า! เจ้าดูช้าๆลงนะ”

 

“เปล่าครับ! ข้ากำลังตามไปแล้ว!”

 

พอถูกรีเซเรียก, หัวหน้าหน่วยก็รีบตามเธอไปในทันที

 

และนี่เองก็คือตอนที่ร่างของลีโอเข้ามาในระยะสายตาของเธอในที่สุด

 

“ท่านพี่…..!?”

 

เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของลีโอ, ลีเซก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

 

ในตอนที่เธอเห็นอัล ,เธอคิดว่าในที่สุดเขาก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม, ความประทับใจนี้รุนแรงยิ่งกว่าสำหรับลีโอ

 

ตัวตนของเขาที่ต่อสู้อยู่แนวหน้าของกองทัพนั้นคือตัวตนของแม่ทัพจริงๆแล้วเขาก็ปล่อยกลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบตัวอยากต่อสู้เพื่อเขาด้วย

 

ตัวเขาในตอนนี้คล้ายกับมงกุฎราชกุมารที่เธอเคยสาบานว่าจะสนับสนุนเขาในฐานะแม่ทัพ

 

“ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ดีแต่ปากสินะ…….”

 

พวกเราสองคนสามารถก้าวข้ามพี่ชายของพวกเราได้แน่

 

อัลพูดแบบนั้นออกมาอย่างมั่นใจ เมื่อเห็นลีโอในสภาพนี้, เธอมองเห็นว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นไม่ใช่แค่การบลัฟ

 

ภาพลักษณ์ของเขาทำให้เธอนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าอัลที่เป็นคนเถรตรงได้รับการสนับสนุนจากอัลที่เป็นคนยืดหยุ่น

 

“เจ้าโตขึ้นรึเปล่า?”

 

บางทีนี่อาจเป็นสาเหตุที่ลีเซพูดแบบนี้ออกมาด้วยความสุขแม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเผชิญหน้ากับศัตรูอยู่ก็ตาม

 

“อ้ะ, เอ่อ…..ครับ, ก็นิดหน่อย”

 

“งั้นหรอ ดีแล้วหล่ะ เจ้าต้องโตขึ้นกว่านี้อีกสินะ”

 

จนกว่าจะถึงตอนนั้น, ข้าจะปกป้องเจ้าเอง

 

จากนั้นลีเซก็มองบาลัมซึ่งถูกตัดแขนซ้ายไปแล้ว

 

บาลัมพยายามจะโจมตีอยู่หลายครั้งในขณะที่ลีโอกับลีเซกำลังพูดคุยกัน, ซึ่งแขนขวาของลีเซก็จะคอยตอบโต้การโจมตีของเขา

 

“ถึงแม้เจ้าจะบอกว่าตัวเองเป็นปีศาจ, แต่เจ้าดูเหมือนกับมนุษย์เลยนะ”

 

ลีเซมองเลือดสีแดงที่กำลังหลั่งไหลออกมาจากแขนซ้านของบาลัมที่ไม่ได้งอกกลับมา

 

แม้ว่ามันจะเป็นบาดแผลแบบนี้มันก็คงจะไม่แปลกที่มอนส์เตอร์ระดับสูงจะสามารถฟื้นฟูได้, แต่ปีศาจที่อยู่ตรงหน้าของเธอนั้นไม่มีร่องรอยของการฟื้นฟูเลย

 

ซึ่งลีเซก็ได้คำตอบจากเรื่องนี้

 

“เจ้ายึดร่างมนุษย์มาสินะ?”

 

“ช่างสังเกตดีนี่….แต่รู้ไปแล้วเจ้าจะทำอะไรได้หล่ะ?”

 

“มันก็หมายความว่านี่ยังไม่สายเกินไปยังไงหล่ะ”

 

“ก็ไม่รู้สินะ? แต่ถ้าคนอย่างเจ้ามาถึงที่นี่ในฐานะกำลังเสริมมันก็หมายความว่าหมดเวลาเล่นแล้วสินะ”

 

พอพูดจบ, บาลัมก็ชูแขนขวาที่ยังเหลืออยู่ขึ้นฟ้า

 

จากนั้น, ลูกบอลสีดำก็เริ่มเปล่งแสงออกมาที่ปลายมือของเขา

 

จากเมืองของบัสเซา, มอนส์เตอร์อันเดธระดับสูงจำพวกโครงกระดูกยักษ์สามเมตร, และมังกรผีดิบที่มีร่างกายเน่าเปื่อยก็ปรากฎตัวขึ้น

 

“ตอนนี้รีบหนีไปน่าจะฉลาดกว่านะ, ว่าไหม?”

 

พอพูดจบ, ตัวของบาลัมก็อยู่ในสภาพโปร่งแสงและหายไปจากตรงนั้น

 

ลีเซกับลีโอที่ถูกทิ้งเอาไว้ถูกบังคับให้ต้องตัดสินใจ

 

“ว่าแล้วเชียว, ความแตกต่างระหว่างขุมกำลังมีมากเกินไปสินะ”

 

“แต่ถ้าพวกเราถอยกลับไปตอนนี้, ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะมีโอกาสบุกเข้าบัสเซาอีกรึเปล่านะครับ”

 

“…..ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีคำตอบอยู่แล้วสินะ?”

 

“ข้าไม่มีความคิดจะถอยมาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าปีศาจตัวนั้นไปเรียกกำลังเสริมมาหล่ะก็ตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องสู้แล้ว ถ้าพวกเราปล่อยมันไป, มันจะแฝงตัวเข้ามาในสังคมของเราอย่างแน่นอน”

 

“เจ้ารับประกันได้รึเปล่าว่าจะชนะ?”

 

“ไม่ได้ครับ แต่ว่า, มันก็ยังคงเป็นความจริงต่อให้พวกเราถอยไปตรงนี้ก็ตาม ไม่ว่าพวกเราจะนำกองทัพมาเยอะแค่ไหน, ปีศาจก็แค่อัญเชิญมอนส์เตอร์ที่มีจำนวนสูสีกับของพวกเรา นี่อาจจะเป็นวิกฤตแต่มันก็ยังเป็นโอกาสของพวกเราด้วยเหมือนกันครับ”

 

ในตอนที่ลีโอพูดแบบนั้นออกมาด้วยความมุ่งมั่น, ลีเซก็ยิ้มอีกครั้ง

 

จากนั้นเธอก็ผ่าครึ่งโครงกระดูกยักษ์ที่วิ่งเข้ามาหาพวกเขา

 

“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ อย่าช้าหล่ะเข้าใจไหม?”

 

“แน่นอนครับ”

 

“พวกเราจะโจมตีแล้ว! เป้าหมายของเราคือบัสเซา!”

 

“บุก!!”

 

ด้วยเหตุนี้เองลีโอกับลีเซก็บุกบัสเซาด้วยกัน

 

สักพักนึงหลังจากที่ลีโอกับลีเซเริ่มบุกบัสเซา

 

กลุ่มของลินเฟียกับอาเบลก็มาเข้าร่วมกับกลุ่มนำได้ในที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม, ยิ่งเข้าใกล้บัสเซาเท่าไหร่ศัตรูก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

 

“หนอย!?”

 

จำนวนศัตรูที่อยู่รอบอาเบลกับลินเฟียเริ่มเพิ่มขึ้นและแน่นอนว่าความเร็วในการรุดหน้าของพวกเขาเริ่มช้าลง

 

ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปหล่ะก็….

 

ความกังวลนี้เริ่มเติบโตขึ้นในใจของลินเฟีย

 

จากนั้น, บอลเพลิงจากมังกรผีดิบก็ตกลงมาใกล้ๆลินเฟีย

 

เธอถูกซัดกระเด็นด้วยแรงกระแทกและถูกแยกจากกลุ่มนำ

 

“อึ้ก…..”

 

ด้วยการอดทนต่อความเจ็บปวด, ลินเฟียก็ใช้ดาบพยุงตัวเองขึ้นมา

 

พอหันไปมองรอบๆ, เธอก็รู้ตัวว่าถูกซัดเข้ามาในกองทัพโครงกระดูก

 

โครงกระดูกรอบตัวเธอนั้นกำลังเข้ามาใกล้ทีละน้อย

 

ในตอนที่เธอพยายามจะเคลื่อนไหว, เธอก็สังเกตเห็นว่าเธอไม่สามารถขยับร่างกายได้ตามที่ต้องการ

 

ในตอนนั้นเอง, นกหวีดก็ถูกเป่าจากกระเป๋าของเธอ

 

มันคือนกหวีดที่ทำมาจากภูติป่าซึ่งคนแคระเฒ่าเป็นคนให้เธอ

 

การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องแย่ นี่คือคำพูดที่คนแคระเฒ่าบอกเธอในตอนนั้น แต่เธอคิดว่าเธอไม่สามารถเรียกพวกมาในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความตายแบบนี้ได้

 

อย่างไรก็ตาม, ความคิดที่ว่าเธอจะตายก่อนที่เธอจะเจอน้องสาวของเธอไม่ได้ก็เข้ามา

 

“ข้าขอยืมสิ่งนี้หน่อยนะคะ…..!”

 

ลินเฟียหยิบนกหวีดออกมาแล้วเป่า

 

อย่างไรก็ตาม, ไม่มีเสียงดังออกมา

 

มันไม่มีเสียงเลยไม่ว่าเธอจะเป่าออกไปกี่ครั้ง

 

บางทีมันอาจจะเป็นของใช้งานไม่ได้

 

พอนึกถึงความเป็นไปได้นี้, เธอก็ถอนหายใจแล้วเก็บนกหวีดกลับเข้ากระเป๋าอย่างนิ่มนวล

 

อย่างไรก็ตาม, ในตอนนั้นเองนกหวีดก็ได้ส่งเสียงออกมา

 

มันดังก้องไปไกล

 

ไกลจนถึงเมืองหลวงของจักรวรรดิ

 

ด้วยการรักษาความเยือกเย็นเอาไว้, ลินเฟียก็กำดาบเวทมนตร์แน่นแล้วเผชิญหน้ากับโครงกระดูกที่กำลังใกล้เข้ามา

 

ในตอนนั้นเอง,

 

โครงกระดูกทุกตัวที่อยู่ใกล้กับลินเฟียก็ถูกเป่าทิ้งในทันที

 

“!?อะไรกัน….?”

 

เธอคิดว่ามังกรผีดิบปล่อยบอลเพลิงมาใส่เธออีกครั้งแต่ในที่สุดเธอก็โล่งอกหลังจากที่ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังเธอ

 

“เป็นอะไรรึเปล่า? นักผจญภัยหญิง”

 

“…..ม มาที่นี่ได้ยังไงกัน……?”

 

“ข้าได้ยินว่ามีเรดเควส ข้าก็เลยพาคนอื่นมาด้วย”

 

ในตอนนั้นเอง

 

นักผจญภัยจากเมืองหลวงของจักรวรรดิก็วิ่งเข้าใส่กองทัพโครงกระดูกจากประตูเคลื่อนย้ายที่เปิดอยู่ข้างหลังลินเฟีย

 

นักผจญภัยนับร้อยค่อยๆปรากฎตัวขึ้นและกำจัดโครงกระดูกที่อยู่รอบตัวพวกเขา

 

ที่ใจกลางของนักผจญภัยพวกนี้

 

ผู้กอบกู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอกำลังยืนอยู่

 

“ถ้ายังไหวอยู่หล่ะก็ตามไปด้วยกันสิ มันถึงเวลาหาเงินแล้ว”

 

“ค่ะ….! ซิลเวอร์….!”

 

พอพูดจบ, ลินเฟียก็ตามนักผจญภัยสวมหน้ากากไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด