การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) 62

Now you are reading การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) Chapter 62 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เข้าใจหล่ะ เจ้าจะไปหาเธอสินะ”

 

“ครับ ข้าคิดว่ามันน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด”

 

“นั่นสินะ, เนื่องจากเธอเป็นคนแบบนั้น, ต่อให้พวกเราส่งจดหมายไปเธอก็คงจะไม่สนใจอะไรหรอก”

 

“ครับ ถ้าเธอไม่สามารถมาที่เมืองหลวงของจักรวรรดิได้เธอก็อาจจะมาเยี่ยมพวกเราที่ดินแดนของท่านดยุค”

 

ท่านพ่อพยักหน้าให้กับคำพูดของฉันอยู่หลายครั้ง

 

ฟรานซ์อยู่ข้างเขาด้วย, และเขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าทุกข์ใจเหมือนเมื่อครั้งก่อนแล้ว

 

“องค์ชาย ข้ามีเรื่องอยากถามเป็นการส่วนตัวจะได้รึเปล่า?”

 

“เชิญว่ามาได้เลยครับ, ท่านนายกรัฐมนตรี”

 

“ขอบคุณมากครับ ดยุคไรน์เฟลด์ตกหลุมรักองค์หญิงลีเซล็อตต์มาเป็นเวลายี่สิบปีแล้วแต่เขาไม่เคยส่งจดหมายไปหาเธอโดยตรง ถึงแม้จะเป็นตอนที่องค์หญิงอยู่ที่เมืองหลวงของจักรวรรดิ, เขาก็มักจะเข้ามาผ่านข้าก่อน เมืองหลวงของจักรวรรดิกับดินแดนของเขาไม่ได้อยู่ใกล้ถึงขนาดที่จะเคลื่อนย้ายระหว่างสองเมืองได้ง่ายๆ แต่ไม่ว่ายังไง, ดยุคก็มักจะส่งจดหมายมาให้ข้าก่อนทุกครั้ง ท่านพอจะรู้เหตุผลรึเปล่าว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น?”

 

“เขาคงคิดว่าถ้าส่งให้เธอโดยตรงมันมีแต่จะทำให้เธอมีปัญหารึเปล่า?”

 

“นั่นสินะครับ, อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ ‘ถ้ามันไม่ได้เป็นการรบกวนจนเกินไปก็ช่วยส่งจดหมายฉบับนี้ให้ข้าด้วย, ถ้าเธอรังเกียจท่านก็โยนทิ้งไปได้เลย’ นี่คือสิ่งที่เขาพูด ในบรรดาผู้ที่มีคุณสมบัติ, ดยุคเรนเฟลด์เป็นคนๆเดียวที่ได้รับความสนใจจากองค์หญิง นี่คือสาเหตุที่องค์หญิงอ่านแค่จดหมายของเขาและรับของขวัญจากดยุคไรน์เฟลด์ นี่คือเรื่องราวที่ข้าได้ยินมาจากแม่ทัพที่เข้าร่วมกับเธอในสนามรบ”

 

นี่มันเป็นข้อมูลที่ค่อนข้างน่าประหลาดใจอยู่นะ

 

ที่น่าประหลาดใจนั้นไม่ใช่ความจริงที่ว่าดยุคไรน์เฟลด์ได้รับความสนใจ

 

 

มันคือเรื่องที่พี่สาวของฉันอ่านจดหมายของเขาตลอดต่างหาก

 

หรือนี่จะหมายความว่า?

 

“สำหรับขุนนางที่ใช้ชีวิตอยู่ไกลกันเพราะความห่างไกลของดินแดน, จดหมายกับของขวัญคือวิธีการที่พวกเขาใช้ในการรักษาความสัมพันธ์ ตลอดทั้งปีพวกเขาอาจจะไม่ได้เจอกันเลยซักครั้ง ในบรรดาขุนนางที่ส่งของขวัญให้เธอ, คงพูดได้ว่าดยุคไรน์เฟลด์นั้นค่อนข้างเป็นสุภาพบุรุษ นี่คือเหตุผลที่, ถึงแม้ว่าท่านลีเซล็อตต์จะปฏิเสธคำขอแต่งงานของเขา, แต่เธอก็ไม่เคยปฏิเสธจดหมายหรือของขวัญของเขาเลย”

 

“นั่นสินะครับ แบบนี้ก็แสดงว่าเธอไม่ได้เกลียดเขาสินะ”

 

“ครับ เธอคงมีเหตุผลบางอย่างถึงทำแบบนี้ บางทีเธออาจจะตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีวันแต่งงานหรือบางทีมันอาจเป็นเพราะเหตุผลอื่น ถ้าเป็นสาเหตุแรกก็คงจะทำอะไรไม่ได้แต่ถ้าองค์หญิงมีเหตุผลอื่นข้าก็อยากให้องค์ชายไปโน้มน้าวเธอ ถ้าองค์หญิงแสดงอาการออกมาชัดเจนว่าไม่ชอบดยุคไรน์เฟลด์พวกเราก็ล้มเลิกไปได้เลยแต่ข้าไม่คิดว่าองค์หญิงลีเซล็อตต์จะรังเกียจเขาหรอก นี่คือเหตุผลที่ตัวเขาเองค่อนข้างน่าสงสาร”

 

ความจริงที่เขารู้ว่าเธออ่านจดหมายของเขาทุกฉบับก็แสดงว่าฟรานซ์ต้องมองออกมาตั้งแต่แรกแล้วแน่ๆ

 

เนื่องจากเขารู้สิ่งที่ดยุคมอบให้เธอ, เขาก็ต้องรู้ปฏิกิริยาพี่สาวของฉันในตอนที่ได้รับของขวัญพวกนี้ด้วย

 

ฟรานซ์เป็นคนที่ดูแลคนอื่นเก่งดังนั้นเขาต้องให้คำแนะนำไปด้วยแน่ๆ

 

ดูเหมือนว่าฟรานซ์เองก็อยากเห็นความรักครั้งนี้สมหวังเหมือนกันสินะ

 

“ยี่สิบปี…..ถ้าเป็นคนอื่นคงจะรู้สึกว่าคนแบบนี้ดื้อด้าน ข้าเองก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้น ข้าบอกให้เขาตัดใจไปหลายครั้งแล้ว, เพื่อตัวของเขาเอง, ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก, นี่คือสิ่งที่ข้าเคยบอกกับเขา แต่ดยุคไรน์เฟลด์ก็ยังไม่เปลี่ยนใจ, เขาเอาแต่พูดว่าถ้าการกระทำของเขาไปรบกวนลีเซล็อตต์เขาก็จะหยุด สำหรับเขา, ลิเซล็อตต์คือโลกทั้งใบของเขา ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง, ข้าก็อยากทำสิ่งนี้เพื่อเขา”

 

ว่าแล้วเชียว, ท่านพ่อเองก็เป็นคนเหมือนกันแหล่ะนะ

 

เขาคงรู้สึกเห็นใจผู้ชายที่พยายามอย่างหนักเพียงลำพังเป็นเวลาถึงยี่สิบปี

 

แต่มันก็ขึ้นอยู่กับวิธีมองด้วย, ดูเหมือนที่ท่านพี่ยังเก็บเขาไว้ก็เพราะเขามีประโยชน์ด้วยหล่ะนะ

 

มันคือท่านพี่คนนั้น เธออาจจะไม่ได้รู้สึกตัวแต่ถ้าเธอไม่เคยบอกกับดยุคตรงๆว่าอย่ามายุ่งกับเธออีกมันก็ยังพอมีหวังอยู่

 

“แล้วถ้าเกิด….ท่านพี่บอกว่าเธอไม่อยากแต่งงานกับใคร? พวกเราจะยอมแพ้ไปเฉยๆเลยหรอครับ?”

 

“…..ถ้าเธอพูดแบบนั้นข้าก็จนปัญญาแล้วหล่ะ”

 

ท่านพ่อพึมพำออกมาอย่างหงอยๆ

 

ข้าอยากเห็นเธอเป็นเจ้าสาว

 

นี่อาจจะเป็นความรู้สึกจริงๆของท่านพ่อก็ได้แต่มันก็พูดได้ว่านี่เป็นเพียงความเห็นแก่ตัวของเขาเอง

 

ก็คนเป็นพ่อนี่นะ เขาคงคิดว่าถ้าท่านพี่แต่งงาน, เธอก็จะสามารถเอาตัวออกห่างจากสงครามผู้สืบทอดได้

 

ถ้ากอร์ดอนหรือซานดร้าได้บัลลังก์, ท่านพี่ก็อาจจะถูกยัดข้อหาบางอย่างและถูกกำจัด

 

แต่ถ้าเธอกลายเป็นภรรยาของใครซักคน, เธอก็จะไม่มีตำแหน่งในราชวงศ์อีกต่อไป มันช่วยลดทอนอันตรายให้กับเธอได้และจักรวรรดิก็จะไม่เสียแม่ทัพดีๆไปด้วย

 

ถึงยังไงต่อให้ได้เป็นจักรพรรดิแล้ว, มันก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถทำได้ทุกอย่าง

 

“ถ้างั้นข้าจะทำหน้าที่ต่อไป ข้าไม่รู้ว่าจะสามารถเอาข่าวดีกลับมาได้รึเปล่าแต่ข้าจะทำให้เต็มที่, เพราะฉะนั้นช่วยรอข้าหน่อยแล้วกันนะครับ”

 

“เข้าใจหล่ะ ขอฝากเรื่องนี้เอาไว้กับเจ้าแล้วกันนะ”

 

พอพูดจบ, ฉันก็ออกมาจากห้องบัลลังก์

 

หลังจากที่ออกมาแล้วฉันก็เดินทางไปหาแม่ของฉัน

 

ฉันอาจจะไม่ได้ไปไกลถึงพรมแดนเหมือนกับลีโอแต่มันก็ยังเป็นการออกจากเมืองหลวงของจักรวรรดิอยู่ดี

 

ขุมอำนาจอยู่ในมือของฟีเน่และเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างขุมอำนาจยังสงบอยู่, มันก็น่าจะไม่เป็นไร กอร์ดอนกับซานดร้ากำลังเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กันเองในช่วงที่พวกเราไม่อยู่ในจักรวรรดิส่วนขุมอำนาจของเอริคก็ยังคงไม่เคลื่อนไหวเพื่อที่จะไม่เสี่ยงไปทำให้ท่านพ่อโกรธจากการเคลื่อนไหวในสถานการณ์แบบนี้

 

ท่านพ่อจะอ่อนไหวเป็นพิเศษกับเรื่องของผู้อพยพ ถ้ามีคนตั้งใจจะขัดขวางลีโอในขณะที่เขากำลังเคลื่อนไหวเพื่อแก้ปัญหานี้, ท่านพ่อจะต้องโกรธอย่างแน่นอน เอริคไม่ใช่คนที่จะทำอะไรโง่ๆแบบนั้น นี่คือสาเหตุที่มันไม่น่าจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นในเมืองหลวงไปพักนึง, อย่างน้อยก็ภายนอกหล่ะนะ

 

แน่นอนว่า, มันยังมีการเคลื่อนไหวอยู่หลังฉาก ความขัดแย้งระหว่างพ่อค้าของแต่ละขุมอำนาจก็คือหนึ่งในนั้น นี่คือสาเหตุที่ฉันไม่สามารถพาฟีเน่ไปด้วยได้ในครั้งนี้ ถึงยังไงเธอก็ถือเป็นไพ่ตายของบริษัทอะจิน

 

“ดูท่าแล้ว, พวกเราจะขาดกำลังคนจริงๆสินะ”

 

เซบาสต้องถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่ด้วยเหมือนกันเพื่อคอยคุ้มกันฟีเน่

 

การคุ้มกันรอบตัวฉันอาจจะเบาบางลงแต่มันก็ยังดีกว่าปล่อยให้ฟีเน่ไร้การป้องกัน ฉันห่วงแค่เรื่องไม่ให้ตัวตนของฉันถูกเปิดเผยก็พอ, มันไม่มีอันตรายกับชีวิตของฉันหรอก ฉันก็แค่ต้องระวังให้มากกว่าปกติ

 

ลีโอมีลินเฟียอยู่ด้วยส่วนฟีเน่ก็มีเซบาสคอยปกป้องเธอ มันจะง่ายกว่าสำหรับฉันถ้ามีคนคุ้มกันที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระซักคนนึง, แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีคนแบบนั้นเลย

 

น่าเสียดายที่ครั้งนี้ฉันพึ่งพาเอลน่าไม่ได้ด้วยเพราะเธอติดภารกิจอื่นอยู่

 

“มันไม่ใช่ว่าขอแค่เป็นคนเก่งก็พอ ฉันไม่สามารถปล่อยให้คนที่ไม่ไว้ใจมาคุ้มกันฉันได้ เห้อ…..ขออนุญาตครับ, อัลเอง”

 

“อัลหรอ!? รีบเข้ามาเร็ว!”

 

ในตอนที่ฉันมาเยี่ยมห้องของแม่ที่ตำหนักใน, เธอก็ตะโกนบอกให้ฉันเข้ามา

 

ด้วยความที่ตระหนักได้ในทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ, ฉันก็เลยเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ

 

แม่กำลังกอดคริสต้าที่กำลังตัวสั่น

 

“คริสต้า!?”

 

“ฮือฮือ….ฮือออ…….”

 

“จู่ๆเธอก็เริ่มร้องไห้ออกมาโดยไม่พูดอะไรเลย เธอน่าจะเห็นอะไรบางอย่างอีกแล้ว”

 

แน่นอนว่าแม่ของฉันที่รับหน้าที่เป็นผู้ปกครองของคริสต้ารู้เรื่องความสามารถในการทำนายของเธอ

 

เธอมักจะปลอบโยนคริสต้าและปล่อยให้มันผ่านไปแต่ถ้าคริสต้าเป็นแบบนี้จะปล่อยให้มันผ่านไปเองคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีแล้ว

 

ฉันย่อตัวลงมาให้อยู่ในระดับสายตาของคริสต้า

 

“คริสต้า เป็นอะไรรึเปล่า? นี่ข้าเอง, อัล”

 

“…..ท่านพี่อัล…………ท่านพี่อัล!”

 

คริสต้าที่กอดแม่อยู่เข้ามากอดฉันแทน

 

ร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อย

 

ฉันลูบศรีษะของเธอจนกระทั่งเธอใจเย็นลง

 

ในตอนที่คริสต้าได้สติแล้ว, เธอก็พยายามจะปริปากพูดแต่เธอทำไม่ได้

 

“…..คริสต้า เจ้าเห็นอะไรหรอ? มันเป็นเรื่องน่ากลัวใช่ไหม?”

 

“คริสต้า บอกอัลเถอะ เขาอาจจะสามารถช่วยจัดการกับมันได้นะ”

 

“….ฮือ….ฮืออ………”

 

“คริสต้า?”

 

“…..กระท่อมหลังเล็กๆ……แล้วก็มีเด็กอยู่เต็มเลย……..”

 

คริสต้าเริ่มพูดออกมาทีละนิด

 

เธอพูดสิ่งที่เห็นออกมาเป็นคำๆแต่สุดท้ายนั้น, เธอก็พึมพำออกมาแบบนี้,

 

“ริ, ริต้า…….”

 

“ริต้าหรอ?”

 

“เธอตาย…….! ต่อหน้าต่อตาข้าเลย……..!”

 

“หา!?”

 

“ไม่จริงหน่า……”

 

นี่มันทำให้ฉันตกใจจริงๆ

 

ในอดีต, นิมิตของคริสต้าจะมีจริงบ้างไม่จริงบ้าง

 

อย่างไรก็ตาม, ในแง่ของความแม่นยำ, อนาคตที่เกี่ยวข้องกับคริสต้าโดยตรงนั้นจะแม่นยำกว่า

 

ความตายของพี่ชายคนโตของพวกเราก็คือความตายของคนที่ใกล้ชิดกับเธอ, และเธอก็อยู่ที่นั่นในตอนที่เคียร์ถูกโจมตี

 

ในแง่นี้, อนาคตที่เกิดขึ้นตรงหน้าตัวคริสต้าเองนั้นจะน่าเชื่อถือมากๆ

 

แต่จังหวะเวลาแบบนี้มันเข้าขั้นเลวร้ายที่สุดเลย!

 

“พี่อัล……ช่วยริต้าด้วย……!”

 

“อัล…..”

 

“….ข้าพึ่งจะบอกลาท่านพ่อมาเอง……….”

 

“เอ๋……? ไม่ได้นะคะ! พี่อัล! อย่าไปนะ!”

 

คริสต้าเกาะฉันด้วยความสิ้นหวัง มือเล็กๆของเธอจับเสื้อของฉันแน่น

 

จะเอายังไงดีนะ?

 

ฉันควรบอกท่านพ่อว่าพวกเราควรตัดใจรึเปล่า?

 

ไม่ได้, เขาไม่ยอมแน่น ฉันจำเป็นต้องมีเหตุผล และถ้าฉันอธิบายเรื่องคริสต้ากับเขา, ความสามารถของคริสต้าก็จะถูกเปิดเผย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้แม่นยำร้อยเปอร์เซนต์, แต่เวทมนตร์ที่ช่วยให้เห็นอนาคตได้นั้นถือว่ามีประโยชน์กับประเทศเป็นอย่างมาก

 

นั่นคือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด มันจะทำให้คริสต้าตกอยู่ในอันตรายและเธอก็จะถูกบังคับให้มองในสิ่งที่เธอไม่อยากมอง

 

อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้พวกเราไม่มีคนที่พึ่งพาได้เลย

 

“อัล แม่จะหาทางขอร้องจักรพรรดิให้เอง”

 

“….ต่อให้ข้าไม่ไปไหน, จะให้ข้าอยู่ตำหนักในตลอดเวลาก็คงไม่ได้”

 

นอกจากสนม, คนคุ้มกัน, ข้ารับใช้หญิงแล้ว, คนที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในตำหนักในก็มีแค่ราชวงศ์ที่เป็นผู้หญิงหรือไม่ก็เจ้าชายที่มีอายุไม่ถึงยี่สิบปี

 

ต่อให้เป็นเจ้าชาย, ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในตำหนักในหลังจากที่อายุมากขึ้นถึงระดับนึง

 

ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในที่แห่งนี้, การตอบสนองของฉันก็จะล่าช้า

 

ถ้าลินเฟียอยู่ที่นี่หล่ะก็ฉันคงสามารถขอให้แม่แต่งตั้งเธอเป็นคนคุ้มกันได้แต่ตอนนี้ตัวเลือกนั้นคงเป็นไปไม่ได้

 

แม้จะเป็นซิลเวอร์, แต่ถ้าจู่ๆฉันไปปรากฎตัวขึ้นที่ตำหนักใน, ก็จะมีบทลงโทษตามมาอย่างแน่นอน

 

“ประเมินจากสถานการณ์แล้ว, ดูเหมือนว่าตัวคริสต้าเองจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง พวกเราจำเป็นต้องมีคนคุ้มกันที่อยู่ใกล้เธอได้มากที่สุด และผู้หญิงที่มีทักษะมากพอจะคุ้มกันเธอได้ก็คือ…..”

 

“….ก็นึกออกอยู่คนเดียวนั่นแหล่ะ”

 

“นั่นสินะ”

 

ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ฉันก็คงทำได้แค่ขอร้องเอลน่า

 

ฉันต้องขอให้เธอพักภารกิจและมาอยู่กับคริสต้า

 

ถ้าไม่ได้ผลฉันก็ต้องหาวิธีใหม่

 

“แต่เอลน่าถูกมอบหมายภารกิจไปแล้ว ในแง่ของความเสี่ยง, เธอคงอยู่ในระดับเดียวหรืออาจจะหนักกว่าข้าด้วยซ้ำ”

 

เธอถูกมอบหมายภารกิจในฐานะอัศวินหลวงในขณะที่ฉันถูกมอบหมายในฐานะเจ้าชาย แม้แต่เด็กก็ยังบอกได้ว่าพวกเราคนไหนที่ควรเลือกภารกิจของตัวเองมาก่อนเรื่องนี้

 

ขึ้นอยู่กับเหตุผลที่เธอใช้, เธออาจจะถึงขั้นถูกถอดออกจากภาคีอัศวินหลวงก็ได้

 

แต่ถึงอย่างนั้น, พวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพึ่งพาเอลน่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด