การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) 89

Now you are reading การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) Chapter 89 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ยินดีต้อนรับกลับครับ ท่านอาร์โนลด์”

 

“อา, อา, กลับมาแล้ว”

 

ด้วยการพูดคุยกันเช่นนี้กับอัศวินที่ทำหน้าที่คุ้มกัน, ฉันก็เข้าไปในคฤหาสน์แอมส์เบิร์ก

 

พอเข้ามาข้างในแล้ว, พ่อบ้านที่รู้จักที่นั่นก็เข้ามาทักทายฉัน เขาบอกฉันว่าเอลน่ากับคุณแอนนากำลังรับประทานอาหารเย็นอยู่และเริ่มพาฉันไปหาพวกเขาโดยไม่ไปขออนุญาตเจ้าบ้านทั้งสองก่อน

 

นี่ถือเป็นเรื่องปกติในตอนที่ฉันมาเยี่ยมพวกเขา

 

นี่พวกเขาเปิดรับกันขนาดนี้เลยสินะ?

 

ในขณะที่กำลังคิดเช่นนี้, ฉันก็มาอยู่ต่อหน้าพวกเธอทั้งสอง

 

“อ้าว? อัลนี่ ยินดีต้อนรับจ้ะ”

 

“ขอโทษที่บุกเข้ามานะครับคุณแอนนา

 

คุณแอนนาไม่ได้ประหลาดใจเลยและต้อนรับฉันด้วยรอยยิ้มตามปกติ

 

จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นแล้วพาเซบาสออกไปที่ไหนซักแห่ง เธอน่าจะออกไปเตรียมอาหารให้ฉัน

 

ฉันรับความปราถนาดีของเธอแล้วไปนั่งลงตรงข้ามเอลน่า

 

“อัล? เกิดอะไรขึ้น? วันนี้เจ้าควรจะอยู่ที่งานเลี้ยงไม่ใช่หรอ?”

 

“มันน่าเบื่อหน่ะก็เลยชิ่งมา”

 

ฉันพูดออกไปแบบนั้นแล้วเอาสุราที่ฉันหยิบมาจากบนโต๊ะ

 

ไวน์จากปราสาทนั้นเป็นของค่อนข้างดี รสชาติของมันเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ

 

“มันยังเร็วเกินไปนะ…..นี่เจ้าออกมาก่อนองค์จักรพรรดิหรอ?”

 

“ไม่เป็นไรหรอกหน่า ถึงยังไงก็ไม่มีใครสนใจข้าอยู่แล้ว ดาวเด่นของคืนนี้คือลีโอกับท่านพี่ลีเซต่างหากหล่ะ”

 

“เจ้าพูดแบบนั้นออกมาอีกแล้วนะ…..”

 

เอลน่าพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

 

เธอยังคงเหมือนเดิม ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกเศร้าเลยซักนิด

 

แต่ถึงอย่างนั้น, คนที่ทำตัวผิดปกติที่นี่อาจจะเป็นฉันก็ได้

 

ในตอนที่ฉันหยิบแก้วสองใบจากบนโต๊ะ, เอลน่าก็ห้ามฉัน

 

“เจ้าก็รู้ไม่ใช่รึไงว่าข้าไม่ดื่ม?”

 

“ตอนกินกับเพื่อนก็ด้วยหรอ?”

 

“เห้อ…..แค่นิดเดียวนะโอเคไหม?”

 

เนื่องจากเอลน่ายอมหยวนๆให้, ฉันจึงรินไวน์ในแก้วใบแรกเพียงเล็กน้อยและอีกแก้วฉันได้รินจนปริ่ม

 

จากนั้น, ฉันก็ส่งแก้วที่รินน้อยกว่าให้เอลน่า

 

ความเงียบปกคลุมพวกเราในระยะเวลาสั้นๆ

 

เอลน่าไม่ได้พูดอะไรเลย บางทีเธอน่าจะรู้อยู่แล้วว่าฉันอยากจะพูดแต่เธอก็ไม่อยากเร่งฉัน

 

ด้วยความรู้สึกขอบคุณเธอ, ฉันก็ก้มศรีษะลง

 

“ขอโทษนะ…..”

 

“ขอโทษเรื่องอะไรกัน”

 

“……ภาพจากนิมิตของคริสต้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวยังไง, อนาคตก็ได้ถูกติดสินไว้แล้วว่าคริสต้าจะถูกลักพาตัว แต่ถึงอย่างนั้น, ข้าก็ยังขอให้เจ้าช่วยคุ้มกันเธอ…….”

 

“งั้นหรอ? แต่สุดท้ายแล้วข้าก็ช่วยริต้าเอาไว้ได้ไม่ใช่รึไง?”

 

“ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะทำอะไรซักอย่างได้ด้วยพลังของเจ้า แต่ว่า…..ที่ข้าไม่ได้บอกว่าอนาคตไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ก็เพราะข้าไม่อยากทำให้เจ้ารู้สึกไม่มั่นใจตัวเอง นี่คือสาเหตุที่ข้าปิดเรื่องนี้เอาไว้ ข้า….หลอกให้เจ้าทำ……”

 

“….คิดจะดูถูกกันรึไง”

 

เอลน่าพึมพำ

 

อย่างไรก็ตาม, น้ำเสียงของเธอไม่ได้โกรธ

 

ในตอนที่ฉันเงยหน้าขึ้น, เอลน่าก็จ้องตรงมาที่ฉัน

 

“การที่เจ้ามาขอโทษคือการดูถูกข้านะ, อัล”

 

“….แต่ว่า…..สำหรับเจ้าแล้วภาคีเป็น……”

 

“ใช่, มันเป็นความฝันของข้า ข้าพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้เข้าภาคี ข้าได้รับการเลี้ยงดูพร้อมกับถูกบอกมาว่าการเข้าร่วมกับภาคีอัศวินหลวงและปกป้องราชวงศ์คือหน้าที่ความรับผิดชอบของแอมส์เบิร์ก นี่คือสาเหตุที่ข้ารู้สึกมีความสุขจริงๆในตอนที่ข้าสามารถเข้าร่วมภาคีได้ ข้าถึงกับเล็งตำแหน่งหัวหน้าผู้บัญชาการเอาไว้ด้วยซ้ำ แต่, ข้าก็ยังยอมสละทั้งหมดให้ ดูเหมือนว่าเพราะเหตุการณ์นี้, ตอนนี้จึงดูเหมือนว่าความฝันของข้ากำลังถอยห่างออกไปแต่มันก็ไม่เป็นอะไรหรอก”

 

พอพูดจบ, เอลน่าก็ยิ้มออกมา

 

รอยยิ้มของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้จริงๆ

 

แต่ฉันรู้ ฉันรู้ว่าเธอพยายามมากแค่ไหนเพื่อให้กลายเป็นอัศวินหลวงโดยไม่พึ่งพาชื่อของแอมส์เบิร์ก

 

แม้ว่าฉันจะทำให้ความพยายามทั้งหมดของเธอสูญเปล่า, แต่เอลน่าก็ยังไม่โกรธและยิ้มให้ฉันเฉยๆ

 

มันเจ็บปวดจริงๆ

 

ถ้าเธอโกรธฉันคงจะทำให้รู้สึกดีกว่านี้มาก

 

“…….”

 

“ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว ข้าบอกแล้วไง คำสาบานของข้าสำคัญกว่าเกียรติยศของข้า เพราะฉะนั้นไม่ต้องใส่ใจหรอก อัล, ข้าจะไม่มีวันโทษเจ้า ข้าก็แค่ทำตามคำสาบานของข้า มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก ข้ารับผิดชอบเอง ยิ่งไปกว่านั้น, ข้ามีประโยชน์ใช่ไหมหล่ะ?”

 

“…..อา, แน่นอนสิ, มีประโยชน์มากเลยหล่ะ”

 

“ข้าดีใจนะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วหล่ะ คริสต้ากับริต้าปลอดภัยดีและข้าก็สามารถช่วยเจ้าได้ ข้าคิดว่านี่แหล่ะคือชัยชนะของข้าแล้ว แต่พูดตามตรง, มันคงจะดีกว่านี้ถ้าข้าสามารถช่วยเจ้าได้มากกว่านี้”

 

เอลน่าพูดออกมาในขณะที่ยิ้มให้แก้วไวน์ที่เธอกำลังถืออยู่อย่างเริงร่า

 

จากนั้น

 

“ถ้าเจ้าเข้าใจแล้วก็หยุดทำหน้าสลดได้แล้ว เจ้ามาทำอะไรที่นี่กันแน่? ถ้าแค่มาขอโทษข้าก็ถือว่าเรียบร้อยแล้วไม่ใช่รึไง? เอาเถอะ, มาฉลองกันดีกว่า แด่ชัยชนะเล็กๆของข้า”

 

เอลน่ายกแก้วขึ้นในขณะที่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

 

เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้, ฉันก็คงมานั่งเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้แล้ว

 

พอสลัดความลังเลและความเสียใจทิ้งไป, ฉันก็ยกแก้วขึ้น เอลน่าเรียกเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ว่าชัยชนะ คนส่วนใหญ่คงจะบอกว่ามันเป็นความพ่ายแพ้ของเธอ, แต่ฉันมั่นใจว่านี่คือชัยชนะของเธอ

 

ฉันต้องฉลองกับเธอ

 

ถึงยังไง, มันก็คือชัยชนะของดาบของฉัน

 

“แด่ชัยชนะเล็กๆของเจ้า”

 

“ใช่แล้ว, แด่ชัยชนะเล็กๆของข้า”

 

พอพูดจบพวกเราก็ชนแก้วกันแล้วดื่มอวยพร

 

เอลน่าค่อยๆเอียงแก้วของเธออย่างนุ่มนวลแต่ฉันดื่มที่อยู่ในแก้วเข้าไปพรวดเดียวแล้วรินเพิ่ม

 

“รู้ใช่ไหมว่าถ้าดื่มแบบนั้นหลังจากนี้เจ้าจะได้เสียใจแน่?”

 

“ไม่เป็นไรหรอกหน่า ในเมื่อเรากำลังฉลองกันดื่มแบบนี้มันดีกว่านะ”

 

“เจ้าพูดเหมือนกับตัวเองเป็นนักผจญภัยเลยนะ เอาเถอะ, ข้าก็ไม่รังเกียจหรอก”

 

ในตอนที่เอลน่าพูดออกมาแบบนั้นฉันก็หยุดมือ

 

ความรู้สึกผิดทำให้ฉันรู้สึกอยากจะสารภาพทุกอย่างกับเธอ

 

อย่างไรก็ตาม, ฉันหยุดตัวเองเอาไว้ก่อนที่ฉันจะทำแบบนั้นไปและกลืนมันทั้งหมดลงไปกับไวน์

 

ตอนนี้, เปิดเผยความลับนี้กับเธอไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าฉันบอกไปตอนนี้, ฉันก็มีแต่จะเอาความลับที่ไม่จำเป็นไปให้เธอต้องแบกรับ

 

ฉันจะต้องบอกเธอซักวันนึงแต่มันไม่ใช่วันนี้

 

มันมีแต่จะสร้างปัญหาให้เธอ การทำตัวตามใจที่นี่เลยมันเป็นเรื่องง่ายๆแต่ฉันจะทำตามใจกับเธอไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

 

แม้กระทั่งฉันเองก็มีทิฐิเหมือนกัน

 

“เอลน่า…..ข้าจะทำให้ลีโอได้เป็นจักรพรรดิอย่างแน่นอน”

 

“อะไรหล่ะเนี่ยจู่ๆก็?”

 

“ดูเหมือนข้าจะเริ่มเมาแล้วหล่ะมั้ง…..”

 

“หึหึ, เจ้าไม่ได้คออ่อนขนาดนั้นไม่ใช่รึไง?”

 

“บางครั้งข้าก็คออ่อนเหมือนกันนะ…..ถ้าลีโอได้กลายเป็นจักรพรรดิ, เขาจะต้องทำลายธรรมเนียมไร้สาระนี้ทิ้งไปแน่ๆ สงครามผู้สืบทอดได้ผลในเรื่องการเพาะเลี้ยงจักรพรรดิที่มีความสามารถจริงๆ เมื่อเทียบกับประเทศอื่น, ประเทศของเรามีจำนวนผู้นำโง่น้อยจนน่าเหลือเชื่อ แต่การเสียเลือดเสียเนื้อมากขนาดนี้มันไร้สาระเกินไป…..ถ้าเป็นเขา, เขาจะต้องหาวิธีอื่นได้แน่ๆ, นี่คือสิ่งที่ข้าคิด”

 

ฉันไม่ได้มีความคิดที่จะตาย

 

ฉันอยากมีชีวิตอยู่ตามความต้องการของตัวเอง, เป็นนักผจญภัยตามความต้องการของตัวเอง, และตายตามความต้องการของตัวเอง นี่คือแผนการใช้ชีวิตของฉัน

 

และเป็นเหตุผลที่ทำไมวิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นก็คือการทำให้ลีโอได้เป็นจักรพรรดิ มันคือหนึ่งในเหตุผลที่ฉันผลักดันให้ลีโอได้เป็นจักรพรรดิ

 

อย่างไรก็ตาม, ตราบใดที่ธรรมเนียมไร้สาระนี้ยังดำเนินต่อไป, ฉันก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จในเรื่องนั้น

 

ต่อให้พวกเรารอดไปได้, ลูกๆของพวกเราก็จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามผู้สืบทอดในรุ่นถัดไป

 

ในตอนที่ฉันจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามผู้สืบทอดนั้น, ฉันลังเลแต่ว่าฉันก็ยังมีพลังที่จะเข้าร่วมมัน แต่นี่ไม่ใช่สำหรับคริสต้า และมันก็อาจไม่ใช่สำหรับราชวงศ์ส่วนใหญ่ที่จะถือกำเนิดในอนาคตด้วย

 

การที่ต้องมาพัวพันกับมันทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้อยากได้บัลลังก์เลยนั้นมันไร้เหตุผลเกินไป

 

“ข้าสงสัยเรื่องนี้อยู่นะ สงครามผู้สืบทอดมันมีมานานแล้วไม่ใช่หรอ? มันคือหน้าที่ของราชวงศ์ที่จะต้องผลิตผู้นำที่ดีออกมา ถ้ามีจักรพรรดิไม่ได้ความที่ควบคุมจักรวรรดิที่กว้างใหญ่นี้ไม่ได้หล่ะก็เลือดจะหลั่งไหลมากกว่าสงครามผู้สืบทอดด้วยซ้ำ แถมนั่นจะเป็นเลือดของประชาชนด้วยนะ”

 

“ข้ารู้ ข้าเองก็คิดว่าสิ่งที่ข้าต้องการนั้นมันคือความเห็นแก่ตัว ตราบใดที่เกิดเป็นราชวงศ์, ก็จะไม่สามารถหนีจากหน้าที่ของมันได้ ข้ารู้ถึงราคาที่พวกเราต้องจ่ายดี…..แต่ถ้าข้าพอใจกับเรื่องนั้น, ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอก ในครอบครัวของข้าน่าจะมีคนอื่นที่คิดเหมือนข้าอยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีใครทำอะไร และถ้าพวกเราฝากเอาไว้กับอนาคตมันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย”

 

“แล้วทำไมเจ้าถึงไม่กลายเป็นจักรพรรดิซะเองหล่ะ?”

 

“อย่าโง่ไปหน่อยเลยหน่า…..ต่อให้ข้าคิดว่ามันคือธรรมเนียมที่ไร้เหตุผล, แต่มันก็ยังมีข้อดีในตัวมันเอง ถ้าข้าต้องทำการตัดสินตามความเป็นจริงข้าก็มั่นใจเลยว่าข้าคงไม่ทำลายมันทิ้งหรอก นี่คือสาเหตุที่ข้าเลือกสนับสนุนให้ลีโอได้เป็นจักรพรรดิ”

 

“แล้วถ้าลีโอได้ข้อสรุปเดียวกันกับเจ้าหล่ะ?”

 

“ไม่หรอก เขาไม่เหมือนข้า แทนที่จะเลือกวิธีการตามหลักความเป็นจริงและมีประสิทธิภาพ, เขาจะหาวิธีอื่นที่เข้ากับอุดมคติของเขา”

 

พอได้ฟังคำพูดของฉัน, เอลน่าก็ยิ้มออกมา

 

จากนั้นเธอก็ยกแก้วขึ้นมาทางฉัน

 

“นั่นสินะ ข้าเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ลีโอมีบางอย่างที่ทำให้ผู้คนอยากฝากความหวังเอาไว้กับเขา นั่นคือสาเหตุที่ผู้คนสนับสนุนเขาใช่ไหมหล่ะ”

 

“เจ้าก็เข้าใจสินะ?”

 

“ที่ตอนนี้เจ้ามีความสุขก็เพราะข้าพึ่งชมน้องชายของเจ้าหรอ?”

 

“อา, ก็นะ”

 

ในขณะที่บทสนทนาดำเนินไปเช่นนี้, ฉันกับเอลน่าก็ดื่มจนหมดขวด

 

และพอกำลังจะเปิดขวดใหม่นั้นเอง, คุณแอนนากับเซบาสก็กลับมา

 

พร้อมกับพาแขกมาด้วยอีกหลายคน

 

“เอลน่า……!”

 

“พี่เอล!”

 

คริสต้ากับริต้าที่ถูกคุณแอนนานำทางมาที่นี่วิ่งเข้าไปกอดเอลน่า

 

“องค์หญิงคริสต้า, ริต้าด้วย…..มาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย?”

 

“ข้าพาเธอมาเองแหล่ะ”

 

พอพูดจบ, ท่านพี่ลีเซก็เข้ามาหาเอลน่า

 

ซึ่งเอลน่าที่รู้สึกประหลาดใจกับการปรากฎตัวของท่านพี่ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

 

“องค์หญิงลีเซล็อตต์!? ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ!”

 

“อา, ไม่ได้เจอกันนานเลย ไม่ต้องทำตัวจริงจังหรอก วันนี้ข้ามาขอบคุณเจ้า ขอบคุณจริงๆนะที่ช่วยปกป้องคริสต้ากับเพื่อนของเธอเอาไว้”

 

“ไม่หรอกค่ะ, ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก…..”

 

“อย่าถ่อมตัวนักซิ ดูเหมือนว่าเจ้าจะดูแลอัลกับลีโอเป็นอย่างดีเลยไม่ใช่หรอ แค่นี้ข้าก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว”

 

“ท่านพี่, ข้าไม่ได้รบกวนเอลน่าขนาดนั้นซักหน่อย”

 

ในขณะที่ฉันพูดออกมาแบบนั้น, ลีโอก็โผล่มาพร้อมกับไวน์และขนมอีกเพียบในมือทั้งสองข้างของเขา

 

นี่เจ้าจำเป็นต้องแบกทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวไม่ใช่หรอ? เขาสมควรจะเป็นดาวเด่นของคื่นนี้ไม่ใช่รึไงแบบนี้มันไม่ดูน่าสงสารเกินไปหรอ?

 

“ฮึ้บ…..เอามาเท่านี้พอรึเปล่านะ?”

 

“ทั้งสองคนเป็นตัวหลักของคืนนี้ไม่ใช่หรอ?…..เดี๋ยวหลังจากนี้โดนท่านพ่อดุเอาไม่รู้ด้วยนะ?”

 

“ท่านพ่อกลับไปแล้วและคนที่อยากทำแบบนี้ก็คือท่านพี่ลีเซต่างหากหล่ะครับ ข้าขัดเธอไม่ได้ก็รู้อยู่นี่”

 

“ท่านพี่นี่ก็นะ……..”

 

“ข้าสังเกตเห็นว่าเจ้าไม่อยู่แล้ว งานเลี้ยงควรจัดกับคนที่ทำอะไรซักอย่างที่สมควรได้รับมัน, เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรอ?”

 

“เพื่อเหตุผลแบบนี้เนี่ยนะ?…..แต่เจ้าก็รู้ดีจังเลยนะว่าข้าอยู่ที่นี่”

 

ฉันถามลีโอเนื่องจากฉันคิดว่าลีโอเป็นคนที่พามาแน่ๆแต่เขาก็ส่ายศรีษะ

 

แล้วลีโอก็หันไปมองข้างหลัง

 

ที่นั่นฟีเน่กำลังยืนอยู่ในชุดเดรสสีน้ำเงินของเธอ

 

“คุณฟีเน่บอกว่าเธอมั่นใจว่าท่านพี่จะต้องอยู่บ้านของเอลน่าแน่ๆดังนั้นพวกเราก็เลยตัดสินใจพากันมาที่นี่ แล้วท่านพี่ลีเซเองก็บอกว่าอยากจะมาขอบคุณเอลน่าด้วยเพราะฉะนั้นข้าก็เลยคิดว่าถือเป็นโอกาสที่ดี”

 

“ฝีมือฟีเน่หรอ?”

 

“ค่ะ, ข้าคิดว่าท่านอัลจะต้องมาที่บ้านของท่านเอลน่าแน่ๆ”

 

ไม่นึกเลยว่าจะมีคนอื่นนอกจากเซบาสที่อ่านทางฉันออก

 

แม้แต่ลีโอก็ไม่รู้ว่าฉันไปที่ไหน จะบอกว่าสมกับเป็นฟีเน่ก็คงได้หล่ะมั้ง หรือบางที, ตัวฉันในวันนี้จะอ่านง่ายเป็นพิเศษรึเปล่า?

 

ในขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น, ทุกคนก็นั่งลง

 

ฟีเน่นั่งถัดจากฉันในขณะที่ลีโอนั่งถัดจากคริสต้าและริต้า

 

บางทีเขาน่าจะอยากดูแลพวกเธอ

 

ส่วนท่านพี่ลีเซก็นั่งข้างเอลน่าและเริ่มพูดคุยเรื่องเทคนิคดาบกันอย่างเร่าร้อน

 

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ, คุณนายแอมส์เบิร์ก ข้ามีชื่อว่าเยอร์เกน ฟ็อน ไรน์เฟลด์ครับ”

 

“อ๊ะ, ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ข้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับท่านมาแล้วหล่ะดยุคไรน์เฟลด์ ทำผลงานใหญ่ไม่เบาเลยนะคะเนี่ย?”

 

“ชมแบบนั้นข้าก็เขินแย่สิครับ อันที่จริง, มีแร่ดีๆพึ่งถูกขุดพบในดินแดนของข้าด้วยและมันก็เป็นแร่ที่เหมาะกับการทำชุดเกราะมากเลยหล่ะครับ”

 

“อ๊ะ, ฟังดูน่าสนใจดีนะคะ ช่วงนี้สามีของข้าไม่อยู่เพราะฉะนั้นให้ข้าเป็นคนคุยแทนเขาจะได้ไหมคะ?”

 

“แน่นอนครับ”

 

เยอร์เกนที่เข้ามาด้วยตอนนี้กำลังเจรจาธุรกิจกับคุณแอนนา

 

คนๆนี้เหมาะที่จะเป็นพ่อค้าจริงๆ ถึงยังไงนิสัยที่ไม่ยอมทิ้งโอกาสของเขานั้นจะสูญเปล่าเอาได้ถ้าเขาเลือกเป็นนักรบ

 

“เอ่อ, ท่านอัล……บางทีพวกเราน่าจะมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าคะ?”

 

“…..ไม่หรอก, ข้าดีใจที่ทุกคนมานะ”

 

“หรอคะ! ข้าเองก็ดีใจค่ะ!”

 

พอพูดจบ, ฟีเน่ก็เผยรอยยิ้มกว้าง

 

ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะไวน์หรือความเหงาที่แอบซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่งในใจฉันแต่ว่า

 

ตอนนี้เธอดูมีเสน่ห์มาก

 

และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ฉันตัดสินใจว่าจะพูดทุกคำที่อยู่ในหัวของฉันกับเธอจริงๆ

 

“ข้าพูดแบบนี้ที่งานเลี้ยงไม่ได้แต่ว่า…..ชุดนั่นดูเข้ากับเจ้ามากเลยนะ สวยมากเลยหล่ะ”

 

“จ, จริงหรอคะ!? ขอบคุณมากเลยค่ะ!”

 

พอพูดจบ, ฟีเน่ก็ยิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่แก้มของเธอถูกย้อมด้วยสีแดง

 

หลังจากนั้น, ช่วงเวลาแห่งความสนุกก็ดำเนินต่อไปอีกซักพัก

 

ฉันคิดว่างานเลี้ยงโดยทั่วๆไปนั้นน่าเบื่อแต่งานเลี้ยงเล็กๆที่จัดขึ้นที่นี่สนุกมากเลยหล่ะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด