การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) 70

Now you are reading การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) Chapter 70 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แก้ไขตอนที่ 69 ตอนที่ริต้าขึ้นรถม้าได้แล้วริต้าโยนตุ๊กตาทิ้งนะครับไม่ใช่ยัดเข้าไปในรถพอดีผมสับสนคันจิแล้วแปลผิดเองขอประทานโทษด้วยครับ

………………………………………………………

 

 

เอลน่าที่มาเยี่ยมห้องของซูซาน, สนมลำดับห้า, ตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าคนเรียก

 

“ข้าคิดว่าข้าขอให้พาคริสต้ามาด้วยกันกับเจ้าไม่ใช่หรอ?”

 

เอลน่ากำหมัดให้กับท่าทีใสซื่อของซูซาน

 

เห็นได้ชัดว่านี่มันไม่ใช่คำขอแต่เป็นคำขู่

 

อย่างไรก็ตาม, เอลน่าจ้องซูซานกลับไปแล้วตอบกลับ

 

“องค์หญิงคริสต้ารู้สึกไม่ค่อยสบายก็เลยมาไม่ได้ค่ะ เพราะฉะนั้นข้าก็เลยมาที่นี่คนเดียว”

 

“งั้นหรอ เธอป่วยสินะ…..ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร”

 

ซูซานพูดแล้วส่งสัญญาณให้เอลน่านั่ง

 

ด้วยความที่ไม่สามารถปฏิเสธได้, เอลน่าก็เลยนั่งลงบนเก้าอี้แต่เธอไม่ได้ยื่นมือไปหยิบอะไรบนโต๊ะเลย

 

เอลน่าจำได้ว่าซูซานร้องไห้ในงานศพของสนมลำดับสอง

 

น้ำตาของเธอเป็นของจริง นี่คือสาเหตุที่เธอน่ากลัว

 

ความน่ากลัวมันอยู่ตรงที่ว่าผู้หญิงที่ชื่อซูซานนั้นสามารถร้องไห้ได้แม้กระทั่งกับศัตรูคู่อาฆาตของเธอ การที่เธอสามารถหลอกตัวเองได้ถึงขั้นนั้ง, ก็แสดงว่าการหลอกคนอื่นต้องเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอเช่นกัน

 

พ่อของเอลน่าเคยพูดเอาไว้ว่าซูซานนั้นคือนังงูพิษ

 

ซึ่งตอนนี้เธอก็ได้เข้าใจสิ่งที่เขาสื่อแล้ว

 

“เหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามาในครั้งนี้ก็เพราะข้าอยากให้เจ้ามาอยู่ฝั่งเดียวกับพวกเรา”

 

พอเห็นซูซานพูดแบบนั้นด้วยรอยยิ้ม, เอลน่าก็นึกถึงภาพงูที่กำลังแลบลิ้นและค่อยๆเข้ามาใกล้เธออย่างช้าๆพร้อมกับรอจังหวะที่จะเข้าใส่เธอ

 

และก่อนที่จะรู้ตัว, คุณก็จะโดนรัดและเตรียมที่จะถูกกินแล้ว

 

เอลน่าหลับตาลงและสลัดภาพนั้นออกไป

 

“ถ้าท่านขอให้ข้าช่วยในสงครามผู้สืบทอดข้าก็คงต้องขอปฏิเสธค่ะ”

 

“งั้นหรอ…..ทำไมหล่ะ?”

 

“บ้านแอมส์เบิร์กไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสงครามผู้สืบทอดมาทุกยุคสมัย จุดยืนของพวกเราคือการที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง”

 

“แต่เจ้ากำลังช่วยลีโอนาร์ดอยู่ไม่ใช่หรอ? แถมตอนนี้เจ้าก็คุ้มกันแม่ของเขาอยู่ด้วยนะ”

 

“เขาเป็นเพื่อนสมัยเด็กของข้า การที่ข้าช่วยนั้นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของข้าคนเดียว พวกเขาก็แค่จะรู้สึกปลอดภัยกว่าถ้ามีข้าคอยทำหน้าที่คุ้มกัน ท่านรู้สึกไม่พอใจหรอคะ?”

 

“เปล่าหรอก, มิตรภาพของเจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ เจ้าช่วยแบ่งมิตรภาพนั้นมาให้ซานดร้าบ้างไม่ได้หรอ?”

 

แน่นอนว่าไม่มีวันอยู่แล้ว

 

นี่คือสิ่งที่เอลน่าคิดแต่เธอไม่สามารถพูดออกมาได้ดังนั้นเธอจึงตอบกลับไปอย่างกลางๆแทน

 

“ไว้ข้าจะหาโอกาสพิจารณาดูนะคะ”

 

“เป็นคำตอบที่เย็นชาจังเลยนะ รู้ไหมว่าทั้งข้าและเด็กคนนั้นประเมินเจ้าเอาไว้สูงเชียวหล่ะ?”

 

“งั้นหรอคะ”

 

ในขณะที่ตอบกลับไปอย่างปัดๆ, เอลน่าก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ

 

โดยปกติแล้วผู้คนจะไม่ใช้คำว่า ‘ประเมิน’ กับสมาชิกของตระกูลแอมส์เบิร์ก สถานะของบ้านแอมส์เบิร์กนั้นมั่นคง มันไม่น่าจะมีใครกล้าตัดสินคุณค่าของพวกเขา

 

อย่างไรก็ตาม, คำถามก็คือว่าทำไมซูซานถึงพูดเรื่องไร้เหตุผลแบบนี้ออกมา เอลน่าขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ

 

“ถ้าร่วมมือกับซานดร้าเจ้าจะได้รางวัลเยอะแยะเลยนะรู้รึเปล่า? และพวกเราก็ยินดีที่จะให้สัญญาด้วยว่าจะไม่แตะต้องเพื่อนสมัยเด็กของเจ้า”

 

“ข้ารู้สึกเป็นเกียรติกับข้อเสนอของท่านนะคะ…..แต่ข้าขอถามอะไรซักอย่างได้รึเปล่า!?”

 

เป็นการชักชวนที่ขวานผ่าซากจริงๆ

 

การปฏิเสธเสียงแข็งนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดี มันจะดีกว่าถ้ารีบหาทางเปลี่ยนหัวข้อแล้วจบการสนทนาให้ได้เร็วๆ

 

เอลน่าเข้าใจตรงจุดนี้ ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลที่ทำไมถึงแปลก

 

เพื่อเป็นการแก้ปัญหาในตอนนี้, เอลน่าก็เลยยิงคำถามของเธอออกไปและพยายามที่จะควบคุมการสนทนา

 

“ถามอะไรหล่ะ?”

 

“ทำไมถึงเรียกองค์หญิงคริสต้ามาด้วยหรอคะ?”

 

“เด็กคนนั้นเป็นน้องสาวของลีเซล็อตต์ที่มักจะอยู่ชายแดนตลอดเวลา ข้าคิดว่าถ้าข้าถามเธอ, เธออาจจะมาเข้าร่วมกับข้า”

 

“เข้าร่วมกับท่านหรอคะ……?”

 

เอลน่าไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ซูซานพูดออกมา

 

เรื่องแบบนั้นมันไม่มีทางเกิดขึ้นอยู่แล้ว

 

มันดูไม่น่าเชื่อสุดๆที่ลูกสาวของสนมลำดับสองอย่างลีเซล็อตต์หรือคริสต้าจะเข้าร่วมกับฝั่งของซูซาน แม้ว่าเธอจะถูกพิสูจน์ความบริสุทธิ์แล้ว, แต่เธอก็ยังเป็นที่น่าสงสัย, มันไม่มีทางเลยที่พวกเธอจะร่วมมือกับคนๆนี้

 

แล้วทำไมเธอถึงให้คำตอบแบบนี้หล่ะ?

 

“ตอนนี้คริสต้าไม่อยู่ที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น, ข้ายังอยากคุยกับเจ้าต่อด้วย”

 

“เธอกำลังซื้อเวลา………”

 

เอลน่าตื่นตัวแล้วพึมพำออกมาแบบนั้น

 

ในอีกด้านนึง, ซูซานแค่เอียงศรีษะเล็กน้อยราวกับเธอกำลังประหลาดใจ

 

“เมื่อสักครู่นี้เจ้าพูดอะไรรึเปล่า?

 

“!!??”

 

พอเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้, เอลน่าก็รู้สึกตัว

 

เธอคือคนที่ซูซานอยากจะล่อออกมา

 

พอเธอคิดได้, เอลน่าก็วิ่งออกไปจากห้องโดยที่ไม่พูดอะไรเลย

 

ซูซานไม่ได้พยายามจะหยุดเธอ

 

ตำหนักในนั้นกว้างขวางและเขตของสนมแต่ละคนก็อยู่ห่างกัน แค่เวลาที่เอลน่าเดินทางมาที่นี่มันก็มากพอแล้ว

 

เอลน่าตำหนิความสะเพร่าของตัวเองในขณะที่กระโดดขึ้นหลังคาของตำหนักในและใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุดกลับไปหาคริสต้า

 

เหตุผลที่เธอเรียกคริสต้ามาด้วยก็เพราะเธอรู้ว่าเอลน่าจะต้องทิ้งคริสต้าเอาไว้

 

เป้าหมายดั้งเดิมก็คือการจับพวกเธอแยก

 

“ชิ!”

 

เนื่งจากเป็นห่วงความรู้สึกของคริสต้า, เธอก็เลยทำให้คริสต้าตกอยู่ในอันตราย

 

เธอน่าจะอยู่ข้างๆคริสต้าเอาไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

 

ด้วยความรู้สึกเสียใจ, เอลน่าก็กลับมาถึงพื้นที่ใกล้กับห้องของมิทสึบะ

 

อีกฝ่ายไม่น่าจะสามารถทำอะไรได้ตราบใดที่ยังอยู่ในตำหนักใน

 

พอคิดได้แบบนี้, เอลน่าก็มองเข้าไปในห้อง และเห็นว่าคริสต้าไม่อยู่แล้ว, ซึ่งนี่ก็ทำให้สีหน้าของเอลน่าหม่นหมอง

 

“องค์หญิง!? เธอไปอยู่ไหนแล้ว!?”

 

“ค, ค่ะ! มีรายงานเข้ามาว่าองค์ชายอาร์โนลด์ได้รับบาดเจ็บในระหว่างทางกลับก็เลย….”

 

“ถ้าเป็นความจริงผู้คนก็น่าจะแตกตื่นกันแล้ว! รีบตามข้ามาเร็ว!”

 

ด้วยการพาการ์ดที่อยู่ใกล้ๆไปกับเธอด้วย, เอลน่าก็ไล่ตามคริสต้าไป

 

พอถามจากคนที่อยู่ในระแวก, เธอก็พอรู้ทิศทางที่คริสต้ามุ่งหน้าไป

 

เมื่อเห็นว่าทิศทางมันตรงไปยังพื้นที่โหลดสินค้าของพ่อค้า, เอลน่าก็ทิ้งการ์ดเอาไว้แล้วมุ่งหน้าไปข้างหน้า

 

หลังจากที่เอลน่ามาถึงพื้นที่โหลดสินค้า, เธอก็กวาดตามองพวกพ่อค้าที่อยู่ที่นี่

 

ทุกคนรู้สึกประหลาดใจกับการปรากฎตัวอย่างกระทันหันของเอลน่าแต่เธอก็ไม่สนใจพวกเขาแล้วมองดูรอบๆ จากนั้นเธอก็เจอเบาะแสนึงบนพื้น

 

มันคือรอยคราบเลือดที่พึ่งถูกเช็ดไป แถมยังมีมากกว่าหนึ่งรอยด้วย

 

การเช็ดคราบเลือดลักษณะนี้เป็นหนึ่งในเทคนิคที่นักฆ่าชอบใช้

 

พอเห็นแบบนี้เอลน่าก็เดาะลิ้น, แล้วเงยหน้าขึ้นมา

 

หลังจากที่มองหาเบาะแสรอบๆ, เธอก็เจอตุ๊กตากระต่ายที่ดูคุ้นเคย มันเป็นของคริสต้า

 

“องค์หญิง…..!”

 

ด้วยการเรียกชื่อของเธอออกมาโดยไม่รู้ตัว, เอลน่าก็วิ่งไปหาตุ๊กตา

 

ตุ๊กตาสีขาวตัวสกปรกไปหมดแต่ไม่มีคราบเลือดอยู่ แสดงว่าตอนนี้, เธอน่าจะยังไม่ได้รับบาดเจ็บสินะ เอลน่าตระหนักได้ถึงเรื่องนี้แล้วถอนหายใจออกมา

 

ในตอนนั้นเอง, เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแข็งๆอยู่ข้างใน

 

มันมีอะไรบางอย่างอยู่ข้างในตุ๊กตา ในตอนที่เธอเอาออกมาดู, เธอก็เจอเหรียญ

 

พอนึกถึงความเป็นไปได้, เอลน่าก็พึมพำออกมาเบาๆ

 

“…..บันเด้”

 

มีเส้นด้ายเส้นนึงที่ทำมาจากพลังเวทย์งอกออกมาจากเหรียญ

 

มันทอดยาวไปไกลจนออกนอกปราสาท

 

“ริต้า…..!”

 

เอลน่าเรียกชื่อของเธอออกมาโดยไม่คิดอะไร

 

มันมีทั้งความดีใจและความเป็นห่วง

 

ในเมื่อเป็นแบบนี้, ก็แสดงว่าริต้าต้องตามคริสต้าไปแน่ๆ อย่างไรก็ตาม, การที่เธออยู่กับคริสต้านั้นก็หมายความว่าตอนนี้อนาคตที่คริสต้าเห็นเริ่มกลายเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆแล้ว

 

“เอาเรื่องนี้ไปรายงานจักรพรรดิเดี๋ยวนี้เลย! องค์หญิงคริสต้าถูกลักพาตัว! เรียก VIP ทุกคนกลับมาที่ปราสาทและสั่งปิดปราสาททันที! เร็วเข้า!”

 

หัวหน้าหน่วยของภาคีอัศวินหลวงนั้นมีอำนาจถึงขั้นนี้

 

ในสถานการณ์ฉุกเฉิน, พวกเขาได้รับอนุญาตให้มีอำนาจตัดสินใจในระดับนึง

 

เอลน่าออกคำสั่งต่อ

 

“ข้าจะไล่ตามไปเอง! ขออนุญาตฝ่าบาทให้ส่งอัศวินหลวงมาให้ข้าด้วย!”

 

พอพูดจบ, เอลน่าก็ทะยานขึ้นฟ้าแล้วเริ่มบิน

 

วิธีนี้เร็วกว่าการวิ่งฝ่าฝูงชนในเมืองหลวงของจักรวรรดิ

 

เหตุผลที่ทำไมเธอไม่ค่อยทำแบบนี้ก็เพราะจักรพรรดิห้ามไม่ให้เธอบินเล่นตามใจชอบ

 

อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้มันไม่มีเวลามาห่วงเรื่องนั้นแล้ว

 

เอลน่าบินตรงไปทางที่เหรียญนำเธอไป

 

 

“เอาหล่ะ, เท่านี้ก็น่าจะพอแล้วนะ”

 

คริสต้า, ที่ถูกขังเอาไว้ข้างในรถม้าตื่นแล้ว, แต่ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

 

เธอไม่สามารถออกแรงขยับตัวได้และเธอก็ถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือก

 

เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังเดินลงบันไดแต่เธอไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนกันแน่

 

เธอรู้แค่ว่ามันเป็นห้องที่ทั้งมืดทั้งอับ

 

“เอาหล่ะ, องค์หญิง, รอข้าก่อนนะ, เดี๋ยวจะไปเอาปลอกคอดีๆมาให้”

 

ชายหัวล้านที่เป็นคนมัดคริสต้าพูด

 

ผู้ช่วยพ่อค้าที่ถูกทิ้งเอาไว้ให้ดูแลทาสเดินไปที่หลังห้องอย่างมีความสุข

 

เขากำลังจะเอาปลอกคอมาสวมเธอ ซึ่งความจริงนี้ทำให้คริสต้ารู้สึกสิ้นหวัง

 

การเอาปลอกคอมาสวมคนนั้นมักจะหมายความว่าเขาจะใส่อุปกรณ์เวทมนตร์ที่จะแย่งชิงอิสรภาพของเธอ ทาสนั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายในจักรวรรดิมาตั้งแต่แรกแล้วดังนั้นมันจึงเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ถูกแบนด์ในจักรวรรดิ

 

พอตระหนักได้ว่าเธอถูกคนที่ใช้ของแบบนี้จับได้, ร่างกายของคริสต้าก็เริ่มสั่น

 

อย่างไรก็ตาม, เสียงของเพื่อนเธอที่ไม่น่าจะอยู่ที่นี่ก็ดังเข้ามาในหูของคริสต้า

 

“คูจัง…….!”

 

“ริต้า…..?”

 

ริต้ากระซิบเรียกคริสต้าและคริสต้าก็ยิ้มให้เพื่อนของเธอ

 

อย่างไรก็ตาม, เธอไม่สามารถใช้มีดของเธอตัดเชือกที่มัดคริสต้าเอาไว้ได้ในทันที

 

“ได้ยังไงกัน……”

 

“ริต้าเจอตุ๊กตาของคูจังก็เลยไล่ตามมา แล้วในตอนที่ริต้าเห็นคูจังอยู่บนรถม้า, ริต้าก็เกาะขึ้นมาด้วย”

 

“ทำไมหล่ะ……มันอันตรายไม่ใช่หรอ……?”

 

“ริต้าไม่ใช่พวกขี้ขลาดที่ทอดทิ้งเพื่อนซักหน่อย”

 

พอพูดจบ, ริต้าก็สามารถตัดเชือกได้และช่วยพยุงคริสต้าขึ้นมา

 

“ไม่….พวกเราหนีไปไม่ได้หรอก…..”

 

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวริต้าจะคอยคุ้มกันให้เอง”

 

ริต้าเผยรอยยิ้มตามปกติออกมาแล้วพาคริสต้าไปที่ทางออก

 

ทั้งสองคนค่อยๆเดินไปตามอุโมงที่ซับซ้อนแต่ว่าพวกเขาก็ยังเป็นแค่เด็กและมีคนนึงที่เดินไม่ค่อยไหวด้วย

 

ไม่นานนัก, ชายหัวล้านเมื่อก่อนหน้านี้ก็ตามพวกเขาทัน

 

“ดูเหมือนจะมีหนูหลงเข้ามาสินะ, เอาเถอะ ข้าจะเอาเจ้าไปเป็นสินค้าด้วยละกัน”

 

“เขาไล่ตามมาแล้ว!?”

 

“ริต้า, หนีไป……!”

 

“ริต้าไม่หนีหรอก!”

 

พอถูกชายหัวล้านไล่, ริต้ากับคริสต้าก็เปลี่ยนเส้นทาง

 

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ทางออก, แต่ถ้าพวกเขายังวิ่งทางเดิมต่อเขาก็จะไล่ทัน

 

หลังจากเลี้ยวอยู่หลายครั้ง, ริต้ากับคริสต้าก็เข้ามาในห้องๆนึงแล้วปิดประตู

 

“เห้อ…..พวกเราจะหาทางออกไปให้ได้นะ”

 

“ม ไม่นะ…..”

 

ริต้ารู้สึกโล่งอกในขณะที่คริสต้าตกอยู่ในความสิ้นหวัง

 

มันคือห้องของเด็กๆที่ถูกจับมาขายเป็นทาส ห้องนี้ถูกแยกจากห้องอื่นและดูเหมือนกระท่อมถ้ามองผ่านๆ

 

คริสต้าจำห้องนี้ได้ดี

 

มันคือห้องที่เธอเห็นริต้าตาย

 

นี่คือสถานที่ที่ริต้าจะถูกบางอย่างฆ่า

 

“ริต้า!! เจ้าต้องหนีไปนะ!!”

 

“หืม? พวกเราก็กำลังหนีอยู่ไม่ใช่หรอ?”

 

“ไม่ใช่แบบนั้น! ขอร้องหล่ะ!”

 

คริสต้าอ้อนวอนแต่เสียงของเธอก็ถูกกลบไปด้วยเสียงอีกเสียงนึงที่อยู่ในห้อง

 

“จับ-ได้-แล้ว-นะ”

 

เสียงทุ้มต่ำที่บีบรัดหัวใจของพวกเธอนี้เป็นของชายหัวล้าน

 

ชายคนนี้เข้ามาในห้องจากประตูที่มองแวบแรกดูเหมือนกับส่วนนึงของกำแพง

 

“มีประตูลับซ่อนอยู่ทั่วสถานที่แห่งนี้ เจ้าซ่อนตัวจากข้าไม่ได้หรอก”

 

“ไม่จริงหน่า…..”

 

“หนอยย!!”

 

ริต้าพยายามจะเปิดประตูที่พวกเธอเข้ามาแต่มันติดและเปิดไม่ออก

 

ชายหัวล้านคนนี้ต้องทำอะไรบางอย่างกับมันแน่ๆ

 

“เอาหล่ะ, พวกเรามาจบเกมส์เล่นซ่อนหากันเลยดีไหม”

 

“อย่าเข้ามาใกล้นะ!”

 

ริต้าซ่อนคริสต้าเอาไว้ข้างหลังแล้วชักมีดออกมา

 

ชายหัวล้านมองไปที่มีดแล้วยิ้มเยาะ

 

“โห โห, น่ากลัวจังเลย ตอนนี้กำลังเล่นเป็นอัศวินอยู่งั้นหรอ”

 

“หุบปากไปซะ!”

 

ริต้ายกมีดขึ้นมา, ท่ายืนของเธอนั้นไม่เหมือนกับเด็กเลย

 

ชายหัวล้านเข้าไปใกล้พวกเธอโดยไม่สนใจอะไรแต่ในตอนนั้นเองเลือดที่เท้าของเขาก็ไหลออกมาเล็กน้อย

 

“หนอย…..เจ้าเด็กเวร…..วางมีดลงเดี๋ยวนี้นะ ถ้าเจ้าทำตัวดีๆข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้าโอเคไหม?”

 

“ฝันไปเถอะ!”

 

“ริต้า! หยุดเถอะนะ!”

 

“องค์หญิงสั่งเจ้าแล้วนะไม่ได้ยินหรอ?”

 

“ริต้าจะไม่ทิ้งเพื่อนเด็ดขาด!”

 

ริต้าจับมีดของเธอแน่น

 

ในตอนที่ชายหัวล้านเข้าไปในระยะของริต้าอีกครั้ง, เธอก็พยายามขัดขวางเขาเหมือนกับก่อนหน้านี้แต่ชายหัวล้านที่รู้จังหวะมีดของเธอแล้วก็ก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อหลบคมมีดแล้วฉวยโอกาสเตะริต้าออกไป

 

“อึ้ก!!”

 

“หืม, โดนเต็มๆเลยสินะ”

 

“แค่ก, แค่ก! แก…..”

 

“ริต้า! ริต้า!”

 

ริต้าที่ถูกเตะนั้นกลิ้งไปกระแทกกับกำแพง

 

พอเห็นริต้ากระอักเลือดออกมา, คริสต้าก็วิ่งไปหาเธอแต่ริต้าก็ลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ยังเปียกไปด้วยน้ำตา จากนั้นเธอก็เอาตัวมาบังคริสต้าอีกครั้ง

 

“ยังยืนไหวอยู่หรอเนี่ย พวกอัศวินสอนให้เจ้าคอยปกป้ององค์หญิงสินะ?”

 

“ข้า, มันไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย….”

 

“อะไรกัน? พวกนั้นก็แค่เติบโตในปราสาทอันแสนอบอุ่นโดยที่ไม่รู้จักความลำบากไม่ใช่หรอ? แถมตัวเจ้าเองก็เป็นสามัญชนไม่ใช่รึไง? ข้าจะไม่พูดอะไรแย่ๆเพราะฉะนั้นทิ้งมีดลงได้แล้ว เป็นทาสก็ยังดีกว่าตายนะถูกไหม?”

 

“ข้าขอปฏิเสธ……”

 

“เห้อ, ช่างน่าเจ็บปวดจริงๆ แม้กระทั่งเด็กอย่างเจ้าก็ยังพูดเรื่องอะไรอย่างเช่นความภาคภูมิใจของอัศวินงั้นหรอ”

 

ชายหัวล้านพูดออกมาแบบนั้นเหมือนกับว่าเขาอยากจะอ้วก

 

อย่างไรก็ตาม, ริต้าจ้องชายคนนั้นตาเขม็ง

 

จากนั้นเธอก็ยกมีดขึ้นมาอีกครั้งด้วยมือที่สั่นเครือ

 

“ริต้าไม่ใช่อัศวิน……คูจังเป็นเพื่อนของข้าเพราะฉะนั้นข้าก็เลยปกป้องเธอ…..ริต้าจะไม่มีวันทิ้งเพื่อนเป็นอันขาด!!”

 

“งั้นหรอ”

 

พอพูดจบชายหัวล้านก็หยิบแท่งเหล็กที่อยู่ใกล้ๆขึ้นมา

 

ปลายของมันนั้นคมกริบ บางทีมันน่าจะมีไว้ใช้สำหรับทรมานทาส

 

ชายหัวล้านเดินตรงมาหาริต้า

 

ฉากที่เห็นตรงหน้านี้ได้ซ้อนทับกับภาพนิมิตของคริสต้า

 

และในตอนนี้เองความรู้สึกอยากยอมแพ้ก็เริ่มเติบโตขึ้นในใจของคริสต้า

 

ตั้งแต่วันที่เธอเห็นอนาคตที่มงกุฎราชกุมารตาย, คริสต้าก็ได้เห็นอนาคตอื่นๆอีกมากมาย มันมีอนาคตที่เธอไม่ได้บอกกับอัลหรือมิทสึบะด้วย

 

นี่คือสาเหตุที่คริสต้ารู้ถึงความแตกต่างระหว่างอนาคตที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้และอนาคตที่ถูกกำหนดเอาไว้แน่นอนแล้ว

 

อนาคตที่เป็นความตายของคนนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าเธอจะทำยังไง, ผลลัพธ์ก็จะออกมาเหมือนเดิม

 

จนถึงตอนนี้เธอได้พยายามมาหลายอย่างแล้วแต่อนาคตที่แสดงให้เห็นความตายของคนก็ไม่เคยเปลี่ยน นี่ไม่ได้นำมาใช้ตัดสินแค่ความตายของมงกุฎราชกุมารแต่ยังรวมถึงทหารที่รับใช้ภายใต้ลีเซล็อตต์และคนใช้ของเธอด้วย, มันไม่มีอะไรเคยเปลี่ยนไปเลย

 

อย่างไรก็ตาม, เหตุผลที่เธอดิ้นรนในครั้งนี้ก็เพราะว่าเธอไม่อยากให้ริต้าตาย

 

แต่ในท้ายที่สุดแล้ว, การกระทำนั้นก็ทำให้ความตายของเธอกำลังเกิดขึ้นในตอนนี้

 

การทำอะไรซักอย่างเป็นเรื่องไร้ประโยชน์, และการปล่อยเอาไว้เฉยๆเองก็ไม่ดีเหมือนกัน

 

อนาคตไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

 

“ถ้างั้นก็ตายซะ”

 

พอพูดจบ, ชายหัวล้านก็ค่อยๆง้างแท่งเหล็ก

 

เมื่อเห็นแบบนั้น, คริสต้าก็ยิ่งสิ้นหวัง

 

มันเป็นความสิ้นหวังที่เกิดจากทั้งความไร้พลังและความทุกข์ใจของเธอ

 

อย่างไรก็ตาม, เธอยังถอดใจไม่ได้

 

ความตายของคริสต้าคือสิ่งที่เธอจะไม่ยอมรับ

 

ดังนั้นคริสต้าจึงยึดมั่นในความหวังสุดท้ายของเธอ

 

ด้วยความที่เชื่อใจในคำพูดของพี่ชาย, เธอก็ตะโกนออกมา

 

“เอลน่า!!!!”

 

“ตะโกนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกหน่า”

 

ชายหัวล้านพูดในขณะที่แทงแท่งเหล็กไปทางริต้า

 

ในตอนนั้นเอง

 

กำแพงห้องก็พังทลายและบางอย่างก็โจมตีชายหัวล้าน

 

เป็นเวลาพักนึงที่ชายหัวล้านไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

 

เขาเข้าใจแค่ว่ามีบางอย่างฟาดใส่เขาและตอนนี้ร่างกายของเขาก็ถูกตรึงกับกำแพง

 

“เหวอ……”

 

“ขอโทษที่มาช้านะคะ, องค์หญิง, ริต้า ทั้งสองคนไม่เป็นไรใช่ไหม?”

 

“เอลน่า…..”

 

จากนั้นเขาก็เข้าใจ

 

มีกำแพงพังทะลุมาเป็นชั้นๆที่ฝั่งตรงข้าม

 

อัศวินที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นได้พุ่งเข้ามาหาเป็นเส้นตรง

 

และความจริงก็คือว่าดาบของอัศวินคนนี้ได้แทงทะลุร่างของเขาอยู่

 

ชายหัวล้านเข้าใจแล้ว

 

ผู้หญิงที่มีผมสีซากุระและดวงตาสีหยก

 

“แอมส์….เบิร์ก…..”

 

“ใช่แล้ว….เจ้าสินะที่เป็นคนทำร้ายรุ่นน้องของข้า?”

 

“แล้วถ้า….ข้าบอกว่าใช่หล่ะ……?”

 

“เจ้าก็จะได้บอกลาโลกนี้อย่างแน่นอน”

 

พอพูดจบ, เอลน่าก็ใส่พลังเพิ่มเข้าไปในดาบที่กำลังตรึงชายหัวล้านกับกำแพงอยู่

 

ด้วยพลังนี้เพียงอย่างเดียวกำแพงก็พังทลายแล้วซัดชายหัวล้านกระเด็นทะลุมันไป

 

เอลน่าไม่รู้ว่าชายคนนั้นอยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็เพราะมันไม่มีเหตุผลที่จะต้องยืนยันเรื่องนั้นอีกแล้ว

 

“ริต้า…..!”

 

“พี่เอลน่า…..”

 

“โถ่, ริต้า….”

 

เอลน่าเข้าไปพยุงริต้าที่เดินซวนเซและตรวจดูที่ท้องของเธอ

 

ท้องของเธอช้ำจนม่วงแล้วเพราะฉะนั้นต้องมีกระดูกหักข้างในแน่ๆ

 

เธอร่ายเวทย์ฟื้นฟูเบื้องต้นให้ริต้าแต่ดูเหมือนว่ากระดูกจะเสียหายหนักมากเพราะฉะนั้นมันจึงทำได้แค่บรรเทาความเจ็บปวดของเธอ เธอต้องรีบเอาตัวริต้าเป็นส่งหมอที่เชี่ยวชาญเดี๋ยวนี้เลย

 

“เอลน่า…..!”

 

“องค์หญิง……! ข้าขอโทษจริงๆค่ะ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของข้าเอง……”

 

“ไม่ใช่ซักหน่อย….ข้าต่างหากหล่ะที่ต้องขอโทษ….ข้าเป็นคนผิดสัญญาเอง…..”

 

เอลน่ากอดคริสต้าที่กำลังร้องไห้

 

จากนั้นเธอก็กอดริต้าอย่างนุ่มนวลเพื่อไม่ให้กระทบบาดแผลของเธอ

 

“ขอบใจนะ….ทั้งหมดต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ, ริต้า….”

 

“ฮี่ฮี่….ริต้าเก่.ง.ไหม..?”

 

“อืม, สุดยอดเลยหล่ะ ทำหน้าที่ได้ดีมาก”

 

เอลน่าลุกขึ้นพร้อมกับแบกริต้าเอาไว้ที่หลังของเธอ

 

“เอลน่า….พวกเด็กๆ……”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ”

 

เอลน่าสบัดดาบเบาๆ

 

แล้วปลอกคอที่ติดอยู่ที่คอของทาสเด็กก็ถูกตัดออกทีละอัน

 

“ถ้าอยากรอดก็ตามข้ามา”

 

เอลน่าออกมาจากห้องด้วยกันกับริต้าและคริสต้า

 

จากนั้นพวกเด็กๆก็ตามมาโดยไม่ลังเล

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด