การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) 83

Now you are reading การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) Chapter 83 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ประมาณช่วงที่นักผจญมารวมตัวกันที่กิลด์เมืองหลวงจักรวรรดิและซิลเวอร์กำลังจะเปิดประตูเคลื่อนย้าย

 

ทันใดนั้นเอง, ผู้ส่งสารจากปราสาทก็เข้ามาในกิลด์

 

“อะไรกันอะไรกัน, นั่นมันองค์ชายลำดับสองนี่หน่า วันนี้มีอะไรให้พวกเราช่วยหรอครับ?”

 

“พวกเรากำลังประชุมเรื่องเหตุการณ์ทางใต้ที่ปราสาท เวทย์เคลื่อนย้ายของเจ้าเป็นทรัพย์สินที่มีค่าสำหรับพวกเราเพราะฉะนั้นพวกเราก็เลยอยากให้เจ้ารออีกซักหน่อย”

 

ในตอนที่เขาพูดออกมาแบบนั้น, เอริคก็ก้มศรีษะลงอย่างคาดไม่ถึง

 

ไม่เหมือนกับฉัน, โดยปกติแล้วราชวงศ์จะไม่ก้มหัวให้กับใคร นี่คือจุดยืนที่พวกเรามี

 

“เวลาผ่านมาค่อนข้างนานแล้ว ถ้าเจ้ายังกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวไม่ได้, แล้วจะรับประกันได้ยังไงว่าครั้งนี้เจ้าจะตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว?”

 

“ข้าได้ส่งคำขอเรียกรวมกำลังพลทั้งหมดที่อยู่ใกล้เมืองหลวงจักรวรรดิให้มาคุ้มกันปราสาทแล้วเพราะฉะนั้นพวกเราเลยสามารถส่งอัศวินหลวงออกไปได้ คำขอน่าจะผ่านการพิจารณาในเร็วๆนี้”

 

“โฮ่? การต่อสู้แย่งผลงานเริ่มขึ้นจากตรงนี้รึเปล่าเนี่ย?”

 

ด้วยการพูดออกมาเช่นนั้น, ฉันก็คิดว่าแนวทางการแก้ปัญหาของเขานั้นค่อนข้างใช้ได้จริง

 

ถ้าไม่สามารถส่งอัศวินหลวงออกไปได้เนื่องจากติดเรื่องการคุ้มกันปราสาทพวกเขาก็แค่เรียกกองทัพมาทดแทนอัศวินหลวงก็พอแล้ว

 

ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่าอัศวินหลวง, แต่กองทัพก็ช่วยรับรองความปลอดภัยของปราสาทได้อย่างเพียงพอ

 

“ข้าได้แนะนำให้กอร์ดอนเป็นคนนำทัพอัศวินหลวงเพราะฉะนั้นกระบวการไม่น่าจะนานขนาดนั้น”

 

“แปลกจังนะ ในตอนที่ปัญหาเกิดขึ้นกับประเทศอื่นพวกเจ้าอยากแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงผลงานแต่พอมันเกิดขึ้นกับประเทศของตัวเองเจ้ากลับเต็มใจที่จะส่งผลงานให้กับน้องชายของตัวเองหรอเนี่ย?”

 

“ข้าเป็นราชวงศ์และรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ข้าอาจจะสามารถมองข้ามปัญหาของประเทศอื่นได้แต่ถ้าปัญหามันอยู่ในประเทศเกิด, การแย่งชิงอำนาจนั้นก็ถือเป็นเรื่องรองสำหรับข้า สิ่งที่ข้าให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกก็คือจักรวรรดิมาโดยตลอด”

 

พอพูดจบ, เอริคก็จ้องตรงมาที่ฉัน

 

มันไม่ใช่ความคิดเห็นที่เลวร้ายอะไร

 

มันคงจะเพิ่มขวัญกำลังใจได้ถ้าอัศวินหลวงเข้าร่วมกับพวกเราด้วย

 

บางทีการรอพวกเขาอาจจะเป็นความคิดที่ดี ถ้าฉันเองก็มองว่าการแย่งชิงผลงานนั้นเป็นเรื่องรอง

 

ถ้าฉันทำตัวดื้อดึงและปฏิเสธเขาที่นี่, เหตุการณ์นี้ก็อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกระดับสูงของจักรวรรดิและนักผจญภัยอยู่ในสภาพตึงเครียดด้วย

 

ในตอนที่ฉันกำลังชั่งใจอยู่นั้นเอง, ฉันก็ได้ยินเสียงที่ชัดเจนดังมาจากที่ไกลๆ

 

ฉันไม่รู้ว่ามันมาจากที่ไหนแต่น่าแปลกที่ฉันรู้สึกว่าลินเฟียคือคนที่ทำให้เกิดเสียงนั้นและเธอก็กำลังตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงด้วย

 

ลินเฟียกำลังของความช่วยเหลือ ฉันไม่มีหลักฐานก็จริงแต่ฉันเชื่อแบบนั้น เสียงที่ชัดเจนนี้คือสิ่งที่ส่งมาหาฉัน

 

“แต่…..อาจจะมีบางคนที่ต้องสละชีวิตในระหว่างที่พวกเรารอก็ได้ ในขณะที่จักรวรรดิกำลังเตรียมการให้เรียบร้อย, ก็จะมีคนที่ต้องสละชีวิตเพื่อซื้อเวลาให้เจ้า เจ้าจะทำยังไงกับคนพวกนั้นหล่ะ?”

 

“ข้าจะทำทุกอย่างที่ทำได้”

 

“ถ้างั้นข้าก็คงยอมรับข้อเสนอของเจ้าไม่ได้ นักผจญภัยไม่ใช่อัศวินหรือทหาร พวกเราอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่รัฐบาลไม่ได้เล็งเห็นและพวกที่ถูกทอดทิ้ง กลับไปเถอะ พวกเราคือนักผจญภัย พวกเราจะไม่รับคำสั่งจากใครทั้งนั้น พวกเราจะทำในสิ่งที่พวกเราทำมาโดยตลอด”

 

“รู้ใช่ไหมว่ามันมีชะตากรรมของประเทศนี้มาเกี่ยวด้วย การเลือกหนทางที่มีโอกาสสำเร็จสูงที่สุดมันจะไม่ดีกว่าหรอ?”

 

“พวกเราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศ สิ่งที่พวกเราให้ความสำคัญมากที่สุดมาโดยตลอดก็คือผู้คน กลับไปบอกจักรพรรดิเถอะว่า, ซิลเวอร์จะคลี่คลายเหตุการณ์นี้ให้เอง”

 

“คิดว่าความเห็นแก่ตัวแบบนั้นจะเป็นสิ่งที่ยอมรับได้รึไง?”

 

“นักผจญภัยแรงค์ SS คือพวกที่ได้รับอนุญาตให้ทำตัวเห็นแก่ตัวแบบนั้นได้ และอย่ามาดูถูกพวกเราให้มากนัก มีหลายครั้งที่นักผจญภัยของจักรวรรดิแข็งแกร่งกว่าที่พวกราชวงศ์อย่างเจ้าคิด”

 

พอพูดจบ, ฉันก็หันหลังให้แล้วสร้างประตูเคลื่อนย้ายขนาดยักษ์ข้างในกิลด์นักผจญภัย

 

“เอาหล่ะ ถึงเวลาหาเงินแล้ว ตามข้ามาเลย”

 

ฉันก้าวเข้าไปข้างในแล้วพูดออกมาแบบนั้น

 

ด้วยประโยคจากลานั้น, ฉันก็เคลื่อนย้ายไป

 

และในตอนที่ฉันก้าวออกมาจากประตูเคลื่อนย้าย

 

ทั้งพื้นที่ก็เต็มไปด้วยมอนส์เตอร์

 

อย่างไรก็ตาม, ฉันเห็นผู้หญิงคนนึงกำลังยืนอยู่ท่ามกลางมอนส์เตอร์ทั้งหมดนี้

 

ไม่ว่าจะมองยังไง, สถานการณ์ก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง อย่างไรก็ตาม, เธอยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งสงบ, ไม่มีความหวั่นไหวเลย

 

เธอน่าจะคิดถึงการกระทำต่อไปของตัวเองเอาไว้แล้วสินะ เหมือนกับที่เธอทำมาโดยตลอด

 

ในขณะที่ยิ้มให้ลินเฟีย, ฉันก็เป่ามอนส์เตอร์ทั้งหมดที่อยู่ใกล้เธอทิ้งไป

 

นี่น่าจะทำให้มันง่ายขึ้นสำหรับนักผจญภัยที่จะเข้ามาในประตูเคลื่อนย้าย

 

“เป็นอะไรรึเปล่า? นักผจญภัยหญิง”

 

ในตอนที่ฉันเข้าไปใกล้เธอ, ลินเฟียก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

 

“…..ม มาที่นี่ได้ยังไงกัน……?”

 

“ข้าได้ยินว่ามีเรดเควส ข้าก็เลยพาคนอื่นมาด้วย”

 

หลังจากที่ฉันพูดแบบนั้น

 

นักผจญภัยจากเมืองหลวงก็วิ่งออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายที่เปิดเอาไว้ข้างหลังฉัน

 

พวกเขาค่อนข้างมีชีวิตชีวา จากที่ฉันเห็น, กำลังหลักของศัตรูก็คือมอนส์เตอร์โครงกระดูก

 

ถ้าเป็นแบบนี้จะฝากมันไว้กับพวกเขาก็คงไม่เป็นอะไร

 

“ถ้ายังไหวอยู่หล่ะก็ตามไปด้วยกันสิ มันถึงเวลาหาเงินแล้ว”

 

“ค่ะ….! ซิลเวอร์….!”

 

พอพูดจบ, ลินเฟียก็ลุกขึ้น

 

หลังจากที่ใช้เวทย์รักษากับเธอ, ฉันกับลินเฟียก็มองไปที่แนวหน้า

 

สิ่งที่พวกเรากำลังมองอยู่ก็คือลีโอและท่านพี่ท่านกำลังต่อสู้ฝ่าฝูงมอนส์เตอร์

 

“ซิลเวอร์! นั่นมันมังกรผีดิบ!”

 

พอได้ฟังลินเฟีย, ฉันก็มองขึ้นไปบนฟ้า

 

มังกรร่างกายเน่าเปื่อยที่มีขนาดตัวกว่าสิบเมตรกำลังพุ่งมาหาพวกเราด้วยความเร็วอันน่าหวาดหวั่น

 

ให้ตายเถอะ

 

มอนส์เตอร์ตัวนั้นคือสิ่งที่จะพบเจอแค่ในหนังสือเท่านั้น

 

“พวกมันคงไม่ยอมปล่อยให้พวกเราผ่านไปง่ายๆสินะ”

 

ฉันบินขึ้นไปบนฟ้าแล้วปะทะกับมังกรผีดิบ

 

ในระหว่างนั้น, ลินเฟียกับนักผจญภัยจากเมืองหลวงกำลังกรุยทางไปหาลีโอ

 

พวกเรายังคงด้อยกว่าด้านจำนวนแต่พวกเรามีแรงผลักดันอยู่ด้วย

 

ถ้าฉันสามารถสกัดมอนส์เตอร์ระดับสูงเอาไว้ได้, พวกเขาก็น่าจะไปถึงเมืองได้

 

“ปัญหาก็คือลูกบอลสีดำนั่นสินะ”

 

ในขณะที่ป้องกันมังกรผีดิบที่พุ่งเข้ามากัดฉัน, ฉันก็มองลูกบอลสีดำที่กำลังลอยอยู่เหนือเมือง

 

มีพลังเวทย์อันน่าเหลือเชื่อแผ่ออกมาจากลูกบอลสีดำนั้น อย่างไรก็ตาม, มันดูไม่เหมือนกับถูกใช้เพื่อส่งการโจมตีออกมาเลย

 

“มันใช้ทำอะไรกันนะ”

 

“กรี๊ซซซซ!!”

 

“น่ารำคาญชะมัด”

 

มังกรผีดิบที่พุ่งเข้ามาหาฉันถูกขังเอาไว้เข้าในบาเรียแล้วถูกส่งลอยไปกระแทกพื้น

 

เนื่องจากฉันทิ้งมันในฝูงโครงกระดูก, พวกโครงกระดูกก็เลยกระเด็นไปด้วยแรงกระแทก

 

จากนั้น, ฉันก็ยื่นมือขวาไปทางมังกรผีดิบที่ล่วงลงไปที่พื้น

 

[หอก・ทะลวง—เลือด]

 

เวทมนตร์ถูกร่ายออกมาในทันทีเนื่องจากมันมีคำร่ายที่สั้น

 

หอกยักษ์ที่สร้างขึ้นจากเลือดถูกปล่อยออกมาจากวงเวทย์และพุ่งตรงไปหามังกรผีดิบที่ยังถูกขังเอาไว้ข้างในบาเรีย

 

ในตอนที่มันปะทะกัน, บาเรียก็พังลงและหอกเลือดก็ทะลวงมังกรผีดิบ

 

“กร๊าซซซซ…..!!”

 

หอกเลือดนี้ปล่อยความร้อนสูงออกมาแล้วละลายร่างที่เน่าเปื่อยของมังกร

 

โครงกระดูกที่อยู่ใกล้ๆมันเองก็ถูกละลายไปด้วยความร้อนด้วย

 

อย่างไรก็ตาม, จำนวนการสูญเสียของพวกมันก็ยังคงน้อยมากอยู่ดี

 

ในการกำจัดโครงกระดูกจำนวนมากแบบนี้, ฉันคงไม่มีทางเลือกนอกจ่ายร่ายเวทย์ลูกใหญ่ใส่มันซักดอกสินะ

 

ในตอนที่ฉันกำลังคิดแบบนั้นอยู่, ฉันก็รู้สึกได้ถึงพลังเวทย์มหาศาลที่พุ่งพล่านขึ้นมาดังนั้นฉันก็เลยมองไปทางต้นกำเนิดของมัน

 

มันคือลูกบอลสีดำ

 

มีชายคนนึงกำลังลอยอยู่ข้างหน้ามัน

 

อย่างไรก็ตาม, ชายคนนั้นถือศรีษะของตัวเองเอาไว้ข้างๆ

 

“ดูลาฮานหรอ…..?”

 

ดูลาฮานคือมอนส์เตอร์อันเดดคลาส AAA แต่พลังเวทย์ที่ชายคนนี้ปล่อยออกมานั้นมันคนละระดับกันเลย

 

เขาอาจจะดูเหมือนมนุษย์ไร้หัวแต่ถึงแม้จะมีลักษณะที่คล้ายกัน, เขาก็ไม่ใช่ดูลาฮาน

 

พอเข้าใจได้แบบนั้น, ฉันก็ลองโจมตีใส่เขาก่อนที่เขาจะเคลื่อนไหวแต่ทันใดนั้นเองเขาก็เคลื่อนไหวไปอยู่ข้างหน้าลีโอกับคนอื่นๆ

 

“ชิ!”

 

ด้วยการเดาะลิ้น, ฉันก็เคลื่อนย้ายไปอยู่ข้างหน้าลีโอกับท่านพี่และปกป้องพวกเขาจากดาบที่ชายไร้หัวคนนั้นกวัดแกว่งเข้ามา

 

“หนอย!!”

 

บาเรียหลายชั้นที่ฉันปล่อยถูกทำลายหมด

 

พลังจากการโจมตีนี้บ่งบอกได้เลยว่าเขาไม่ใช่ดูลาฮานแน่ๆ

 

“ข้าจำไม่เห็นได้เลยว่าไปขอให้เจ้าช่วยตั้งแต่เมื่อไหร่? นักผจญภัยสวมหน้ากาก”

 

“ข้าจะปล่อยให้ศัตรูเอาหัวของแม่ทัพฝั่งเราไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นช่วยทนหน่อยเถอะนะครับ, ท่านจอมพล”

 

พอถูกพี่สาวของฉันจ้อง, ใต้หน้ากากของฉันก็เริ่มมีเหงื่อไหลออกมา

 

มันคงไม่เป็นไรหรอกหน่า

 

หน้ากากนี้คือหนึ่งในอุปกรณ์เวทมนตร์ที่มีค่าของท่านทวด

 

เสียงและกลิ่นไม่ต้องพูดถึงแต่หน้ากากนี้ยังสามารถเปลี่ยนเจตคติที่คนอื่นคิดกับฉันได้ด้วย ต่อให้เป็นคนในครอบครัวอย่างเธอก็ไม่น่าจะรู้สึกตัวว่าเป็นฉัน

 

แม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะไม่พอใจ, แต่ท่านพี่รู้ว่าอีกฝ่ายที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นอันตรายดังนั้นเธอก็เลยทิ้งระยะห่างจากฉันในทันทีแล้วเริ่มโจมตีมอนส์เตอร์ตัวอื่น

 

ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ตัวสินะ

 

ในอีกด้านนึง, ลีโอยังคงอยู่กับฉัน

 

“ซิลเวอร์หรอ….ไม่ได้เจอกันมาพักนึงแล้วนะ”

 

“เจ้าดูสบายดีนะ องค์ชายลีโอนาร์ด”

 

“อืม, ข้าดีใจที่เจ้ามานะ ถ้าพวกเราไม่ได้อยู่บนสนามรบข้าก็คงอยากจะนั่งคุยเล่นกับเจ้าบ้างเหมือนกัน”

 

“น่าเสียดายนะ เอาเถอะไว้ถ้ามีโอกาสค่อยว่ากันอีกที”

 

ลีโอพยักหน้าแล้วจากไป

 

ในตอนที่ฉันยืนยันได้ว่าลีโอออกไปไกลแล้ว, ฉันก็มองชายที่อยู่ตรงหน้าฉัน

 

เขาแค่ยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆแต่มีบางสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาแปลกประหลาด มันไม่ใช่ว่าศรีษะของเขาไม่ได้ติดอยู่กับคอ บางสิ่งที่ฉันรู้สึกจากเจ้านี่ก็คือรากฐานของมันนั้นไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ

 

ชายที่มีดวงตาสีดำสนิทมองตรงมาที่ฉันแล้วยิ้ม

 

“ไม่นึกเลยนะว่าจะมีมนุษย์ที่สามารถรับการโจมตีของข้าได้ด้วย นี่มันทำให้ข้าตกใจเลยหล่ะ”

 

“การเจอคนที่สามารถโจมตีได้ถึงขนาดนี้ก็ทำให้ข้าประหลาดใจเหมือนกันนั่นแหล่ะ”

 

“อวดดีจังเลยนะ เอาเถอะ, ข้าไม่ถือสาหรอก ข้าก็ไม่ได้ขึ้นมาบนพื้นผิวโลกตั้งพักนึงแล้ว มันคงจะหมดสนุกกันพอดีถ้าเจ้าทำถึงขนาดนั้นไม่ได้”

 

“ซักพักนึงงั้นหรอ?”

 

“อ้ะ, ข้ายังไม่ได้บอกชื่อเลยนี่นะ ชื่อของข้าคือฟูรแคส ตอนนี้ข้ากำลังยืมใช้ร่างนี้อยู่แต่จริงๆแล้วข้าเป็นปีศาจ”

 

พอพูดจบ, ฟูรแคสก็ยิ้มออกมา

 

รอยยิ้มของเขานั้นอาจจะดูโหดร้ายสำหรับมนุษย์แต่สำหรับตัวเองนั้น, เขาน่าจะตั้งใจยิ้มออกมาตามปกติ

 

เมื่อได้ยินคำว่าปีศาจ, สิ่งนึงก็เข้ามาในหัวของฉัน

 

สิ่งที่แย่งชิงร่างกายท่านทวดของฉันไปก็เป็นปีศาจเหมือนกัน

 

ในตอนนั้น, ดูเหมือนว่าอัศวินหลวงกับบ้านผู้กล้าหาญจะถูกเรียกรวมพลมาเพื่อปราบมัน

 

“ไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ยว่าจะได้เจอกับผู้อาศัยในโลกของปีศาจตัวเป็นๆ ข้าเห็นว่าเจ้ามีภาชณะแล้วแต่มันก็น่าจะมีผู้อัญเชิญด้วยถูกไหม?”

 

ในทางเทคนิคนั้น, ปีศาจไม่สามารถอาศัยอยู่ในโลกใบนี้ได้ แต่มันมีข้อยกเว้นอยู่ว่าปีศาจต้องมีภาชณะที่ผู้อัญเชิญเป็นคนเตรียมเอาไว้ให้

 

ดูเหมือนว่าจะเคยมีนักเวทย์ที่ใช้วิธีนี้เพื่อควบคุมปีศาจแต่ตอนนี้ไม่น่าจะเหลือคนที่อัญเชิญพวกมันได้แล้ว

 

การผูกมัดปีศาจเข้ากับตัวนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากและการรักษาพวกมันเอาไว้ก็กินพลังเวทย์เยอะด้วย

 

ถ้าทำมันอย่างลวกๆ, ก็จะไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างเหมาะสมและคนที่จะถูกฆ่าก็คงไม่พ้นตัวคนอัญเชิญ หนึ่งในเวทมนตร์ที่ถูกยกเลิกในยุคเวทมนตร์สมัยใหม่ก็คือเวทย์อัญเชิญปีศาจนี้เอง

 

ไม่นึกเลยว่าจะยังมีคนที่ทำแบบนี้ได้อยู่

 

“ข้าไม่มีผู้อัญเชิญหรอก….”

 

“โกหก”

 

ฉันจ้องตรงไปที่ลูกบอลสีดำ

 

ผู้อัญเชิญน่าจะอยู่ในนั้น

 

“เดาเก่งนี่ แต่เด็กนั่นไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะออกคำสั่งข้าได้หรอก สรุปก็คือ, มันก็เหมือนกับไม่มีนั่นแหล่ะ”

 

“แต่ถ้าเธอหายไปเจ้าก็จะมีปัญหาเอาได้ถูกไหม? ถึงยังไงผู้อัญเชิญคนนั้นก็คือคนที่รักษาตัวตนของเจ้าให้ยังคงอยู่ที่นี่”

 

“แล้วยังไงหล่ะ?”

 

“ข้าก็แค่ไปช่วยผู้อัญเชิญจากลูกบอลสีดำนั่น ถ้าข้าทำแบบนั้นฝูงมอนส์เตอร์จำนวนมากนี้ก็จะหายไปพร้อมกับเจ้าด้วยถูกไหม?”

 

“เก่งนี่ คำตอบของเจ้าแทบจะสมบูรณ์แบบเลยหล่ะ ใช่แล้ว, มันมีรูอยู่อยู่ที่ใจกลางของที่นี่ซึ่งเชื่อมต่อโลกนี้กับลูกปีศาจอยู่และทั้งมอนส์เตอร์กับข้าก็ถูกอัญเชิญมาผ่านมัน ถ้าปล่อยเอาไว้, รูก็จะยิ่งขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆและมอนส์เตอร์ก็จะยิ่งหลั่งไหลจากโลกปีศาจเข้ามาที่นี่ ทั้งหมดมันเป็นไปตามที่เจ้าพูดเลย ยกเว้นเรื่องเดียว”

 

“อะไร?”

 

“มันไม่ใช่ข้าที่ถูกอัญเชิญแต่เป็น ‘พวกเรา’ ต่างหากหล่ะ”

 

ในตอนนั้นเอง, เจ้าของพลังเวทย์อันน่าขนลุกก็ปรากฎตัวขึ้นมา

 

ในตอนที่ฉันหันกลับไปก็มีชายดำทะมึนคนนึงกำลังพุ่งไปหาลีโอ

 

ไอ้เจ้านั่นก็เป็นปีศาจเหมือนกันหรอ!?”

 

หมอนั่นมันตัวอะไรกัน!

 

เขารอดพ้นบาเรียตรวจจับของฉันไปได้!

 

ฉันพยายามสร้างบาเรียป้องกันให้ลีโอแต่ก่อนที่ฉันจะทำได้, ดาบที่ชายคนนั้นเหวี่ยงก็ถูกลินเฟียที่พึ่งตามมาทันรับเอาไว้ได้

 

“ลินเฟีย!?”

 

“ปลอดภัยใช่ไหมคะ, องค์ชายลีโอนาร์ด”

 

“หนอย!”

 

ด้วยความหงุดหงิดจากการที่ถูกรับการโจมตีเอาไว้ได้, ชายคนนั้นก็หายไป

 

ความเร็วโจมตีของเขาไม่ได้สูงดังนั้นเขาน่าจะเป็นสายลอบโจมตี อย่างไรก็ตาม, ในสนามรบที่มิตรกับศัตรูปนกันมั่วแบบนี้, เขาคือศัตรูที่เป็นตัวปัญหามากๆ

 

ฉันลองพยายามเข้าไปหาลินเฟียแต่ฟูรแคสก็เข้ามาขวางทางฉันเอาไว้

 

“อย่ามาขวางข้า!”

 

“ปั่นหัวมนุษย์คืองานของปีศาจ, เจ้าไม่รู้รึไง”

 

ในขณะที่พูดออกมาแบบนั้น, ชายสีดำทะมึนก็ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งข้างหลังลินเฟียและเหวี่ยงดาบใส่เธอ

 

บ้าจริง

 

ในตอนนั้นเองเสียงนึงก็ดังก้องในหัวของฉันขึ้นมาอย่างกระทันหัน

 

[[อย่านะ!]]

 

เสียงนั้นแฝงไปด้วยพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งและทำให้ฟูรแคสกับชายสีดำทะมึนหยุดเคลื่อนไหว

 

นี่มัน…..?

 

“ชิ…..ข้าถอยก่อนนะ, บาลัม”

 

“เข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าจะจัดการผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สินะ”

 

ฟูรแคสถอยกลับไปที่เมืองและชายสีดำทะมึนที่ถูกเรียกว่าบาลัมก็หายไปด้วย

 

ไม่จริงหน่า, นั่นเสียงของผู้อัญเชิญหรอ?

 

ไม่ว่าจะฟังยังไง, นั่นมันก็คือเสียงของเด็กชัดๆ

 

“ชินฮวา….?”

 

“อะไรนะ?”

 

“เสียงเมื่อกี้นี่มัน…..ชินฮวา!?”

 

ฉันมองไปที่เมืองตามสายตาที่ผิดปกติของลินเฟีย

 

ฟูรแคสถอยกลับไปในลูกบอลสีดำแล้ว

 

ถ้าเจ้าของเสียงนั้นคือผู้อัญเชิญหล่ะก็,

 

“เจ้ารู้จักเสียงนั้นด้วยหรอ?”

 

“นั่นมันเสียงของชินฮวา….น้องสาวของข้าที่ถูกลักพาตัวไป!”

 

“….เข้าใจหล่ะ ตอนนี้เหตุการณ์มันค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆแล้วสินะ”

 

ทุกคนที่ถูกลักพาตัวไปมีตาสองสี มันคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าพวกเขามีเวทมนตร์ติดตัวมาตั้งแต่เกิด

 

ถ้าเธอมีเวทย์อัญเชิญเป็นเวทย์โดยกำเนิดของเธอหล่ะก็มันก็คงจะอธิบายสถานการณ์ได้ว่าต้นตอของเหตุการณ์นี้คือเวทมนตร์ของเธอเกิดคุ้มคลั่งขึ้นมา

 

แต่ว่า, ขนาดของเวทย์มันก็ยังใหญ่เกินไปอยู่ดี

 

“น้องสาวของเจ้าน่าจะอยู่ข้างในลูกบอลสีดำนั่น จากสิ่งที่ข้าเห็นก่อนหน้านี้, เธอน่าจะห้ามพวกมันไม่ให้โจมตีเจ้า ถ้าพวกเราสามารถใช้ข้อได้เปรียบนี้ได้หล่ะก็พวกเราก็น่าจะทำอะไรซักอย่างกับเรื่องนี้ได้”

 

“ท่านจะไปช่วยพวกเขาหรอ…..?”

 

“มันขึ้นอยู่กับเจ้าต่างหากหล่ะ แต่ไม่ว่ายังไง, ข้าก็อยากให้เจ้าเข้าไปในเมือง ด้วยการใช้เวทย์เคลื่อนย้าย……ไม่สิ, มันอันตรายเกินไป พวกนั้นอาจจะดักซุ่มอยู่ที่นั่นก็ได้ คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินเท้าพาเจ้าเข้าไปในหล่ะนะ”

 

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะเปิดทางให้เจ้าเอง ถึงยังไงพวกเราก็อยากจัดการลูกบอลสีดำนั่นมาตั้งแต่แรกแล้ว”

 

ตอนนี้เองลีโอก็ตรงเข้ามาช่วย

 

แล้วอัศวินคนนึงก็ลงจากหลังม้าและกระตุ้นให้ลินเฟียขึ้นไปแทน

 

พอได้รับม้ามาแล้ว, ลินเฟียก็กระโดดขึ้นหลังมัน

 

จากนั้น,

 

“ถ้าชินฮวาอยู่ที่นั่น…..ข้าก็ต้องไป เพราะข้าเป็นพี่สาวของเธอ”

 

“เจ้ามีเหตุผลที่ดีนี่ ข้าจะนำทางเจ้าไปส่งที่กลางทางเอง ตามข้ามา”

 

บางทีอาจเป็นเพราะคำว่า ‘พี่สาว’, ท่านพี่ลีเซยิ้มออกมาแล้ววิ่งนำหน้าในทันที

 

ด้วยลีโอที่ตามหลังเธอ, อัศวินกับทหารอีกหลายคนก็ตามๆกันไป

 

พวกเขาเคยมีเป้าหมายที่คลุมเครือในการเข้าไปในเมืองแต่ตอนนี้ทุกคนมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนแล้ว, นั่นก็คือการพาตัวลินเฟียไปที่ลูกบอลสีดำ

 

“ซิลเวอร์….ชื่อของข้าคือลินเฟีย ข้าเป็นแค่นักผจญภัยจากหมู่บ้านที่ห่างไกล เป็นแค่นักผจญภัยธรรมดาคนนึง ส่วนชินฮวาเป็นน้องสาวของข้าและเธอเป็นเด็กจากหมู่บ้านผู้ลี้ภัย แต่ถึงอย่างนั้น….ท่านก็ยังเต็มใจที่จะช่วยเหลือเธอด้วยพลังทั้งหมดของท่านหรอ?”

 

“แน่นอนสิ เลิกถามคำถามน่าเบื่อๆแบบนั้นกับข้าเถอะ”

 

ลินเฟียเผยยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วเร่งความเร็วม้าของเธอ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด