การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) 110

Now you are reading การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) Chapter 110 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

“ให้ตายเถอะ, เจ้าทำเรื่องห่ามๆอีกแล้วนะ”

 

“ขอโทษค่ะ…..”

 

หลังจากการประชุมจบลง, ฉันกับฟีเน่ก็กลับมาที่ห้องของฉัน

 

ดูเหมือนว่าฟีเน่จะรู้สึกผิดแล้ว

 

ถ้าเป็นไปได้, ฉันก็ไม่อยากส่งเธอไปเจออันตราย

 

“เอาเถอะ, ในเมื่อเจ้าออกปากเสนอตัวแล้ว, ก็คงจะทำอะไรไม่ได้แล้วหล่ะ แล้วก็เหมือนอย่างที่รัฐมนตรีพูด, เจ้าเหมาะสมกับปฏิบัติการนี้มากที่สุดจริงๆ เอาเป็นว่ามาทำให้ปฏิบัติการนี้ปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ละกัน”

 

“ขอโทษนะคะที่สร้างปัญหาให้ท่านอีกแล้ว….”

 

“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงทำแบบนั้น”

 

การที่อยากทำอะไรซักอย่างในสถานการณ์แบบนี้นั้นสมกับเป็นฟีเน่จริงๆ

 

และครั้งนี้ความรู้สึกของฟีเน่ก็สัมพันธ์กับผลประโยชน์หลายอย่าง

 

มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรตำหนิเธอเลย

 

“ท่านอาร์โนลด์ครับ”

 

ในตอนที่พูดเช่นนั้น, เซบาสก็ปรากฎตัวขึ้นมาโดยไม่ส่งเสียง

 

ฉันขอให้เซบาสคอยรวบรวมข้อมูลจากเมืองหลวงในช่วงที่ฉันไม่อยู่แต่จุดประสงค์ในการปรากฎตัวของเขาในครั้งนี้น่าจะแตกต่างออกไป

 

“ว่าไง? เซบาส”

 

“มีแขกที่น่ายินดีมาถึงได้ถูกเวลาเลยครับ, ท่าน”

 

ในตอนที่พูด, เซบาสก็เปิดประตู

 

คนที่ปรากฎตัวขึ้นจากอีกด้านนึงของประตูนั้นเป็นคนหน้าตาคุ้นเคยสองคน

 

“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ, องค์ชายอาร์โนลด์”

 

“ดยุคไรน์เฟลด์! แล้วก็…..”

 

เยอร์เกนเข้ามาในห้อง

 

เหมือนเช่นเคย, รอยยิ้มของเขานั้นสามารถทำให้ผู้คนรอบข้างผ่อนคลายได้อย่างง่ายดาย

 

ข้างหลังเขา, มีผู้หญิงผมสีน้ำตาลที่ดูคล้ายผู้ชายเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ

 

“ลินเฟีย”

 

“ท่านลีเซล็อตต์บอกข้าว่าข้าสามารถฝากน้องสาวเอาไว้กับเธอได้เพราะฉะนั้น, เพื่อตอบแทนบุญคุณของท่านข้าก็เลยกลับมาเหวี่ยงดาบเพื่อองค์ชายทั้งสองอีกครั้งค่ะ”

 

“เจ้าไม่เปลี่ยนไปเลยนะ แต่ก็ขอบใจที่กลับมาหาพวกเรา ข้าพึ่งจะมีงานให้เจ้าพอดี”

 

“ข้าได้ฟังรายละเอียดมาจากคุณเซบาสแล้วค่ะ ดูเหมือนว่าครั้งนี้ท่านฟีเน่ก็จะไปด้วยถูกไหมคะ?”

 

“ใช่ค่ะ ข้าคิดว่าข้าสามารถทำอะไรซักอย่างในสถานการณ์นี้ได้ข้าก็เลยเสนอตัวเอง”

 

ลินเฟียมองฟีเน่ด้วยสายตาที่อ่อนโยนแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย

 

จากนั้นเธอก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

 

“ข้าคิดว่าสมกับเป็นท่านมากเลยค่ะ, ท่านฟีเน่ แล้วก็วางใจได้เลยนะคะ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือท่านเอง”

 

“ค่ะ!”

 

“ดูเหมือนว่ากองกำลังส่วนใหญ่ของเราจะพร้อมแล้วสินะ”

 

เซบาส, ซิก, แล้วก็ลินเฟียผนวกกับลาสและหน่วยนาร์เบ ริทเทอร์ของเขา

 

ด้วยลีโอที่คอยชี้นำพวกเขา, ถ้าพวกเขาสามารถลอบเข้าไปในฐานของศัตรูได้อย่างปลอดภัย, โอกาสสำเร็จก็จะสูงมาก

 

“แต่ว่า, แผนปลอมตัวโดยใช้ผู้สงสารเป็นฉากบังหน้าแบบนี้ไม่มีทางเป็นความคิดขององค์ชายลีโอนาร์ดแน่นอนค่ะ นี่เป็นแผนขององค์ชายอาร์โนลด์สินะคะ?”

 

“อา, ก่อนหน้านี้เอลน่าก็บอกว่าข้านิสัยไม่ดีจริงๆ”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า, สำหรับอัศวินก็คงจะมองแบบนั้นอยู่แล้วหล่ะค่ะ แต่นี่จะไม่เป็นปัญหากับภาพลักษณ์ขององค์ชายลีโอนาร์ดหรอคะ?”

 

“พวกเราคิดเรื่องนั้นเอาไว้แล้ว”

 

ฟีเน่จะไปในฐานะหัวหน้าคณะผู้ส่งสารโดยมีลีโอเป็นหัวหน้าทีมคุ้มกันของเธอ

 

ทางใต้น่าจะยอมรับขบวนผู้ส่งสารนี้

 

ถึงยังไง, มันก็เป็นขบวนผู้ส่งสารของจักรพรรดิ ถ้าพวกเขาปฏิเสธ, ในอนาคตก็จะไม่มีการเจรจาอะไรอีก ซึ่งนี่คงจะเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้สำหรับขุนนางทางใต้

 

ต่อให้ทางใต้ทั้งหมดจะผนึกกำลังกัน, แต่จักรวรรดิก็ยังเป็นฝ่ายที่มีความได้เปรียบอย่างท่วมท้น ถ้าพวกเขาอยากได้ประโยชน์, พวกเขาก็ต้องรับโอกาสนี้

 

“แผนการเป็นแบบนี้, องค์จักรพรรดิจะส่งคณะผู้ส่งสารไปยังสหพันธ์ทางใต้แต่เจตนาจริงๆก็คือการเตือนดยุคครูเกอร์เป็นครั้งสุดท้าย มันคือสารสุดท้ายที่จะส่งให้ดยุคซึ่งถ้าเขาไม่ยอมจำนน, เขาก็จะต้องเผชิญกับผลที่ตามมา ฟีเน่จะเป็นคนถ่ายทอดข้อความนี้ มันจะแสดงให้เห็นว่าพวกเราเสนอโอกาสให้เขากลับตัวแต่ถ้าอีกฝ่ายยังยืนกรานที่จะโจมตีพวกเรา, ความผิดมันก็จะไปตกอยู่กับพวกเขา”

 

“แต่ข้าคิดว่าพวกเขาคงจะยืนยันจุดประสงค์ของการเจรจาก่อนที่จะปล่อยพวกเราเข้าไปไม่ใช่หรอคะ?”

 

“พวกเราจะเตรียมจดหมายไปสองฉบับและจะทำการสับเปลี่ยนในทันทีก่อนที่พวกเราจะเริ่มการเจรจา ถ้าพวกเขาปฏิเสธจดหมายพวกเขาก็จะมีเรื่องให้ถูกทำโทษ เรื่องราวจะเปลี่ยนจากการที่พวกเราใช้คณะผู้สงสารจักรวรรดิเป็นอุบายในการจับตัวพวกเขาเป็นการดำเนินการลงโทษอย่างชอบธรรม ซึ่งการทำแบบนี้จะไม่เป็นมูลเหตุให้ประเทศอื่นวิพากษ์วิจารณ์พวกเราและมันก็จะไม่ส่งผลกับความเชื่อใจของพวกเขาที่มีให้จักรวรรดิกับลีโอด้วย”

 

ความสัมพันธ์ระหว่างจักรวรรดิกับขุนนางทางใต้นั้นมันเป็นรูปแบบเจ้านายกับลูกน้องมาตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถต่อรองได้อย่างเท่าเทียม นี่มันก็แค่คำสั่งจากฝ่ายเดียวเท่านั้น

 

ขุนนางทางใต้จะรู้สึกดีใจเพราะพวกเขาคิดผิดว่าจักรพรรดิยอมต่อรองกับพวกเขาแต่ในความเป็นจริงนั้น, จักรพรรดิไม่ได้ยอมผ่อนปรนให้เลยและส่งฟีเน่มาเพื่อถ่ายทอดการเตือนครั้งสุดท้ายกับดยุคครูเกอร์

 

นี่คือเรื่องราวที่จะเกิดขึ้น แผนนี้มีให้สำหรับพวกเราเพราะมันชัดเจนว่าฝ่ายไหนมีจุดยืนที่สูงกว่าเนื่องจากนี่ไม่ใช่การเจรจาระหว่างสองประเทศที่เท่าเทียมกัน

 

เอาเถอะ, บางกลุ่มในต่างประเทศอาจจะไม่ไว้วางใจพวกเราแต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่ามันเป็นเอกฉันท์ในหมู่พวกเขาทุกคน

 

“เข้าใจแล้วค่ะ สมกับเป็นองค์ชายอาร์โนลด์จริงๆ”

 

“ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากจะจัดการเรื่องนี้ตรงๆแต่มันไม่มีทางอื่นแล้ว”

 

“มันไม่มีทางเพราะท่านเคลื่อนไหวเป็นฝ่ายตั้งรับมาตั้งแต่แรกแล้วครับ แต่ว่า, ครั้งนี้ท่านเป็นฝ่ายเริ่ม ไม่สิ, ต้องบอกว่าท่านเป็นฝ่ายเอาคืนน่าจะถูกกว่า นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการที่จะทำให้แผนสำเร็จ แต่ว่า, การเริ่มต้นแบบนี้สามารถถูกคนอื่นทำลายได้อย่างง่ายดาย การควบคุมข้อมูลไปได้ด้วยดีรึเปล่าครับ?”

 

เป็นคำถามที่สมกับเยอร์เกนจริงๆ

 

ในการตอบคำถามนี้, ฉันได้พยักหน้าให้เขาอย่างมั่นใจ

 

“กองทหารรักษาการณ์เมืองหลวงจักรวรรดิได้ตรวจสอบทุกคนที่เข้าออกเมืองหลวงแล้ว”

 

“แค่นั้นหรอครับ?”

 

“ยังหรอก, ข้าได้ขอให้บ้านผู้กล้าหาญขวางเส้นทางที่มุ่งหน้าลงใต้ทั้งหมดเอาไว้แล้ว ด้วยอัศวินจากบ้านผู้กล้าหาญที่ประจำอยู่ทุกเส้นทาง, มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะผ่านการตรวจจับมาได้ต่อให้เป็นหน่วยลอบเร้นที่คุ้นเคยเส้นทางดีก็ตาม”

 

ตราบเท่าที่สงครามกลางเมืองทางใต้เป็นเรื่องที่น่ากังวล, มันก็ไม่ได้มีปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับสงครามผู้สืบทอดมากขนาดนั้น

 

เนื่องจากจักรพรรดิได้ยอมรับแผนการของพวกเราแล้ว, การที่บ้านผู้กล้าหาญจะช่วยเรื่องการรักษาข้อมูลเพื่อภารกิจของพวกเราจึงไม่มีปัญหาอะไร

 

และด้วยเหตุนี้เอง, เรื่องข้อมูลรั่วไหลจึงไม่น่าจะเกิดขึ้น

 

อย่างไรก็ตามยังมีเรื่องที่น่ากังวลอยู่เล็กน้อยแต่ฉันไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันยังไง

 

“ดูเหมือนว่าการเตรียมการจะค่อนข้างทั่วถึงเลยนะครับ ข้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วหล่ะ แล้วท่านมีอะไรที่ข้าสามารถช่วยได้รึเปล่า?”

 

“นั่นสินะ เจ้าจะอยู่ในเมืองหลวงจักรวรรดิซักพักนึงใช่ไหม?”

 

“ครับ, ข้าก็ตั้งใจว่าจะอย่างนั้น”

 

“ถ้างั้นช่วยใช้เส้นสายดยุคของเจ้าแล้วเคลื่อนไหวพ่อค้าให้พวกเราหน่อยได้ไหม?”

 

“ข้าก็ไม่ติดขัดอะไรหรอกครับแต่ว่าท่านอยากให้ข้าเคลื่อนไหวพวกเขายังไง?”

 

“ต่อให้เป็นแค่ช่วงสั้นๆ, แต่ทางใต้ก็กำลังเป็นศัตรูกับจักรวรรดิ มันมีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับความปลอดภัยที่ลดลงซึ่งคงทำให้ประชาชนต้องเผชิญกับการขาดแคลนอาหาร ข้าอยากให้ช่วยเตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้ให้หน่อย”

 

 

“เข้าใจแล้วครับ แบบนั้นก็เข้าทางข้า เดี๋ยวจะจัดการให้ครับ”

 

ในตอนที่พูดนั้น, เยอร์เกนก็ยิ้มให้ฉันอย่างสดใส

 

ถ้าเยอร์เกนกับบริษัทอะจินเคลื่อนไหว, มันก็น่าจะช่วยเรื่องกำลังคนของพวกเราได้มากขึ้น

 

และถ้าพวกเราจ้างนักผจญภัยและใช้พวกเขาเป็นคนคุ้มกัน, พวกเราก็จะสามารถหมุนเวียนเงินได้ด้วยไม่มากก็น้อย

 

ในกรณีฉุกเฉิน, การใช้เงินที่ฉันได้รับในฐานะซิลเวอร์เองก็ถือเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลเหมือนกัน

 

ปัญหาคงไม่จบลงง่ายๆด้วยแค่การจัดการดยุคครูเกอร์ นอกจากนี้, ส่วนที่ยากจะตามมาหลังจากนั้น

 

“อ้ะ ใช่แล้ว, ท่านฟีเน่คะ โปรดรับนี้ไปด้วยค่ะ”

 

ราวกับเธอพึ่งนึกขึ้นได้, ลินเฟียได้ส่งขลุ่ยให้กับฟีเน่

 

แค่เห็นมันก็ชัดเจนแล้วว่านี่คืออุปกรณ์เวทมนตร์ขั้นสูงพอตัว

 

“นี่คืออะไรหรอคะ?”

 

“ข้าได้รับมาจากคนแคระเฒ่าที่เดินหลงอยู่ในเมือง ดูเหมือนว่าถ้าเป่ามัน, มันจะส่งเสียงที่จะได้ยินไปถึงคนที่เป็นมิตรกับเราค่ะ”

 

“แสดงว่านี่เป็นของที่สุดยอดไปเลยไม่ใช่หรอคะ?”

 

“ข้าคิดว่าท่านฟีเน่น่าจะต้องการมันมากกว่าข้าค่ะ”

 

ในตอนที่พูดเช่นนั้น, ลินเฟียก็ส่งขลุ่ยให้ฟีเน่

 

ฟีเน่มองมาที่ฉันราวกับว่าเธอกำลังลำบากใจแต่ฉันก็พยักหน้าให้เธออย่างเงียบๆ

 

สถานการณ์ที่ฟีเน่จะใช้มันนั้นจะต้องเป็นอันตรายอย่างแน่นอน ในกรณีนี้, ถ้าฉันไปช่วยเธอในฐานะซิลเวอร์ก็คงไม่เป็นอะไรต่อให้มันจะเป็นปัญหามากขึ้นในภายหลังก็ตาม, นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะยอมเสี่ยงปล่อยผ่านไป

 

ฉันอาจจะทิ้งขว้างทุกสิ่งและไปอยู่เคียงข้างเธอในตอนที่เวลาแบบนั้นมาถึง

 

“ถ้าฟีเน่พกไว้มันก็จะช่วยให้ข้ารู้สึกสบายใจขึ้นด้วย”

 

“…..เข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้นครั้งนี้ข้าขอยืมหน่อยนะคะ”

 

ในตอนที่พูดเช่นนั้น, ฟีเน่ก็รับขลุ่ยมาจากลินเฟียอย่างสุภาพ

 

แต่ว่าคนแคระหลงทางงั้นหรอ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนแคระเฒ่าด้วยเนี่ยนะ

 

ฉันนึกถึงคนๆนึงขึ้นมาได้แวบนึงแต่ก็ปัดตกไปในทันที

 

ฉันไม่ได้ข่าวคราวว่าเขาอยู่ในจักรวรรดิ มันไม่มีทางที่จะเป็นเขาได้

 

เอาเถอะ, ต่อให้มีโอกาสที่เขาจะอยู่ที่นี่จริงๆ, เขาก็คงไม่มีวันร่วมมือกับขุนนางทางใต้แน่นอนดังนั้นครั้งนี้เขาคงไม่โผลหน้ามาหรอก

 

“ถ้างั้นข้าขอตัวไปทำงานก่อนเลยแล้วกันนะครับ”

 

“ข้าเองก็จะไปหาท่านลีโอเหมือนกันค่ะ”

 

เยอร์เกนเริ่มเคลื่อนไหวในทันทีในขณะที่ฟีเน่กับคนอื่นๆไปเข้าร่วมกับลีโอ

 

เหลือแค่ฉันกับเซบาสที่ยังอยู่ในห้อง

 

“มีอะไรจะรายงานรึเปล่า?”

 

“ครับ, ดูเหมือนว่าท่านโซเนียจะถูกบังคับให้รับใช้องค์ชายกอร์ดอนเพราะเขาจับตัวประกันมาบีบบังคับเธอครับ นี่คือสิ่งที่ข้าได้ยินมาแต่ดูเหมือนว่าพ่อเลี้ยงของเธอจะเป็นนักกลยุทธอัจฉริยะมาตั้งแต่แรกแล้ว”

 

“แบบนี้นี่เอง ถ้างั้นก็พอจะเข้าใจการเคลื่อนไหวของเธอได้แล้ว”

 

ไม่ว่าจะล้มลุกคลุกคลานแค่ไหน, ก็จะได้รับความสำเร็จกลับมาบ้างในระดับนึง

 

นี่คือการเคลื่อนไหวที่คนมีสติปัญญาทำจริงๆ

 

แต่ดูเหมือนว่าเธอจะอ่านกอร์ดอนไม่ขาดสินะ

 

เจ้านั้นไม่สามารถเอามาตรฐานปกติมาใช้ได้ ครั้งนี้เขาน่าจะเอาวิธีการนอกรีดมาใช้ด้วย

 

“พวกเราจะพักเรื่องโซเนียเอาไว้ก่อน ตอนนี้พวกเราจะมาห่วงเรื่องของเธอไม่ได้”

 

“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นข้าจะไปคอยอยู่ข้างองค์ชายลีโอนาร์ดแล้ว หลังจากนี้ท่านตั้งใจจะเคลื่อนไหวยังไงครับ, ท่านอาร์โนลด์?”

 

“กระแสข้อมูลแทบจะถูกตัดขาดจนหมดแล้วแต่น่าจะยังมีคนๆนึงที่จะแพร่งพรายข้อมูลของพวกเราออกไปข้างนอก”

 

“แบบนี้นี่เอง……องค์ชายกอร์ดอนสินะครับ?”

 

“อา, ข้าจะคอยจับตาดูเขาเอง พวกเราไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อ ขอโทษด้วย, แต่ข้าขอฝากลีโอไว้กับเจ้าแล้วกัน ถ้ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นข้าจะบินไปหาเจ้าเอง ถึงแม้ว่าปัญหาน่าจะเกิดจากฝั่งข้ามากกว่าหล่ะนะ”

 

ในขณะที่กำลังคิดเช่นนี้, ฉันก็เริ่มคาดการณ์การเคลื่อนไหวต่อไปของกอร์ดอน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด