การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) 105

Now you are reading การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) Chapter 105 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

มันผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วตั้งแต่ที่กอร์ดอนได้จดหมายนั้นไป

 

ในที่สุด, กอร์ดอนก็ติดต่อพวกเรา

 

“กว่าจะมาได้นะ”

 

“ต้องขอบคุณเรื่องนั้นนะครับ, การเตรียมการของพวกเราใกล้จะเรียบร้อยแล้ว”

 

“ก็ยังดี, แต่งานก็ยังเหลืออีกเยอะหล่ะนะ”

 

การเตรียมการของพวกเราใกล้จะพร้อมแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม, การเจรจากับนาร์เบ ริทเทอร์ยังไม่สำเร็จ พวกเขาออกไปทำการฝึกฝนลับดังนั้นพวกเราจึงเข้าถึงพวกเขาไม่ได้

 

หลังจากนี้, ฉันจะขอความช่วยเหลือจากเอลน่าเพื่อให้จัดการประชุมกับพวกเขา แต่ก่อนหน้านั้น, พวกเราต้องเจรจากับกอร์ดอนก่อน

 

“ฝากเรื่องนั้นด้วยนะครับ, ท่านพี่”

 

“ข้าคิดว่าลีโอเหมาะกับเรื่องแบบนี้มากกว่านะ…..ลองคิดดูสิ, ใครจะไปติดตามคนอย่างข้าหล่ะ?”

 

“เอลน่าคิดว่าท่านพี่เหมาะกว่าข้าใช่ไหมหล่ะครับ? ข้ามั่นใจว่าจะต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ”

 

บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจความคิดของเอลน่าเลย

 

อย่างไรก็ตาม, สันชาตญาณของเอลน่านั้นเชื่อถือได้

 

“ข้าจะทำเท่าที่ทำได้แล้วกัน……แต่อยากคาดหวังนักหล่ะโอเคไหม?”

 

“ไม่ ไม่ได้ครับ, ข้าคาดหวังจากท่านพี่เยอะเลย”

 

“ทั้งๆที่ข้าบอกว่าอย่าคาดหวังเนี่ยนะ”

 

ด้วยการพูดคุยกันเช่นนี้, พวกเราก็มาถึงห้องของกอร์ดอน

 

เขากำลังรอพวกเราอยู่ข้างใน

 

สำหรับเจ้านั่น, คงไม่มีการพูดไร้สาระหรอก

 

“จากข้อมูลของเซบาส, ดูเหมือนว่านักกลยุทธที่ชื่อว่าโซเนียจะถูกคุมตัวอยู่”

 

“ขอความช่วยเหลือเสร็จแล้วก็คุมตัวคนๆนั้นงั้นหรอ, ช่างสมกับเป็นท่านพี่กอร์ดอนจริงๆนะครับ”

 

“ก็นะ, เขาน่าจะไม่ถูกใจข้อเสนอของเธอ”

 

ในบรรดาเอริค, กอร์ดอน, และซานดร้า, คนที่ฟังคำแนะนำจากคนรอบข้างน้อยที่สุดก็คือกอร์ดอน

 

มันไม่ใช่ว่ากอร์ดอนโง่ เขาแค่เป็นคนที่มีอุดมคติมากที่สุดในบรรดาทั้งสามคน

 

ซึ่งปัญหาก็คือความจริงที่ว่าอุดมคติของเขานั้นหลุดจากคนอื่นไปมาก ถ้าอยากจะสนับสนุนกอร์ดอนก็ต้องทำความเข้าใจอุดมคติของเขาก่อน

 

ไม่ว่าจะเป็นคนที่เก่งแค่ไหน, มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอ่านเจตนาของกอร์ดอนตั้งแต่ที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก ถึงยังไง, แม้แต่พวกเราที่เป็นพี่น้องของเขาเองก็ยังไม่เข้าใจความคิดของเขาเลย

 

“เอาหล่ะ, ลุยกันเลยไหม”

 

“นั่นสินะครับ”

 

ลีโอเคาะประตูแล้วเข้าไปในห้อง

 

ข้างใน, กอร์ดอนกำลังนั่งรออยู่บนเก้าอี้ของเขา

 

บนโต๊ะเบื่องหน้าเขานั้นมีจดหมายอยู่ฉบับนึง

 

“ในที่สุดก็มาสินะ”

 

“….ขอตรงเข้าประเด็นเลยนะครับ พวกเราขอจดหมายนั้นคืนได้ไหมครับ?”

 

กอร์ดอนพยักหน้าให้กับคำถามของลีโออย่างเงียบๆ

 

จากนั้นเขาก็ยื่นข้อเสนอ

 

“จะเอาคืนไปข้าก็ไม่ว่าอะไรหรอกแต่มีเงื่อนไขอยู่อย่างนึง อย่ามาแทรกแซงเรื่องของข้าก็แล้วกัน”

 

“พวกเราคงยอมรับเงื่อนไขที่คลุมเคลือแบบนั้นไม่ได้หรอกมั้งครับ, ท่านพี่”

 

กอร์ดอนจ้องฉันในตอนที่เปิดปากพูด

 

ซึ่งฉันเองก็จ้องกลับไปด้วยความมั่นใจ

 

พวกเราจำเป็นต้องเจาะจงให้มากกว่านี้ ถ้าพวกเราทำสัญญาแบบปลายเปิดอย่างการไม่แทรกแซงเรื่องของเขานั้น, เขาก็จะเอามันมาใช้เป็นข้ออ้างได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“ถ้างั้นข้อเสนอแบบไหนเจ้าถึงจะพอใจหล่ะ?”

 

“นั่นสินะครับ ถ้างั้นช่วยระบุระยะเวลาหน่อยได้ไหมครับ”

 

“หืม”

 

กอร์ดอนแสยะยิ้ม

 

บางทีเขาน่าจะรู้สึกว่าข้อเสนอของฉันนั้นเอื้ออำนวยกับเขา

 

ในตอนที่พวกเราพูดถึงระยะเวลา, ผู้คนก็จะคิดถึงวันหรือเดือนแต่สิ่งที่อยู่ในหัวของกอร์ดอนในตอนนี้น่าจะต่างออกไป

 

“ถ้างั้น ‘อย่าแทรกแซงข้าในระหว่างที่อยู่ในช่วงสงคราม’ ว่าไงหล่ะ?”

 

“…..ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมประณีประนอมไปมากกว่านี้แล้วสินะครับ”

 

“อา, ตามนั้นแหล่ะ”

 

กอร์ดอนพยักหน้าให้กับคำพูดของลีโอ

 

จากน้ำเสียงของกอร์ดอน, เขาคิดว่าสงครามจะเกิดขึ้นแน่นอน ผลลัพธ์ได้ถูกตัดสินเอาไว้แล้ว

 

เขาน่าจะประเมินว่ามันคงไม่เป็นอะไรตราบใดที่พวกเราไม่แทรกแซงเขาในช่วงนั้น

 

“ไม่มีทางเลือกสินะครับ พวกเราจะทำตามข้อเสนอนั้นก็แล้วกัน”

 

“ถ้างั้นก็เอาจดหมายไปได้ ถ้าเจ้าผิดสัญญา, จะไม่มีใครเจรจากับเจ้าอีกแน่ อย่าคิดทำอะไรโง่ๆหล่ะ”

 

“เข้าใจแล้วครับ”

 

“ถ้างั้นก็บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเลยก็แล้วกัน”

 

กอร์ดอนรีบเขียนเงื่อนไขแล้วเซ็นลงบนกระดาษแผ่นนึง จากนั้นเขาก็เร่งเร้าให้ลีโอเซ็นลงไปด้วย

 

ซึ่งลีโอก็ได้เซ็นลงไปในกระดาษแผ่นนั้นแล้วเขาก็หยิบจดหมายที่อยู่บนโต๊ะ

 

เมื่อเห็นแบบนี้, กอร์ดอนก็มองมาที่ฉัน

 

“อาร์โนลด์ เจ้าก็ต้องเซ็นด้วย”

“ข้าด้วยหรอ?”

 

“แน่นอนสิ ถ้าเซ็นแค่คนเดียวมันจะมีประโยชน์อะไรหล่ะ พวกเจ้าสองคนก็เหมือนคนๆเดียวกันนั่นแหล่ะ”

 

“ข้าไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์อะไรหรอกครับ”

 

พอพูดจบ, ฉันก็คว้าปากกาแล้วรีบเซ็น

 

ด้วยลายเซ็นของพวกเราทั้งคู่, พวกเราก็จะไม่สามารถแทรกแซงกอร์ดอนในช่วงสงครามได้อีกต่อไป

 

แล้วจู่ๆคำถามก็ผุดขึ้นมาในหัวฉันดังนั้นฉันจึงถามกอร์ดอน

 

“ท่านพี่ครับ สงครามที่ว่านี่หมายถึงสงครามครั้งต่อไปหรอครับ?”

 

“แน่นอนสิ”

 

“ถ้างั้น ข้าขอระบุลงไปด้วยนะ”

 

“เหอะ, ทำตามใจเจ้าเถอะ”

 

ฉันเพิ่มเงื่อนไขลงไปว่าแค่สงครามครั้งต่อไปเท่านั้น

 

เป็นไปตามที่ฉันวางแผนเอาไว้

 

พวกเราออกมาจากห้องของกอร์ดอนโดยไม่พูดอะไรเลยซักครับ

 

“ดูเหมือนจะไปได้ดีนะ”

 

“เขาดูไม่สงสัยอะไรเลย”

 

กอร์ดอนแค่ไม่สนใจเพราะเขาคิดว่ามันเปล่าประโยชน์ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม

 

เขาคิดว่าทุกอย่างจะไม่เป็นอะไรตราบใดที่สงครามเกิดขึ้นหรือบางทีเขาคงมั่นใจว่าเขาสามารถขยี้ลูกไม้ต่างๆที่พวกเราจะใช้กับเขาได้สินะ?

 

เอาเถอะ, ไม่ว่าจะแบบไหนก็ไม่มีปัญหาทั้งนั้น

 

“ตอนนี้เงื่อนไขก็ลงตัวแล้วหล่ะนะ”

 

ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความพยายามของข้า

 

 

“ขอประทานอภัยที่ล่าช้าครับ”

 

“ให้ตายเถอะนะ”

 

ลีโอก้มศรีษะลงเป็นการแสดงความขอโทษ

 

ท่านพ่อรับจดหมายด้วยท่าทีไม่พอใจ

 

ในฐานะจักรพรรดิ, ท่านพ่อมีงานมากมายต้องทำ นี่คือสาเหตุที่เขาไม่เคยแทรกแซงงานที่เขามอบหมายให้ลีโอ

 

เขาไม่มีเวลาทำเรื่องแบบนั้น วิกฤตการณ์มอนส์เตอร์ฝูงใหญ่ได้ส่งผลกระทบไปทั่วทั้งจักรวรรดิและทางตะวันออกก็ยังอยู่ในระหว่างการซ่อมแซม และยังยิ่งซ้ำเติมเข้าไปอีก, เมื่อมีปีศาจปรากฎตัวขึ้นทางใต้และบ้านเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ก็หายไป

 

มีหลายเรื่องที่จักรพรรดิต้องจัดการดังนั้นท่านพ่อจึงฝากฝังงานเช่นนี้ให้ลีโอ และผลลัพธ์ของงานที่ว่าก็ล่าช้า

 

“……หนอยแก, ดยุคครูเกอร์”

 

หลังจากอ่านจดหมาย, ท่านพ่อก็ส่งต่อให้ฟรานซ์ด้วยท่าทีเหมือนกับว่าเขาอยากขยำมันทิ้งซะตรงนั้นเลย

 

พอรับมันมา, ฟรานซ์เองก็ตรวจดูเนื้อหาของมัน

 

จดหมายนี้เป็นข้อกล่าวหาจากเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ ศูนย์กลางนั้นอยู่รอบตัวดยุคครูคครูเกอร์, ขุนนางที่มีอำนาจมากที่สุดทางใต้, ขุนนางทางใต้นั้นเชื่อมต่อกับองค์กรลักพาตัวและก่ออาชญากรรมมากมาย ซึ่งก็รวมทั้งเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ด้วย

 

ต่อให้เขาถูกข่มขู่, มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งที่เขาทำได้

 

แต่ว่า, เขาพยายามชดเชยความผิดของเขา ความกล้าหาญของเขานั้นเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง

 

“เกี่ยวกับเรื่องเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์พวกเราควรยึดฐานันดรของเขาเพราะเขาไม่สามารถรักษาคำกล่าวขององค์จักรพรรดิที่ให้ปกป้องผู้อพยพได้……”

 

“นั่นสินะ ความจริงที่ว่าเขาไปยุ่งเกี่ยวกับอาชญากรรมเช่นนี้จะไม่หายไป ข้าจะถอดถอนฐานันดรของเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์”

 

เอาเถอะ, ฉันก็คิดเอาไว้อยู่แล้ว

 

ความกล้าหาญควรได้รับการเฉลิมฉลองแต่บาปที่เขากระทำไว้จะไม่หายไปไหน

 

จากนั้นฉันก็เหลือบมองข้างหลัง

 

แล้วก็ได้เห็นรีเบคก้าที่คุกเข่าอยู่ข้างหลังพวกเรามีสีหน้าซีดเผือด

 

บางทีเธอน่าจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว, เอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ได้ทอดทิ้งเกียรติยศของเขาเพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งการมาทำเอาป่านนี้มันก็สายเกินไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม, รีเบคก้าในสภาพนี้ก็ยังดูน่าสงสารอยู่ดี

 

ในขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น, ลีโอก็เริ่มเสนอองค์จักรพรรดิ

 

“ฝ่าบาท ข้าขออะไรบางอย่างได้ไหมครับ?”

 

“ว่ามาสิ?”

 

“ข้าอยากจะให้รางวัลกับท่านรีเบคก้า สำหรับความสำเร็จของเธอที่สามารถนำจดหมายมาส่งถึงมือฝ่าบาทได้”

 

“อืม, นั่นสินะ”

 

ท่านพ่อพูดพลางพยักหน้า

 

ดูเหมือนว่าลีโอจะเคยให้สัญญากับหนึ่งในอัศวินของเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์เอาไว้ว่าจะกอบกู้เกียรติของเขาให้แต่การทำแบบนั้นคงจะยากแล้ว

 

แต่มันก็ยังคงมีวิธีอยู่

 

“ถ้างั้นข้า, องค์ชายลำดับแปด, ลีโอนาร์ด เลคส์ แอดเลอร์, ขอเสนอชื่อท่านรีเบคก้าให้ได้รับยศขุนนาง โปรดประทานตำแหน่งให้เธอด้วยเถอะครับ”

 

“…..เอาสิ”

 

ฉันคิดไว้แล้วว่าลีโอจะพูดแบบนี้

 

“รีเบคก้า เจ้าอยากได้ยศอะไรหล่ะ?”

 

“ฝ, ฝ่าบาท…..ข, ข้าไม่ต้องการยศใดๆทั้งนั้นค่ะ….พ, เพราะฉะนั้นได้โปรดเถอะค่ะ….”

 

“อย่าพูดอะไรไปมากกว่านี้ เดนนิสเป็นผู้กระทำผิด ไม่ว่าเขาจะมีเหตุผลอะไร, ก็ต้องได้รับโทษ”

 

“ข, เขาไม่ใช่อาชญากรแบบนั้นนะคะฝ่าบาท! เขาเป็นขุนนางที่น่าภาคภูมิใจ! การถอดถอนฐานันดรของเขามันมากเกินไปค่ะ!”

 

“ข้าสรรเสริญคนผิดที่ทำเรื่องดีๆในบั้นปลายชีวิตไม่ได้หรอก เพราะเขาได้ก่ออาชญากรรมไปแล้ว”

 

พอถูกท่านพ่อพูดแบบนั้น, น้ำตาก็หลั่งไหลออกมาจากดวงตาของรีเบคก้า

 

เมื่อเห็นรีเบคก้าในสภาพนี้, ท่านพ่อก็พูดต่อ

 

“รีเบคก้า ข้าจะแต่งตั้งยศให้เจ้า”

 

“…..ค่ะ”

 

“—รีเบคก้าเจ้าจะได้รับยศเป็นไวส์เคานท์ซิทเทอร์ไฮม์ แล้วไวส์เคานท์ซิทเทอร์ไฮม์ก็จะได้รับเหรียญตราสัมฤทธิ์จักรวรรดิสำหรับความสำเร็จนี้ [เจ้าทำได้ดีมาก]”

 

เหรียญตราสัมฤทธิจักรวรรดินั้นจะมอบให้แค่กับคนที่สร้างคุณประโยชน์อย่างมากต่อจักรวรรดิ

 

แม้ว่าจะมีเหรียญตราเงินกับเหรียญตราทองคำอยู่ด้วย, มันก็ยังหายากที่จะมีการมอบเหรียญตราสัมฤทธิ

 

นี่คือการบอกขอบคุณเป็นนัยๆของท่านพ่อ

 

เขาไม่สามารถสรรเสริญเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ที่กระทำความผิดได้โดยตรงดังนั้นเขาจึงส่งต่อชื่อของเขาให้รีเบคก้าแล้วชื่นชมเธอ

 

นี่คือสาเหตุที่ลีโอเสนอชื่อเธอให้รับยศขุนนาง มีตัวอย่างแบบนี้เกิดขึ้นในอดีตหลายครั้งแล้ว

 

ถ้าจักรพรรดิไม่สามารถให้ความชื่นชมได้จากใจจริง, มันก็ยังทำได้ด้วยการใช้วิธีการอ้อมๆแบบนี้

 

“ไวส์เคานท์รีเบคก้า ฟ็อน ซิทเทอร์ไฮม์ จงแสดงความขอบคุณต่อองค์จักรพรรดิซะ”

 

“…., ขอบพระคุณสำหรับความเมตตาของท่านค่ะ…. ฝ่าบาท”

 

ความหมายของน้ำตาที่เธอหลั่งออกมาได้เปลี่ยนไปแล้ว

 

คำพูดของท่านพ่อในตอนสุดท้ายนั้นไม่ใช่แค่การชื่นชมความสำเร็จของรีเบคก้าแต่ยังรวมถึงเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ด้วย

 

รีเบคก้าเข้าใจตรงจุดนั้น

 

เธอยังคงร้องไห้ต่อไปอีกซักพัก

 

“….ปัญหาทางใต้ช่างหยั่งรากลึกจริงๆ ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้าพวกนั้นแน่ ฟรานซ์, เจ้าเข้าใจใช่ไหม?”

 

“ถ้าพวกเราแสดงความแข็งกร้าวกับพวกเขา, พวกเขาก็น่าจะตอบสนองมาแบบเดียวกันไม่ใช่หรอครับ?”

 

“เจ้าคิดว่าข้าจะยอมทนให้ข้าราชบริพารของตัวเองดูถูกหรอ? ข้าเป็นถึงจักรพรรดิของประเทศนี้เชียวนะ ประชาชนและขุนนางของประเทศนี้คือส่วนหนึ่งของข้า ข้าเป็นคนเดียวที่สามารถทำตามใจชอบกับพวกเขาได้ ข้าจะทำการสืบสวนทางใต้ด้วยตัวเอง ไปพูดแบบนั้นกับขุนนางทางใต้ทุกคนซะ”

 

ด้วยการพูดเช่นนี้, ท่านพ่อได้แสดงจุดยืนของเขาแล้ว

 

มันหมายความว่าต่อให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นเขาก็จะไม่ยอมอ่อนข้อ ต่อให้ประเทศนี้จะอ่อนแอลงเพราะเรื่องนั้น, ข้าราชบริพารที่กระทำผิดก็จะไม่ถูกมองข้าม เขาตั้งใจจะแสดงสิ่งนี้ให้เบี้ยล่างทุกคนได้เห็น

 

สถานการณ์ดำเนินไปตามการคาดการณ์ของกอร์ดอน แต่ว่า, ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบหรอก

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด