“โอเค ฉันจัดการเดี๋ยวนี้แหล่ะ” ตอนนี้ถังหลินเองก็คิดแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ทำให้เสียเวลาแม้แต่ช่วงเวลาเดียว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเริ่มกดโทรออก

เพียงแต่ ถังหลินยังไม่ได้กดโทรออกไปนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของเย่ซือเฉินก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“ฉิงถิงโทรมา” เย่ซือเฉินเห็นคนที่โทรเข้าแสดงขึ้นมาแล้ว ดวงตาคู่นั้นก็หนักหน่วงลงอย่างเห็นได้ชัด ฉิงถิงโทรมาตอนนี้อาจจะพูดถึงเรื่องของคนนั้นที่อยู่ในกล้องวงจรปิด

ในช่วงเวลาสั้นๆขนาดนี้ในสถานการณ์ปกติจะไม่สามารถหาตัวคนได้เร็วขนาดนี้อย่างแน่นอน ดังนั้น…..

ถังหลินกับเวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉินแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน

เย่ซือเฉินรีบกดรับสายอย่างรวดเร็ว แล้วกดเปิดลำโพง

“พี่สาม คนนั้นที่อยู่ในกล้องวงจรปิดหาตัวเจอแล้ว แต่ว่าเขาตายแล้วครับ” เมื่อกดรับสายเสียงของคุณชายห้าฉิงก็ดังขึ้นมา

ถึงแม้ว่าทั้งสามคนจะคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะเกิดเรื่องขึ้น แต่พอได้ยินคำพูดของคุณชายห้าฉิงแล้วต่างก็พากันตกตะลึงไป ตายแล้ว? ไม่คิดว่าจะตายแล้ว?

นี่เป็นชีวิตคนหนึ่งชีวิตเชียวนะ อีกทั้งคนนั้นที่อยู่ในกล้องวงจรปิดก็อายุประมาณสามสิบเพียงเท่านั้น อายุยังน้อยขนาดนี้ ก็จะต้องมาตายแบบนี้แล้ว

“แต่ผมตรวจสอบมาได้ว่าหวูปินนั่งรถแท็กซี่ไปยังถนนซินหยวน หลังจากลงรถแล้ว เขาก็อ้อมเข้าไปในถนนเล็กๆที่ลับตาคน หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงถึงได้ออกมา แล้วก็นั่งรถแท็กซี่ไปยังโรงพยาบาลตี้อี ดังนั้น ช่วงครึ่งชั่วโมงนั้นหวูปินจะต้องไปพบใครมาอย่างแน่นอน โทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นหวูปินจะต้องได้รับมาในช่วงเวลานั้น แต่ถนนเล็กๆเส้นนั้นเปลี่ยวมาก ไม่มีกล้องวงจรปิด ก็เลยตรวจสอบไม่ได้ว่าหวูปินไปเจอใครมา ผมดูกล้องวงจรปิดบริเวณรอบๆในตอนนั้นทั้งหมดแล้ว ก็ไม่พบพบคนที่น่าสงสัยเลย” คุณชายห้าฉิงพูดมาถึงตอนสุดท้ายแล้วก็แอบหายใจออกมา : “พี่สาม ดูแล้วคนที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังนี่จะเก่งมากเลยนะ”

“อืม ฉันรู้” เกี่ยวกับตรงจุดนี้ เย่ซือเฉินชัดเจนมาก : “นายส่งคลิปกล้องวงจรปิดของถนนซินหยวนมาให้ที เอาไว้ฉันค่อยดูอีกที”

“ได้ ผมจะส่งให้นะ”คุณชายห้าฉิงไม่ได้พูดอะไรอีกแล้วส่งคลิปกล้องวงจรปิดมาให้เลย

หลังจากที่เย่ซือเฉินวางสายไปแล้ว ก็เปิดคลิปที่คุณชายห้าฉิงส่งมาให้ ทั้งสามคนดูคลิปทั้งหมดด้วยกันหนึ่งรอบ ครั้งนี้ไม่พบอะไรเลยจริงๆ แม้แต่เวินลั่วฉิงเองก็มองไม่ออกถึงสถานการณ์ใดๆด้วยเช่นกัน

“พวกเราตรวจสอบทั้งหมดมาถึงตรงนี้ก็ขาดช่วงหมดแล้ว คนๆนั้นจัดการกับคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับเรื่องเมื่อวานไปหมดแล้ว” ถังหลินนั่งตัวตรง แล้วพิงอยู่ตรงพนักพิงเก้าอี้ มือหนึ่งนวดหน้าผากเอาไว้ ดูคลิปจากกล้องวงจรปิดหลายชั่วโมง หัวแทบจะระเบิดอยู่แล้ว แต่จนถึงตอนสุดท้ายกลับเป็นการสูญเปล่า

“ตอนนี้ก็ทำได้เพียงแค่รอทางหยวนหยูแล้วล่ะ” ถังหลินทำอะไรก็รอบคอบมาโดยตลอด เป็นครั้งแรกที่เป็นฝ่ายถูกกระทำแบบนี้

“สถานการณ์ทางหยวนหยูก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก” เวินลั่วฉิงนึกถึงเรื่องเหล่านั้นที่คนที่อยู่เบื้องหลังทำแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกมีความหวังกับหยวนหยูมากนัก

“แต่ตอนนี้มีโจ๋วอันหนาน โจ๋วอันหนานเป็นถึงผู้ที่มีอำนาจทางด้านนี้ โจ๋วชิงพาโจ๋วอันหนานมาได้ในเวลาอันสั้นขนาดนั้น ตอนนี้โจ๋วอันหนานก็เป็นคนทำการผ่าตัดให้หยวนหยูเอง คงจะสามารถช่วยชีวิตหยวนหยูได้สิ” ถังหลินไม่ใช่ว่าจะมองโลกในแง่ดีเกินไปก่อน แต่เขาเชื่อในความสามารถของโจ๋วอันหนาน ความสามารถของโจ๋วอันหนานทำให้ใครๆสามารถเชื่อถือและศรัทธาได้

ต่อให้คนๆนั้นมีวิธีการที่รอบคอบ ก็จะต้องคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่าโจ๋วอันหนานจะรีบมาในช่วงเวลาอันสั้นขนาดนี้เพื่อมาทำการผ่าตัดให้กับหยวนหยูด้วยตนเอง

“อีกทั้ง ก่อนหน้านี้หัวหน้าฝ่ายก็เคยบอกเอาไว้แล้ว ดีที่หยวนหยูฉีดยาในปริมาณไม่ได้มากเกินไปนัก ไม่ถึงกับทำให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ดังนั้นยังมีโอกาสที่จะสามารถช่วยชีวิตกลับมาได้มาก ฉันคิดว่าถึงแม้หยวนหยูจะถูกคนๆนั้นบีบให้ฆ่าตัวตาย แต่ความปรารถนาที่อยากจะมีชีวิตอยู่อันแข็งแกร่งนี้ทำให้เธอลดปริมาณยาลงในตอนสุดท้าย” ถังหลินยังรู้สึกว่ามีโจ๋วอันหนานอยู่ด้วยความเป็นไปได้ที่หยวนหยูจะฟื้นขึ้นมานั้นมีอยู่มาก