ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่สอง 151-1 จดหมายถึงเฟิ่งโจว

Now you are reading ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่สอง Chapter 151-1 จดหมายถึงเฟิ่งโจว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เดิมทีเพียงกังวลว่าวุ้นชามหนึ่งจะทำให้เว่ยฉางอิ๋งป่วยหนัก แต่กลับบังเอิญตรวจพบว่าเว่ยฉางอิ๋งตั้งท้อง …ทว่าเป็นเพราะนางหวงตรวจพบว่าการตั้งครรภ์ไม่คงที่อย่างยิ่ง ทุกคนในเรือนจินถงจึงดีใจกันไม่ค่อยออก กลับมีเรื่องต้องเป็นกังวลขึ้นมาเสียอีก…

ด้วยเหตุที่นับแต่เสิ่นจั้งเฟิงจากไปเว่ยฉางอิ๋งก็ตรากตรำดูแลงานบ้านติดต่อกันมาหลายวัน ระหว่างนั้นก็ต้องไปร่วมงานแต่งงานอีกหลายงานที่คล้ายว่าต้องเร่งรีบให้ทันงานต่องาน ในงานแต่งงานก็ถูกเว่ยฉางเจวียนก่อกวนอย่างหนัก …รอบเดือนที่เห็นมาก่อนหน้านี้ ความจริงแล้วเป็นเลือดที่ออกมาเพราะความอ่อนล้า แต่เพราะนางฝึกวรยุทธมาแต่เล็ก จึงมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าหญิงสาวทั่วไปมากมายนัก เมื่อมีเลือดออกกลับไม่ได้มีความรู้สึกแปลกประหลาดอะไรมากมาย ทั้งยังคิดว่าเป็นรอบเดือนมาไม่ปกติเสียอีก

เวลานี้ก็เป็นฤดูร้อน การที่รอบเดือนมาไม่ปกติในฤดูนี้ สำหรับสตรีชั้นสูงในตระกูลสูงศักดิ์นับว่ามิใช่เรื่องแปลก เพราะหลังจากทานวุ้นเย็นเข้าไปมากๆ ก็มักทำให้เกิดอาการเช่นนี้

เรื่องนี้ไม่เพียงแค่ตัวเว่ยฉางอิ๋งเองเท่านั้น แม้แต่สาวใช้ที่ซักเสื้อผ้าให้นางก็ยังไม่มีใครคิดมากเลย

แม้จะบอกว่านางหวงซึ่งชำนาญวิชาแพทย์คอยอยู่ตรงหน้าทุกวัน ทว่านอกจาก เว่ยฉางอิ๋งจะ ‘สบายดี’ อยู่ตลอดเวลาแล้ว หลังจากเสิ่นจั้งเฟิงจากไปไม่นาน ด้วยเรื่องที่ตวนมู่อู๋เซ่อถูกหย่าร้าง ทำให้นางต้องรับงานที่ตวนมู่เยี่ยนอวี๋เคยดูแลอยู่เดิมมาจัดการ เมื่อยุ่งวุ่นวายอยู่เช่นนี้ จึงไม่ได้สนใจจะหาเวลาให้นางหวงตรวจชีพจรเรื่อยมา …อีกทั้งนางก็ต้องคอยต่อสู้กับบรรดาพี่สะใภ้ และยังต้องจัดการงานบ้านที่อยู่ในมือตน หลายวันมานี้ก็ยังต้องวางแผนว่าจะจัดการเว่ยฉางเจวียนอย่างไรอีก… แล้วจะจำการเย้าหยอกของเสิ่นจั้งเฟิงก่อนจากไปได้ที่ใด?

หากไม่เป็นเพราะคืนนี้นางรู้สึกกระหายแล้วเกิดตะกละอยากทานวุ้นขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อใดจึงจะพบว่าตนตั้งครรภ์ …หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น นางหวงและนางเฮ่อพากันด่าทอพวกของฉินเกอยกใหญ่ แต่ความจริงแล้วพวกของฉินเกอก็ต้องรับผิดที่ไม่ได้ก่อ นายที่พวกนางปรนนิบัติรับใช้ผู้นี้ไม่ได้อ่อนแอบอบบางเช่นคุณหนูทั่วไป แต่เล็กมาเว่ยฉางอิ๋งไม่เคยเจ็บป่วยใดๆ ฤดูร้อนทุกๆ ปีก็กินวุ้นเย็นๆ ตั้งแต่เช้าจนค่ำ ก็ไม่เคยเห็นว่านางจะไม่สบายมาก่อน

เมื่อมีประสบการณ์มาดังนี้ แม้เวลานี้จะเป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่ภาษิตว่า ‘สิบวันในฤดูใบไม้ร่วงอบอุ่น’ สองวันมานี้ก็เป็นดังนี้พอดี หีบน้ำแข็งในห้องก็ยังไม่ได้เอาออกไปจนหมดเลย เว่ยฉางอิ๋งทะนงว่าตนมีร่างกายแข็งแรง แม้ฤดูร้อนจะผ่านไปแล้วแต่นางก็ยังอยากกินวุ้นเย็นๆ อยู่ดี …เพียงเพราะหนนี้บังเอิญเกิดเรื่องขึ้นมา แต่หากไม่เกิดเรื่อง ต่อให้ดึกดื่นปานใด แล้วเว่ยฉางอิ๋งอยากกินอะไร หากพวกของฉินเกอหามาให้ไม่ได้ นางหวงและนางเฮ่อก็จะต้องต่อว่าว่าพวกนางดูแลไม่เต็มกำลัง  ฮูหยินน้อยอยากทานวุ้นก็ยังหามาไม่ได้…

ปรากฏว่าวุ้นถ้วยนี้ทำให้เว่ยฉางอิ๋งตระหนักแล้วว่า มันกลับทำพิษกับร่างกายที่เคยแข็งแรงแต่เวลานี้อ่อนแรงลงแล้ว

นางนอนอยู่บนตั่งอย่างทรมาน ทั้งยังเป็นหวงครรภ์ในท้อง ด้วยความหวั่นกลัวจึงหลั่งน้ำตาออกมาอย่างหนัก …คนทั้งบ้านเสิ่นกลับพากันนอนไม่หลับเพราะนางกันไปเสียแล้ว

แรกเริ่ม นางหวงตื่นเต้นดีใจกับ ‘ข่าวดี’ นี้ จึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่นไปชั่วครู่ หลังจากสั่งคนไปเอาน้ำร้อนมาช่วยอบอุ่นร่างกายให้เว่ยฉางอิ๋งแล้ว นางจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ และสั่งฉินเกอที่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเรียบร้อยแล้วให้ไปรายงานฮูหยินซูในทันใด

แม้บ้านเสิ่นจะมีเด็กในรุ่นหลานหลายคนแล้ว ทว่านอกจากจะมีเสิ่นซูจิ่งเป็นหลานชายเพียงคนเดียวแล้ว ฐานะภายในตระกูลของเสิ่นจั้งเฟิงก็พิเศษกว่าผู้ใด ลูกคนแรกของเขา ทั้งยังเป็นลูกจากภรรยาเอก เพียงคิดก็รู้แล้วว่าบ้านเสิ่นจะต้องให้ความสำคัญอย่างมากทีเดียว หากพบว่าครรภ์เป็นปกติก็ยังแล้วไป ทว่าสภาพการณ์ในตอนนี้กลับไม่ใคร่ดี นางหวงหรือจะรอจนฟ้าสว่างจึงค่อยไปบอก?

ปรากฏว่าเมื่อฮูหยินซูได้ยินข่าว แม้นางจะเข้านอนไปนานแล้ว ทว่าก็ยังรีบร้อนลุกขึ้นมา ไม่มีแม้แก่ใจจะหวีผมเผ้า เพียงใช้ปิ่นม้วนผมมาลวกๆ แล้วนั่งเกี้ยวเล็กเร่งไปที่เรือนจินถง เมื่อเห็นเว่ยฉางอิ๋งนอนอยู่บนตั้งด้วยลมหายใจรวยรินนางก็เป็นกังวลเป็นที่สุด สอบถามไม่หยุดว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่?

เมื่อรู้ว่านางไม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์จึงทำงานเหน็ดเหนื่อยเกินไป กลางคืนก็ยังทานวุ้นเย็นไปอีกสองสามคำ และเวลานี้อาจรักษาครรภ์เอาไว้ได้ยากยิ่ง ฮูหยินซูก็ทั้งโมโหทั้งขุ่นเคืองทั้งเป็นห่วง คิดอยากต่อว่าไปหลายหน แต่ก็ถูกนางเถาคอยบีบมือเอาไว้ กอปรกับเมื่อได้มาเห็นสะใภ้ ตนเองก็ตกใจจนขวัญหายแล้ว ตอนนี้จึงมีสีหน้าเคร่งเครียด แล้วต่อว่าพวกของนางหวงว่า “ฉางอิ๋งยังเด็กไม่รู้ความ แต่ท่านอาเช่นพวกเจ้าล้วนเป็นผู้ใหญ่มีประสบการณ์! แล้วเหตุใดจึงได้เลอะเลือนเช่นนี้? นางตั้งท้องก็ยังให้นางมาทานวุ้นเอาตอนดึกดื่น ไร้หัวคิดกันทุกคนจริงๆ!”

พวกนางหวงรู้ตัวว่าทำงานผิดพลาด ไม่กล้าโต้แย้งว่าความจริงแล้วเป็นเพราะเว่ยฉางอิ๋งทานวุ้นจึงได้รู้ว่านางตั้งครรภ์ จึงพากันเงียบเสีย

ฮูหยินซูด่าทอไปอีกสองสามคำ จึงถามว่า “ตั้งท้องได้กี่เดือนแล้ว?”

“ขาดอีกเล็กน้อยจะสามเดือนแล้วเจ้าค่ะ” นางหวงเอ่ยอย่างระมัดระวัง

ฮูหยินซูนับดู ก็เป็นช่วงเวลาก่อนเสิ่นจั้งเฟิงจะจากบ้านไปราวครึ่งเดือนพอดี …นับแต่เว่ยฉางอิ๋งแต่งเข้าบ้านมาจนตอนนี้ก็เป็นเวลาเพียงไม่กี่เดือน และนางก็ตั้งครรภ์แล้ว นั่นก็เป็นเพราะร่างกายของหญิงที่ฝึกวรยุทธมาแต่เล็กนั้นแข็งแรง จึงทำให้มีทายาทได้ง่ายดาย แม้เวลานี้สถานการณ์จะไม่ค่อยดีนัก แต่สะใภ้ที่มีร่างกายแข็งแรงผู้นี้จะอาศัยทุนเดิมที่นางมีอยู่ผ่านพ้นไปได้? เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของนางก็ผ่อนคลายลงบ้าง โทสะในน้ำเสียงก็หายไปหลายส่วน กล่าวว่า “แล้วยามนี้เป็นเช่นใด? ครรภ์ในช่วงเดือนนี้ก็เป็นช่วงที่ไม่คงที่ที่สุดกระมัง?”

นางหวงบอกว่า “ความรู้ของข้าน้อยไม่เพียงพอ ยามนี้คิดว่าจะรักษาครรภ์ให้ฮูหยินน้อยเอาไว้ก่อนชั่วคราว รอจนวันพรุ่งจึงค่อยเชิญท่านหมอเทวดาจี้มาตรวจรักษาที่จวนเจ้าค่ะ” แล้วยิ้มเจื่อนๆ พลางว่า “เคราะห์ดีที่ฮูหยินน้อยมีร่างกายแข็งแรง เวลานี้ยังสามารถทนไปได้อีกชั่วขณะ หากเป็นคนทั่วไปแล้ว…” นางฟังออกว่าเวลานี้ฮูหยินซูไม่พอใจเรื่องที่เว่ยฉางอิ๋งไม่ระวังตัวเป็นอย่างมาก จึงคิดหาทางพูดเรื่องดีๆ ให้เว่ยฉางอิ๋ง เพื่อให้จิตใจของฮูหยินซูสงบลงเสียก่อน

ฮูหยินซูไม่ทันได้สนใจประโยคหลัง กลับกลายเป็นว่าเมื่อได้ยินคำว่า ‘จี้ชวี่ปิ้ง’ สามคำ คิ้วของนางก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง … ไม่อาจไม่พูดได้ว่าแพทย์เลื่องชื่อในเขตทะเลผู้นี้ แม้จะเป็นคนอารมณ์แปรปรวน ทว่าด้วยชื่อเสียงที่เป็นที่ยอมรับกัน ก็เป็นจริงว่าฝีมือของเขาหาได้ต่ำต้อยไม่ ในเวลาที่ต้องใช้เขาจริงๆ เพียงได้ยินฉายาของเขาก็ทำให้คนโล่งใจเสียอย่างยิ่ง

ฮูหยินซูจึงพยักหน้าบอกว่า “เคราะห์ดีที่ยังมีมิตรไมตรีอันนี้! หาไม่…ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ต้องเสียใจไปชั่วชีวิต!”

ว่าแล้วฮูหยินซูจึงหันมาปลอบเว่ยฉางอิ๋งสองสามประโยค บอกให้นางทำใจให้สบายเพื่อรักษาครรภ์นี้เอาไว้…. ความจริงแล้ว ตอนนี้เว่ยฉางอิ๋งทั้งเจ็บปวดทั้งหวาดกลัวทั้งเสียใจ ไม่ได้สนใจที่แม่สามีมาหาและเรื่องที่นางพูดเลย จึงรับปากไปพอผ่านๆ สองสามประโยค จากนั้นก็ร้องไห้ออกมา

เมื่อเห็นดังนี้แล้ว ฮูหยินซูจึงถอนหายใจและบอกกับพวกนางหวงว่า “พวกเจ้าคอยดูแลเอาไว้ให้ดี ห้ามให้เกิดเรื่องใดขึ้นอีกเป็นอันขาด!”

รอจนฮูหยินซูไปแล้ว คนทั้งเรือนจินถงต่างก็นอนไม่หลับ พากันสวนอดวอนต่อสวรรค์ด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ดีชั่วก็ทนมาได้จนฟ้าเกือบสว่าง เว่ยฉางอิ๋งจึงได้หลับไปด้วยความอ่อนล้าอย่างหนัก นางเฮ่อเข้าไปจัดผ้าห่มให้ห่อตัวนาง เมื่อเห็นหยดน้ำตาดังผลึกแก้วที่ข้างแก้มนาง นางเฮ่อก็เจ็บปวดใจนัก พอออกมานอกประตูก็ระบายกับฉินเกอเบาๆ ว่า “ข่าวดีแท้ๆ เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”

ฉินเกอกำลังจะตอบ นางเฮ่อกลับหาสาเหตุได้แล้ว และเอ่ยอย่างชิงชังว่า “นี่เพราะบ้านสองไม่ดี! หากมิใช่เว่ยฉางเจวียนจงใจมาหาเรื่อง ด้วยร่างกายที่แข็งแรงของฮูหยินน้อย จะกลายมาเป็นเช่นนี้ได้ที่ใด?”

นางเฮ่อคิดไปดังนี้ย่อมไม่ยอมเพียงแค่พูดไปลอยๆ ต่อหน้าฉินเกอเท่านั้น รอจนนางหวงเชิญจี้ชวี่ปิ้งมาที่จวน ตรวจรักษาและให้ยากับเว่ยฉางอิ๋ง เว่ยฉางอิ๋งดื่มยาแล้ว และได้ฟังจี้ชวี่ปิ้งบอกเองกับปากถึงสาเหตุที่ครรภ์ไม่คงที่ แต่เขาก็ยังมั่นใจว่าจะรักษาครรภ์นี้เอาไว้ได้ …แน่นอนว่าแม้สิ่งที่จี้ชวี่ปิ้งพูดจะหมายความดังนี้ ทว่าคำที่ออกมาจากปาก ท่านหมอเทวดาผู้นี้ย่อมไม่มีวันน่าฟัง

นางหวงแทบจะร้องไห้วิงวอนจี้ชวี่ปิ้งว่าคราวนี้โปรดพูดจาดีๆ สักหน่อย ด้วยกลัวว่าจะทำให้เว่ยฉางอิ๋งโมโหจนเกิดเรื่องขึ้นอีก ทว่าเวลานี้เว่ยฉางอิ๋งจะมาสนอกสนใจถือสาว่าจี้ชวี่ปิ้งจะพูดจาน่าฟังไม่น่าฟังอยู่อย่างไร? เมื่อนางตั้งสติฟังและแน่ใจว่าสามารถรักษาทายาทของตนผู้นี้เอาไว้ได้แล้ว นางก็รู้สึกประหนึ่งว่าบรรลุและได้เกิดมาบนโลกมนุษย์ใหม่อีกครั้ง นอกจากจะไม่ถือสาทั้งท่าทีและน้ำเสียงค่อนแคะของ จี้ชวี่ปิ้งแล้ว นางแทบจะลุกขึ้นมาคลานและโขกหัวให้จี้ชวี่ปิ้งไปทันใดเสียเลย…

_________________________

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด