ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่สอง 205-2 การแต่งงานของหมิ่นอีนั่ว

Now you are reading ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่สอง Chapter 205-2 การแต่งงานของหมิ่นอีนั่ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางหมิ่นและนางโจวพลันสะท้านขึ้นในใจ ลอบคิดว่าคงมิใช่ว่าเวลานี้กำลังมาถึงเวลาที่สำคัญอันใดหรือไม่ เว่ยฉางอวิ๋นจึงต้องขัดขวางอย่างหนัก ไม่ให้เว่ยฉางเจวียนก่อเรื่องวุ่นวายอันใดขึ้นอีก? ทั้งสองคนยินดีก่อน แล้วกลับเป็นกังวลขึ้นมา แม้ว่าพวกนางจะเตรียมการเรื่องบ้านสองต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ ทั้งพ่อสามีและสามีล้วนไม่ได้มีจุดจบที่ดีเอาไว้แล้ว ทว่า …เมื่อเรื่องมาจวนตัวอย่างไรก็ยังรู้เศร้าสลดอยู่ดี

เว่ยฉางอวิ๋นเห็นว่าภรรยาและน้องสะใภ้ล้วนมองตนอย่างตกตะลึง พลันรู้สึกว่าท่าทีเหม่อลอยดูไร้สมองของคู่สะใภ้ทั้งสองช่างขัดตานัก ทว่าเวลานี้เขาก็ไม่มีแก่ใจจะมาตำหนิพวกนางอีก จึงได้แต่สั่งความไปว่า “ยามนี้พวกเจ้าดูแลเรือน เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปภายนอก หาไม่แล้ว อย่าโทษว่าข้าและน้องรองจะมาไถ่ถามเอาโทษว่าพวกเจ้าคู่สะใภ้ดูแลบ้านไม่ได้ความ!”

“…เจ้าค่ะ” นางหมิ่นและนางโจวตอบรับไปด้วยจิตใจสับสน

ด้วยเหตุที่ภรรยาและน้องสะใภ้ล้วนเป็นคนไม่เฉลียวฉลาด เขาอดจะเป็นกังวลไม่ได้ จึงกำชับไปอีกว่า “ในวันที่บ้านฝั่งสามีของลูกผู้น้องบ้านหมิ่นจะมามอบของหมั้น ให้พวกเจ้าส่งของกำนัลชิ้นงามไปให้ในนามของน้องเจ็ด พวกนางสองคนมีสัมพันธ์ที่ดียิ่งต่อกัน งานเช่นนี้จะให้น้องเจ็ดเสียมารยาทไม่ได้เด็ดขาด”

เขาคิดว่าจะต้องปิดเรื่องน่าอับอายที่เว่ยฉางเจวียนอยากจะออกไปแย่งสามีกับ ลูกผู้พี่ในช่วงที่ยังไว้ทุกข์อยู่นี้เอาไว้ให้ได้ นางหมิ่นและนางโจวกลับไม่รู้ว่าเขาเข้าใจผิดเสียแล้ว จึงคิดแต่เพียงว่า “ที่แท้สถานการณ์ของบ้านสองไม่ดีเพียงนี้ แม้ล่วงเกินผู้อื่นเพียงน้อยก็ยังไม่กล้า ก่อนนี้พี่น้องสามีทั้งสองคนมีหรือจะสนใจเรื่องของบ้านน้องอีนั่ว? แต่ในยามนี้ แค่เพื่อเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ …และนางก็ยังไม่ทันไปอาละวาดถึงบ้านหมิ่นเลย เขาก็กำชับเป็นพิเศษว่าให้พวกเราส่งของกำนัลชิ้นงามไปให้แล้ว”

ดังนี้คู่สะใภ้ทั้งสองจึงทั้งยินดีและเป็นกังวล หลังจากรับคำเว่ยฉางอวิ๋นไปแล้วก็ไปที่เรือนของเว่ยฉางเจวียนด้วยกัน เพื่อบอกกล่าวเรื่องที่เว่ยฉางอวิ๋นกำชับมา …เวลานี้เว่ยฉางเจวียนอาละวาดจนเหนื่อยแล้ว และถูกสาวใช้ปลุกปลอบให้เขาไปพักในห้อง เมื่อเห็นพี่สะใภ้สองคนเข้ามา นางก็โวยวายขึ้นมาอีก นางหมิ่นและนางโจวจึงร้องสั่งให้บ่าวซ้ายขวาเข้าไปกดนางเอาไว้ เล่าความที่เว่ยฉางอวิ๋นพูดตั้งแต่ต้นจนจบ ยิ้มพลางว่า “ไม่ว่าอย่างไรน้องหญิงเจ้าก็เป็นคุณหนูมีตระกูลนะ! ยามนี้ก็มีคนตั้งมากมายที่นี้คอยมองเจ้าอยู่ หากเจ้าอาละวาดหนักหนาเกินไป และบีบให้พวกพี่สะใภ้ต้องอุดปากเจ้าไว้ตามคำของพี่ชายใหญ่ของเจ้า เหมือนที่ทำกับพวกสาวใช้ที่ทำความผิดเช่นนั้น จะไม่น่าดูเพียงใด? คนเป็นพี่สะใภ้จะเตือนน้องหญิงสักคำ อย่างไรก็สงบสักหน่อยเถิด!”

เว่ยฉางเจวียนจำเรื่องที่หลิวรั่วเหยียวิเคราะห์ให้ฟังได้ จึงถือดีว่าบิดาและพี่ชายล้วนจงใจแสร้งไม่สนใจตนด้วยความจำเป็น แต่ความจริงแล้วยังคงรักใคร่ตนอยู่ แล้วจะยอมเชื่อคำพวกนางได้ที่ใด? จึงทั้งกรีดร้อง ทั้งดีดดิ้น ที่นางหมิ่นและนางโจวจงใจมาพูดความจริงแล้วก็ด้วยหวังให้นางอาละวาดให้หนักเสียยิ่งกว่าเก่า เพื่อสามารถลงมือตามคำของเว่ยฉางอวิ๋นได้

ยามนี้จึงคร้านจะสนใจเสียงด่าทอของนาง แล้วเรียกให้คนเอาผ้ามาอุดปากนางเสีย เรียกบ่าวชราที่มีเรี่ยวแรงมากๆ คุมตัวนางเข้าไปในห้อง คอยดูเอาไว้ห้ามให้นางออกมา

แล้วกำชับบ่าวทุกคนที่รู้เรื่องนี้ตามคำสั่งของเว่ยฉางอวิ๋นว่าห้ามพวกเขาแพร่งพรายเรื่องในวันนี้ออกไป แล้วจึงจากไปอย่างอารมณ์ดี

หลังจากข่าวการแต่งงานของหมิ่นอีนั่วแพร่ออกมา ก็ทำให้เกิดเรื่องวุ่ยวายใหญ่โตในจวนเว่ยแห่งนี้ แต่ในบ้านอื่นๆ กลับไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่โตใด แม้แต่เมื่อเว่ยฉางอิ๋งได้ยินว่าหมิ่นอีนั่วจะได้แต่งงานเป็นภรรยาคนใหม่ของลูกผู้พี่ชายบ้านซ่งของตน นางก็เพียงร้องอุ๊คำหนึ่ง กล่าวว่า “คราก่อนข้าก็เคยถามกับท่านพี่ไจ้สุ่ยว่าในเมื่อลูกผู้พี่รองเลิกรากับตวนมู่อู๋เซ่อและเขาก็ไม่มีบุตรธิดา ก็ควรจะแต่งกับสตรีที่มีความดีงามและเห็นแก่ส่วนร่วมจึงจะดี ครานั้นท่านพี่ไจ้สุ่ยบอกข้าว่าไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องนี้ ที่แท้ก็เพราะมีตัวเลือกที่หมายตาเอาไว้นานแล้วนี่เอง”

แล้วทันใดนั้น “ครั้งพระธิดาเฉิงเสียนออกเรือนก่อนหน้านี้ เว่ยฉางเจวียนยุให้ องค์หญิงชิงซินมาหาเรื่องข้า องค์หญิงหลินชวนที่เดิมทีไม่ได้คุ้นเคยกับข้ามาก่อนกลับมาช่วยพูดให้ข้า ทำให้องค์หญิงอันจี๋นึกว่าอาจมีโอกาสได้ผลประโยชน์จากเรืองนี้… ภายหลังองค์หญิงอันจี๋ก็มาถามข้าว่าเหตุใดองค์หญิงหลินชวนต้องมาช่วยข้า ข้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน! ยามนี้เมื่อดูไปแล้ว คาดว่าเรื่องในครานั้นคงเป็นการวางแผนเอาไว้ลับๆ แล้วกระมัง? คุณหนูบ้านหมิ่นและองค์หญิงหลินชวนสนิทสนมกันนักหน้า คาดว่าคงทำเพื่อนาง องค์หญิงหลินชวนจึงวางแผนว่าจะช่วยไกล่เกลี่ยให้ข้า”

นางหวงกล่าวว่า “คุณหนูบ้านหมิ่นพอจะมีชื่อเสียงเรื่องความสามารถในบรรดาคุณหนูมีตระกูลในเมืองหลวงนี้ ทั้งยังได้ยินมาว่าเป็นคนที่อ่อนโยนและใจดีมีเมตตานักเจ้าค่ะ”

“แต่ข้าเข้าใจว่านางและเว่ยฉางเจวียนสนิทสนมกันยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ยังเคยไปขอภาพอักษรภาพหนึ่งจากองค์หญิงหลินชวนเพื่อมาเป็นของกำนัลในวันเกิดให้แก่เว่ยฉางเจวียนด้วย” เว่ยฉางอิ๋งบอกว่า “มารดาของนางก็แซ่ตวนมู่ …หวังแต่ว่าอย่าได้เป็นเหมือนกับลูกผู้พี่ตวนมู่อู๋เซ่อของนางเป็นดี”

นางหวงยิ้มพลางว่า “ฮูหยินท่านเสนาบดีตรวจการเสียไปนานแล้ว ท่านเสนาบดีตรวจการก็มีกิจยุ่งนัก ไม่มีเวลามาดูแลเรือนหลัง เรื่องแต่งงานครานี้ มีแปดเก้าในสิบส่วนเป็นฮูหยินน้อยใหญ่บ้านซ่งและคุณหนูผู้พี่เป็นคนกำหนดให้เจ้าค่ะ มีตวนมู่อู๋เซ่อที่ไม่ดีงาม จนทำให้เดือดร้อนกันไปทั้งจวนเป็นตัวอย่างอยู่ก่อนหน้า คิดว่าไม่ว่าจะเป็นฮูหยินฮั่วหรือว่าคุณหนูผู้พี่ก็ต้องเลือกมาอย่างระมัดระวังแน่นอนเจ้าค่ะ”

“ที่ท่านอากล่าวก็ถูกต้อง” เว่ยฉางอิ๋งนิ่งคิดเนิ่นนาน นางฮั่วพี่สะใภ้ใหญ่บ้านซ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียงดีงามและอดทนเก่ง ตวนมู่อู๋เซ่อเป็นคู่สะใภ้ที่แม้จะเกิดใน ตระกูลสูงศักดิ์ จึงถือดีเรื่องอันดับตระกูลบ้านมารดของตนและข่มเหงรังแกนางมาหลายปี ก็ยังถูกนางจัดการให้ออกไปจากบ้านได้ ลูกผู้พี่ซ่งไจ้สุ่ยยิ่งฉลาดหลักแหลมเป็นที่สุด น้องสาวของสามีและพี่สะใภ้ทั้งสองคนนี้ร่วมมือกันขับตวนมู่อู๋เซ่อออกไป ย่อมไม่ทำให้เกิดเรื่องในทำนองเดียวกันขึ้นอีกแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นหากหมิ่นอีนั่วจะเอาอย่างตวนมู่อู๋เซ่อ ก่อนจะกำหนดเรื่องแต่งงานออกมา นางย่อมไม่สนับสนุนให้องค์หญิงหลินชวนช่วยมาไกล่เกลี่ยให้ตนแล้ว …ฝีมือของซ่งไจ้สุ่ยไม่มีสิ่งใดน่ากังวลเลยจริงๆ เว่ยฉางอิ๋งจึงสั่งบ่าวซ้ายขวาไปว่า “เตรียมจัดของกำนัลแสดงความยินดีให้มากสักหน่อย”

นางหวงรับคำและจดบันทึกเอาไว้ แล้วพูดเล่นไปคำหนึ่งว่า “แต่ไรมา คุณหนูเจ็ดของเราสนิทสนมกับคุณหนูหมิ่นผู้นี้ยิ่งนัก ยามนี้คุณหนูหมิ่นหมั้นหมายกับลูกผู้พี่แท้ๆ ของฮูหยินน้อย ไม่รู้ว่าคุณหนูเจ็ดจะไม่พอใจด้วยเหตุนี้หรือไม่นะเจ้าคะ? ดีที่ยามนี้นางยังไว้ทุกข์อยู่ และไม่สามารถออกไปชี้ไม้ชี้มือเรื่องใด”

คำพูดนี้กลับเป็นการเตือนสติเว่ยฉางอิ๋งว่า “คราหน้าข้าต้องบอกกับท่านพี่ไจ้สุ่ยสักหน่อย ในเมื่อหมิ่นอีนั่ว ผู้นี้หมั้นหมายกับลูกผู้พี่รอง อย่างไรก็ต้องเตือนให้นางอยู่ห่างๆ กับฉางเจวียนเอาไว้สักหน่อยเป็นดีที่สุด เพื่อมิให้ฉางเจวียนก่อเรื่องแล้วลามมาถึงนาง หรือถูกฉางเจวียนยั่วยุให้ออกนอกลู่นอกทางเอาได้”

____________________________

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่สอง 205-2 การแต่งงานของหมิ่นอีนั่ว

Now you are reading ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่สอง Chapter 205-2 การแต่งงานของหมิ่นอีนั่ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางหมิ่นและนางโจวพลันสะท้านขึ้นในใจ ลอบคิดว่าคงมิใช่ว่าเวลานี้กำลังมาถึงเวลาที่สำคัญอันใดหรือไม่ เว่ยฉางอวิ๋นจึงต้องขัดขวางอย่างหนัก ไม่ให้เว่ยฉางเจวียนก่อเรื่องวุ่นวายอันใดขึ้นอีก? ทั้งสองคนยินดีก่อน แล้วกลับเป็นกังวลขึ้นมา แม้ว่าพวกนางจะเตรียมการเรื่องบ้านสองต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ ทั้งพ่อสามีและสามีล้วนไม่ได้มีจุดจบที่ดีเอาไว้แล้ว ทว่า …เมื่อเรื่องมาจวนตัวอย่างไรก็ยังรู้เศร้าสลดอยู่ดี

เว่ยฉางอวิ๋นเห็นว่าภรรยาและน้องสะใภ้ล้วนมองตนอย่างตกตะลึง พลันรู้สึกว่าท่าทีเหม่อลอยดูไร้สมองของคู่สะใภ้ทั้งสองช่างขัดตานัก ทว่าเวลานี้เขาก็ไม่มีแก่ใจจะมาตำหนิพวกนางอีก จึงได้แต่สั่งความไปว่า “ยามนี้พวกเจ้าดูแลเรือน เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปภายนอก หาไม่แล้ว อย่าโทษว่าข้าและน้องรองจะมาไถ่ถามเอาโทษว่าพวกเจ้าคู่สะใภ้ดูแลบ้านไม่ได้ความ!”

“…เจ้าค่ะ” นางหมิ่นและนางโจวตอบรับไปด้วยจิตใจสับสน

ด้วยเหตุที่ภรรยาและน้องสะใภ้ล้วนเป็นคนไม่เฉลียวฉลาด เขาอดจะเป็นกังวลไม่ได้ จึงกำชับไปอีกว่า “ในวันที่บ้านฝั่งสามีของลูกผู้น้องบ้านหมิ่นจะมามอบของหมั้น ให้พวกเจ้าส่งของกำนัลชิ้นงามไปให้ในนามของน้องเจ็ด พวกนางสองคนมีสัมพันธ์ที่ดียิ่งต่อกัน งานเช่นนี้จะให้น้องเจ็ดเสียมารยาทไม่ได้เด็ดขาด”

เขาคิดว่าจะต้องปิดเรื่องน่าอับอายที่เว่ยฉางเจวียนอยากจะออกไปแย่งสามีกับ ลูกผู้พี่ในช่วงที่ยังไว้ทุกข์อยู่นี้เอาไว้ให้ได้ นางหมิ่นและนางโจวกลับไม่รู้ว่าเขาเข้าใจผิดเสียแล้ว จึงคิดแต่เพียงว่า “ที่แท้สถานการณ์ของบ้านสองไม่ดีเพียงนี้ แม้ล่วงเกินผู้อื่นเพียงน้อยก็ยังไม่กล้า ก่อนนี้พี่น้องสามีทั้งสองคนมีหรือจะสนใจเรื่องของบ้านน้องอีนั่ว? แต่ในยามนี้ แค่เพื่อเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ …และนางก็ยังไม่ทันไปอาละวาดถึงบ้านหมิ่นเลย เขาก็กำชับเป็นพิเศษว่าให้พวกเราส่งของกำนัลชิ้นงามไปให้แล้ว”

ดังนี้คู่สะใภ้ทั้งสองจึงทั้งยินดีและเป็นกังวล หลังจากรับคำเว่ยฉางอวิ๋นไปแล้วก็ไปที่เรือนของเว่ยฉางเจวียนด้วยกัน เพื่อบอกกล่าวเรื่องที่เว่ยฉางอวิ๋นกำชับมา …เวลานี้เว่ยฉางเจวียนอาละวาดจนเหนื่อยแล้ว และถูกสาวใช้ปลุกปลอบให้เขาไปพักในห้อง เมื่อเห็นพี่สะใภ้สองคนเข้ามา นางก็โวยวายขึ้นมาอีก นางหมิ่นและนางโจวจึงร้องสั่งให้บ่าวซ้ายขวาเข้าไปกดนางเอาไว้ เล่าความที่เว่ยฉางอวิ๋นพูดตั้งแต่ต้นจนจบ ยิ้มพลางว่า “ไม่ว่าอย่างไรน้องหญิงเจ้าก็เป็นคุณหนูมีตระกูลนะ! ยามนี้ก็มีคนตั้งมากมายที่นี้คอยมองเจ้าอยู่ หากเจ้าอาละวาดหนักหนาเกินไป และบีบให้พวกพี่สะใภ้ต้องอุดปากเจ้าไว้ตามคำของพี่ชายใหญ่ของเจ้า เหมือนที่ทำกับพวกสาวใช้ที่ทำความผิดเช่นนั้น จะไม่น่าดูเพียงใด? คนเป็นพี่สะใภ้จะเตือนน้องหญิงสักคำ อย่างไรก็สงบสักหน่อยเถิด!”

เว่ยฉางเจวียนจำเรื่องที่หลิวรั่วเหยียวิเคราะห์ให้ฟังได้ จึงถือดีว่าบิดาและพี่ชายล้วนจงใจแสร้งไม่สนใจตนด้วยความจำเป็น แต่ความจริงแล้วยังคงรักใคร่ตนอยู่ แล้วจะยอมเชื่อคำพวกนางได้ที่ใด? จึงทั้งกรีดร้อง ทั้งดีดดิ้น ที่นางหมิ่นและนางโจวจงใจมาพูดความจริงแล้วก็ด้วยหวังให้นางอาละวาดให้หนักเสียยิ่งกว่าเก่า เพื่อสามารถลงมือตามคำของเว่ยฉางอวิ๋นได้

ยามนี้จึงคร้านจะสนใจเสียงด่าทอของนาง แล้วเรียกให้คนเอาผ้ามาอุดปากนางเสีย เรียกบ่าวชราที่มีเรี่ยวแรงมากๆ คุมตัวนางเข้าไปในห้อง คอยดูเอาไว้ห้ามให้นางออกมา

แล้วกำชับบ่าวทุกคนที่รู้เรื่องนี้ตามคำสั่งของเว่ยฉางอวิ๋นว่าห้ามพวกเขาแพร่งพรายเรื่องในวันนี้ออกไป แล้วจึงจากไปอย่างอารมณ์ดี

หลังจากข่าวการแต่งงานของหมิ่นอีนั่วแพร่ออกมา ก็ทำให้เกิดเรื่องวุ่ยวายใหญ่โตในจวนเว่ยแห่งนี้ แต่ในบ้านอื่นๆ กลับไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่โตใด แม้แต่เมื่อเว่ยฉางอิ๋งได้ยินว่าหมิ่นอีนั่วจะได้แต่งงานเป็นภรรยาคนใหม่ของลูกผู้พี่ชายบ้านซ่งของตน นางก็เพียงร้องอุ๊คำหนึ่ง กล่าวว่า “คราก่อนข้าก็เคยถามกับท่านพี่ไจ้สุ่ยว่าในเมื่อลูกผู้พี่รองเลิกรากับตวนมู่อู๋เซ่อและเขาก็ไม่มีบุตรธิดา ก็ควรจะแต่งกับสตรีที่มีความดีงามและเห็นแก่ส่วนร่วมจึงจะดี ครานั้นท่านพี่ไจ้สุ่ยบอกข้าว่าไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องนี้ ที่แท้ก็เพราะมีตัวเลือกที่หมายตาเอาไว้นานแล้วนี่เอง”

แล้วทันใดนั้น “ครั้งพระธิดาเฉิงเสียนออกเรือนก่อนหน้านี้ เว่ยฉางเจวียนยุให้ องค์หญิงชิงซินมาหาเรื่องข้า องค์หญิงหลินชวนที่เดิมทีไม่ได้คุ้นเคยกับข้ามาก่อนกลับมาช่วยพูดให้ข้า ทำให้องค์หญิงอันจี๋นึกว่าอาจมีโอกาสได้ผลประโยชน์จากเรืองนี้… ภายหลังองค์หญิงอันจี๋ก็มาถามข้าว่าเหตุใดองค์หญิงหลินชวนต้องมาช่วยข้า ข้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน! ยามนี้เมื่อดูไปแล้ว คาดว่าเรื่องในครานั้นคงเป็นการวางแผนเอาไว้ลับๆ แล้วกระมัง? คุณหนูบ้านหมิ่นและองค์หญิงหลินชวนสนิทสนมกันนักหน้า คาดว่าคงทำเพื่อนาง องค์หญิงหลินชวนจึงวางแผนว่าจะช่วยไกล่เกลี่ยให้ข้า”

นางหวงกล่าวว่า “คุณหนูบ้านหมิ่นพอจะมีชื่อเสียงเรื่องความสามารถในบรรดาคุณหนูมีตระกูลในเมืองหลวงนี้ ทั้งยังได้ยินมาว่าเป็นคนที่อ่อนโยนและใจดีมีเมตตานักเจ้าค่ะ”

“แต่ข้าเข้าใจว่านางและเว่ยฉางเจวียนสนิทสนมกันยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ยังเคยไปขอภาพอักษรภาพหนึ่งจากองค์หญิงหลินชวนเพื่อมาเป็นของกำนัลในวันเกิดให้แก่เว่ยฉางเจวียนด้วย” เว่ยฉางอิ๋งบอกว่า “มารดาของนางก็แซ่ตวนมู่ …หวังแต่ว่าอย่าได้เป็นเหมือนกับลูกผู้พี่ตวนมู่อู๋เซ่อของนางเป็นดี”

นางหวงยิ้มพลางว่า “ฮูหยินท่านเสนาบดีตรวจการเสียไปนานแล้ว ท่านเสนาบดีตรวจการก็มีกิจยุ่งนัก ไม่มีเวลามาดูแลเรือนหลัง เรื่องแต่งงานครานี้ มีแปดเก้าในสิบส่วนเป็นฮูหยินน้อยใหญ่บ้านซ่งและคุณหนูผู้พี่เป็นคนกำหนดให้เจ้าค่ะ มีตวนมู่อู๋เซ่อที่ไม่ดีงาม จนทำให้เดือดร้อนกันไปทั้งจวนเป็นตัวอย่างอยู่ก่อนหน้า คิดว่าไม่ว่าจะเป็นฮูหยินฮั่วหรือว่าคุณหนูผู้พี่ก็ต้องเลือกมาอย่างระมัดระวังแน่นอนเจ้าค่ะ”

“ที่ท่านอากล่าวก็ถูกต้อง” เว่ยฉางอิ๋งนิ่งคิดเนิ่นนาน นางฮั่วพี่สะใภ้ใหญ่บ้านซ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียงดีงามและอดทนเก่ง ตวนมู่อู๋เซ่อเป็นคู่สะใภ้ที่แม้จะเกิดใน ตระกูลสูงศักดิ์ จึงถือดีเรื่องอันดับตระกูลบ้านมารดของตนและข่มเหงรังแกนางมาหลายปี ก็ยังถูกนางจัดการให้ออกไปจากบ้านได้ ลูกผู้พี่ซ่งไจ้สุ่ยยิ่งฉลาดหลักแหลมเป็นที่สุด น้องสาวของสามีและพี่สะใภ้ทั้งสองคนนี้ร่วมมือกันขับตวนมู่อู๋เซ่อออกไป ย่อมไม่ทำให้เกิดเรื่องในทำนองเดียวกันขึ้นอีกแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นหากหมิ่นอีนั่วจะเอาอย่างตวนมู่อู๋เซ่อ ก่อนจะกำหนดเรื่องแต่งงานออกมา นางย่อมไม่สนับสนุนให้องค์หญิงหลินชวนช่วยมาไกล่เกลี่ยให้ตนแล้ว …ฝีมือของซ่งไจ้สุ่ยไม่มีสิ่งใดน่ากังวลเลยจริงๆ เว่ยฉางอิ๋งจึงสั่งบ่าวซ้ายขวาไปว่า “เตรียมจัดของกำนัลแสดงความยินดีให้มากสักหน่อย”

นางหวงรับคำและจดบันทึกเอาไว้ แล้วพูดเล่นไปคำหนึ่งว่า “แต่ไรมา คุณหนูเจ็ดของเราสนิทสนมกับคุณหนูหมิ่นผู้นี้ยิ่งนัก ยามนี้คุณหนูหมิ่นหมั้นหมายกับลูกผู้พี่แท้ๆ ของฮูหยินน้อย ไม่รู้ว่าคุณหนูเจ็ดจะไม่พอใจด้วยเหตุนี้หรือไม่นะเจ้าคะ? ดีที่ยามนี้นางยังไว้ทุกข์อยู่ และไม่สามารถออกไปชี้ไม้ชี้มือเรื่องใด”

คำพูดนี้กลับเป็นการเตือนสติเว่ยฉางอิ๋งว่า “คราหน้าข้าต้องบอกกับท่านพี่ไจ้สุ่ยสักหน่อย ในเมื่อหมิ่นอีนั่ว ผู้นี้หมั้นหมายกับลูกผู้พี่รอง อย่างไรก็ต้องเตือนให้นางอยู่ห่างๆ กับฉางเจวียนเอาไว้สักหน่อยเป็นดีที่สุด เพื่อมิให้ฉางเจวียนก่อเรื่องแล้วลามมาถึงนาง หรือถูกฉางเจวียนยั่วยุให้ออกนอกลู่นอกทางเอาได้”

____________________________

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+