Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ 47 การท้าทาย

Now you are reading Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ Chapter 47 การท้าทาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

บทที่ 47 การท้าทาย

 

ถังเส้าหยางมองไปที่หน้าจอค่าสถานะของเขาด้วยความยินดีเขามีวิญญาณที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอีกดวงแล้ว

 

เขาต้องการลอง [ผสานวิญญาณ] กับซาเนียส แต่ร่างกายของเขาก็ไม่ทําตามความคิดของเขา ร่างกายของเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะใข้ [ผสานวิญญาณ] ได้ถึงสองครั้งในหนึ่งวัน

 

เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว ยังเส้าหยางก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับไพลด์เขาต้องรับผลที่ตามมาก่อนที่จะกลับไปที่ฐานของเขา

 

“ ฉันยังไม่มีงานเฉพาะสําหรับเผ่าวานรเมฆา…” เขาหยุดชั่วครู่แล้วพูดต่อ “ ตอนนี้จงแข็งแกร่งขึ้นเพื่อฉัน นั่นคืองานของพวกนาย!”

 

“ รับทราบฝ่าบาท!” ไพลด์วางมือลงบนหน้าอกข้างซ้ายและโค้งคํานับ

 

“ อืม.. เกี่ยวกับอาหาร พวกนายก็จะต้องอยู่ในดินแดนแห่งหมอกในตอนกลางวันและออกมาหาอาหารกินในตอนกลางคืน! ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นรับรู้ถึงการดํารงอยู่ของเผ่าของพวกนาย”

 

“ ตอนนี้พวกนายกลับไปพัฒนาความแข็งแกร่งได้แล้ว!” ถึงเส้าหยางไล่เผ่าวนรเมฆาออกไป

 

เป็นอีกครั้งที่ลิงทั้งหมดคุกเข่าทําความเคารพก่อนจะถอยกลับไป

 

จางเหมิงเหยามองไปที่พวกลิงด้วยความเสียใจ

 

ลู่อันสังเกตเห็นและเดินเข้ามาใกล้ “ ไม่ต้องกังวลพี่สาว ฉันซ่อนเนื้อสดของพวกลิงสามตัวเอาไว้แล้ว เรายังสามารถเพลิดเพลินกับเนื้อของพวกมันได้อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์และหนึ่งเดือนถ้าเรากินเนื้อนี้เท่าที่จําเป็น”

 

เขาทําให้แน่ใจว่าเขาพูดด้วยน้ําเสียงที่เบาที่สุด เนื่องจากในตอน นี้พวกวานรเมฆานั้นได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของพวกมันแล้ว และ หากพวกมันรู้ว่าเขากินเนื้อของพวกมัน มันก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้น ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ

แต่น่าเสียดายที่ถังเส้าหยางได้ยินเขา “ อย่าลืมส่วนแบ่งของ ฉันด้วยล่ะ!”

 

* เอาล่ะ เรื่องของเราก็เสร็จกันแล้ว กลับไปที่ฐานกันเถอะ!”

 

เขาบรรลุเป้าหมายในระหว่างการเดินทางครั้งนี้แล้วมัน คือการเตรียมจางเหมิงเหยาให้พร้อม และตอนนี้เธอก็พร้อมแล้วและเขาได้ยังกําไรกลับมามากกว่าที่เขาคาดไว้ ข้าราชบริพาร,อาณาเขตและวิญญาณใหม่ ดังนั้นมันจึงถึงเวลาที่ จะต้องกลับไปแล้ว

 

เป็นเวลาสามวันแล้วที่ถังเส้าหยางได้ออกมาจากฐานโดยไม่มีใครดูแลที่นั่น เขาไม่ต้องกังวลว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับฐานของเขา เพราะเขามีออริจิ้นอยู่ที่นั่นเพื่อคอยดูแลฐานของเขาถ้าเขาไม่อยู่ นอกจากนี้เขาก็ยังมีคนของเขาที่คอยรักษาฐานให้เป็นระเบียบ

 

“ ได้เวลาสร้างกองกําลังทหารของฐานทัพเราแล้ว! พร้อมกันยัง?” ถังเส้าหยางถามหญิงสาว

 

“ แต่นายแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นะ ถ้าประเทศยังไม่ล่มสลายเหมือนอย่างที่นายพูด มันก็จะเป็นการกบฏน” จางเหมิงเหยายงพูดไม่จบ แต่ถึงเส้าหยางก็ได้พูดขัดขึ้นมาแล้ว

 

* เธอพร้อมรึยัง?” เขาทวนคําถามเดิมด้วยน้ําเสียงหนักขึ้น

 

จางเหมิงเหยาหายใจเข้าลึกๆและพยักหน้า “ ฉันพร้อมแล้วนายจะได้ยินแผนของฉันทันทีที่เรากลับไป … “ เธอเอาหัวของเธอเข้าไปใกล้ถึงเส้าหยางและพูดต่อด้วยเสียงที่เบา ๆ ถึงห้องของคุณ”

 

“ ดี!” ถังเส้าหยางยิ้มกว้างและหันไปทางสู่อัน “ แล้วนายล่ะ?”

 

“ ฉันพร้อมที่จะช่วยเหลือบอสหญิงแล้ว!” สู่อันตอบกลับอย่างรวดเร็ว

 

“ เรียกฉันว่าแม่ทัพจางสิ!”

 

“ ก็ได้ ท่านแม่ทัพจาง!”

 

พวกเขาพูดติดตลกไปเรื่อยในขณะที่แบกเป้ใบใหญ่ไว้บนหลัง

 

สู่อันถือกระเป๋าเป้สองใบในมือและอีกใบไว้ด้านหลัง เช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ แต่ละคนมีกระเป๋าเป้ที่บรรทุกสัมภาระเต็มที่ สามใบ

 

แน่นอนว่ากระเป๋าเป้นั้นเต็มไปด้วยเนื้อ มันเป็นโบนัสการเก็บเกี่ยวหลังจากตลอดสามวันที่ต่อสู้กับลิงมาอย่างต่อเนื่อง

 

ถังเส้าหยางรู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาเข้ามาถึงฐานของเขา ในเวลาเพียงสามวัน ฐานก็เต็มไปด้วยผู้คนมากขึ้น เขามีความสุขที่ได้เห็นฝูงชน นี่มันหมายความว่าเขามีกําลังคนมากขึ้น

 

แน่นอนว่ากลุ่มของเขาเองก็ดึงดูดความสนใจเช่นกัน เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ฐานหลายสายตาจับจ้องไปที่พวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จางเหมิงเหยา

 

จางเหมิงเหยารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เธอก็คุ้นชินกับการได้รับความสนใจเช่นนี้แล้ว ท้ายที่สุดเธอก็นับเป็นสาวงามในบรรดาผู้รอดชีวิต

 

“ มันมีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยมากมาย…” สู่อันพึมพํา

 

บางคนก็ถูกขวานศึกของถังเส้าหยางดึงดูด มันใหญ่โตและดูจะโดนใจใครหลายๆคน

 

ในขณะที่เขากําลังจะไปถึงทางเข้า กลุ่มคนสี่คนก็ขวางทางพวกเขาไว้

 

ทั้งสี่คนมีอุปกรณ์ครบครัน และอุปกรณ์ของพวกเขาก็มีคุณภาพสูงกว่าอุปกรณ์ของคนอื่นๆ

 

“ นายคือถังเส้าหยางใช่ไหม?” ชายคนหนึ่งที่อายุราวๆสามสิบและไม่มีผมบนหัวเดินออกมาแล้วถามด้วยรอยยิ้ม

 

“ นั่นชื่อฉัน! เอาล่ะ เลิกขวางทางได้แล้ว!” แค่การมองเพียงครั้งเดียว ถังเส้าหยางก็สามารถบอกได้แล้วว่าคนพวกนี้ต้องการที่จะหา เรื่องเขา

 

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีใครเลยที่ดูแข็งแกร่งพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา

 

“ ที่ที่….. นายนี่กล้าหาญอย่างที่คนอื่นเขาพูดมากันจริงๆ!” ชายวัยยี่สิบกลางๆเดินไปข้างๆคนหัวล้าน

 

ผู้ชายคนนั้นมีรอยยิ้มที่ดูปกติบนใบหน้าของเขา และแม้ว่ามันจะกําลังพูดกับถังเส้าหยาง แต่ดวงตาของมันก็กําลังกวาดไปที่เรือนร่างของจางเหมิงเหยา

 

มือของลู่อันกําดาบพร้อมรบ จางเหมิงเหยาเองก็เช่นกันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนประเภทนี้ พวกเขาก็มีแต่ค้องสู้เท่านั้น

 

ถังเส้าหยางหาว “ พูดมาสักที! พวกแกต้องการอะไร ฉันง่วงแล้ว!”

 

“ ฉันชอบคนที่ตรงไปตรงมาอย่างนายนะ ถัง!” ชายร่างใหญ่ที่หน้าตาธรรมดาเดินออกมา

มันถือหอกเงินอยู่ในมือและมองขวานศึกอย่างชื่นชม

 

“ นายรู้ไหมว่าเราคือใคร?” ชายคนนั้นถามด้วยรอยยิ้มราวกับมันเป็นพี่ใหญ่

 

ถังเส้าหยางมองไปที่อู่อันและถามว่า “ นายรู้จักมันไหม?”

 

ลู่อันขมวดคิ้ว เขารู้จักผู้ชายคนนี้ แต่เขาก็เห็นบอสของเขาขยิบตาให้ ดังนั้นเขาจึงแกล้งตามน้ําไป “ ฉันไม่รู้”

 

“ แล้วเธอล่ะ?”

 

“ ฉันไม่เห็นจะจําอะไรเกี่ยวกับพวกมันได้เลย!” จางเหมิงเหยาตอบด้วยน้ําเสียงเรียบๆ

 

“ ดูเหมือนแกจะยังมีชื่อเสียงไม่พอนะ!” ถึงเส้าหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยและเริ่มโบกมือของเขา

 

“ เฮ้ นายนะ!” เขาโบกมือไปที่ชายคนหนึ่งแล้วถามว่า “ นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

 

ชายคนนั้นคือเว่ยซี ผู้ชายที่เขาช่วยชีวิตมาจากเงื้อมมือของลู่เหวิน และถัดจากเขาก็คือว่านจึงยี่ภรรยาของเขา พวกเขาเข้าร่วมกับฝูงชนเพื่อรับชมอย่างสนุกสนานและโดยไม่ได้ คาดคิดถังเส้าหยางก็ได้โบกมือมาทางพวกเขา

 

“ ฉัน!?” เว่ยซีชี้ไปที่ตัวเอง

 

* ใช่ นายนั่นแหละ ตอบฉันมาสิ นายรู้ไหมว่าฉันคือใคร?” ถังเส้าหยางพยักหน้า

 

“ อย่าไปตอบเขา ปล่อยให้เขาแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเลย!” ว่านจึงยี่เตือนสามีของเธออย่างหนักแน่น

 

เธอเคยเห็นถึงเส้าหยางฆ่าคนมาแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้ครอบครัวของเธอเข้าไปพัวพันกับผู้ชายคนนี้

 

อย่างไรก็ตาม เว่ยซีก็คิดต่างจากภรรยาของเขา เขาเพิกเฉยต่อคําพูดของภรรยาของเขาและตอบไปด้วยรอยยิ้มที่ประจบประแจงว่า “ แน่นอน! คุณคือถังเส้าหยาง บิ๊กบอสของฐานทัพแห่งนี้”

 

“ แล้วผู้หญิงข้างๆนายล่ะ รู้ไหมว่าฉันคือใคร?” ถังเส้าหยางไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น

 

“ ได้โปรด- แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ได้โปรดเชื่อฉันและพูดตามคําตอบของฉัน”

 

ว่านจึงไม่ต้องการที่จะตอบในตอนแรก แต่เมื่อโดนสามีของเธอโน้มน้าว เธอก็ตอบว่า “ แน่นอน คุณคือบอสของที่นี่!”

 

“ โฮะโฮะ… ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นบอสของที่นี่และมีชื่อเสียงมากกว่าแกนะ แกยังต้องการอะไรอีกไหม?”

 

ริมฝีปากของเกาฉงหลินกระตุกเล็กน้อย ถังเส้าหยางกําลังแสดงให้เห็นว่ามันไม่มีอะไรที่สามารถเทียบกับเขาได้เลย

 

“ ให้ฉันแนะนําตัวเองก่อน ฉันชื่อเกาฉงหลินและฉันก็เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฐานนี้ ปาร์ตี้ผู้พิชิต!”

 

“ ฉันได้ยินมาว่านายได้ตั้งกฏในฐานนี้ว่า ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือบอส และในฐานะของหัวหน้าปาร์ตี้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฐานนี้ ฉันก็ ขอท้านายอย่างยุติธรรม!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ 47 การท้าทาย

Now you are reading Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ Chapter 47 การท้าทาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

บทที่ 47 การท้าทาย

 

ถังเส้าหยางมองไปที่หน้าจอค่าสถานะของเขาด้วยความยินดีเขามีวิญญาณที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอีกดวงแล้ว

 

เขาต้องการลอง [ผสานวิญญาณ] กับซาเนียส แต่ร่างกายของเขาก็ไม่ทําตามความคิดของเขา ร่างกายของเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะใข้ [ผสานวิญญาณ] ได้ถึงสองครั้งในหนึ่งวัน

 

เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว ยังเส้าหยางก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับไพลด์เขาต้องรับผลที่ตามมาก่อนที่จะกลับไปที่ฐานของเขา

 

“ ฉันยังไม่มีงานเฉพาะสําหรับเผ่าวานรเมฆา…” เขาหยุดชั่วครู่แล้วพูดต่อ “ ตอนนี้จงแข็งแกร่งขึ้นเพื่อฉัน นั่นคืองานของพวกนาย!”

 

“ รับทราบฝ่าบาท!” ไพลด์วางมือลงบนหน้าอกข้างซ้ายและโค้งคํานับ

 

“ อืม.. เกี่ยวกับอาหาร พวกนายก็จะต้องอยู่ในดินแดนแห่งหมอกในตอนกลางวันและออกมาหาอาหารกินในตอนกลางคืน! ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นรับรู้ถึงการดํารงอยู่ของเผ่าของพวกนาย”

 

“ ตอนนี้พวกนายกลับไปพัฒนาความแข็งแกร่งได้แล้ว!” ถึงเส้าหยางไล่เผ่าวนรเมฆาออกไป

 

เป็นอีกครั้งที่ลิงทั้งหมดคุกเข่าทําความเคารพก่อนจะถอยกลับไป

 

จางเหมิงเหยามองไปที่พวกลิงด้วยความเสียใจ

 

ลู่อันสังเกตเห็นและเดินเข้ามาใกล้ “ ไม่ต้องกังวลพี่สาว ฉันซ่อนเนื้อสดของพวกลิงสามตัวเอาไว้แล้ว เรายังสามารถเพลิดเพลินกับเนื้อของพวกมันได้อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์และหนึ่งเดือนถ้าเรากินเนื้อนี้เท่าที่จําเป็น”

 

เขาทําให้แน่ใจว่าเขาพูดด้วยน้ําเสียงที่เบาที่สุด เนื่องจากในตอน นี้พวกวานรเมฆานั้นได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของพวกมันแล้ว และ หากพวกมันรู้ว่าเขากินเนื้อของพวกมัน มันก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้น ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ

แต่น่าเสียดายที่ถังเส้าหยางได้ยินเขา “ อย่าลืมส่วนแบ่งของ ฉันด้วยล่ะ!”

 

* เอาล่ะ เรื่องของเราก็เสร็จกันแล้ว กลับไปที่ฐานกันเถอะ!”

 

เขาบรรลุเป้าหมายในระหว่างการเดินทางครั้งนี้แล้วมัน คือการเตรียมจางเหมิงเหยาให้พร้อม และตอนนี้เธอก็พร้อมแล้วและเขาได้ยังกําไรกลับมามากกว่าที่เขาคาดไว้ ข้าราชบริพาร,อาณาเขตและวิญญาณใหม่ ดังนั้นมันจึงถึงเวลาที่ จะต้องกลับไปแล้ว

 

เป็นเวลาสามวันแล้วที่ถังเส้าหยางได้ออกมาจากฐานโดยไม่มีใครดูแลที่นั่น เขาไม่ต้องกังวลว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับฐานของเขา เพราะเขามีออริจิ้นอยู่ที่นั่นเพื่อคอยดูแลฐานของเขาถ้าเขาไม่อยู่ นอกจากนี้เขาก็ยังมีคนของเขาที่คอยรักษาฐานให้เป็นระเบียบ

 

“ ได้เวลาสร้างกองกําลังทหารของฐานทัพเราแล้ว! พร้อมกันยัง?” ถังเส้าหยางถามหญิงสาว

 

“ แต่นายแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นะ ถ้าประเทศยังไม่ล่มสลายเหมือนอย่างที่นายพูด มันก็จะเป็นการกบฏน” จางเหมิงเหยายงพูดไม่จบ แต่ถึงเส้าหยางก็ได้พูดขัดขึ้นมาแล้ว

 

* เธอพร้อมรึยัง?” เขาทวนคําถามเดิมด้วยน้ําเสียงหนักขึ้น

 

จางเหมิงเหยาหายใจเข้าลึกๆและพยักหน้า “ ฉันพร้อมแล้วนายจะได้ยินแผนของฉันทันทีที่เรากลับไป … “ เธอเอาหัวของเธอเข้าไปใกล้ถึงเส้าหยางและพูดต่อด้วยเสียงที่เบา ๆ ถึงห้องของคุณ”

 

“ ดี!” ถังเส้าหยางยิ้มกว้างและหันไปทางสู่อัน “ แล้วนายล่ะ?”

 

“ ฉันพร้อมที่จะช่วยเหลือบอสหญิงแล้ว!” สู่อันตอบกลับอย่างรวดเร็ว

 

“ เรียกฉันว่าแม่ทัพจางสิ!”

 

“ ก็ได้ ท่านแม่ทัพจาง!”

 

พวกเขาพูดติดตลกไปเรื่อยในขณะที่แบกเป้ใบใหญ่ไว้บนหลัง

 

สู่อันถือกระเป๋าเป้สองใบในมือและอีกใบไว้ด้านหลัง เช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ แต่ละคนมีกระเป๋าเป้ที่บรรทุกสัมภาระเต็มที่ สามใบ

 

แน่นอนว่ากระเป๋าเป้นั้นเต็มไปด้วยเนื้อ มันเป็นโบนัสการเก็บเกี่ยวหลังจากตลอดสามวันที่ต่อสู้กับลิงมาอย่างต่อเนื่อง

 

ถังเส้าหยางรู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาเข้ามาถึงฐานของเขา ในเวลาเพียงสามวัน ฐานก็เต็มไปด้วยผู้คนมากขึ้น เขามีความสุขที่ได้เห็นฝูงชน นี่มันหมายความว่าเขามีกําลังคนมากขึ้น

 

แน่นอนว่ากลุ่มของเขาเองก็ดึงดูดความสนใจเช่นกัน เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ฐานหลายสายตาจับจ้องไปที่พวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จางเหมิงเหยา

 

จางเหมิงเหยารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เธอก็คุ้นชินกับการได้รับความสนใจเช่นนี้แล้ว ท้ายที่สุดเธอก็นับเป็นสาวงามในบรรดาผู้รอดชีวิต

 

“ มันมีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยมากมาย…” สู่อันพึมพํา

 

บางคนก็ถูกขวานศึกของถังเส้าหยางดึงดูด มันใหญ่โตและดูจะโดนใจใครหลายๆคน

 

ในขณะที่เขากําลังจะไปถึงทางเข้า กลุ่มคนสี่คนก็ขวางทางพวกเขาไว้

 

ทั้งสี่คนมีอุปกรณ์ครบครัน และอุปกรณ์ของพวกเขาก็มีคุณภาพสูงกว่าอุปกรณ์ของคนอื่นๆ

 

“ นายคือถังเส้าหยางใช่ไหม?” ชายคนหนึ่งที่อายุราวๆสามสิบและไม่มีผมบนหัวเดินออกมาแล้วถามด้วยรอยยิ้ม

 

“ นั่นชื่อฉัน! เอาล่ะ เลิกขวางทางได้แล้ว!” แค่การมองเพียงครั้งเดียว ถังเส้าหยางก็สามารถบอกได้แล้วว่าคนพวกนี้ต้องการที่จะหา เรื่องเขา

 

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีใครเลยที่ดูแข็งแกร่งพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา

 

“ ที่ที่….. นายนี่กล้าหาญอย่างที่คนอื่นเขาพูดมากันจริงๆ!” ชายวัยยี่สิบกลางๆเดินไปข้างๆคนหัวล้าน

 

ผู้ชายคนนั้นมีรอยยิ้มที่ดูปกติบนใบหน้าของเขา และแม้ว่ามันจะกําลังพูดกับถังเส้าหยาง แต่ดวงตาของมันก็กําลังกวาดไปที่เรือนร่างของจางเหมิงเหยา

 

มือของลู่อันกําดาบพร้อมรบ จางเหมิงเหยาเองก็เช่นกันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนประเภทนี้ พวกเขาก็มีแต่ค้องสู้เท่านั้น

 

ถังเส้าหยางหาว “ พูดมาสักที! พวกแกต้องการอะไร ฉันง่วงแล้ว!”

 

“ ฉันชอบคนที่ตรงไปตรงมาอย่างนายนะ ถัง!” ชายร่างใหญ่ที่หน้าตาธรรมดาเดินออกมา

มันถือหอกเงินอยู่ในมือและมองขวานศึกอย่างชื่นชม

 

“ นายรู้ไหมว่าเราคือใคร?” ชายคนนั้นถามด้วยรอยยิ้มราวกับมันเป็นพี่ใหญ่

 

ถังเส้าหยางมองไปที่อู่อันและถามว่า “ นายรู้จักมันไหม?”

 

ลู่อันขมวดคิ้ว เขารู้จักผู้ชายคนนี้ แต่เขาก็เห็นบอสของเขาขยิบตาให้ ดังนั้นเขาจึงแกล้งตามน้ําไป “ ฉันไม่รู้”

 

“ แล้วเธอล่ะ?”

 

“ ฉันไม่เห็นจะจําอะไรเกี่ยวกับพวกมันได้เลย!” จางเหมิงเหยาตอบด้วยน้ําเสียงเรียบๆ

 

“ ดูเหมือนแกจะยังมีชื่อเสียงไม่พอนะ!” ถึงเส้าหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยและเริ่มโบกมือของเขา

 

“ เฮ้ นายนะ!” เขาโบกมือไปที่ชายคนหนึ่งแล้วถามว่า “ นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

 

ชายคนนั้นคือเว่ยซี ผู้ชายที่เขาช่วยชีวิตมาจากเงื้อมมือของลู่เหวิน และถัดจากเขาก็คือว่านจึงยี่ภรรยาของเขา พวกเขาเข้าร่วมกับฝูงชนเพื่อรับชมอย่างสนุกสนานและโดยไม่ได้ คาดคิดถังเส้าหยางก็ได้โบกมือมาทางพวกเขา

 

“ ฉัน!?” เว่ยซีชี้ไปที่ตัวเอง

 

* ใช่ นายนั่นแหละ ตอบฉันมาสิ นายรู้ไหมว่าฉันคือใคร?” ถังเส้าหยางพยักหน้า

 

“ อย่าไปตอบเขา ปล่อยให้เขาแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเลย!” ว่านจึงยี่เตือนสามีของเธออย่างหนักแน่น

 

เธอเคยเห็นถึงเส้าหยางฆ่าคนมาแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้ครอบครัวของเธอเข้าไปพัวพันกับผู้ชายคนนี้

 

อย่างไรก็ตาม เว่ยซีก็คิดต่างจากภรรยาของเขา เขาเพิกเฉยต่อคําพูดของภรรยาของเขาและตอบไปด้วยรอยยิ้มที่ประจบประแจงว่า “ แน่นอน! คุณคือถังเส้าหยาง บิ๊กบอสของฐานทัพแห่งนี้”

 

“ แล้วผู้หญิงข้างๆนายล่ะ รู้ไหมว่าฉันคือใคร?” ถังเส้าหยางไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น

 

“ ได้โปรด- แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ได้โปรดเชื่อฉันและพูดตามคําตอบของฉัน”

 

ว่านจึงไม่ต้องการที่จะตอบในตอนแรก แต่เมื่อโดนสามีของเธอโน้มน้าว เธอก็ตอบว่า “ แน่นอน คุณคือบอสของที่นี่!”

 

“ โฮะโฮะ… ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นบอสของที่นี่และมีชื่อเสียงมากกว่าแกนะ แกยังต้องการอะไรอีกไหม?”

 

ริมฝีปากของเกาฉงหลินกระตุกเล็กน้อย ถังเส้าหยางกําลังแสดงให้เห็นว่ามันไม่มีอะไรที่สามารถเทียบกับเขาได้เลย

 

“ ให้ฉันแนะนําตัวเองก่อน ฉันชื่อเกาฉงหลินและฉันก็เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฐานนี้ ปาร์ตี้ผู้พิชิต!”

 

“ ฉันได้ยินมาว่านายได้ตั้งกฏในฐานนี้ว่า ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือบอส และในฐานะของหัวหน้าปาร์ตี้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฐานนี้ ฉันก็ ขอท้านายอย่างยุติธรรม!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+