Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ 82 ล่าหรือถูกล่า 1

Now you are reading Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ Chapter 82 ล่าหรือถูกล่า 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 82 ล่าหรือถูกล่า 1

สิบนาที่ผ่านไปแล้วแต่ยังเส้หยางก็ยังไม่กลับมาสิ่งนี้ทําให้คนหลายคนเริ่มรู้สึกเป็นกังวลพวกเขาไม่แน่ใจว่าบอสของพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่จริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ว่านจึงยี่ก็มีความมั่นใจอย่างมากในตัวของบอสของเธอหากใครก็ตามได้เห็นตอนที่ถังเส้หยางเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้ พวกเขาก็จะรู้ได้ทันทีว่าชายผู้นั้นแข็งแกร่งเพียงใด

จ้าวจง,ฉินซัวซาน, หลี่อันและทาริเออร์ทุกคนต่างก็เชื่อในตัวของถังเส้าหยาง มันมีเพียงกลุ่มทาสและกลุ่มผู้รอดชีวิตเท่านั้นที่สงสัยว่าถังเส่าหยางจะยังมีชีวิตอยู่จริงหรือไม่

“เอาล่ะ พวกเราจะเริ่มท่าตามแผนแล้ว! พวกนายสองคนอยู่ข้างหลังและปกป้องคนพวกนี้!” ว่านจึงยี่เรียกชายสองคนออกมา คนหนึ่งคือทาริเออร์และอีกคนหนึ่งมาจากกลุ่มทาส

20 จาก 44 คนที่เข้าสู่มินิเกมนั้นเป็นเด็กและผู้ดูแล พวกเขาเป็นคนที่ไม่สามารถต่อสู้ได้และส่วนที่เหลือก็เป็นกลุ่มของถังเส้หยางซึ่งประกอบไปด้วยทาริเออร์ 13 คนรวมถึงถังเส้าหยางและทาสอีก 11 คนแต่ 2 คนในนั้นก็ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว

เนื่องจากพวกเขามี 21 คน ว่านจึงยี่จึงแบ่งกลุ่มออกเป็นสี่ทีมโดยมีห้าคนในแต่ละทีมยกเว้นทีมของเธอทีมของเธอเต็มไปด้วยผู้หญิงเธอ,หลอน,ผู้ตันตันและไต่เหวินเฉียน

ฉินซัวซานมีทีมของเขาและจ้าวจงเองก็มีทีมของตัวเองเช่นกัน และหยานเฉิงเขาเป็นผู้ที่แสดงความสามารถอันยอดเยี่ยมออกมาในการต่อสู้กับฝูงซอมบี้ดังนั้นนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอเลือกให้เขาเป็นผู้นําทีมที่สี่

สาเหตุที่ว่านจึงยี่ทิ้งคนเพียงสองคนไว้ข้างหลังก็เพราะพื้นที่นอกโรงพยาบาลนั้นเป็นเขตปลอดภัยดังนั้นเธอจึงทิ้งคนสองคนไว้ข้างหลังเพื่อเฝ้าดูแลเหล่าผู้รอดชีวิตเหล่านี้

จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปหาชายที่เธอไว้ใจให้เฝ้าดูแลผู้รอดชีวิต “จับตาดูพวกเขาให้ดี ให้อาหารและเครื่องดื่มแก่พวกเขาอย่างเหมาะสมเราไม่รู้ว่าเราจะต้องอยู่ที่นี่ไป อีกนานแค่ไหน!” สภาพของผู้รอดชีวิตนั้นไม่สู้ดีเมื่อดูจากผิวของพวกเขาแล้วเธอก็สามารถบอกได้เลยว่าพวกเขากําลังหิวโหยริมฝีปากของพวกเขาแห้งผากจนเกื่อบแตกและใบหน้าของพวกเขาก็ดูซีดเซียว

“แล้วถ้าพวกเขาไม่ฟังฉันล่ะ?” ชายคนนั้นถามในขณะที่เขาเหลือบมองผู้รอดชีวิตเด็กๆไม่น่าจะเป็นปัญหาสําหรับเขาแต่พวกผู้มาใหม่นั้นต่างออกไปมันมีเด็กเพียงสองคนเท่านั้นส่วนที่เหลือก็เป็นผู้ใหญ่ล้วนดังนั้นเขาจึงกังวลว่าพวกผู้ใหญ่อาจจะไม่เชื่อฟังเขา

“ถ้าพวกเขาไม่ฟังนาย นายก็สามารถทําอะไรกับพวกเขาก็ได้ นายสามารถทุบตีหรือไม่ก็ตัดแขนขาของพวกเขาได้ มันจะไม่มีปัญหาอะไรตราบใดที่นายไม่ได้ฆ่าพวกเขา!” ว่านจึงยี่ตอบด้วยเสียงดังเพื่อให้แน่ใจว่าผู้รอดชีวิตทุกคนจะได้ยินเธอ เธอต้องการให้สิ่งนี้เป็นเครื่องย้ําเตือนใจสําหรับคนเหล่านี้

มันได้ผล เหล่าผู้รอดชีวิตต่างก็สั่นสะท้านด้วยความกลัวในทันทีที่พวกเขาได้ยินสิ่งที่เธอพดพวกเขาหมดแรงแล้ว ดังนั้นความกดดันที่ว่านจึงมอบให้แก่พวกเขานั้นจึงทําให้พวกเขาหมดใจไปด้วย

จากนั้นเธอก็มองไปทางชายตรงหน้า “ส่วนนาย ถ้านายทําอะไรนอกเหนือคําสังกับพวกเขาแล้วล่ะก็นายก็จะไม่รอดเช่นกัน!”ว่านจึงยี่เตือนชายคนนั้น

หลังจากพูดประโยคสั้นๆกับชายคนนั้นเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินจากไปจากนั้นทีมแต่ละทีมก็มุ่งหน้าเข้าไปในโรงพยาบาล กวนเหยาหนึ่งในกลุ่มผู้รอดชีวิตจากการต่อสู้กับฝูงซอมบี้เฝ้ามองดูที่มแต่ละทีมเดินเข้าไปในโรงพยาบาล

ในขณะที่เขามองไปยังทีมที่กาลังจะเข้าไปในโรงพยาบาล เขาก็รู้สึกโล่งใจแต่ก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยเขาโล่งใจที่ทีมไม่ได้เลือกเขาให้เข้าไปในโรงพยาบาลเพื่อเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่น่ากลัวอย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างเขาก็รู้สึกเสียใจเช่นกันเขาไม่รู้ว่าทําไมแต่เขารู้สึกอย่างนั้น

กลุ่มเดินเข้าไปในโรงพยาบาล บรรยากาศโดยรอบนั้นทําให้พวกเขาทุกคนต่างก็รู้สึกขนลุก

อย่างไรก็ตาม มันก็ดูเหมือนว่าจ้าวจงจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยเขาเลือกเดินไปทางขวาอย่างกล้าหาญ“เราจะไปทางนี้!”

ว่านจึงยี่พยักหน้า “ระวังด้วย!” เธอเตือนจาวจงที่ดูเหมือนจะกําาลังประมาทแต่จ้าวจงท่าเพียงแค่โบกมืออย่างสบายๆเพื่อสื่อว่าเขาสบายดี

อีกสามทีมที่เหลือไปทางซ้าย เมื่อพวกเขามาถึงบันไดฉุกเฉิน ฉันรั่วซานก็เดินไปข้างหน้าในขณะที่ทีมของว่านจึงยี่และทีมของหยานเฉิงขึ้นบันไดฉุกเฉินไปที่ชั้นสอง

โรงพยาบาล SH นันมีทั้งหมเสิบชั้นรวมที่จอดรถในชั้นใต้ดิน อาคารมีขนาดใหญ่และโครงสร้างอาคารก็เป็นรูปตัว U มันมีห้องโดมขนาดเล็กอยู่ตรงกลางและสําหรับหอพักมันก็ตั้งอยู่ด้านหลังสุดของโรงพยาบาล

แผนคือการสํารวจแต่ละห้องในโรงพยาบาลเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตที่ยังเหลืออยู่พวกเขาไม่มีเงื่อนงําใดๆเกี่ยวกับผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่เลยและนี่คือสิ่งที่พวกเขาสามารถทําได้ทีมของจ้าวจงและทีมของฉันซัวซานสํารวจรอบๆชั้นหนึ่งและพวกเขาก็บันไดไปหลังจากที่พวกเขาตรวจสอบเสร็จแล้วที่ส่วนท้ายของอาคาร มันก็มีบันไดฉุกเฉินอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน

เมื่อทีมของว่านจึงยี่และทีมของหยานเฉิงมาถึงชั้นสอง พวกเขาก็เห็นศพที่ไม่รู้จักสิ่งมีชีวิตตัวนี้มีรูปร่างเล็กและมีใบหน้าที่น่ากลัวศพส่วนใหญ่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์บางส่วนหัวหาย ในขณะที่บางส่วนถูกผ่าออกเป็นสองซีก

“นั่นมันก็อบลินนี่!” หยานเฉิงโพล่งออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เขาประหลาดใจมากที่ได้เห็นก็อบลิน

ว่านจึงยี่และคนอื่นๆหันไปหาหยานเฉิงในทันที เสียงของเขาไม่ได้ตั้งแต่มันก็ชัดเจนในหูของพวกเขา “ก็อบลิน?” ว่านจึงยี่เดินเข้าไปหาหยานเฉิง“นายรู้จักมอนสเตอร์พวกนี้หรอ?”

ศพเหล่านี้ถูกทิ้งไว้โดยบอสอย่างไม่ต้องสงสัย และศพเหล่านี้ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าบอสของพวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งที่ทําให้เธอแปลกใจก็คือ หยานเพิ่งรู้จักสิ่งมีชีวิตที่น่าเกลียดพวกนี้

หยานเฉิงค่อยๆเดินเข้าหาศพของดาร์คก็อบลินที่ไม่เหลือชิ้นดีเขาเขียร่างกายของพวกมันด้วยเท้าเพื่อให้แน่ใจว่าก็อบลินนั้นได้ตายไปแล้วแน่ๆหลังจากยืนยันได้แล้วเขาก็นั่งยองๆเพื่อมองดูมันชัดๆ

“ใช่ นี่คือก็อบลินแน่ๆ!” หยานเฉิงยืนขึ้นอย่างตื่นเต้นและหันไปหาว่านจึงย “นี่เป็นสิ่งมีชีวิตแฟนตาซีที่มักจะปรากฏตัวในเกม ทั้งในนิยายแฟนตาซีและอนิเมะด้วย!”

หยานเฉิงอายุ 22 ปี เขาอยู่ในมหาวิทยาลัยปี 4 และก่อนที่โลกจะเปลี่ยนไปเขาก็ชอบเล่นเกม,ดูอนิเมะและอ่านหนังสือการ์ตูนเขาเรียกตัวเองว่าเป็นคนครึ่งๆกลางๆและเขาก็ไม่ได้รู้สึกอายที่จะยอมรับในสิ่งนี้

เขาไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นของเขาที่ได้พบกับสิ่งมีชีวิตในจินตนาการในชีวิตจริงเช่นนี้ได้

ว่านจึงไม่ได้รู้จักกับเรื่องราวแฟนตาซีมากนัก ดังนั้นเธอจึงหันไปหาสามสาวที่เหลือแต่พวกเธอเองก็ส่ายหน้าเช่นกัน

“แต่แปลกนะ ก็อบลินที่ฉันรู้จักมันมีผิวสีเขียวแต่ตัวพวกนี้มันมีผิวสีเข้ม”หยานเฉิงใช้นิ้วจิ้มร่างก็อบลินที่ไร้ชีวิตอย่างกล้าหาญเขาตรวจสอบให้แน่ใจว่าผิวสีเข้มของพวกมันนั้นไม่ได้ถูกทาสีจากนั้นเขาก็ดูนิ้วของเขามันไม่มีร่องรอยใดๆบนนิ้วของเขานี่หมายความว่ามันไม่ได้ถูกทาสีแต่นี่เป็นผิวหนังตามธรรมชาติของก็อบลินพวกนี้จ ริงๆ

“ก็อบลินถือเคียว…” หยานเฉิงพึมพําด้วยเสียงต่า เขาพยายามเชื่อมโยงมันเข้ากับก็อบลินที่เขาเคยพบในการ์ตูนที่เขาอ่าน

“พวกมันอาจเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันแต่พวกมันก็ต่างกันอย่าพยายามเปรียบเทียบของจริงกัยของในจินตนาการเลยไม่งั้นนายก็อาจจะเสียชีวิตได้”ว่านจึงยี่ไม่รู้ว่าก็อบลินนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรในโลกแฟนตาซีและเธอก็ไม่รู้ความสามารถในการต่อสู้ของพวกมันเช่นกันอย่างไรก็ตามเธอก็สามารถบอกได้ว่าหยานเฉิงกําลัง พยายามวิเคราะห์ก็อบลินอยู่

“เอาล่ะเราจะแยกทางกันที่นี่!เราจะไปทางซ้าย!”ว่านจึงไม่ต้องการยุ่งกับซากศพของพวกก็อบลินเธอเดินออกจากบันไดฉุกเฉินแล้วเลี้ยวซ้ายทีมของเธอจะสํารวจปีกซ้ายของโรงพยาบาลในขณะที่หยานเฉิงก็จะสํารวจปีกขวาตอนนี้ทั้งสี่ทีมแยกตัวกันอย่างสมบูรณ์

กลับไปที่ชั้นหนึ่ง

จ้าวจงและทีมของเขาค่อยๆเดินไปทางด้านขวาของชั้นหนึ่ง จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เจออะไรเลยแม้แต่ซอมบี้สักตัว

“นี่คือห้องที่สิบสอง..” จ้าวจงพึมพ่าในขณะที่เขาเดินไปที่ประตูซึ่งอยู่ห่างจากเขาสองเมตรประตูมีกระจกสี่เหลี่ยม มันทําให้เขาสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในห้องได้

เขาค่อยๆเข้าไปใกล้ๆประตูและมองผ่านกระจกมันเป็นห้องผู้ป่วยและในขณะที่เขากําลังจะเปิดประตูเขาก็เห็นเงาของใบมีดที่สะท้อนผ่านกระจก

“หมอบลง!” ด้วยปฏิกิริยาการตอบสนองที่รวดเร็ว เขาเตือนสมาชิกในทีมในขณะผลักสมาชิกในทีมที่อยู่ข้างๆเขาล้มลงไป

สาด!

น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีปฏิกิริยาการตอบสนองที่รวดเร็วเหมือนเขา เขารู้สึกได้ว่าหลังของเขาเปียกชุ่มและเขาก็แน่ใจว่ามันไม่ใช่เหงื่อแต่เป็นเลือดเขาหันกลับมาและเห็นศพหัวขาดร่างกายยังคงยืนอยู่ในขณะที่เลือดไหลทะลักออกมาจากคอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ 82 ล่าหรือถูกล่า 1

Now you are reading Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ Chapter 82 ล่าหรือถูกล่า 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 82 ล่าหรือถูกล่า 1

สิบนาที่ผ่านไปแล้วแต่ยังเส้หยางก็ยังไม่กลับมาสิ่งนี้ทําให้คนหลายคนเริ่มรู้สึกเป็นกังวลพวกเขาไม่แน่ใจว่าบอสของพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่จริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ว่านจึงยี่ก็มีความมั่นใจอย่างมากในตัวของบอสของเธอหากใครก็ตามได้เห็นตอนที่ถังเส้หยางเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้ พวกเขาก็จะรู้ได้ทันทีว่าชายผู้นั้นแข็งแกร่งเพียงใด

จ้าวจง,ฉินซัวซาน, หลี่อันและทาริเออร์ทุกคนต่างก็เชื่อในตัวของถังเส้าหยาง มันมีเพียงกลุ่มทาสและกลุ่มผู้รอดชีวิตเท่านั้นที่สงสัยว่าถังเส่าหยางจะยังมีชีวิตอยู่จริงหรือไม่

“เอาล่ะ พวกเราจะเริ่มท่าตามแผนแล้ว! พวกนายสองคนอยู่ข้างหลังและปกป้องคนพวกนี้!” ว่านจึงยี่เรียกชายสองคนออกมา คนหนึ่งคือทาริเออร์และอีกคนหนึ่งมาจากกลุ่มทาส

20 จาก 44 คนที่เข้าสู่มินิเกมนั้นเป็นเด็กและผู้ดูแล พวกเขาเป็นคนที่ไม่สามารถต่อสู้ได้และส่วนที่เหลือก็เป็นกลุ่มของถังเส้หยางซึ่งประกอบไปด้วยทาริเออร์ 13 คนรวมถึงถังเส้าหยางและทาสอีก 11 คนแต่ 2 คนในนั้นก็ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว

เนื่องจากพวกเขามี 21 คน ว่านจึงยี่จึงแบ่งกลุ่มออกเป็นสี่ทีมโดยมีห้าคนในแต่ละทีมยกเว้นทีมของเธอทีมของเธอเต็มไปด้วยผู้หญิงเธอ,หลอน,ผู้ตันตันและไต่เหวินเฉียน

ฉินซัวซานมีทีมของเขาและจ้าวจงเองก็มีทีมของตัวเองเช่นกัน และหยานเฉิงเขาเป็นผู้ที่แสดงความสามารถอันยอดเยี่ยมออกมาในการต่อสู้กับฝูงซอมบี้ดังนั้นนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอเลือกให้เขาเป็นผู้นําทีมที่สี่

สาเหตุที่ว่านจึงยี่ทิ้งคนเพียงสองคนไว้ข้างหลังก็เพราะพื้นที่นอกโรงพยาบาลนั้นเป็นเขตปลอดภัยดังนั้นเธอจึงทิ้งคนสองคนไว้ข้างหลังเพื่อเฝ้าดูแลเหล่าผู้รอดชีวิตเหล่านี้

จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปหาชายที่เธอไว้ใจให้เฝ้าดูแลผู้รอดชีวิต “จับตาดูพวกเขาให้ดี ให้อาหารและเครื่องดื่มแก่พวกเขาอย่างเหมาะสมเราไม่รู้ว่าเราจะต้องอยู่ที่นี่ไป อีกนานแค่ไหน!” สภาพของผู้รอดชีวิตนั้นไม่สู้ดีเมื่อดูจากผิวของพวกเขาแล้วเธอก็สามารถบอกได้เลยว่าพวกเขากําลังหิวโหยริมฝีปากของพวกเขาแห้งผากจนเกื่อบแตกและใบหน้าของพวกเขาก็ดูซีดเซียว

“แล้วถ้าพวกเขาไม่ฟังฉันล่ะ?” ชายคนนั้นถามในขณะที่เขาเหลือบมองผู้รอดชีวิตเด็กๆไม่น่าจะเป็นปัญหาสําหรับเขาแต่พวกผู้มาใหม่นั้นต่างออกไปมันมีเด็กเพียงสองคนเท่านั้นส่วนที่เหลือก็เป็นผู้ใหญ่ล้วนดังนั้นเขาจึงกังวลว่าพวกผู้ใหญ่อาจจะไม่เชื่อฟังเขา

“ถ้าพวกเขาไม่ฟังนาย นายก็สามารถทําอะไรกับพวกเขาก็ได้ นายสามารถทุบตีหรือไม่ก็ตัดแขนขาของพวกเขาได้ มันจะไม่มีปัญหาอะไรตราบใดที่นายไม่ได้ฆ่าพวกเขา!” ว่านจึงยี่ตอบด้วยเสียงดังเพื่อให้แน่ใจว่าผู้รอดชีวิตทุกคนจะได้ยินเธอ เธอต้องการให้สิ่งนี้เป็นเครื่องย้ําเตือนใจสําหรับคนเหล่านี้

มันได้ผล เหล่าผู้รอดชีวิตต่างก็สั่นสะท้านด้วยความกลัวในทันทีที่พวกเขาได้ยินสิ่งที่เธอพดพวกเขาหมดแรงแล้ว ดังนั้นความกดดันที่ว่านจึงมอบให้แก่พวกเขานั้นจึงทําให้พวกเขาหมดใจไปด้วย

จากนั้นเธอก็มองไปทางชายตรงหน้า “ส่วนนาย ถ้านายทําอะไรนอกเหนือคําสังกับพวกเขาแล้วล่ะก็นายก็จะไม่รอดเช่นกัน!”ว่านจึงยี่เตือนชายคนนั้น

หลังจากพูดประโยคสั้นๆกับชายคนนั้นเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินจากไปจากนั้นทีมแต่ละทีมก็มุ่งหน้าเข้าไปในโรงพยาบาล กวนเหยาหนึ่งในกลุ่มผู้รอดชีวิตจากการต่อสู้กับฝูงซอมบี้เฝ้ามองดูที่มแต่ละทีมเดินเข้าไปในโรงพยาบาล

ในขณะที่เขามองไปยังทีมที่กาลังจะเข้าไปในโรงพยาบาล เขาก็รู้สึกโล่งใจแต่ก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยเขาโล่งใจที่ทีมไม่ได้เลือกเขาให้เข้าไปในโรงพยาบาลเพื่อเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่น่ากลัวอย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างเขาก็รู้สึกเสียใจเช่นกันเขาไม่รู้ว่าทําไมแต่เขารู้สึกอย่างนั้น

กลุ่มเดินเข้าไปในโรงพยาบาล บรรยากาศโดยรอบนั้นทําให้พวกเขาทุกคนต่างก็รู้สึกขนลุก

อย่างไรก็ตาม มันก็ดูเหมือนว่าจ้าวจงจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยเขาเลือกเดินไปทางขวาอย่างกล้าหาญ“เราจะไปทางนี้!”

ว่านจึงยี่พยักหน้า “ระวังด้วย!” เธอเตือนจาวจงที่ดูเหมือนจะกําาลังประมาทแต่จ้าวจงท่าเพียงแค่โบกมืออย่างสบายๆเพื่อสื่อว่าเขาสบายดี

อีกสามทีมที่เหลือไปทางซ้าย เมื่อพวกเขามาถึงบันไดฉุกเฉิน ฉันรั่วซานก็เดินไปข้างหน้าในขณะที่ทีมของว่านจึงยี่และทีมของหยานเฉิงขึ้นบันไดฉุกเฉินไปที่ชั้นสอง

โรงพยาบาล SH นันมีทั้งหมเสิบชั้นรวมที่จอดรถในชั้นใต้ดิน อาคารมีขนาดใหญ่และโครงสร้างอาคารก็เป็นรูปตัว U มันมีห้องโดมขนาดเล็กอยู่ตรงกลางและสําหรับหอพักมันก็ตั้งอยู่ด้านหลังสุดของโรงพยาบาล

แผนคือการสํารวจแต่ละห้องในโรงพยาบาลเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตที่ยังเหลืออยู่พวกเขาไม่มีเงื่อนงําใดๆเกี่ยวกับผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่เลยและนี่คือสิ่งที่พวกเขาสามารถทําได้ทีมของจ้าวจงและทีมของฉันซัวซานสํารวจรอบๆชั้นหนึ่งและพวกเขาก็บันไดไปหลังจากที่พวกเขาตรวจสอบเสร็จแล้วที่ส่วนท้ายของอาคาร มันก็มีบันไดฉุกเฉินอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน

เมื่อทีมของว่านจึงยี่และทีมของหยานเฉิงมาถึงชั้นสอง พวกเขาก็เห็นศพที่ไม่รู้จักสิ่งมีชีวิตตัวนี้มีรูปร่างเล็กและมีใบหน้าที่น่ากลัวศพส่วนใหญ่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์บางส่วนหัวหาย ในขณะที่บางส่วนถูกผ่าออกเป็นสองซีก

“นั่นมันก็อบลินนี่!” หยานเฉิงโพล่งออกมาเมื่อเห็นใบหน้าของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เขาประหลาดใจมากที่ได้เห็นก็อบลิน

ว่านจึงยี่และคนอื่นๆหันไปหาหยานเฉิงในทันที เสียงของเขาไม่ได้ตั้งแต่มันก็ชัดเจนในหูของพวกเขา “ก็อบลิน?” ว่านจึงยี่เดินเข้าไปหาหยานเฉิง“นายรู้จักมอนสเตอร์พวกนี้หรอ?”

ศพเหล่านี้ถูกทิ้งไว้โดยบอสอย่างไม่ต้องสงสัย และศพเหล่านี้ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าบอสของพวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งที่ทําให้เธอแปลกใจก็คือ หยานเพิ่งรู้จักสิ่งมีชีวิตที่น่าเกลียดพวกนี้

หยานเฉิงค่อยๆเดินเข้าหาศพของดาร์คก็อบลินที่ไม่เหลือชิ้นดีเขาเขียร่างกายของพวกมันด้วยเท้าเพื่อให้แน่ใจว่าก็อบลินนั้นได้ตายไปแล้วแน่ๆหลังจากยืนยันได้แล้วเขาก็นั่งยองๆเพื่อมองดูมันชัดๆ

“ใช่ นี่คือก็อบลินแน่ๆ!” หยานเฉิงยืนขึ้นอย่างตื่นเต้นและหันไปหาว่านจึงย “นี่เป็นสิ่งมีชีวิตแฟนตาซีที่มักจะปรากฏตัวในเกม ทั้งในนิยายแฟนตาซีและอนิเมะด้วย!”

หยานเฉิงอายุ 22 ปี เขาอยู่ในมหาวิทยาลัยปี 4 และก่อนที่โลกจะเปลี่ยนไปเขาก็ชอบเล่นเกม,ดูอนิเมะและอ่านหนังสือการ์ตูนเขาเรียกตัวเองว่าเป็นคนครึ่งๆกลางๆและเขาก็ไม่ได้รู้สึกอายที่จะยอมรับในสิ่งนี้

เขาไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นของเขาที่ได้พบกับสิ่งมีชีวิตในจินตนาการในชีวิตจริงเช่นนี้ได้

ว่านจึงไม่ได้รู้จักกับเรื่องราวแฟนตาซีมากนัก ดังนั้นเธอจึงหันไปหาสามสาวที่เหลือแต่พวกเธอเองก็ส่ายหน้าเช่นกัน

“แต่แปลกนะ ก็อบลินที่ฉันรู้จักมันมีผิวสีเขียวแต่ตัวพวกนี้มันมีผิวสีเข้ม”หยานเฉิงใช้นิ้วจิ้มร่างก็อบลินที่ไร้ชีวิตอย่างกล้าหาญเขาตรวจสอบให้แน่ใจว่าผิวสีเข้มของพวกมันนั้นไม่ได้ถูกทาสีจากนั้นเขาก็ดูนิ้วของเขามันไม่มีร่องรอยใดๆบนนิ้วของเขานี่หมายความว่ามันไม่ได้ถูกทาสีแต่นี่เป็นผิวหนังตามธรรมชาติของก็อบลินพวกนี้จ ริงๆ

“ก็อบลินถือเคียว…” หยานเฉิงพึมพําด้วยเสียงต่า เขาพยายามเชื่อมโยงมันเข้ากับก็อบลินที่เขาเคยพบในการ์ตูนที่เขาอ่าน

“พวกมันอาจเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันแต่พวกมันก็ต่างกันอย่าพยายามเปรียบเทียบของจริงกัยของในจินตนาการเลยไม่งั้นนายก็อาจจะเสียชีวิตได้”ว่านจึงยี่ไม่รู้ว่าก็อบลินนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรในโลกแฟนตาซีและเธอก็ไม่รู้ความสามารถในการต่อสู้ของพวกมันเช่นกันอย่างไรก็ตามเธอก็สามารถบอกได้ว่าหยานเฉิงกําลัง พยายามวิเคราะห์ก็อบลินอยู่

“เอาล่ะเราจะแยกทางกันที่นี่!เราจะไปทางซ้าย!”ว่านจึงไม่ต้องการยุ่งกับซากศพของพวกก็อบลินเธอเดินออกจากบันไดฉุกเฉินแล้วเลี้ยวซ้ายทีมของเธอจะสํารวจปีกซ้ายของโรงพยาบาลในขณะที่หยานเฉิงก็จะสํารวจปีกขวาตอนนี้ทั้งสี่ทีมแยกตัวกันอย่างสมบูรณ์

กลับไปที่ชั้นหนึ่ง

จ้าวจงและทีมของเขาค่อยๆเดินไปทางด้านขวาของชั้นหนึ่ง จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เจออะไรเลยแม้แต่ซอมบี้สักตัว

“นี่คือห้องที่สิบสอง..” จ้าวจงพึมพ่าในขณะที่เขาเดินไปที่ประตูซึ่งอยู่ห่างจากเขาสองเมตรประตูมีกระจกสี่เหลี่ยม มันทําให้เขาสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในห้องได้

เขาค่อยๆเข้าไปใกล้ๆประตูและมองผ่านกระจกมันเป็นห้องผู้ป่วยและในขณะที่เขากําลังจะเปิดประตูเขาก็เห็นเงาของใบมีดที่สะท้อนผ่านกระจก

“หมอบลง!” ด้วยปฏิกิริยาการตอบสนองที่รวดเร็ว เขาเตือนสมาชิกในทีมในขณะผลักสมาชิกในทีมที่อยู่ข้างๆเขาล้มลงไป

สาด!

น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีปฏิกิริยาการตอบสนองที่รวดเร็วเหมือนเขา เขารู้สึกได้ว่าหลังของเขาเปียกชุ่มและเขาก็แน่ใจว่ามันไม่ใช่เหงื่อแต่เป็นเลือดเขาหันกลับมาและเห็นศพหัวขาดร่างกายยังคงยืนอยู่ในขณะที่เลือดไหลทะลักออกมาจากคอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+