ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 127 เฉลิมฉลองปีใหม่

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 127 เฉลิมฉลองปีใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 127 เฉลิมฉลองปีใหม่

บทที่ 127 เฉลิมฉลองปีใหม่

“ท่านพี่ อร่อย! อร่อยมาก!” กู้หนิงผิงเคี้ยวเนื้อในปากจนหมด เมื่อพบว่ามันมีรสชาติหอมกรุ่น จึงส่งเจี๊ยวจ๊าวไม่หยุด “ท่านพี่ ข้าอยากกินอีก!”

“เอาล่ะ ข้าจะให้พวกเจ้ากินอีก มีเพียงพอสำหรับพวกเจ้าอย่างแน่นอน” หลังกู้เสี่ยวหวานคีบเนื้อชิ้นหนึ่งให้กู้หนิงอันแล้ว นางจึงวางตะเกียบลงพลางพูดว่า “ยังไม่ได้ยกขึ้นโต๊ะ ดังนั้นอย่ากินหมดนะ เจ้าเด็กตะกละ!”

“ฮ่า ฮ่า…” กู้หนิงผิงยิ้มอย่างเก้อเขิน “ฝีมือท่านพี่ช่างยอดเยี่ยม ทำให้ข้าอยากกินอีก!”

“ท่านพี่ อร่อย อร่อยมาก!” กู้เสี่ยวอี้ยังคงเคี้ยวเนื้ออยู่ในปาก เอ่ยอู้อี้ชื่นชมพี่สาวของตนเอง น้ำมันในปากไหลออกมาจากมุมปากเล็กน้อย ทำให้กู้เสี่ยวหวานมองอย่างมีความสุข กู้หนิงอันที่เห็นเข้าก็รีบเช็ดน้ำมันออกจากปากของกู้เสี่ยวอี้ด้วยผ้าเช็ดหน้าและเอ่ยเกลี้ยกล่อม “เดี๋ยวก็ได้กินอาหารเย็นส่งท้ายปีแล้ว รอประเดี๋ยวค่อยกิน! นอกจากหมูตุ๋นแล้วยังมีของอร่อยอีกมากมาย ถ้ากินหมูตุ๋นอิ่มแล้ว จะไม่สามารถกินอะไรได้อีก”

เมื่อมองท่าทางเคร่งขรึมตามปกติของกู้หนิงผิง แต่ยามเกลี้ยกล่อมเด็ก ๆ กลับอ่อนโยนยิ่งนัก

“ตกลง เสี่ยวอี้ไม่กินแล้ว” ครั้นได้ยินว่ามีของอร่อยรออยู่ แววตาของนางก็เป็นประกาย และไม่ไปก่อไฟกับกู่หนิงผิงอีก ทำเพียงเอนตัวพิงเตาเพื่อดูกู้เสี่ยวหวานทำอาหาร

กู้เสี่ยวหวานมองกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ทำหน้ามุ่ย มองชามเนื้ออย่างน่าสงสาร หัวใจของนางรู้สึกทั้งมีความสุขและเศร้าเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า พรุ่งนี้จะย่างเข้าสู่ปีใหม่แล้ว ไม่สามารถคิดถึงความทุกข์เหล่านั้นได้ กู้เสี่ยวหวานจึงทำได้เพียงมองน้อง ๆ อย่างมีความสุข

กู้หนิงผิงไปก่อไฟอีกครั้งอย่างมีความสุข เขามีความสุขมากเมื่อคิดว่าจะได้กินอาหารแสนอร่อย

แม้กู้เสี่ยวหวานจะกล่าวว่าเหล่าเด็กน้อยคือเด็กตะกละ แต่นางก็มีความสุขมากจริง ๆ

ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนหน้านี้กู้หนิงอันมีนิสัยเป็นอย่างไร ความเป็นผู้ใหญ่นี้เกิดขึ้นหลังจากที่พ่อแม่จากไปหรือเป็นเช่นนี้อยู่ก่อนแล้วก็ยังไม่ชัดเจนนัก แต่ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานชอบนิสัยของกู้หนิงอันที่สุด

ในฐานะลูกชายคนโตของครอบครัวรองตระกูลกู้ แม้จะไม่ใช่ลูกชายคนโตของตระกูลกู้ แต่กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับครอบครัวใหญ่ของตระกูลกู้ และนางก็ไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้คนในนั้น

เมื่อต้องแยกจากกัน ก็ควรดำเนินชีวิตตามลำพัง

กู้หนิงอันเป็นพี่ชายของพวกเขา ดังนั้นเขาควรจะมีความสงบและความเอื้ออาทรที่พี่น้องควรมี

นิสัยของกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้อาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนักหลังจากที่ท่านพ่อและท่านแม่จากไป กู้หนิงผิงยังคงไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ ส่วนกู้เสี่ยวอี้ก็น่ารักและสดใสร่าเริงตลอดวัน

โชคดีที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหลังจากท่านพ่อและท่านแม่เสียไปท่ามกลางสายตาของคนรอบข้าง พวกเขาไม่ได้กลายเป็นคนเก็บตัวเศร้าโศกเงียบขรึมและมีอารมณ์เชิงลบต่าง ๆ หลังช่วงเวลาแห่งการผสมผสานและการสังเกตนี้ ครอบครัวของพวกเขาก็ยังใจดี และใช้ชีวิตอย่างเต็มไปด้วยความคาดหวัง

นี่เป็นสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานมีความสุขที่สุด เนื่องจากการทำงานหนักและการสั่งสอนของนางในช่วงเวลานี้ เด็ก ๆ เหล่านี้จึงมองโลกในแง่ดีมากกว่าเมื่อก่อน ดูเหมือนว่าความพยายามของนางจะค่อนข้างประสบความสำเร็จทีเดียว

“ท่านพี่ การฉลองปีใหม่ในปีนี้ดีกว่าเมื่อก่อนมาก ข้าไม่เคยทำอาหารอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย!” กู้หนิงผิงอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างตื่นเต้น

นี่เป็นเรื่องจริง ด้วยคำพูดของกู้หนิงผิง กู้หนิงอันจึงจมอยู่กับภวังค์ความคิด

ในเวลานั้นท่านพ่อและท่านแม่ยังอยู่ที่นั่น แต่เพราะที่บ้านมีคนต้องกินมากเกินไป หลังจากพวกเขาแยกออกจากตระกูลกู้ นอกจากชุดถ้วยและตะเกียบสองสามชุดแล้วก็ไม่มีอะไรพิเศษจริง ๆ และแน่นอนว่าพวกกู้หนิงอันไม่รับรู้เรื่องราวนี้

วันฉลองขึ้นปีใหม่ในตอนนั้น พวกเขาไม่เคยได้กินสิ่งใดเลยนอกจากเนื้อสับจานเล็ก ในความทรงจำของกู้หนิงอันและกู้หนิงผิง พวกเขาไม่เคยกินเนื้อชิ้นใหญ่เหมือนในตอนนี้มาก่อนเลย

ปีนี้แตกต่างออกไป ครอบครัวมีเงินแล้ว อีกทั้งยังตัดเสื้อผ้าใหม่ ซื้อผ้าห่มใหม่ และก็ยังมีเนื้อให้กินที่บ้าน สิ่งที่ทำให้กู้หนิงอันตื่นเต้นยิ่งกว่าคือเขามีพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึก และเขาสามารถอ่านออกเขียนได้ และหลังปีใหม่เขาจะได้ไปสถานศึกษา เมื่อคิดถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ หัวใจของกู้หนิงอันก็รู้สึกตื่นเต้นราวกับตีกลอง

ครั้นมองพี่สาวที่ตนเองชื่นชมสุดหัวใจ ความเคารพเพิ่มพูนก็มากขึ้น ที่เขามีวันดี ๆ เช่นนี้ได้เป็นเพราะพี่สาวที่สร้างมันขึ้นมา เมื่อมองไปทางนาง เขาก็ยิ่งรู้สึกนับถือมากขึ้นไปอีก

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานหาเงินได้ นางไม่สามารถปล่อยให้น้องสองสามคนต้องทนทุกข์อีกต่อไป กู้เสี่ยวหวานไม่เคยปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้าย ในช่วงปีใหม่นี้นางเต็มใจที่จะสรรหาอาหารดี ๆ มากมาย ทำให้ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยอาหารรสชาติเลิศรส

“ตราบใดที่ทั้งครอบครัวของเรายังเป็นหนึ่งเดียวกัน อนาคตจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน” กู้เสี่ยวหวานกล่าวด้วยรอยยิ้ม รู้สึกดีมากที่ได้พูดประโยคนี้ในห้องครัวที่อบอุ่นเช่นนี้

กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงก็เห็นด้วยกับคำพูดของพี่สาวของพวกเขาอย่างมาก และพวกเขาทั้งหมดพยักหน้าอย่างหนักแน่น ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย และดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หลังจากยุ่งกันสักพัก อาหารก็เกือบจะพร้อมแล้ว

กู้หนิงอันรีบจัดโต๊ะในห้องใหญ่ วางชามและตะเกียบบนโต๊ะอาหาร เมื่อวางอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะแล้ว เด็กทั้งสี่ก็นั่งรอบโต๊ะและมองโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารอย่างตื่นเต้น

“เอาล่ะ กินข้าวกันเถอะ เทศกาลปีใหม่น่าจะดื่มเหล้ากันสักหน่อย แต่เราเป็นเด็กกันอยู่จึงไม่สามารถดื่มเหล้าได้ มาดื่มน้ำแกงปลาให้ทุกคนกันเถอะ”

ตามที่กู้เสี่ยวหวานกล่าว กู้หนิงผิงจึงหยิบชามที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาและเติมชามน้ำแกงปลาสีขาวนวล

นอกจากนี้ยังมีชามและตะเกียบอีกสองชุดวางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งสงวนไว้สำหรับกู้ฉวนฟู่และเถียนซื่อ

“ท่านพ่อ ท่านแม่ วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า! ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ข้าจะเฉลิมฉลองปีใหม่ที่นี่ ดูสิ มีอาหารเต็มโต๊ะไปหมด ถ้าท่านพ่อและท่านแม่เห็นก็คงจะมีความสุข เรามาฉลองปีใหม่ด้วยกันเถอะ!” กู้เสี่ยวหวานคิดในใจ

น้ำแกงชามนี้เป็นเครื่องเซ่นไหว้ให้กับท่านพ่อและท่านแม่ที่เสียชีวิต หลังจากทำความเคารพเสร็จ ในครอบครัวไม่มีผู้อาวุโส และไม่มีอะไรจะพูดแบบนั้น ดังนั้นแค่กินกับดื่มก็พอแล้ว

กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้มองดูอาหารกลิ่นหอมน่ารับประทานบนโต๊ะ และพวกเขาต่างก็สนุกกับการกิน

…………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เป็นการฉลองปีใหม่ที่ทั้งสุขและเศร้าในคราวเดียวกันจริง ๆ ค่ะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *