ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 386 รีบขอโทษมาเร็ว

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 386 รีบขอโทษมาเร็ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 386 รีบขอโทษมาเร็ว

บทที่ 386 รีบขอโทษมาเร็ว

กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างนอบน้อม “พ่อบ้านจ้าวชมเกินไปแล้ว”

หลังจากรับเงินจำนวนมากมา กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้ใส่ไว้เสื้อของนาง แต่กลับมอบมันให้กับฉินเย่จือแทน ฉินเย่จือลังเลและรีบหยิบมันขึ้นมาอย่างสงบและใส่ไว้ในเสื้อของเขา

เมื่อกู้ซินเถาที่อยู่ด้านข้างรู้ว่าคนที่สวมหน้ากากเป็นใครก็มีความสุข ดูเหมือนว่าคนที่สวมหน้ากากจะเป็นคนที่กล่าวบนรถม้าในวันนั้น

น้ำเสียงทุ้มลึก แค่ฟังเสียงก็ทำให้ผู้คนหลงใหล!

เมื่อสวีเฉิงเจ๋อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานยื่นถุงเงินรางวัลให้ฉินเย่จือโดยไม่คิดอะไร ดวงตาของเขาหม่นลง และไม่รู้ว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่

กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าการกระทำของตนเองจะทำให้เกิดความคิดมากมายในสายตาของคนอื่น เพราะมีคนมากมายเห็นว่านางได้รับรางวัลที่มีมูลค่าสูง ถ้านางเก็บมันไว้กับตัวนางเองก็กลัวว่าคนจะมีความคิดที่ไม่ดีแน่นอน

มันไม่ปลอดภัยที่ผู้หญิงพกเงินมากมายติดตัว เพื่อระวังคนไร้ศีลธรรมที่ใช้ความคิดที่คดเคี้ยวของพวกเขา แน่นอนว่ากู้เสี่ยวหวานต้องคิดวิธีอื่น

การให้ถุงเงินนี้ให้กับฉินเย่จือนั้นแตกต่าง ฉินเย่จือร่างกายสูงใหญ่และเขารู้ศิลปะการต่อสู้ การที่เงินอยู่กับเขาไม่รู้ว่ามันจะปลอดภัยแค่ไหน

กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าการกระทำของตนหมายถึงอะไร นางทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ในสายตาของคนอื่น ๆ คือนางเชื่อมั่นและพึ่งพาฉินเย่จืออย่างมาก

จ้าวเซิงเหลือบมองชายที่อยู่ด้านข้าง ชายผู้นั้นร่างกายสูงใหญ่และผอมเพรียว แม้ว่าเสื้อผ้าบนร่างกายของเขาจะทำจากผ้าฝ้ายธรรมดา แต่รัศมีที่เปล่งออกมาจากร่างกายของเขาไม่ควรมองข้าม หน้ากากน่าเกลียดปิดใบหน้าของเขาและเหลือเพียงสองตาที่เจาะรูไว้

“ข้าขอถามได้หรือไม่ว่า แม่นางมาจากตระกูลใดกัน?” จ้าวเซิงเอ่ยถามอีกครั้ง เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง เขารู้ว่ากู้เสี่ยวหวานอาจจะเข้าใจผิด และอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “แม่นาง อย่าเข้าใจผิด เป็นเพราะข้าต้องรายงานนายท่านและภรรยาของเขา เมื่อถึงเวลานั้น หากเจ้านายถามว่าแท้จริงแล้วผู้ใดเป็นคนทายปัญหานี้ได้ ข้าก็ต้องบอกความจริงกับพวกเขา!”

กู้เสี่ยวหวานคิดเกี่ยวกับมัน มันก็จริงดังที่จ้าวเซิงกล่าว

นางไขปริศนาได้ด้วยตนเองและเอาเงินของคนอื่นไป ดังนั้นนางจึงจะบอกเขาไป

กู้เสี่ยวหวานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ขออภัยพ่อบ้านจ้าว ข้าไม่ได้มาจากเมือง ข้ามาจากหมู่บ้านอู๋ซีและข้าไม่ใช่คุณหนู เป็นแค่สาวชนบทคนหนึ่ง”

หลังจากที่จ้าวเซิงได้ยิน เขาไม่อยากเชื่อเลยและคิดว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังล้อเล่นกับเขาอยู่ แต่เมื่อเห็นท่าทางที่สงบของกู้เสี่ยวหวานราวกับว่านางไม่ได้หลอกเขาเลย เขาจึงอดแปลกใจไม่ได้

ไม่คาดคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นเพียงคนชนบท หากนางบอกว่านางเป็นคุณหนูจากครอบครัวที่ร่ำรวย หลายคนคงเชื่อ!

จ้าวเซิงดูประหลาดใจและให้ความเคารพ เขาก้มศีรษะลงและกระซิบคำหนึ่งข้างหูของคนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เขา และคนใช้ก็รีบลงไป

กู้เสี่ยวหวานทายทุกอย่างแล้ว จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองกู้จือเหวินที่มีเหงื่อออกบนใบหน้าและตะโกนอย่างเย่อหยิ่ง “กู้จือเหวิน”

กู้จื่อเหวินยังอยู่ในอาการมึนงง เมื่อเขาได้ยินกู้เสี่ยวหวานเรียกเขา เขาก็ตกตะลึง เงยหน้าขึ้นมองและเห็นกู้เสี่ยวหวานมองเขาอย่างเย่อหยิ่ง

“กู้จือเหวิน เราเคยตกลงกันมาก่อนแล้ว ถ้าข้าทายปริศนาได้ เจ้าจะต้องขอโทษข้าต่อหน้าทุกคนและบอกว่าเจ้าไม่เก่งเท่าข้า!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวด้วยรอยยิ้ม อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของกู้จือเหวิน รอยยิ้มนี้คือความเย้ยหยัน

กู้จือเหวินมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก ผู้คนที่มองอยู่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน บางคนที่สนับสนุนเขาในเมื่อสักครู่ คราวนี้พวกเขาทั้งหมดมองไปที่กู้จือเหวินอย่างตื่นเต้น และบางคนก็กลัวว่ามันจะสนุกไม่เพียงพอ จึงส่งเสียงตะโกนออกมา “น้องชาย เจ้าตกลงกับแม่นางผู้นี้แล้วนี่ ตอนนี้นางก็ชนะแล้ว เจ้าก็ควรต้องขอโทษนางสิ และบอกว่าเจ้าไม่เก่งเท่านาง เร็วสิเร็วเข้า!”

กู้จือเหวินรู้สึกกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้คนรอบตัวเขาเริ่มเยาะเย้ยและตะโกนเสียงดัง เหงื่อไหลซึมบริเวณหน้าผาก เขาไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะไม่สามารถทายปริศนาได้ ถึงแม้เขาจะทายปริศนาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่เขาไม่คิดว่ากู้เสี่ยวหวาน เด็กสาวในหมู่บ้านจะทายได้

ทันทีที่กู้จือเหวินคิดว่าเขาต้องขอโทษเด็กสาวชนบทผู้นี้ และบอกว่าเขาด้อยกว่านางต่อหน้าของทุกคน เช่นนั้นเขาจึงรู้สึกไม่สบายใจ

เขาจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความโกรธพร้อมกับคำเตือนในสายตาราวกับว่าเขากำลังตักเตือนให้กู้เสี่ยวหวานรีบประนีประนอมกัน

แต่กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจเรื่องนี้ นางกะพริบตาแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาและกล่าวว่า “พี่จือเหวิน ข้าชนะท่านแล้วนี่”

ข้าชนะท่านแล้ว ข้าชนะท่านแล้ว ข้าชนะท่านแล้ว

คำพูดเหล่านั้นยังติดอยู่ในหูและจิตใจของกู้จือเหวินราวกับเป็นมนต์สะกด เขามองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่รู้สึกยินดี สวีเฉิงเจ๋อที่มีสีหน้าราวกับจะกล่าวว่า เจ้าทำเองก็ต้องยอมรับสิ และเสียงเกลี้ยกล่อมของผู้คนรอบตัวก็ร้องเตือนให้เขาทำตามสัญญา

โดยเฉพาะนักเรียนจากสำนักศึกษาที่หวังเขาให้ชนะ แต่คราวนี้ เมื่อเห็นว่าเขาแพ้ พวกเขาก็เหยียบซ้ำทันที “กู้จือเหวิน ขอโทษนางเร็วเข้าสิ เร็วเข้า!”

“กู้จือเหวิน เจ้าไม่ละอายใจหรือที่ต้องแพ้ให้กับเด็กสาวชนบท เหอะ…”

“กู้จือเหวิน เมื่อไม่มีเพชรก็อย่าทำเครื่องลายคราม ถ้าเจ้าไม่มีความสามารถ เจ้าจะอวดอ้างทำไมกัน! ข้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถ แต่ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นเพียงหมอนปัก*[1]”

“แม่นางผู้นั้นเป็นใครกัน?”

“เจ้ายังดูไม่ออกอีกหรือ แม่นางผู้นั้นเป็นพี่สาวของกู้หนิงอันและเป็นลูกพี่ลูกน้องขอกู้จือเหวิน!” คนที่อยู่ข้าง ๆ อธิบาย

“โอ้ เป็นลูกพี่ลูกน้องกันนี่เอง กู้จือเหวินรีบขอโทษน้องสาวของเจ้าสิ อย่าอายเลย อย่าอายเลย!” เด็กเหล่านั้นกลัวว่าโลกจะไม่วุ่นวายจึงหัวเราะอย่างมีความสุข

กู้จือเหวินจ้องมองพวกเขา และผู้คนเหล่านั้นก็หัวเราะอย่างมีความสุขมากขึ้น “กู้จือเหวิน เจ้ารีบขอโทษเร็วเข้า เจ้ามองมาที่ข้าทำไม ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าขอโทษข้าเสียหน่อย!”

ผู้คนรอบ ๆ โห่ร้องอยู่ครู่หนึ่ง และฝูงชนก็ถูกขับเคลื่อนโดยด้วยเสียงโห่ของนักเรียนด้วยเช่นกัน “ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ…”

สวีเฉิงเจ๋อมองดูใบหน้าของกู้จือเหวินที่เต็มไปด้วยความอับอายและความขุ่นเคือง ก็เกรงว่าจะทำให้ทุกอย่างแย่ลง เขาจึงจ้องไปที่เด็กสองสามคนที่ตะโกนอย่างยินดี และเมื่อพวกเขาเหล่านั้นเห็นว่าอาจารย์ของพวกเขาอยู่ที่นั่น พวกเขาก็หุบปากอย่างเชื่อฟังและถอยหลังไป

*[1] ภายนอกดูสวยแต่ไร้ค่า

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *