ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 953 ซื้อบ้านเก่าตระกูลกู้

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 953 ซื้อบ้านเก่าตระกูลกู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 953 ซื้อบ้านเก่าตระกูลกู้

บทที่ 953 ซื้อบ้านเก่าตระกูลกู้

“ในช่วงเวลาหลังการเก็บเกี่ยว กู้ฉวนโซ่วกลับมาอีกครั้งตามที่เฉาซื่อบอก กู้ฉวนโซ่วเอาเงินจากการขายผลผลิตของครอบครัวไปจนหมด ไม่เหลือไว้แม้แต่เงินค่าอาหารสำหรับพวกนางทั้งสามคน นางพาลูกทั้งสองไปขออาหารกินที่บ้านนั้นบ้านนี้ เมื่อนางมาหาข้า ข้าจึงชี้ทางให้นาง”

“เจ้าขอให้นางไปหากู้เสี่ยวหวาน” กู้ฉวนลู่เดาได้ทันที

เฉาซื่อเป็นคนแบบไหน ทำไมเขาจะไม่รู้ นางเป็นแค่คนหลอกลวง ถ้าถูกนางเกาะไปติดหนึบ เกรงว่าตลอดชีวิตคงสลัดนางไม่หลุด

ยิ่งกว่านั้นนางเป็นคนใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่มีกฎเกณฑ์ เกียจคร้าน และเป็นคนที่ใครเห็นก็เกลียด

นอกจากนี้ยังต้องขอบคุณใบหน้าที่ดูดีของนางที่ทำให้กู้ฉวนโซ่วผู้ซึ่งไม่มีดวงตา และมองเพียงรูปร่างภายนอกได้แต่งงานกับเฉาซื่อ

“ใช่แล้ว สาวน้อยคนนั้นร่ำรวยยิ่งนัก ช่วยอาสะใภ้ของนางสักนิดคงจะไม่เป็นไร” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพูดอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าสิ่งที่นางพูดเมื่อกลับมาเพื่อย้ายของในวันนั้น นางอาจจะหลอกสาวน้อยคนนั้นได้”

“เป็นไปได้อย่างไร สาวน้อยคนนั้นฉลาดมาก นางจะถูกเฉาซื่อหลอกได้อย่างไร” กู้ฉวนลู่ไม่เชื่อ แต่เมื่อเขาได้ยินว่าเฉาซื่อซื้อเครื่องประดับหลายร้อยตำลึงเงินโดยไม่เสียดายเงิน เขารู้สึกว่าสิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพูดอาจถูกต้อง

“เฉาซื่อบอกว่านางกำลังจะเป็นฮูหยินในเมืองนี้ และก็ไม่ต้องการบ้านเก่าหลังนี้อีกต่อไป นางจึงขอให้ข้าขายมัน” เมื่อเห็นว่าเขาไม่เชื่อ หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงจึงรีบเข้าไปในห้องห้องหนึ่งทันที และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาแล้วพูดว่า “เจ้าดูสิว่าข้าได้โกหกเจ้าหรือ ไม่?”

หลังจากพูดจบ เขาก็ยัดโฉนดที่ดินและโฉนดบ้านใส่มือของกู้ฉวนลู่

กู้ฉวนลู่มองไปที่ตัวอักษรขาวดำบนนั้น และตราประทับสีแดงของทางการ จากนั้นเขาก็เชื่ออย่างสนิทใจ “พวกเขาขู่กรรโชกสาวน้อยคนนั้นจริง ๆ”

“เจ้าคิดดูสิ เฉาซื่อยังมีลูกอีกสองคน สาวน้อยผู้นั้น ถึงนางจะไม่ชอบเฉาซื่อ แต่ต้องช่วยนางเพราะเห็นแก่ลูกพี่ลูกน้องทั้งสอง ข้าได้ยินมาว่าฟางสี่ก็อยู่กับสาวน้อยคนนั้นด้วยใช่หรือไม่”

กู้ฉวนลู่พยักหน้า “ใช่”

“เช่นนั้นก็ควรจะเป็นอย่างนั้น แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่เห็นด้วย แต่กู้ฟางสี่ก็ต้องเห็นด้วย นั่นคือหลานชายและหลานสาวของนาง พวกเขาคือสายเลือดของตระกูลกู้ พวกเขาจะทนดูเด็กสองคนอดตายได้อย่างไร” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกล่าวอย่างตื่นเต้น

ก่อนที่เฉาซื่อจะจากไป นางขอให้หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงช่วยนางขายบ้าน และจะให้เงินเขาห้าตำลึงเงินเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยนาง

ในเวลานั้น หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเห็นโฉนดบ้านและโฉนดที่ดินก็มีความคิดอยู่ในใจ

เขาแค่คิดว่าจะไปในเมืองและขอให้กู้ฉวนลู่ซื้อบ้านหลังนี้ไว้

ตราบเท่าที่บ้านบรรพบุรุษของกู้ฉวนลู่ยังคงอยู่ในหมู่บ้านอู๋ซี ไม่ว่ากู้จือเหวินจะมีตำแหน่งสูงเพียงใด หรือจะออกจากหมู่บ้านอู๋ซี หากขอให้พวกเขาทำบางสิ่งในอนาคตก็จะเพียงแค่เอ่ยประโยคเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากกู้ฉวนลู่อยู่ในหมู่บ้านอู๋ซี จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ในอนาคต

“นางจะขายเท่าไร” กู้ฉวนลู่ถาม หากมีการเจรจาเกิดขึ้น หนึ่งร้อยตำลึงเงินก็ไม่น่าจะมีปัญหา

“ไม่แพงหรอก แปดสิบตำลึงเงินก็คงรีบขายแล้ว”

หมู่บ้านอู๋ซีเป็นเพียงหมู่บ้านห่างไกล และราคาของบ้านหลังนี้ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับในเมืองหลิวเจีย

เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น

“ตอนนี้ข้าไม่มีเงินมากขนาดนั้น และเงินทั้งหมดของข้าถูกนำไปลงทุนในการเปิดกิจการ” กู้ฉวนลู่พูดด้วยความลำบากใจ

ตอนนี้เขาไม่มีงานทำ ในตัวเขาไม่มีแม้แต่เงินสักเหรียญเดียว

อย่างไรก็ตาม เขายังไม่สามารถบอกหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงได้ว่าเขาถูกไล่ออกจากร้านซุ่นซิน ในกรณีนี้ตำนานของเขาในหมู่บ้านจะถูกลบเลือนออกไป

เมื่อได้ยินว่ากู้ฉวนลู่ต้องการซื้อบ้านหลังนี้จริง ๆ หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงจึงกล่าวต่อ “ไม่ต้องรีบร้อน ตราบใดที่มีเงินก็เอามาให้ข้า แล้วข้าจะเก็บบ้านหลังนี้ไว้ให้เจ้า ข้าจะไม่ขายให้ใครอื่นแน่นอน”

กู้ฉวนลู่พยักหน้า เรื่องนี้จบลงแล้ว

“ฉวนลู่ กู้เสี่ยวหวานหลานสาวของเจ้าน่าทึ่งมาก” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพูดด้วยความเสียใจ “ถ้าตอนนั้นข้าไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรม เฮ้อ… บางทีข้าอาจจะทำอะไรสักอย่างเพื่อหาเงินเคียงข้างนางก็ได้ เจ้าดูสิ อย่าว่าแต่ข้าเลย แม้แต่ทั้งหมู่บ้านก็ไม่มีเงินเพราะข้า”

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมีท่าทางเศร้าส้รอย ราวกับว่าเป็นเพราะเขาที่ทำให้ทั้งหมู่บ้านสูญเสียรายได้

“หัวหน้าหมู่บ้าน ไม่ต้องเป็นกังวลไป เมื่อกิจการของข้าดีขึ้น ข้าจะเชิญท่านมาทำงานร่วมกันและสร้างรายได้ด้วยกัน”

“ข้าแก่แล้ว คงจะดีมากถ้าพาลูกชายสองคนที่น่าผิดหวังของข้าไปแทน” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพูด

กู้ฉวนลู่เข้าใจโดยธรรมชาติและรีบบอกว่าเขาจะทำอย่างแน่นอน จากนั้นกู้ฉวนลู่ก็จากไปโดยปฏิเสธคำเชิญของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเพื่ออยู่ทานอาหารเย็น

หลังจากมาถึงในเมือง กู้ฉวนลู่ไม่ได้กลับบ้าน แต่ตรงไปยังร้านจิ่นฝู

ตอนนี้ได้เลยเวลาอาหารกลางวันแล้ว และเขาได้แต่มองแขกกลุ่มหนึ่งออกมาด้วยใบหน้ามันเยิ้ม

ยืนดูสักครู่เดียวก็มีลูกค้าเข้าไปในร้านหลายสิบคน

จากการหลั่งไหลของลูกค้าทำให้เห็นได้ไม่ยากว่ากิจการของร้านจิ่นฝูดีขึ้นเรื่อย ๆ

เดิมทีมีร้านอาหารห้าหรือหกแห่งในเมือง แต่ตอนนี้มีเพียงสองหรือสามแห่งเท่านั้นที่ยังคงอยู่ภายใต้จมูกของร้านจิ่นฝู

เมื่อมองไปที่ร้านจิ่นฝูที่มีผู้คนจำนวนมาก ยิ่งกู้ฉวนลู่มองมันมากเท่าไร ความแค้นเคืองในใจของเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น

กู้เสี่ยวหวานปล่อยให้เขาตกงานในฐานะคนทำบัญชีและจับเขาเข้าคุก ตอนนี้ทุกคนที่เห็นเขาจะหัวเราะเยาะเขา และบอกว่าเขาเรียนหนังสือมากมายมาโดยเปล่าประโยชน์ เขาเป็นเพียงความอัปยศสำหรับบัณฑิต

กู้ฉวนลู่เป็นนักวิชาการ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเกียรติมีความสำคัญมากกว่าชีวิตสำหรับพวกเขา ยิ่งคำพูดน่าเกลียดมากเท่าไร กู้ฉวนลู่ก็ยิ่งรำคาญมากขึ้นเท่านั้น และความเกลียดชังที่มีต่อกู้เสี่ยวหวานก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

เขาแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะฆ่ากู้เสี่ยวหวานทั้งเป็น เพื่อให้ใบหน้าที่เย่อหยิ่งและจองหองของนางไม่ปรากฏขึ้นต่อหน้าตนอีก

——————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด