ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 388 เดิมพันอีกครั้ง

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 388 เดิมพันอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 388 เดิมพันอีกครั้ง

บทที่ 388 เดิมพันอีกครั้ง

เป็นเรื่องยากสำหรับฉินเย่จือที่จะได้เห็นท่าทางที่ดุดันและแข็งแกร่งของกู้เสี่ยวหวาน มันทำให้เขากลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ได้จริง ๆ

ใบหน้าอันไร้ที่ติภายใต้หน้ากากอันน่าเกลียด คิ้วของเขาโค้งขึ้น ดวงตาเปรียบเหมือนดวงดาวที่ส่องสว่างบนท้องฟ้ายามราตรี

ความงามอันละเอียดอ่อนเหล่านั้นจะมีนิสัยเหมือนลูกแมวป่าตัวน้อยได้อย่างไร

ท่าทางที่ดุร้ายนี้ก็เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของคนรอบข้าง และตัวนางเอง ช่างน่ารักและน่านับถือ

ถ้ากู้จือเหวินรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานเขียนตัวอักษรได้สวยแค่ไหน เกรงว่าเขาคงจะวิ่งชนกำแพงตาย

เส้นเลือดสีเขียวบนหน้าผากของกู้จือเหวินปูดโปน เขากำหมัดแน่นราวกับว่ากำลังจะพุ่งเข้าไปทุบกู้เสี่ยวหวาน

สวีเฉิงเจ๋อกังวลเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงมอบกู้เสี่ยวอี้ให้กับกู้หนิงอัน แล้วไปยืนข้างกู้เสี่ยวหวาน หากกู้จือเหวินต้องการจะพุ่งใส่ เขาก็สามารถต้านทานได้ชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อฉินเย่จือที่เห็นความตั้งใจของชายผู้นั้น เขาก็ยังไม่ลืมที่จะหยอกล้อ “เหตุใดร่างเล็กที่สามารถปลิวไปตามลมได้จึงอยากมาช่วยกันนะ?” ฉินเย่จือสวมหน้ากากทำให้เสียงของแผ่วเบาลง แต่กู้ซินเถาซึ่งอยู่ไม่ไกลก็ได้ยินเสียงของเขา

เมื่อได้ยินว่าเสียงนั้นเป็นเสียงที่นางได้ยินในรถม้าในวันนั้น กู้ซินเถาก็รู้สึกตื่นเต้น และเมื่อเห็นฉินเย่จือ นางก็มีความสุขจนกล่าวอะไรไม่ออก คนผู้นี้เรือนผมสีดำราวกับหมึก ไม่รู้หน้าตาจริง ๆ ของคนผู้นี้เป็นเช่นไร แต่เมื่อมองแค่ร่างของเขาก็ทำให้รู้สึก…

กู้ซินเถามองฉินเย่จืออย่างเคลิบเคลิ้ม ฉินเย่จือมีสัญชาตญาณที่เฉียบแหลม เมื่อรู้สึกว่ามีคนกำลังมองมาที่ตน เขาจึงจ้องไปที่กู้ซินเถาทันที เมื่อกู้ซินเถาเห็นว่าสายตาของฉินเย่จือจดจ้องมาที่ตนเอง นางจึงคิดว่าตนได้ดึงดูดความสนใจของฉินเย่จือเข้าให้แล้ว เมื่อนางพยายามแสดงรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ที่สุด ฉินเย่จือก็ส่งสายตาที่เย็นยะเยือกราวกับจะทำให้คนแข็งตายได้ไปยังกู้ซินเถา กู้ซินเถารู้สึกว่าหัวใจของนางเริ่มจมดิ่ง และร่างกายก็หนาวเย็นไปทั้งตัว

กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วและหันกลับมามองหน้ากู้ซินเถากับกู้จือเหวินสลับกัน เส้นเลือดสีเขียวที่คอของกู้จือเหวินใกล้แตกออก และเขามองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างโกรธจัด ขณะกู้ซินเถาที่อยู่ด้านข้างมีดอกท้ออยู่ในดวงตาของนางและไม่ได้สังเกตถึงบรรยากาศอันตึงเครียดนี้เลย

กู้เสี่ยวหวานมองตามสายตาของกู้ซินเถา จึงพบว่ากู้ซินเถากำลังมองไปที่ฉินเย่จือ ในใจของนางก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาและคิดว่าฉินเย่จือคงจะถอดหน้ากากออก แต่เมื่อนางหันไปมองก็พบว่าฉินเย่จือยังคงสวมหน้ากากที่น่าเกลียดที่สุดที่นางใส่ไว้บนใบหน้าของเขาอยู่

เกิดอะไรขึ้น ฉินเย่จือสวมหน้ากากที่น่าเกลียดขนาดนี้ เขาทำให้กู้ซินเถาหลงใหลเช่นนั้นได้อย่างไร?

เป็นไปได้หรือไม่ว่า กู้ซินเถากำลังมองสวีเฉิงเจ๋อที่อยู่ด้านข้าง?

ทั้งสวีเฉิงเจ๋อและฉินเย่จือต่างก็อยู่ใกล้กับกู้เสี่ยวหวานมาก นางจึงไม่รู้ว่ากู้ซินเถากำลังมองใครอยู่!

เมื่อสวีเฉิงเจ๋อได้ยินฉินเย่จือล้อเลียนเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น เขาจ้องเขม็งไปที่ฉินเย่จืออย่างโกรธจัด แต่เขาไม่แสดงออกใด ๆ เพราะสายตาของเขาแสดงออกแทนไปแล้ว

ฉินเย่จือหันศีรษะของเขาอย่างเย็นชาและมองไปที่กู้จือเหวินซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปอย่างระแวดระวังราวกับว่าเขาไม่ใช่คนที่ล้อเลียนสวีเฉิงเจ๋อเมื่อสักครู่

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูด และมองตรงไปที่กู้จือเหวินอย่างไม่หวาดกลัว

แม้ว่าในขณะนี้กู้จือเหวินจะเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เขาไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น เขาสูดลมหายใจลึก ๆ และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แต่มันทำให้ผู้คนรู้สึกมืดมนเล็กน้อย “ในเมื่อเจ้าต้องการให้เดิมพันนี้รุนแรงขึ้น เช่นนั้น กู้เสี่ยวหวาน ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าต้องคลานเหมือนสุนัข… คลาน… สาม… รอบ”

สองสามคำถัดมา กู้จือเหวินกล่าวเน้นทีละคำ และหลังจากที่เขากล่าวจบ เขาก็จ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยดวงตาคู่หนึ่งราวกับงูพิษ แสดงท่าทางดุร้ายราวกับงูที่กำลังจะพ่นพิษออกมา เขาแทบรอไม่ไหวที่จะฆ่านางทันที!

กู้จือเหวินกัดฟันและกล่าวออกไป เมื่อทุกคนได้ยินก็เกิดความโกลาหลขึ้น!

“คราวนี้เล่นใหญ่แล้ว คนหนึ่งให้เห่า อีกคนให้คลาน แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว!”

“นายน้อย… การเดิมพันเช่นนี้…” จ้าวเซิงกล่าวเพื่อเกลี้ยกล่อมกู้จือเหวิน “เดิมพันเช่นเดียวกับแม่นางกู้ก็เพียงพอแล้ว”

แค่เห่าสามครั้ง บางทีทุกคนอาจจะแค่หัวเราะ หลังจากดื่มชาและอาหารเย็น ไม่นานพวกเขาก็จะลืมมันไป

แต่มันโหดร้ายเกินไปที่จะให้ผู้หญิงคลานเหมือนสุนัข!

นี่เป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงของครอบครัวหญิงสาว!

แต่กู้จือเหวินเพิกเฉยต่อจ้าวเซิง เขามองกู้เสี่ยวหวานอย่างชั่วร้ายและกล่าวว่า “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าเห็นด้วยหรือไม่ หรือเจ้ากลัวอย่างนั้นหรือ? ฮ่า ๆ ถ้าเจ้ากลัวก็ขอโทษข้ามาซะดี ๆ ข้าก็จะจะปล่อยเจ้าไป!”

กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างเย็นชา นางยิ้มอย่างหยิ่งผยองให้กู้จือเหวิน

นางไม่กลัวกู้จือเหวินเลย แค่รู้สึกว่าเขาไปเอาความมั่นใจว่านางจะแพ้เขามาจากไหน? คลานเหมือนสุนัข? นางรู้สึกเสียเปรียบกู้จือเหวินและอยากกล่าวออกมา

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กู้เสี่ยวหวานก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “กู้จือเหวิน ข้ายังไม่ได้เริ่มเขียนเลย แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะแพ้ ได้! ถ้าแพ้จะต้องคลานเหมือนสุนัขอย่างนั้นหรือ ได้! ข้าผู้นี้จะทำเอง!”

กู้เสี่ยวหวานสวมชุดสีน้ำตาลอ่อนในวันนี้พร้อมกับเสื้อคลุมกันหนาวสีแดง ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน นางมองกู้จือเหวินที่อยู่ตรงข้ามโดยไม่แสดงท่าทีอ่อนแอ หลังของนางเหยียดตรง เชิดศีรษะสูง และใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมั่นใจ ลมกระโชกแรงพัดผ่านชุดของนาง แต่นางยังคงยืนนิ่งและยิ้มราวกับว่า ในโลกนี้นางจะเป็นเพียงคนเดียวที่มีความมั่นใจและความเย่อหยิ่งของนางจะทำให้ทุกคนเคารพนับถือ

หากเวลาผ่านไปอีกหลายปี เมื่อคนอื่นพูดถึงค่ำคืนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในความทรงจำของพวกเขาคงจะดูเลือนลาง ยกเว้นว่าผู้หญิงที่ชุดพลิ้วไหวตามสายลมจะอยู่ในความทรงจำและคงอยู่ต่อไปอีกนาน

เมื่อเห็นความมั่นใจในตนเองของกู้เสี่ยวหวาน จ้าวเซิงก็รู้สึกโล่งใจและยิ้มอย่างจริงใจ “เอาล่ะ เนื่องจากท่านทั้งสองคนได้ตัดสินใจแล้ว วันนี้ข้าจะทำการทดสอบ ไม่ว่าผู้ใดแพ้หรือชนะ จะต้องรักษาสัญญา! พวกเจ้าไปเอาพู่กัน หมึก กระดาษ และหินฝนหมึกมา!”

ผ่านไปครู่หนึ่ง คนรับใช้ก็นำโต๊ะที่มีสมบัติทั้งสี่ของการศึกษา*[1]มา

จ้าวเซิงชี้และกล่าวว่า “ท่านทั้งสองคน ทุกอย่างพร้อมแล้ว พวกท่านจะแข่งขันกันอย่างไร?”

กู้จือเหวินหัวเราะเย้ยหยันอย่างเย็นชา “ข้าไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับนาง นางแค่ต้องเขียนปริศนาทั้งหมดที่เห็นเมื่อครู่ ต้องเขียนไม่ให้ขาดแม้สักตัวเดียว เช่นนั้นจึงจะถือว่าเจ้าชนะ!”

*[1] พู่กัน หมึก กระดาษ และหินฝนหมึก

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *