ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 355 ฟันหัก

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 355 ฟันหัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 355 ฟันหัก

บทที่ 355 ฟันหัก

“อ่า…” กู้ซุ่นสีร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด กุลีกุจอคายอาหารในปากออกมาทั้งหมด เลือดไหลทะลักออกมาจากปากของเขา

กู้ถิงถิงตกใจและเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “ซุ่นสี เจ้าเป็นอะไรไป?”

“อ่า…” กู้ซุ่นสีร้องออกมาเสียงดัง เลือดในปากไหลออกมาตามน้ำลาย เขาถ่มเลือดลงพบพื้น และพบว่ามีฟันซี่หนึ่งหลุดออกมาด้วย

“ท่านพี่ ฟันข้าหลุด” กู้ซุ่นสีทั้งเจ็บปวดและหวาดกลัว

“มีก้อนหินอยู่ในข้าว … ”

กู้ถิงถิงเขี่ยอาหารด้วยมือของนางอย่างเร่งรีบ และพบก้อนหินอีกจำนวนหนึ่ง

ดูเหมือนว่ากู้ซุ่นสีคงจะรีบกินและกัดเข้าไปเต็มแรง ฟันของเขาจึงกระแทกกับก้อนหินและทำให้ฟันของเขาแตก

ว่าแต่เหตุใดถึงมีก้อนหินจำนวนมากในอาหาร?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู้ถิงถิงก็หันไปมองบ้านปีกตะวันตกอย่างโกรธเคือง

กู้ซินเถาและซุนซื่อก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของกู้ซุ่นสี แม่และลูกสาวจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร พวกนางมองหน้ากันและยิ้มอย่างสะใจ

“พวกท่านออกมาเดี๋ยวนี้ ออกมา เอาก้อนหินใส่ในข้าวเพื่ออะไรกัน น้องชายของข้าฟันหัก เลือดไหลออกเต็มไปหมดแล้ว!” กู้ถิงถิงทั้งกังวลและไม่พอใจ นางมุ่งไปยังบ้านปีกตะวันตกและทุบประตูอย่างแรง

ซุนซื่อลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู และกล่าวอย่างชั่วร้ายว่า “เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?ใครเอาก้อนหินใส่อาหารกัน? ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าเมตตาให้อาหารแก่เจ้า แต่เจ้าก็ยังมากล่าวหาข้าผิด ๆ เช่นนี้อีก รีบไสหัวไป…”

ด้วยแรงของซุนซื่อ กู้ถิงถิงถูกผลักลงกับพื้น นางทั้งผอมและอ่อนแออยู่แล้ว อีกทั้งเวลานี้ไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน ร่างกายที่ทั้งอ่อนแอและไม่มีเรี่ยวแรง ทันทีที่ถูกซุนซื่อผลัก เด็กหญิงก็ล้มลงกับพื้นทันที

“ท่านป้า… ป้า…” กู้ถิงถิงชี้ไปที่ซุนซื่อ โดยไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้ ภายในห้อง กู้ซุ่นสียังคงส่งเสียงร่ำไห้

ซุนซื่อกอดอกแล้วกล่าวอย่างเฉยเมย “พ่อแม่ไม่สนใจพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว ข้ามีเจตนาที่ดี แต่กลับกลายเป็นเครื่องในของลาไปแล้ว*[1] รีบไสหัวไปเถอะ อย่ามารบกวนเราอีก” หลังจากกล่าวจบ นางก็กระแทกประตูลงอีกครั้ง

กู้ถิงถิงมองไปยังห้องที่ปิดสนิทด้วยความขุ่นเคือง ภายในมีเสียงหัวเราะเย้ยหยันดังออกมา นอกจากนี้ยังมีเสียงร้องไห้ที่น่าสังเวชของกู้ซุ่นสีอีก กู้ถิงถิงจึงลุกวิ่งเข้าไปในห้องทันที นางร้องห่มร้องไห้และกล่าวอย่างเป็นทุกข์ “ซุ่นสี ไปกันเถอะ ไปหาพี่เสี่ยวหวาน ไปหาพี่เสี่ยวหวานกันเถอะ!”

กู้ถิงถิงรู้ว่าแม่ของนางเคยทำสิ่งเลวร้ายกับกู้เสี่ยวหวานมาก่อน ดังนั้นนางจึงกลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะมีอคติต่อนาง นางจึงไม่เคยไปหากู้เสี่ยวหวานเลย

นางไปขอความช่วยเหลือจากทุกคนในหมู่บ้าน หากแต่ก็ไม่มีผู้ใดยื่นมือเข้ามาช่วย

แม้แต่ผู้เป็นป้าสะใภ้ก็ยังมาล้อเลียน และใส่ร้ายพวกเขาสองพี่น้อง

กู้ซุ่นสีกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ปากของเขาอาบไปด้วยเลือดแดงสด กู้ถิงถิงที่อยู่ในอาการตื่นตระหนกจึงคิดถึงกู้เสี่ยวหวานขึ้นมา ไม่ว่าอย่างไรตนเองก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของนางด้วย ดังนั้นนางคงไม่เห็นคนใกล้ตายแล้วไม่ช่วยหรอก!

กู้ถิงถิงลากกู้ซุ่นสีวิ่งไปทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน กู้ซุ่นสีวิ่งไปร้องไห้ไป เขาร้องไห้อย่างน่าเวทนา และยังคงมีเลือดไหลออกจากปาก ซึ่งเป็นภาพที่น่าสังเวชอย่างยิ่ง

กู้ถิงถิงมีสภาพที่ดูไม่ดีนัก ด้วยใบหน้าที่ผอมบาง น้ำมูกและน้ำตาไหล นางพากู้ซุ่นสีไปทางทิศตะวันตกสุดของหมู่บ้าน ไปที่บ้านของกู้เสี่ยวหวาน!

ภายในบ้านเพิ่งทานอาหารเสร็จและกำลังเก็บกวาดโต๊ะ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้มาจากนอกประตู

“หือ? นี่ลูกใครกำลังร้องไห้กัน?” กู้เสี่ยวหวานเดินออกจากบ้าน ออกไปข้างนอก และมองดูอย่างสงสัย

ครั้นเห็นกู้ถิงถิงที่มีเนื้อตัวสกปรกกำลังลากกู้ซุ่นสีมา เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานอยู่หน้าประตู กู้ถิงถิงก็ตะโกนเสียงดังว่า “พี่เสี่ยวหวาน พี่เสี่ยวหวาน!”

กู้เสี่ยวหวานไม่เคยเห็นกู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสีมีสภาพเช่นนี้มาก่อน

เด็กทั้งสองผอมซูบเหมือนไม้ขีดไฟ หน้าซีดเหมือนผัก ร่างกายสกปรกราวกับไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน

เมื่อมองไปที่กู้ซุ่นสีอีกครั้ง เลือดยังคงไหลออกจากปากของเขา ใบหน้าข้างหนึ่งบวมเป่ง และเขาก็ร้องไห้อย่างหนัก

กู้เสี่ยวหวานตกใจ รีบเปิดประตูลานบ้านและเดินไปหาพวกเขา “ถิงถิง ซุ่นสี พวกเจ้าเป็นอะไร?”

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังเอ่ยถามตนเองด้วยสีหน้าเป็นกังวล นางก็รู้สึกเศร้าในใจและร้องไห้ออกมา “พี่เสี่ยวหวาน น้องชายของข้าถูกหินกระแทกฟันหลุด!”

เมื่อเห็นว่าเลือดยังคงไหลออกจากปากของกู้ซุ่นสี กู้เสี่ยวหวานก็รีบกล่าวว่า “ไปกันเถอะ ไปที่บ้านของหมอหม่า!”

หลังจากที่นางพูดจบ นางก็จูงมือกู้ถิงถิงด้วยมือข้างหนึ่งและจูงกู้ซุ่นสีด้วยมืออีกข้าง แล้วไปที่บ้านของหมอหม่า

นางไม่สนใจกลิ่นเหม็นบนตัวของเด็กสองคนเลยแม้แต่นิดเดียว

เมื่อไปถึงบ้านหมอหม่า หมอหม่าก็ตรวจดูและสั่งยาเพื่อบรรเทาอาการปวด

ฟันซี่นี้โดนหินกระแทกอย่างแรง มันต้องเจ็บปวดขนาดไหนกัน!

โชคดีที่กู้ซุ่นสียังเด็ก และในอนาคตฟันชุดใหม่ก็จะขึ้น ปัญหาจึงไม่ใหญ่มาก

เมื่อเห็นว่าหมอหม่าสั่งยาและบอกว่าฟันจะงอกออกมาใหม่ในอนาคต กู้เสี่ยวหวานก็โล่งใจ

กู้ซุ่นสีดีใจที่เห็นว่าตัวเขาไม่เป็นไรแล้ว ดังนั้นเขาจึงหยุดร้องไห้

หลังจากออกมาจากบ้านของหมอหม่า เดิมทีกู้เสี่ยวหวานต้องการส่งพวกเขากลับบ้าน แต่กู้ถิงถิงขืนตัวอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมา “พี่เสี่ยวหวาน พวกเราหิวข้าว พี่มีอะไรให้พวกข้ากินไหม?”

หลังจากที่กล่าวจบ ท้องของพวกเขาก็ร้องครวญคราง

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าใบหน้าเด็กทั้งสองซีดเซียว คาดว่าพวกเขาคงไม่ได้กินอาหารอย่างเหมาะสมช่วงนี้ นางจึงสงสัยว่ากู้ฉวนโซ่วและภรรยาของเขาหายไปไหน เด็กสองคนนี้เนื้อตัวสกปรก คงเป็นเพราะไม่ได้อาบน้ำมานาน ไม่เช่นนั้นจะมีเนื้อตัวสกปรกเช่นนี้ได้อย่างไร

แต่กู้เสี่ยวหวานไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากนัก และพาเด็กทั้งสองคนกลับเข้าไปในบ้านของนาง

ที่บ้านยังมีอาหารเหลืออยู่ในครัว ซึ่งทั้งหมดยังร้อนอยู่ กู้เสี่ยวหวานนำอาหารออกมาวางบนเตา เด็กทั้งสองจึงกินมันด้วยความหิวโหย

คาดว่ากู้ซุ่นสีเพิ่งสูญเสียฟัน เขายังคงมีท่าทีงุ่มง่ามเล็กน้อย หลังจากข้าวเข้าปาก เขาเคี้ยวมันสองสามครั้งแล้วกลืนมันลงไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นวิธีที่ทั้งสองคนกิน กู้เสี่ยวหวานก็รีบร้องออกมา “พวกเจ้ากินช้าหน่อยเถอะ เดี๋ยวจะสำลักเอา”

นางเติมข้าวหนึ่งชาม มอบให้สองพี่น้องอีกครั้ง แล้วออกจากห้องครัวไป

กู้หนิงอันและคนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องใหญ่ก็ได้ยินการเคลื่อนไหว จึงออกมาดูเหตุการณ์ตรงหน้า

*[1] เจตนาที่ดีกลายเป็นเครื่องในของลาไปแล้ว หมายถึง มีเจตนาที่ดีช่วยเหลือผู้อื่น แต่อีกฝ่ายกลับเข้าใจผิดว่านี่คือเจตนาที่ไม่ดี

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *