ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 146 มาร้านขายผ้าอีกครั้ง

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 146 มาร้านขายผ้าอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 146 มาร้านขายผ้าอีกครั้ง

บทที่ 146 มาร้านขายผ้าอีกครั้ง

กู้เสี่ยวหวานพากู้เสี่ยวอี้ออกจากสำนักศึกษาและตรงไปที่ร้านขายผ้าจี๋เสียง ตอนนี้สองพี่น้องกู้หนิงอันและกู้หนิงผิงมีเสื้อผ้าให้ผลัดเปลี่ยนเพียงหนึ่งชุด ไม่สะดวกต่อการเรียนข้างนอก จึงต้องเตรียมชุดไว้อีกเพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนซัก

สองพี่น้องมาถึงประตูทางเข้าของร้านขายผ้าจี๋เสียง หน้าลานของร้านขายผ้าเต็มไปด้วยเศษกระดาษจากการจุดประทัด ดูเหมือนว่าเมื่อสักครู่ที่นี่ก็มีการจุดประทัดเช่นกัน

บางทีอาจเพราะยังเช้าอยู่ จึงไม่มีแขกอยู่ในร้านขายผ้า

พี่ฝูกำลังยุ่งอยู่ในร้านขายผ้า เนื่องจากมีผ้าชนิดใหม่เข้ามา พี่ฝูจึงค่อนข้างยุ่ง

“พี่ฝู!” กู้เสี่ยวหวานเข้ามาที่ประตูและพูดอย่างไพเราะว่า “สวัสดีปีใหม่เจ้าค่ะ!”

“สวัสดีปีใหม่ สวัสดีปีใหม่!” ทันทีที่พี่ฝูหันกลับมา นางก็เห็นกู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ข้างหลังพร้อมกับเด็กหญิงตัวเล็ก จึงรีบตอบกลับอย่างกระตือรือร้น วางของในมือลงแล้วมาทักทาย

“ไม่เลวเลย สวมเสื้อผ้าใหม่แล้ว เจ้าดูเหมือนลูกสาวของครอบครัวร่ำรวยทีเดียว!” พี่ฝูมองกู้เสี่ยวหวานจากบนลงล่าง ไม่ได้เจอกันเกือบครึ่งเดือน และนางดูดีขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่มามาก

คราวที่แล้วเด็กหญิงดูผอมแห้งราวกับไม้ขีดไฟ แต่คราวนี้ใบหน้ากลับอิ่มเอิบเปล่งปลั่ง สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ แม้เสื้อผ้าจะถูกตัดเย็บจากผ้าราคาถูกเนื้อหยาบ ทว่ากิริยาของนางกลับสวนทางกันโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนไม่ใช่เด็กหญิงจากชนบท แต่ดูเหมือนเป็นเด็กที่เกิดในเมืองมากกว่า

ส่วนเด็กหญิงหน้าตาไร้เดียงสาที่อยู่ข้าง ๆ นางก็มีใบหน้าอ้วนกลม แก้มแดงระเรื่อ มองแล้วดูดีอย่างมาก มีเชือกถักสีแดงห้อยอยู่บนตัวของนางราวกับตุ๊กตาออกมาจากรูปปีใหม่

พี่ฝูอดไม่ได้ที่จะนั่งยอง ๆ จับมือกู้เสี่ยวอี้และชื่นชมอย่างจริงใจ “เด็กคนนี้น่ารักมาก เหมือนตุ๊กตาในรูปปีใหม่ สวยมากจริง ๆ!”

กู้เสี่ยวอี้ไม่เคยได้รับคำชมเช่นนี้มาก่อน และไม่เคยมีคนนอกเข้าใกล้นางมากเท่ากับพี่ฝู เด็กน้อยจึงรู้สึกเขินอาย ถึงกับกระถดถอยหลังกลับไปกอดขาของกู้เสี่ยวหวานด้วยความประหม่าและซ่อนตัวอยู่ข้างหลังผู้เป็นพี่สาว ทำให้เบื้องหลังของกู้เสี่ยวหวานมีเพียงดวงตากลมโตคู่หนึ่งที่โผล่ให้เห็นเป็นครั้งคราว

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของกู้เสี่ยวอี้ พี่ฝูก็หัวเราะ “เด็กคนนี้กลัวข้าอย่างนั้นหรือ?”

“พี่ฝู อย่าใส่ใจเลยเจ้าค่ะ น้องสาวของข้าไม่เคยออกมาข้างนอกมาก่อน และไม่มีใครใกล้ชิดกับนางขนาดนี้ ข้าเกรงว่านางอาจจะกลัวคนแปลกหน้านิดหน่อย อย่าใส่ใจเลยเจ้าค่ะ!” กู้เสี่ยวหวานอธิบายอย่างรวดเร็ว

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!” พี่ฝูโบกมือไปมา และพูดแผ่วเบา “เด็กคนนี้แค่มองก็ชอบแล้ว! หลังจากรู้จักกันแล้วก็คงคุ้นเคยกันมากขึ้น!”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและยิ้ม แล้วจับมือกู้เสี่ยวอี้ไปที่หน้าโต๊ะ

“เสี่ยวหวาน วันนี้เจ้ามาที่นี่เพื่อซื้อของหรือ? พวกเจ้ารอข้าที่นี่ก่อน ข้าไปไม่นานประเดี๋ยวกลับมา” หลังจากถามแล้วพี่ฝูเดินไปที่หลังโต๊ะ และก็เดินไปที่สวนหลังบ้าน

เมื่อเห็นพี่ฝูออกไปข้างนอก กู้เสี่ยวหวานก็คิดว่านางกำลังจะออกไปทำสิ่งต่าง ๆ ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรและมองดูผ้าที่อยู่ข้างหน้าเงียบ ๆ และวางแผนเลือกผ้าสองสีสำหรับตัดเสื้อผ้าให้กู้หนิงอันและกู้หนิงผิง

กู้เสี่ยวหวานยังคงเฝ้าดูอยู่ เมื่อพี่ฝูยกม่านขึ้นหลังออกจากเรือนหลังร้าน นางก็ถือของบางอย่างอยู่ในมือและออกมาจากด้านหลังโต๊ะ ก้มลงและยื่นของในถาดให้กู้เสี่ยวอี้พลางเอ่ยเกลี้ยกล่อม “เด็กดี นี่สำหรับวันส่งท้ายปีเก่า กินลูกกวาดมงคลกับขนมสักชิ้นสิ!”

จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็มองเห็นได้ชัดเจน บนถาดมีขนมสองสามชิ้นและลูกกวาดสองสามอัน นี่คือความหรูหราอย่างหนึ่ง พวกเขาไม่เคยกินขนมพวกนี้ที่บ้านเลยในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา

เด็ก ๆ ชอบกินขนม และกู้เสี่ยวอี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น นางมองดูขนมแสนอร่อยบนถาดและลอบกลืนน้ำลาย แต่แทนที่จะเอื้อมมือไป กลับถอยหลังสองก้าวและมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน ดวงตาวาววับของนางดูเหมือนจะถามความคิดเห็นของพี่สาวตน

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวอี้เป็นเช่นนั้น พี่ฝูก็แอบชื่นชม

หากเป็นเด็กน้อยของบ้านอื่น เวลาเห็นขนมอย่างลูกกวาดก็คงอยากจะหยิบของทั้งหมดยัดใส่กระเป๋า แต่เด็กน้อยคนนี้ดูเหมือนอยากกินแต่ก็ไม่กล้าหยิบเอาไว้ พี่ฝูเห็นแล้วจึงชอบใจมากขึ้นไปอีก

“ถ้าเจ้าอยากกินก็หยิบไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ!” กู้เสี่ยวหวานลูบหัวของกู้เสี่ยวอี้ และพูดด้วยความเอ็นดู

กู้เสี่ยวอี้พยักหน้า หากแต่ยังไม่เอื้อมไปหยิบและพูดก่อนว่า “ขอบคุณเจ้าค่ะพี่ฝู!” หลังจากนั้นนางก็เอื้อมมือไปหยิบขนมจากถาดอย่างระมัดระวัง

หลังกู้เสี่ยวอี้หยิบลูกกวาดมาแล้ว นางก็ไม่ได้กินในทันที กลับยื่นให้กู้เสี่ยวหวานและกล่าวว่า “ท่านพี่ ท่านกินก่อน!”

“เด็กโง่ ที่พี่ฝูก็ยังมีอยู่ เจ้ากินเองเถอะ!” พี่ฝูเห็นเด็กตัวเล็กเป็นเช่นนั้น นางก็รู้สึกซาบซึ้งและถอนหายใจ

เสี่ยวอี้เห็นว่าพี่สาวของนางพยักหน้านางก็เริ่มกิน ทันทีที่กัดมัน ใบหน้าของเด็กน้อยก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และรู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวาน

“เจ้าสอนน้องดีมาก!” พี่ฝูพูดด้วยอารมณ์เมื่อมองดูท่าทางที่มีเหตุผลของกู้เสี่ยวอี้

“ลูกคนจนมักจะต้องจัดการเรื่องในบ้านตั้งแต่ยังเล็กน่ะเจ้าค่ะ!” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยอารมณ์ “พ่อกับแม่ของข้ามาด่วนจากไปเร็วเสียก่อน และเราสี่คนต้องพึ่งพาอาศัยกัน”

เข้าใจแล้ว! พี่ฝูตระหนักในทันใด และมองดูกู้เสี่ยวหวานด้วยความสงสารมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าไม่เป็นอะไร หลังจากอยู่ที่นี่มานานนางก็ปรับตัวเข้ากับชีวิตโดยปราศจากผู้ใหญ่ได้แล้ว ในทางตรงกันข้าม นางรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้แย่นัก

กู้เสี่ยวหวานไม่คิดมาก ชี้ไปที่ผ้าสีน้ำเงินผืนหนึ่งแล้วพูดว่า “พี่ฝู ขยายเสื้อผ้าจากครั้งที่แล้วให้ใหญ่ขึ้นสักหน่อยนะเจ้าคะ เพื่อน้องชายสองคนของข้า! ช่วงปีใหม่นี้พวกเขากินจนอ้วนแล้ว!”

“ตกลง ทำไมเจ้าไม่พาน้องชายสองคนมาด้วยล่ะ?”

“วันนี้พวกเขาเข้าสำนักศึกษาวันแรก และข้าไปส่งพวกเขาที่นั่น”

“จริงหรือ?” พี่ฝูแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าเด็กทั้งสองไปสำนักศึกษา “เจ้าส่งน้องชายทั้งสองคนไปสำนักศึกษาหรือ?”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ น้องชายของข้าทั้งสองไม่เด็กแล้ว และเขาก็ชอบอ่านหนังสือ ดังนั้นข้าจึงส่งพวกเขาไปที่นั่น”

“ยากนัก!” พี่ฝูมองกู้เสี่ยวหวานด้วยความชื่นชมมากขึ้นหลังจากได้ยินเรื่องนี้

ในครอบครัวที่มีเงินเพียงเล็กน้อย จึงไม่สามารถส่งเด็กทั้งสองไปเรียนได้ ไม่ต้องพูดถึงกู้เสี่ยวหวานที่เลี้ยงดูครอบครัวคนเดียว

………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เสี่ยวอี้น่ารัก พี่สาวสอนมาดีมากเลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *