ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 863 ทั้งหมดสารภาพ

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 863 ทั้งหมดสารภาพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 863 ทั้งหมดสารภาพ

บทที่ 863 ทั้งหมดสารภาพ

กู้เสี่ยวหวานเป็นเพียงเด็กหญิง นางจะมีความคิดโหดร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร ท่าทางของเฉียนเหล่าซานจึงกลับมาโหดร้ายอีกครั้ง “สาวน้อย เจ้ากล้าหลอกข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถฆ่าเจ้าได้” เฉียนเหล่าซานตะเกียกจะกายลุกขึ้นจากพื้น

อาโม่รุดขึ้นหน้าฉับไว เฉียนเหล่าซานไม่ได้ป้องกันตัวเพราะไม่คิดว่าอาโม่จะมีทักษะเช่นนี้ ดังนั้นร่างกายจึงซวนเซล้มลงกลับพื้นอีกครั้ง

และล้มลงตรงหน้าของกู้เสี่ยวหวาน

เฉียนเหล่าซานล้มลงกันแทกพื้น เขากัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด เดิมทีตอนที่เขาอยู่ในโกดังเมื่อครู่นี้ เฉียนเหล่าซานถูกทุบตีไปแล้ว จมูกของเขาบวมช้ำ ใบหน้าบวมเป่ง ตอนนี้เมื่อถูกผลักล้มลงกับพื้นอีกครั้ง เขารู้สึกเหมือนร่างกายและกระดูกในร่างกายกำลังจะแตกหัก

“โอ๊ย โอ๊ย!” เฉียนเหล่าซานร้องคร่ำครวญอยู่บนพื้นไม่หยุด มองดูแล้วดูน่าสังเวชยิ่งนัก

ป้าจางมองท่าทางเช่นนั้นของเฉียนเหล่าซาน และตะคอกอย่างเย็นชา “เฉียนเหล่าซาน มันเทศล่ะ เจ้าเอามันเทศของข้าไปขายที่ไหน?”

“มันเทศอะไร” เฉียนเหล่าซานรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แต่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้จับเขาเพราะเรื่องนี้ ดังนั้นจึงตะโกนเสียงดัง “มันเทศอะไร ข้าไม่รู้ว่ามันเทศคืออะไร”

“ไม่รู้หรือ?” ป้าจางขมวดคิ้วและอดไม่ได้ที่จะเตะเฉียนเหล่าซาน “ไม่รู้ว่ามันเทศคืออะไร แล้วคืนนี้เจ้ามาขโมยอะไร”

เฉียนเหล่าซานปฏิเสธที่จะยอมรับและพูดด้วยน้ำเสียงดื้อรั้น “ข้าไม่รู้ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าจะมาขโมยอะไรคืนนี้ ข้ารู้แค่ว่ามีอาหารมากมายในโกดังจึงอยากจะขโมยไปขาย และจะได้เงิน มา”

“เจ้าพูดไร้สาระอะไร ถ้าไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน เจ้าจะขโมยมันทำไม” ป้าจางพูดด้วยอารมณ์คุกรุ่น

“ข้าไม่สนใจว่ามันคืออะไร ตราบใดที่มันขายได้เงินและสามารถกินได้ มันล้วนเป็นสิ่งที่ดี” เฉียนเหล่าซานเยาะเย้ย

อารมณ์โกรธป้าจางร้อนระอุจนแทบจะระเบิดออกมา

ด้วยข้อเท็จจริงที่อยู่ตรงหน้าเขา เฉียนเหล่าซานต้องเป็นคนที่ขโมยมันเทศในครั้งแรกแน่

แต่เขาไม่ยอมรับมัน

ป้าจางโกรธมาก แต่เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเฉียนเหล่าซานไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา นางก็คลี่ยิ้มออกมา

ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานคลี่ยิ้ม เฉียนเหล่าซานก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย “เจ้ายิ้มอะไร”

กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจอีกฝ่าย แต่หันไปมองอาโม่และพูดอย่างเย็นชาว่า “ให้เขาเข้ามา”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายปรากฏตัว เฉียนเหล่าซานก็ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความประหลาดใจ

ปรากฏว่าหลังจากเฉียนเหล่าซานและหลิวชิงซานได้รู้จักกัน ทั้งสองเสียเงินในบ่อนพนัน ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงคิดว่าจะหาเงินได้อย่างไร

ทั้งสองคนไม่ใช่คนดีนัก เนื่องจากตอนนี้พวกเขาไม่มีเงิน พวกเขาไม่คิดถึงการทำงาน เอาแต่ใช้ความคิดที่คดโกง และพุ่งเป้าหมายในครั้งนี้ไปยังกู้เสี่ยวหวาน

บังเอิญว่าพวกเขาทั้งสองคนเอ่ยชื่อกู้เสี่ยวหวานขึ้นมาพร้อมกัน และทำให้รู้ว่าพวกเขาต่างรู้จักกู้เสี่ยวหวาน ทั้งคู่ได้รับทุกข์เรื่องที่ตนเองโดนทรมานเพราะเด็กหญิง ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนชั่วร้ายขึ้นมา

ทั้งสองร่วมมือกันและกลายเป็นสหายกันในที่สุด ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโกดังเก็บธัญพืชของกู้เสี่ยวหวาน

หลิวชิงซานรู้ว่าสิ่งนี้มีรสชาติดี ดังนั้นจึงคิดที่จะขโมยมันออกมา เขาจะสามารถแลกเปลี่ยนมันได้เป็นเงินจำนวนมาก ดังนั้นจึงขโมยไปได้หลายร้อยกระสอบ

เนื่องจากโกดังบริเวณเชิงเขามีหน้าต่างเพียงสี่บาน และความสูงของมันก็ค่อนข้างมาก จึงไม่สามารถเรียกว่าหน้าต่างได้ สูงจนแม้แต่เด็กก็ไม่สามารถปีเข้าไปได้ อย่างมากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นแค่ช่องระบายอากาศ

ประตูโกดังเป็นประตูไม้หนาทึบพร้อมกับลงกลอนและคล้องแม่กุญแจขนาดใหญ่ไว้ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องขโมย

แต่ความจริงแล้ว คนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต เมื่อมีคนต้องการแล้ว การลงกลอนก็ไม่มีความสลักสำคัญอะไร

หลิวชิงซานและเฉียนเหล่าซานขโมยกระสอบมันเทศออกไปจำนวนมาก

ในเวลาชั่วข้ามคืน กระสอบมันเทศถูกโยกย้ายออกไปโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น และถูกรวบรวมไว้ในบ้านร้างแถบชานเมือง

มันเทศถูกขโมย แต่จะขายมันได้อย่างไร

หลิวชิงซานและเฉียนเหล่าซานให้ความสำคัญกับการขโมย ยิ่งพวกเขาขโมยได้มากเท่าไรก็ยิ่งดี

แต่เมื่อมองดูมันเทศเกือบหนึ่งร้อยกระสอบที่มีน้ำหนักเกือบหลาบหมื่นชั่ง มันนับว่าเป็นความยากลำบากอีกอย่างหนึ่ง

มันเทศจำนวนมากมาย หากนำมาขายทั้งหมดทีเดียว มันน่าสงสัยเกินไป

นอกจากนี้ หากหลิวชิงซานและเฉียนเหล่าซาน ไม่ว่าผู้ใดเป็นผู้ลงมือก็จะทำให้กู้เสี่ยวหวานสงสัย

กู้เสี่ยวหวานพบว่ามันเทศในโกดังหายไป ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านางสงสัยหลิวชิงซานเป็นคนแรก

บางทีตอนนี้เขากำลังถูกกู้เสี่ยวหวานจับตามองอยู่

ตอนนี้ หากต้องการมีแผนที่สมบูรณ์ ต้องไม่ให้กู้เสี่ยวหวานพบว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับมันเทศ

อาโม่จ้องมองที่หลิวชิงซานตลอดเวลา เขาสามารถจับตาดูหลิวชิงซานได้ แต่เขาไม่สามารถจับตาดูเฉียนเหล่าซานได้

เฉียนเหล่าซานพบสหายที่ไว้ใจได้ และขอให้เขาแสร้งทำเป็นพ่อค้าเร่ตระเวนไปทั่ว นอกจากนี้เขายังบอกว่า เขามีมันเทศที่ต้องการขาย และขอให้สหายผู้นั้นช่วยเขา หลังจากทำงานเสร็จจะมีส่วนแบ่งให้

สหายคนนี้ของเขาคือหูปา

หลังจากได้ยินเรื่องนี้จากเฉียนเหล่าซาน หูปาก็รู้โดยธรรมชาติว่าที่มาของมันเทศนั้นไม่ถูกต้อง แต่ตราบใดที่เขามีเงิน คนเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นพ่อค้า เดินตรงไปที่ร้านซุ่นซิน และขายมันเทศให้กับร้านซุ่นซินในราคาสูง

กู้ฉวนลู่จะไม่ยอมรับอย่างแน่นอน แต่หลังจากที่หูปาแนะนำของสิ่งนี้ เขานึ่งมันเทศและมอบให้กู้ฉวนลู่เพื่อลองชิม

หลังจากกู้ฉวนลู่ได้ลิ้มลองรสชาติของมันแล้ว จากนั้นก็พาเจ้าของร้านไปหาหูปาทันที และซื้อมันเทศกลับมาหลายหมื่นชั่ง

“เหตุใดถึงไม่ไปร้านจิ่นฝู” เมื่อเห็นเฉียนเหล่าซานสั่งให้หูปาไปร้านซุ่นซินแทนร้านจิ่นฝู กู้เสี่ยวหวานก็สงสัย “เจ้าไม่รู้หรือว่าร้านจิ่นฝูเป็นร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลิวเจีย”

“เราขโมยของของเจ้า จะกล้าทำอย่างนั้นได้อย่างไร” เฉียนเหล่าซานคร่ำครวญ “นอกจากนี้ เราจึงไม่ขายให้พวกเจ้าแล้วไปคุยกับร้านซุ่นซิน ราคาที่เราต้องการก็สูงโดยธรรมชาติ ตราบเท่าที่เราพูดถึงราคา พวกเขาก็จะคิดว่ามันแพงเกินไป เช่นนั้นเราก็จะบอกว่าเราจะขายมันให้ร้านจิ่นฝู กิจการของร้านจิ่นฝูนั้นดีกว่าร้านซุ่นซิน ไม่รู้ว่าเจ้าของร้านซุ่นซินโง่เขลาหรือไม่ แต่เขารู้ว่าพวกเขาจะขาดทุนหากเราขายสิ่งนี้ให้ร้านจิ่นฝู”

เฉียนเหล่าซานพูดด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย เขาคิดว่าเรื่องนี้สามารถซ่อนไว้ได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น และเมื่อร้านซุ่นซินกินมันเทศหมดแล้วก็จะไม่รู้ว่าใครเป็นคนขายมันเทศ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด